เล่าประสบการณ์ท่องเที่ยวในต่างประเทศ
Unlucky in Prague


Smiley บอกลา Krumlov Smiley


วันที่เจ็ดของการเดินทาง หลังจากแพ็คกระเป๋าและเสร็จสิ้นอาหารเช้าแล้ว ก็ออกไปเดินเก็บตกรอบเมืองครุมลอฟ ตั้งใจจะเข้าไปในโบสถ์ แต่ปรากฏว่ากำลังมีพิธีกรรมทางศาสนาอยู่เนื่องจากเป็นวันอาทิตย์ จึงไม่คิดจะรบกวนคนที่อยู่ในโบสถ์ ได้แต่มองดูอยู่ด้านนอก สังเกตดูความสวยงามภายใน ซึ่งประดับประดาด้วยภาพวาดที่สวยงามมากมาย


แวะไปส่งโปสการ์ดกลับเมืองไทย สิบโมงครึ่งก็เช็คเอ๊าท์ออกจากโรงแรม ใช้บริการรถแท๊กซี่ของโรงแรม ราคาตามที่ตกลงกันไว้คือ 100CZK เส้นทางจากโรงแรมไปสถานีรถบัสเท่าที่สำรวจเมื่อวานนี้ น่าจะใช้เวลาเดินประมาณ 15 นาที เป็นเส้นทางสั้นๆ แต่พอนั่งรถมารู้สึกว่าอ้อมมากเลย ดีว่าได้สอบถามราคาและตกลงไว้ก่อนตั้งแต่เมื่อวานนี้ มิฉะนั้นอาจจะเข้าใจผิดคิดไปได้ว่า คนขับตั้งใจขับรถอ้อมเพื่อโก่งค่ารถให้สูงขึ้น มีข้อมูลในอินเตอร์เน็ตพูดกันว่าแท็กซี่ขับรถอ้อมแล้วเรียกค่ารถแพง ซึ่งฉันคิดว่าน่าจะเป็นการเข้าใจที่คลาดเคลื่อนกับสภาพความเป็นจริง เนื่องจากรถไม่สามารถวิ่งตัดถนนได้อย่างที่ฉันเดินเอง



เมื่อแท็กซี่พามาส่งที่สถานีรถบัส คนขับก็ช่วยยกกระเป๋าให้ ....สำหรับคนที่ไม่เคยใช้บริการหรือเพิ่งมาครั้งแรก ฉันคิดว่าน่าจะงงอยู่เหมือนกัน เพราะรถบัสจอดเต็มไปหมด แต่เมื่อเดินวนไปดูจะสังเกตเห็นรถบัสสีเหลืองสดของ Student Express Agency ได้อย่างเด่นชัดและมีอยู่คันเดียว ทั้งยังดูใหม่กว่าคันอื่น เรื่องนี้ต้องถือเป็นความโชคดีที่ฉันได้รับคำแนะนำจากนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันใน www.tripadvisor.com ที่มาฝากข้อความเกี่ยวกับเรื่องเส้นทางเดินรถบัสสายนี้ รวมถึงข้อมูลอื่นที่ฉันไปตั้งคำถามไว้อย่างมากมาย ล้วนแต่เป็นประโยชน์ในการวางแผนเดินทางในทุกเรื่อง หากใครคิดจะเดินทางไกลเองแบบนี้ เข้าไปหาข้อมูลและตั้งคำถามจากที่นี่ได้เลยนะคะ


สำหรับการจองตั๋วรถบัสนี้ค่อนข้างจะขลุกขลักอยู่บ้าง เพราะเว็บไซต์ของ Student Express Agency ในส่วนที่ใช้จองตั๋วนั้น เป็นภาษาเชสกี้หรือภาษาเช็ก จึงต้องใช้เมล์ถามตอบกับทางเจ้าหน้าที่อยู่หลายฉบับ และดีที่ไปเจอเว็บ Multilingual Dictionary ซึ่งใช้ช่วยแปลศัพท์เชสกี้เป็นอังกฤษ ทำให้ฉันซื้อตั๋วออนไลน์ได้สำเร็จ จึงนำข้อมูลนี้ไปเผยแพร่ต่อตามเว็บบอร์ดที่มีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการเดินทางระหว่างสองเมืองนี้ เนื่องจากก่อนหน้านั้นรถบัสที่วิ่งระหว่างเส้นทางนี้ เป็นรถที่มีสภาพเก่าและคนใช้บริการกันแน่น บางเที่ยวอาจจะต้องยืนเบียดเสียดกันไปตลอดทางด้วย




กลับมาเล่าต่อค่ะ... หลังจากที่เดินลากกระเป๋าไปมาอยู่รอบหนึ่ง ก็เห็นว่าซ้ายมือของท่ารถมีป้ายรถปักอยู่สิบกว่าป้าย ป้ายที่ 3-4 มีคำว่า Praha หรือ Prague อยู่ ที่ป้ายนี้เองมีผู้หญิงฝรั่งคนหนึ่งยืนคอยอยู่พร้อมกระเป๋า ฉันเลยลองลากกระเป๋าไปใกล้ๆ แล้วเข้าไปอ่านเวลาในตารางรถที่ติดป้ายไว้ ดูยากจริงๆ งงและงง ...แหม่มคนเมื่อกี้ก็ใจดี เธอใช้นิ้วมาชี้ๆ ที่ตารางรถให้ฉันดู แต่พูดอะไรก็ไม่รู้ น่าจะเป็นภาษาเชสกี้ ฉันก็เลยถามว่านี่เป็นป้ายรถของ Student Agency ใช่มั้ย แหม่มรีบพยักหน้าหงึกๆ และพูดซ้ำว่า Student Agency ฉันกล่าวขอบคุณแล้ววางกระเป๋ายืนรอต่อจากเธอ


ก่อนหน้านี้ฉันมักจะได้ยินว่าคนเช็กไม่ค่อยเป็นมิตรสักเท่าไหร่ สู้คนออสเตรียไม่ได้ แต่จากที่ฉันสัมผัสมาจะเห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างที่ร่ำลือนัก หากจะเข้าใจพื้นฐานหรือภูมิหลังของประเทศนี้ว่าเขาต้องผ่านทั้งสงครามเย็นและอื่นๆ มามากมาย ผู้คนอาจจะไม่ยิ้มแย้มโดยธรรมชาติ หรืออาจจะไม่ชอบใจนักที่ผู้คนจากทั่วโลกเริ่มเข้าไปข้องเกี่ยวกับชีวิตของเขา แต่ถ้าหากได้พูดคุยหรือได้สัมผัสกับพวกเขาแล้ว จะรู้ว่าคนเช็กก็มีความเป็นมิตรและมีน้ำใจอยู่มากทีเดียว สำหรับประเทศออสเตรียนั้น น่าจะเป็นเพราะมีการวางระบบเรื่องท่องเที่ยวได้ดี นักท่องเที่ยวจึงรู้สึกว่าผู้คนเป็นมิตรกว่าที่เช็ก ...อย่างไรก็ตาม นี่เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวจากที่ได้สัมผัสมาในช่วงทริปสองสัปดาห์เท่านั้นค่ะ



ฉันจองรถบัสเที่ยว 11.00 น. ไว้ พอ 10.45 น. รถบัสสีเหลืองคันที่เห็นตอนแรกก็เคลื่อนมาจอดที่ป้าย สักพักประตูก็เปิด พร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งเป็นโฮสเตสประจำรถ ลงมาพูดภาษาเชสกี้ แหะ แหะ... ฟังไม่รู้เรื่องเลยค่ะ ฉันจึงถือโอกาสเอากระเป๋าไปเก็บในที่วางสัมภาระก่อนแล้วรีบเดินไปหาเธอ ยื่นใบจองที่พิมพ์ออกมาจากอีเมล์ซึ่งเป็น e-ticket พร้อมบอกหมายเลขที่นั่ง เธอก็เช็คหมายเลขและโค้ดที่เกิดจากการทำรายการในเน็ตว่าถูกต้องตรงกัน เลยได้ขึ้นรถเป็นคนแรก


เพื่อนร่วมทางที่นั่งข้างฉัน เป็นสาวน้อยวัยน่าจะไม่เกิน 12 เดินทางเข้าเมืองคนเดียว มีครอบครัวมาส่งที่ท่ารถแล้วโบกมือลากันตอนรถเคลื่อนออก ฉันสังเกตเห็นว่าเธอมักจะมองสบตามาบ่อยๆ ฉันก็เลยยิ้มให้แล้วถามเธอว่า พูดภาษาอังกฤษได้มั้ย หนูน้อยยิ้มแก้มปริจนเห็นว่าเธอใส่ที่ดัดฟันสารพัดสี (ฮิตเหมือนวัยรุ่นบ้านฉันเลยค่ะ) เธอตอบพร้อมใช้มือทำท่าประกอบว่าได้นิดหน่อย เลยชวนเธอคุยสักพัก พร้อมกับถามเธอด้วยว่าสถานีที่รถไปจอดน่ะอยู่แถวไหนของปราก เธอพยายามมองหาในแผนที่ที่ฉันส่งให้ดูแล้วก็บอกว่าไม่รู้เหมือนกัน ฉันจึงบอกว่าที่ Info Centrum บอกไว้ว่าแถวๆ Andel เธอเลยชี้แผนที่ให้ดูว่าอยู่ตรงสถานีรถใต้ดิน Andel


รถแวะจอดรับ-ส่งคนที่สถานีรถไฟ Cesky Budejovice แห่งแรก ฉันหันไปเห็นพ่อหนุ่มน้อยอเมริกันช่างคุยที่เจอกันใน Shuttle Lobo ตอนขามา กำลังจะลงจากรถพอดี เข้าใจว่าน่าจะเดินทางเข้าปรากต่อโดยรถไฟ หลังจากนั้น รถก็แวะจอดอีกครั้งเพื่อรับ-ส่งผู้โดยสารที่สถานีรถบัส Cesky Budejovice แล้วก็ไม่ได้แวะจอดที่ไหนอีกเลย ประมาณเที่ยงสี่สิบห้า โฮสเตสสาวก็เดินถามผู้โดยสารแต่ละคนว่าจะรับเครื่องดื่มอะไร ...จะว่าไปแล้วค่าโดยสารของ Student Agency ราคา 140CZK นี่ถือว่าไม่แพงนะคะเมื่อเทียบกับบริการ ระยะทางจากครุมลอฟไปปรากประมาณ 180 กม. แถมในรถมีภาพยนตร์ให้ชมจากจอทีวีหลายๆ ตัว มีเพลงให้เลือกฟังกว่าสิบสถานี มีเครื่องดื่มบริการ ...2 ชั่วโมง 45 นาที ก็ถือว่านั่งเพลินล่ะค่ะ


อ้อ!! ช็อกโกแลตที่ซื้อเมื่อวานนี้เป็นประโยชน์มากเลย ใช้รองท้องสำหรับมื้อกลางวันได้ดีทีเดียว ...ตอนที่หยิบช็อกโกแลตออกมาดื่มคู่กับกาแฟร้อน ฉันก็ยื่นแบ่งไปให้หนูน้อยที่นั่งข้าง แต่เธอสั่นหน้าอย่างเดียว เข้าใจว่าเธอคงไม่รับของจากคนแปลกหน้า แต่ลองยื่นให้เธออีกครั้งหนึ่งเมื่อฉันหยิบชิ้นที่สอง คราวนี้เธอพูดด้วยน้ำเสียงอ่อยๆ ว่า เธอไม่ชอบช็อกโกแลตค่ะ



Smiley Unlucky In Prague Smiley


เมื่อรถมาถึงจุดหมายปลายทาง หนูน้อยเอ่ยคำลาว่า Good Bye ก่อนลงจากรถ ส่วนฉันยังรอกระเป๋าใบใหญ่ซึ่งอยู่ด้านในสุด จนได้กระเป๋าก็ยืนมองบริเวณโดยรอบอย่างงงนิดหน่อย เพราะไม่ได้หาข้อมูลเกี่ยวกับบริเวณนี้ไว้ก่อนแต่อย่างใด


ทว่าไม่ยุ่งยากอะไรนักหรอกค่ะ เหลือบเห็นป้าย Metro ก็รู้แล้วว่าเป็นสถานีรถไฟใต้ดิน Andel จึงหาทางลงไปด้านล่าง ด่านแรกไม่มีบันไดเลื่อนสำหรับลง มีแต่บันไดเลื่อนขาขึ้น เลยต้องใช้พละกำลังสองแขนแบกกระเป๋าขึ้นบันไดราว 20 ขั้น หอบแฮ่กเลยค่ะ พอเห็นทางเข้าก็มีปัญหาอีกว่าจะเลือกซื้อตั๋วแบบไหน เนื่องจากมีตั๋วสองชนิด ฉันตัดสินใจซื้อตั๋วแบบ Transfer Ticket ราคา 26CZK ที่ใช้ได้ไม่จำกัดชนิด (รวมรถรางและรถเมล์ด้วย) ในเวลา 75 นาที หรือ 90 นาทีในวันหยุด ถ้าเป็นตั๋วแบบ Single Ticket ราคา 18CZK ใช้ได้ภายใน 20 นาทีและไม่เกิน 5 สถานี


....เมื่อตัดสินใจเลือกได้แล้วก็ล้วงกระเป๋าเพื่อหยิบเหรียญ ดันเกิดปัญหาอีกเพราะฉันมีเหรียญไม่พอซื้อตั๋วจากเครื่องขายอัตโนมัติ แล้วก็ไม่เจอเจ้าหน้าที่ขายตั๋วด้วย จึงเดินเข้าไปแลกเหรียญที่ร้านขายขนม หญิงเจ้าของร้านบอกว่าไม่มีให้แลก พร้อมทั้งชี้ไปที่ด้านใน ฉันก็พาซื่อเดินไปหาที่แลกเหรียญ แต่ก็ไม่พบนะ พอดีเดินผ่านร้านหนังสือที่มีตู้ขายน้ำดื่ม จึงเข้าไปซื้อน้ำดื่มขวดนึงราคา 15CZK ได้เงินทอนเป็นเศษเหรียญมาสมทบกับที่มีอยู่


ตั๋วที่ซื้อจากเครื่องนี้เป็นแผ่นกระดาษบางๆ ที่จะต้องทำการ Validate หรือตอกเวลาที่เริ่มใช้ก่อนเข้าตัวสถานี ถ้าลืมตอกเวลาหรือไม่ซื้อตั๋วแล้วเจ้าหน้าที่มาตรวจเจอ อาจถูกปรับสูงถึง 900CZK เลยนะ



ตั๋วใบแรกนี่ฉันยังเสียบเข้าเครื่องไม่ถูกด้าน จะเห็นว่าฉันไปตอกเวลาไว้ฝั่งซ้ายมือ ที่ถูกควรจะต้องตอกไว้ฝั่งขวามือเพื่อให้เห็นชื่อสถานี และวันเวลาที่เริ่มใช้อย่างเด่นชัด



ทางขึ้นลง Metro ของปรากที่นำไปสู่ชานชาลานั้น เป็นบันไดเลื่อนนี่น่าหวาดเสียวมาก ดูจากภาพจะเห็นว่ามีความสูงชันมาก นี่ถ้าหากใครเผลอสะดุดขาตัวเองเข้า คงได้ล้มหัวทิ่ม กลิ้งตกลงไป และอาจจะจบชีวิตได้ง่ายๆ เลยทีเดียวค่ะ ...อ้อ! อย่าลืมยืนชิดขวาของบันไดเลื่อนด้วยนะ ด้านซ้ายเว้นไว้สำหรับคนที่เร่งรีบเดินหรือวิ่งขึ้นลง ฉันคิดว่าเรื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นหลักสากลในการใช้บันไดเลื่อนหรือบันไดขึ้นลงไม่ว่าจะเป็นประเทศไหนๆ ก็จะยืนชิดฝั่งตามการขับขี่รถยนต์ แต่สำหรับเมืองไทยนั้นฉันไม่แน่ใจสักเท่าไหร่ เพราะมักจะเห็นผู้คนยืนบนบันไดเลื่อนซ้ายขวาทั้งสองฝั่งอยู่เสมอ ใครรีบก็ต้องสะกิดคนข้างหน้าขอทางเพื่อผ่านไปก่อน


ฉันใช้บริการรถใต้ดินสายสีเหลืองจากสถานี Andel นั่งไป 5 สถานี ก็เปลี่ยนเป็นสายสีแดงที่สถานี Florenc แล้วก็นั่งไปอีก 3 สถานี ลงที่สถานี I.P.Pavlova พอขึ้นจากสถานีมาก็เห็นป้ายชื่อโรงแรม Hotel Tivoli ที่จองผ่าน booking.com ไว้ ป้ายนั้นบอกว่าเดินจากสถานีไปเพียง ๗๐ เมตรเท่านั้น งานนี้เลยลากกระเป๋าสบาย ใช้เวลาประมาณ ๕ นาทีเท่านั้นเองค่ะ


เมื่อมาถึงโรงแรม เจอพนักงานต้อนรับที่เคาน์เตอร์หน้าตาคล้ายคนเอเชีย ท่าทางใจดี ให้ฉันกรอกรายละเอียดพร้อมกับถามว่า ตอนเช็คเอ๊าท์จะสะดวกจ่ายเป็นเงินสดหรือบัตรเครดิต ฉันก็บอกว่ายังไม่ได้ตัดสินใจ จากนั้นเขาก็แจกแผนที่ของปรากฉบับกะทัดรัดพร้อมไกด์บุ๊คอีกหนึ่งเล่ม ดีจังเลยนะ รู้อย่างนี้ไม่ต้องซื้อแผนที่ปรากมาจากครุมลอฟก็ได้



แผนที่แจกฟรี


หลังจากรับกุญแจก็ขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 3 ก็นำเสื้อผ้าสิ่งของออกจากกระเป๋า เพราะจะพักที่ปรากนี่ 3 คืนก่อนย้อนกลับไปเที่ยวเวียนนา ช่วงที่เตรียมของใส่กระเป๋าเป้ใบเล็กเพื่อจะออกไปเที่ยวนั้นก็เกิดอาการตกใจเข้าอย่างจัง


...กระเป๋าใส่บัตรเครดิตหาย... ตายล่ะสิ!!! หายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้


จำได้ว่าตอนเช้า หยิบออกจากกระเป๋าเป้ใบเล็กเหน็บใส่กระเป๋ากางเกงด้านหลัง เพื่อเตรียมย้ายไปใส่ในกระเป๋าเป้ใบใหญ่เวลาเดินทาง ซึ่งฉันทำอย่างนี้ทุกครั้งที่ต้องเปลี่ยนเมือง แต่ครั้งนี้กลับลืมหยิบไปใส่กระเป๋าเป้ใบใหญ่ ...พอมานึกย้อนเหตุการณ์ ก็คิดว่าน่าจะถูกล้วงกระเป๋าตอนโดยสารรถไฟใต้ดิน เพราะใน Metro คนค่อนข้างจะเยอะมาก แถมยังยืนอยู่ตลอดเวลาไม่ได้นั่งเลย การถือกระเป๋าเดินทางใบใหญ่กับเป้สะพายหลังบ่งบอกเป็นนักท่องเที่ยวเต็มตัว จึงมีโอกาสตกเป็นเป้าสายตาของนักล้วงกระเป๋าได้อย่างดี แถมสองมือก็ไม่ว่างอีก มือหนึ่งจับคันชักกระเป๋า อีกมือหนึ่งจับราวประตูรถใต้ดิน สะดวกโยธินจริงๆ


งานนี้จึงตำหนิตัวเองอย่างแรงเลย ไม่โทษคนที่ล้วงกระเป๋าไปหรอก เพราะฉันไปเปิดโอกาสให้เขาเอง ก่อนเดินทางมาก็ทำการบ้านเรื่องนี้แล้ว ข้อมูลในอินเตอร์เน็ตทั้งของไทยและเทศ โดยเฉพาะในเว็บของเช็กเองก็บอกแล้วว่าให้ระมัดระวังพวก Pickpockets ให้ดี เพียงแต่อย่าถึงกับ paranoid หรือหวาดระแวงกลัวจนเที่ยวไม่สนุก ฉันเองก็คิดว่าระวังแต่ไม่ระแวงมาตลอดการเที่ยว 3 เมืองที่ผ่านมา แยกกระเป๋าบัตรเครดิตไว้ต่างหาก แต่มีกระเป๋าใส่เงินสดและพาสปอร์ตกคล้องคอไว้ตลอดเวลาที่ออกเที่ยว แหม!!....ไม่น่าเผอเรอมาพลาดเช่นนี้เลยนะคะ



กระเป๋าคล้องคอใส่พาสปอร์ตและเงินสด


สิ่งแรกที่ทำก็คือรีบลงไปหาพนักงานต้อนรับคนที่อยู่เคาน์เตอร์ด้านล่างเมื่อครู่ ถามเขาว่าควรจะทำอย่างไรดี ....อ้าว!!! นั่นปะไรล่ะ เห็นแล้วว่าสติไม่อยู่กับตัวแล้วจริงๆ


พนักงานผู้แสนใจดีคนนี้ก็เป็นธุระด้วยการรีบหาเบอร์โทรศัพท์ของสถานทูตเช็กและต่อสายโทรศัพท์ให้ทันที ฉันเองไม่คิดว่าจะมีคนรับสายนะคะเพราะวันนั้นตรงกับวันอาทิตย์ซึ่งเป็นวันหยุดราชการ ก็จริงอย่างคาดค่ะ เพราะเบอร์ที่โทร.ไปนั้น เป็นเสียงตอบรับจากเครื่องอัตโนมัติ แต่ยังโชคดีที่มีประโยคตัวช่วยบอกทิ้งท้ายไว้ว่า หากมีเรื่องฉุกเฉินให้โทร.ไปที่เบอร์...... ปรากฏว่าปลายทางเป็นเสียงชายหนุ่มรับสาย น้องเขาสอบถามรายละเอียด ฉันก็บอกไปว่าพาสปอร์ตและเงินสดยังอยู่ติดตัว ที่หายเป็นเพียงบัตรเครดิต 2 ใบ เขาก็เลยบอกให้ทำใจละกันเพราะโอกาสได้คืนคงยากหน่อย... ขณะเดียวกัน ฉันก็ถือโอกาสถามหาพี่แต๋วซึ่งฉันได้เบอร์มาจากผู้ใหญ่ท่านหนึ่งด้วย เนื่องจากก่อนมาฉันจดเบอร์ผิดจึงไม่ได้คุยกัน ทางนั้นก็ถามเบอร์ที่ฉันจดไว้และบอกให้ทราบว่าที่ถูกแล้วเป็นเบอร์อะไร



เรื่องสำคัญที่ไม่ควรลืมสำหรับนักท่องเที่ยวเลยก็คือ ควรต้องจดหมายเลขบัตรเครดิตและเบอร์โทรศัพท์ธนาคารเจ้าของบัตรที่สามารถติดต่อได้ไปด้วย เพราะไม่รู้ว่าจะเกิดเหตุฉุกเฉินเช่นนี้ขึ้นเมื่อไหร่ ...ที่จริงแล้ว นี่เป็นเรื่องที่อยู่ในรายการที่ฉันต้องทำก่อนเดินทาง แต่อย่างที่บอกว่าฉันมัววุ่นอยู่กับเรื่องงาน จนรู้สึกเหมือนไม่ค่อยพร้อมนักเพราะเตรียมตัวไม่ครบทุกเรื่องนั่นเอง จึงทำให้ต้องโทรศัพท์กลับมาที่บ้านเพื่อหาเบอร์โทรติดต่อธนาคาร ระหว่างนั้นฉันก็โทรศัพท์ไปหาพี่แต๋วเพราะเข้าใจว่าจะต้องไปแจ้งความเรื่องบัตรหาย พี่แต๋วบอกว่าแจ้งไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะคงไม่ได้คืน ฉันเองก็เห็นด้วยค่ะว่าคงไม่ได้คืนแน่ แต่ก็ยังรู้สึกเสียดายกระเป๋าที่ใส่บัตรมากกว่า เพราะเป็นตราโลโก้ของหน่วยงานฉัน แหม!! ถูกฉกได้เสียยี่ห้อหมดเลย


จากการที่ฉันโทรไปหาพี่แต๋ว จึงทำให้ถูกกำชับว่าอย่าเพิ่งออกไปเที่ยวคนเดียว วันรุ่งขึ้นจะมาหาที่โรงแรม ...นี่เลยกลายเป็นว่าฉันต้องไปรบกวนผู้อื่นเข้าจนได้



อ้อ! ...ผลพวงจากการโทรศัพท์อายัดบัตรเครดิตสองใบ ใบแรกเป็นของธนาคารแห่งหนึ่ง ต้องขอชมเชยที่วางระบบไว้ค่อนข้างดี แม้ฉันจะเพิ่งใช้บริการได้ไม่นาน แต่พนักงานอายัดบัตรให้ได้รวดเร็ว เพียงแค่บอกหมายเลขบัตรประชาชน 13 หลักที่ฉันท่องได้จนขึ้นใจ และใช้เวลาในการอายัดเพียง 3 นาทีเศษเท่านั้น


ส่วนบัตรเครดิตอีกใบเป็นของอีกธนาคารหนึ่งซึ่งฉันถือบัตรมานานกว่าสิบปี แต่ใช้เวลาในการอายัดบัตรด้วยการโทรติดต่อถึง 3 ครั้ง ครั้งแรกพนักงานรับสายจนเต็มจนไม่ว่างที่จะรับสายด่วน ครั้งที่สองสายหลุด ครั้งที่สามเจอพนักงานหญิงสาว ซึ่งฉันขอบอกว่าขาดความรู้ทั่วไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงตัวตนของเจ้าของบัตรที่จะต้องให้ฉันสะกดทีละตัวอักษร ถามหลายอย่างจนฉันต้องบอกย้ำว่าโทรทางไกลจากต่างประเทศนะคะ เธอก็ยืนยันว่าทราบแล้วค่ะแล้วก็เงียบหายอีก จนสุดท้ายเธอต้องให้ฉันบอกชื่อประเทศเต็มๆ และสะกดตัวอักษรแต่ละตัวของประเทศเช็ก แต่เธอไม่บอกหรอกนะคะว่าหาชื่อประเทศเช็กไม่เจอเพราะตัวเองสะกดไม่ถูก


...ด้วยเหตุผลที่พนักงานขาดไหวพริบในเรื่องที่เร่งด่วนเช่นนี้ ฉันเลยตัดสินใจไม่ต่อบัตรใหม่ใดๆ จากธนาคารแห่งนี้ เพราะทำให้ฉันต้องจ่ายค่าโทรศัพท์อายัดบัตรกว่าสิบนาที เป็นเงินเกือบสามพันบาทเชียว



เสียดายค่าโทรศัพท์นะ เพราะเงินจำนวนนี้สามารถจ่ายเป็นค่าที่พักได้ถึงสามคืนเลยทีเดียว ทางที่ดีที่สุดคือ เวลาไปเที่ยวต่างแดนแบบนี้ อย่าได้พลั้งเผลอสักวินาที ...ถึงแม้ว่าจะเป็นประเทศที่ขึ้นชื่อในเรื่องมิจฉาชีพ ถ้าฉันไม่เปิดโอกาสให้ ก็ไม่มีใครมาฉกฉวยของของฉันได้หรอก


หลังจากเสร็จธุระเรื่องการอายัดบัตรแล้ว ที่จะให้ฉันนั่งจับเจ่าเศร้าสร้อยอยู่แต่ในโรงแรมเพราะบัตรเครดิตหายคงเป็นเรื่องที่น่าเศร้ากว่า เที่ยวมาได้ครึ่งทางแล้วนี่คะ เงินสดติดตัวอาจจะมีไม่มากพอที่จะเที่ยวต่อได้จนจบโปรแกรม บัตรเครดิตไม่มีก็อาจทำให้เกิดปัญหาในการใช้จ่าย แต่ยังโชคดีค่ะ เหลือบัตรเอทีเอ็ม PLUS อีกใบสำหรับใช้กดเงินสดได้ .....เมื่อเป็นเช่นนี้ เห็นทีจะต้องไม่ย่อท้อในการเที่ยวต่อล่ะ หลังจากนั่งพักคลายเครียดที่ห้องสักครู่ก็ออกไปเดินเที่ยว เดินแบบไม่มีจุดหมาย ตั้งใจจะเดินเล่นไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็พักประมาณนี้ เพื่อให้ผ่อนคลายและเบิกบานใจขึ้นเท่านั้นเองค่ะ



Dancing House



หรืออีกชื่อว่า Drunk House


จากโรงแรม Tivoli เดินไปจนเกือบถึงสะพานข้ามแม่น้ำวัลตาวา ก็เจอเข้ากับสถาปัตยกรรมแปลกๆ เป็นตึกรูปทรงประหลาด มีชื่อว่า Dancing House หรือ Drunk House ชื่อหลังนี่ทำให้มองเห็นภาพคนที่ดื่มแล้วเมาจนตัวเซเลยนะคะ เป็นสถาปัตยกรรมที่สร้างขึ้นโดยสถาปิกชาวแคนาดาร่วมกับสถาปนิกชาวเช็กซึ่งเกิดในโครเอเชีย สร้างบนพื้นที่ว่างของตึกซึ่งเคยถูกบอมบ์ในปี ค.ศ.1945 แต่มาสร้างในปี ค.ศ.1994 แล้วเสร็จในปี ค.ศ.1996 ว่ากันว่าตึกนี้เป็นการสร้างโดยผสมผสานศิลปะแบบ Neo-Baroque ผสม Neo-Gothic และผสานกับ Art Nouveau ตึกนี้เคยเป็นที่โต้เถียงกันมานานว่าเป็นความขัดแย้งทางวัฒนธรรม เนื่องจากขัดกับอาคารโบราณแบบดั้งเดิมที่อยู่ในละแวกนั้น คนเช็กบางคนถึงกับบอกว่าตึกนี้เป็นความน่าอับอายของประเทศเลยด้วยซ้ำไป


เมื่อข้ามถนนไปอีกฝั่งของ Dancing House จะเป็นสะพาน Jirasek Bridge มองเห็นแม่น้ำวัลตาวาไหลเลียบทางเดินฝั่ง Own Town และฝั่งปราสาท ตึกต่างๆ ค่อนข้างสวยงาม แต่จะเห็นสายไฟระโยงระยางระเกะระกะเต็มไปหมด ซึ่งใช้สำหรับเดินรถรางหรือแทรม (Tram) ที่เป็นบริการสาธารณะยอดนิยมในยุโรป






A part of New Town Hall



เบื้องหลัง Legions Bridge คือ Prague Castle


ยอมรับว่ายังแหยงๆ อยู่บ้าง เลยไม่อยากเดินไปจนถึงสะพานชาร์ลส์ซึ่งจะคลาคล่ำไปด้วยผู้คนในยามเย็น เพียงแค่ได้เห็นยอดปราสาทปรากอยู่ข้างหน้าโน่นก็อุ่นใจแล้วค่ะว่าจะได้เที่ยวในวันสองวันนี้ แล้วรู้สึกตัวว่าหิวมากๆ เนื่องจากกลางวันได้รองท้องแค่กาแฟร้อนกับช็อกโกแลตบนรถบัสเท่านั้น พอมาเกิดเหตุวุ่นๆ เลยทำให้ลืมหิวไปพักใหญ่ นี่เริ่มคลายความเครียด สารเคมีในร่างกายเริ่มทำหน้าที่สูบฉีดให้ท้องร้องโครกครากเป็นการใหญ่ ทำให้ต้องเปลี่ยนมามองหามื้อเย็นสำหรับวันอันเหน็ดเหนื่อย



แปลกนะคะ... ละแวกอาคารที่เดินผ่านมา มีร้านอาหารอยู่มากพอสมควร แต่พอผลักประตูเข้าไปกลับปิดซะเป็นส่วนใหญ่ เข้าใจว่าน่าจะเพราะเป็นวันอาทิตย์ นี่ถ้าเป็นบ้านฉันวันอาทิตย์ในแหล่งท่องเที่ยวอย่างนี้ ไม่ปิดกันหรอกค่ะ ลูกค้าเข้าออกตลอดเวลาอยู่แล้ว ....เดินวนไปวนมาอีกแล้ว ในที่สุดก็ผ่านร้านอาหารจีนซึ่งฉันหลีกเลี่ยงมาตลอดทั้งทริป คราวนี้เห็นทีจะต้องยอมเข้าล่ะค่ะ กระเพาะร้องจนแทบจะทนไม่ไหวแล้ว


....เข้าไปในร้านแล้วก็ไม่เจอลูกค้าสักคน ชักจะไม่แน่ใจว่าเปิดรึเปล่า จนต้องถามหญิงสาวที่กำลังทำความสะอาดครัวอยู่ เธอบอกว่าเปิด ฉันจึงสั่งเมนูจานด่วนเป็นบะหมี่ผัดไก่ พร้อมกับถามว่ามีเบียร์ Budweiser รึเปล่า เธอสั่นหน้าว่าไม่มี ฉันมารู้ทีหลังว่าเบียร์ยี่ห้อนี้ต้องเรียกเป็น Budvar ในประเทศเช็ก เนื่องจากเจ้าของต้นตำรับคือบริษัท Budejovicky Budvar แห่งเมือง Ceske Budejovice ประเทศเช็ก เป็นผู้ผลิตเบียร์ยี่ห้อ Budweiser Budvar และต่อมาอเมริกาก็นำไปทำตลาดในนามของ Budweiser ที่ฉันรู้จักกันดี



บะหมี่ผัดที่หน้าตาไม่ชวนชิม


ฉันถามหญิงสาวคนดังกล่าวว่าเป็นคนจีนรึเปล่า เธอบอกว่าเป็นคนเวียตนาม มิน่าล่ะ บะหมี่ผัดที่เสิร์ฟมานี่จึงดูหน้าตาไม่น่ากินเอาเสียเลย บะหมี่ผัดแบบแห้งๆ แทบไม่มีน้ำมันเลย คนจีนจะชอบใส่น้ำมันเยอะๆ (เขาถึงว่าอาหารจีนมักจะมันจนเลี่ยน) ผักก็น้อยมาก ไก่ที่ใส่มานั้นก็เค็มเหลือเกิน แต่ด้วยความหิวฉันก็โซ้ยจนเกลี้ยงจานเหมือนเดิมแหละค่ะ


เสร็จจากอาหารมื้อนี้ก็กลับที่พักเลยค่ะ จากที่วางแผนไว้แต่แรกว่าวันแรกที่มาถึงปรากจะเที่ยว Petrin Tower กับ Vysehrad เลยต้องพับไปก่อน รอพรุ่งนี้เจอพี่แต๋วแล้วค่อยว่ากันใหม่



พูดถึงห้องพัก ฉันชอบระบบไฟฟ้าในส่วนโถงทางเดินของโรงแรมนี้ ที่ใช้ระบบเซ็นเซอร์เป็นตัวจับสัญญาณ เวลาเดินผ่าน ไฟก็จะเปิดให้อัตโนมัติแล้วก็ดับไปเมื่อผ่านพ้น เป็นการประหยัดพลังงานที่ดีมากเลย ห้องน้ำและตัวห้องนอนค่อนข้างกว้างขวางมาก ตู้เสื้อผ้าใหญ่โต มีตู้เซฟนิรภัยให้ด้วย ที่ไม่ชอบก็เห็นจะเป็นกองผ้าเต็มอยู่เยื้องประตูห้องพัก ซึ่งกองอยู่ตั้งแต่เช็คอินเข้ามาแล้ว ไปเดินเล่น 2-3 ชั่วโมง กลับมาแล้วก็ยังอยู่ที่เดิม ...ค่อนข้างรกตาและไม่น่าดูเลยนะคะ แต่ปัญหานี้ก็หมดไปในวันรุ่งขึ้นค่ะ หลังจากที่วางทิปไว้บนหมอนก่อนออกไปเที่ยว



.....เรื่องทิปนี่ ฉันว่าจะพูดถึงหลายครั้งแล้ว เพิ่งจะมีโอกาสก็ครั้งนี้เอง ก่อนหน้านี้เคยไปญี่ปุ่น จีน เกาหลี และไต้หวัน ล้วนวนเวียนอยู่แต่ในเอเชีย แทบจะไม่ต้องนึกถึงหรือกังวลเรื่องทิปเลย เพราะบางประเทศมีคู่มือบอกด้วยซ้ำว่าไม่ต้องให้ทิป แต่ในยุโรปหรือประเทศพัฒนาแล้ว หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ เพราะทิปเป็นเรื่องสำคัญ ฉันจึงไม่อยากถูกมองเป็นคนบ้านป่าเมืองเถื่อน ถือโอกาสศึกษาก่อนไปว่าทั้งออสเตรียและเช็กจะต้องทิป 10% ในบริการต่างๆ เช่น บริกร คนทำความสะอาดห้อง แท๊กซี่ ไกด์ ฯลฯ แต่ก็ไม่ได้ถือเป็นกฎตายตัวว่าจะต้องให้ตรงตัวเลขเป๊ะๆ คำนวณแล้วอาจจะปัดเศษทิ้งไป เช่น ค่าอาหาร 14 ยูโร ก็จ่ายทิปไปเพียงหนึ่งยูโร ดังนั้น ทุกแห่งที่ฉันไปพัก ก่อนออกจากห้องไปเที่ยวในตอนเช้าก็จะวางเงินหนึ่งยูโรไว้ให้คนทำความสะอาดทุกวัน เว้นแต่ที่ครุมลอฟ ซึ่งฉันไม่มีเงินยูโรจึงทิปเป็นหนึ่งดอลล์แทน ซึ่งทำให้ได้รับบริการที่ดียิ่งจากแม่บ้านคนทำความสะอาดตั้งแต่เริ่มทริป ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันค่ะ เพราะอีกสองวันที่พักต่อมาไม่มีกองผ้าแบบนั้นให้เห็นอีกเลย


ตรงนี้นี่เองที่ทำให้ฉันคิดได้ว่า ในเมืองไทยเวลาไปพักที่ไหน เคยแต่ทิปให้พนักงานยกกระเป๋า ให้บริกรที่ช่วยเสิร์ฟอาหาร แม่บ้านคนทำความสะอาดหลังจากที่ฉันเช็คเอ๊าท์ไปแล้ว ไม่เคยทิปเลยสักครั้ง แม้ว่าจะไม่ทำห้องให้เลอะเทอะและเก็บที่นอนเองให้เรียบร้อยทุกครั้ง แต่ก็รู้สึกผิดขึ้นมาเหมือนกัน เพราะพอมาคิดดูแล้ว ฉันเชื่อว่าแม่บ้านหรือคนทำความสะอาดเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่ได้รับเงินเดือนอันน้อยนิด ตั้งใจไว้ว่า ครั้งต่อไปเวลาไปเที่ยวค้างแรมหรือสัมมนาที่ไหนในบ้านฉัน ก่อนเช็คเอ๊าท์ควรทิปเงินในจำนวนที่พอจะเป็นน้ำใจให้แก่แม่บ้านคนทำความสะอาดบ้าง ให้รู้สึกว่างานที่เขาทำไม่น่าเบื่อและมีแรงใจในการทำงานให้ดีอีกต่อไปด้วย .....นี่ถือเป็นข้อคิดหนึ่งในหลายๆ เรื่องที่ได้จากการเที่ยวครั้งนี้ค่ะ








Create Date : 03 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 19 กุมภาพันธ์ 2554 23:11:18 น. 3 comments
Counter : 1109 Pageviews.

 
อยากลองไปเที่ยวบ้างจัง ชอบตึกอะ


โดย: gutswallow วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:1:18:35 น.  

 
มาตามไปเที่ยวด้วยคนค่ะ

มีเพื่อนในห้องเรียนคนนึงเป็นสาวเช็กค่ะ เธอดูมีมิตรภาพกับทุกคนเลยค่ะ เพราะเธอก็คุยกับคนในห้องไปทั่ว คุยเก่งนั่นเอง


โดย: อารีรัตน์ วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:4:38:49 น.  

 
@gustwallow

ชอบตึกใหม่หรือตึกเก่าคะ?



@อารีรัตน์

เท่าที่ได้คุยกับหนุ่มสาวเช็กมาหลายคน ก็รู้สึกว่าน่ารักและมีไมตรีให้กับนักท่องเที่ยวดีเช่นกันค่ะ


โดย: แฮปปี้มีนา วันที่: 3 กุมภาพันธ์ 2554 เวลา:17:37:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

แฮปปี้มีนา
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]









ทำงานในองค์กรภาครัฐ ใช้เวลาพักร้อนในแต่ละปีออกไปเปิดรับและเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในโลกใบนี้ตามลำพัง ...การออกไปเผชิญโลกภายนอกที่กว้างใหญ่ไม่จำเป็นต้องเก่งภาษามากมายขอแค่มีใจที่พร้อมจะเปิดรับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นในระหว่างเดินทาง ทั้งสุข สนุก ตื่นเต้น การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่เกิดขึ้น จะทำให้เรามีโอกาสสัมผัสประสบการณ์ที่ไม่มีในหนังสือท่องเที่ยวเล่มไหนสอนไว้


New Comments
Group Blog
 
 
กุมภาพันธ์ 2554
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
3 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add แฮปปี้มีนา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.