อันความรักของแม่ที่มีให้กับลูกนั้น เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ สุดประมาณ จริงใจ และอบอุ่น ไม่มีความรักอันใดในโลกจะมาทดแทนได้ ความรักของแม่ไม่มีประมาณ และไม่มีวันที่สิ้นสุด ตราบจนสิ้นลมหายใจสุดท้ายของชีวิตของท่าน มามา หว่อเหินอ้ายหนี่ ตันซื่อเซื้ยงจ้าย หนี่ปุ๊จ้ายหว่อเตอะเซินเปียนเลอ
Group Blog
 
 
มีนาคม 2551
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
22 มีนาคม 2551
 
All Blogs
 
อเบอร์ดีน เมืองแห่งหินแกรนิต มหานครน้ำมันแห่งยุโรป

อเบอร์ดีน

เมืองแกรนิต และเมืองธาตุเงิน (The Granite City, Silver City)
เมืองแห่งดอกกุหลาบ (The City of Roses)
มหานครน้ำมันแห่งยุโรป (The Oil Capital of Europe)


ท่าเรืออเบอร์ดีน


ท่าเรือ Northern Isles ระหว่าง Market Street ตัดกับ Guild Street


ย่านศูยน์การค้าบน Union Street สี่แยกUnion Street ตัดกับ Union Terrace

เมืองอะเบอร์ดีนนั้นถูกสร้างขึ้นด้วยหินแกรนิตซึ่งทำให้ตัวเมืองดูเป็นสีเทาเงินระยิบระยับเมื่อถูกแสงแดด โดยมีถนนที่มีชื่อเสียงคือ Aberdeen’s Union Street และได้รับฉายาว่า Aberdeen’s ‘Granite Mile เป็นที่ตั้งของร้านค้า ร้านอาหาร และบาร์กว่า 800 ร้าน และโรงแรม
เช่น three shopping malls - the Bon Accord Centre, St Nicholas Centre, and the recently refurbished Trinity Centre – all packed with well-known high street names.

บรรยากาศในเมืองอะเบอร์ดีนนั้นมักจะถูกกล่าวขานว่ามีสีเทาทะมึนของหินแกรนิต แต่ทว่าจุดเด่นอย่างหนึ่งที่ทำให้เมืองนี้กลายเป็นอีกเมืองหนึ่งที่น่าอยู่คือ สวนสาธารณะที่สวยงามมีสีสันตัดกับตึกรามบ้านช่องอย่างลงตัว โดยเมืองอะเบอร์ดีนได้ชนะเลิศการประกวดสวนดอกไม้หลายครั้งติดต่อกันมาโดยตลอดเป็นระยะเวลานานมากกว่าสิบปี ยกตัวอย่างเช่นรางวัล Best City ใน งาน Royal Horticultural Society’s Britain in Bloom ของสหราชอาณาจักร รางวัลชนะเลิศในงาน Bloom Competition ของสก็อตแลนด์ และงาน International City in Bloom

ทางด้านอุตสาหกรรม นับตั้งแต่ได้มีการขุดพบแหล่งน้ำมันในทะเลเหนือ (North Sea) ในคริสตศตวรรษที่ 20 เมืองอะเบอร์ดีนได้กลายเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมปิโตรเลียมของยุโรป หรือที่เรียกกันว่า The Oil Capital of Europe ด้วยเหตุนี้ทำให้อุตสาหกรรมที่ทำรายได้หลักๆของเมืองในสามสิบปีมานี้ คือธุรกิจที่เกี่ยวกับน้ำมัน นอกจากธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันแล้ว ธุรกิจอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้เช่น ศุนย์อากาศยานเฮลิคอปเตอร์ของเมืองอะเบอร์ดีนนั้น เป็นศูนย์ที่มีเฮลิคอปเตอร์ขึ้นลงมากที่สุดในโลก

เมืองอะเบอร์ดีนมีมหาวิทยาลัยตั้งอยู่สองแห่งคือ

มหาวิทยาลัยอเบอร์ดีน (University of Aberdeen)
เป็นหนึ่งในมหาวิทยาลัยโบราณของสกอตแลนด์ ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ. 1495 เป็นมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่เป็นอันดับสามของสกอตแลนด์ และอันดับห้าของสหราชอาณาจักร ตั้งอยู่ในเมืองอเบอร์ดีน ทางด้านตะวันออกของสกอตแลนด์

มหาวิทยาลัยอเบอร์ดีนถูกตั้งขึ้นโดย William Elphinstone องค์พระสันตปาปาแห่งเมืองอเบอร์ดีน มหาวิทยาลัยแห่งนี้มีชื่อเสียงทางด้านงานวิจัยและการเรียนการสอนทางด้านการแพทย์ มนุษยศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และกฎหมาย โดยเฉพาะสาขาวิทยาศาสตร์ชีวภาพและวิทยาศาสตร์ทางการแพทย์นั้น ได้มีการพัฒนาอย่างรวดเร็วและต่อเนื่องในหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากมหาวิทยาลัยมีศูนย์ Medical Science ที่มีความทันสมัยที่สุดในประเทศ นอกจากนี้ มหาวิทยาลัยอเบอร์ดีนยังเป็นศูนย์กลางการศึกษาทางด้านเกษตรศาสตร์ของสก็อตแลนด์อีกด้วย มหาวิทยาลัยอเบอร์ดีนมีชื่อเสียงทางด้านกฎหมายเป็นอย่างมากและได้รับการจัดอันดับให้อยู่ใน Top 10 ของ UK โดยนอกจากจะมีหลักสูตรทางด้านกฎหมายสาขาต่างๆที่เหมือนกับมหาวิทยาลัยอื่นแล้ว ยังมีหลักสูตร Property, Intellectual Property และ Oil & Gas Law อีกด้วย

และมหาวิทยาลัยโรเบิร์ตกอร์ดอน ซึ่งมีชื่อเสียงทางด้านงานวิจัยการเกษตร ดิน และที่สำคัญที่สุดคือ อาหารและโภชนาการ โดยมีศูนย์วิจัยที่มีชื่อเสียงคือ สถาบันวิจัย Rowett Research Institute ซึ่งเป็นที่ที่ให้กำเนิดผลงานของนักวิทยาศาสตร์รางวัลโนเบลถึงหลายท่านด้วยกัน


ได้รับข้อมูลจาก
สถาบันส่งเสริมการศึกษาต่อสก็อตแลนด์


Aberdeen เป็นเมืองใหญ่เป็น อันดับ สาม ของ Scotland ตามประวัติเล่ากันว่า เป็นแผ่นดินที่เกิดจากการทับถม ระหว่างปากแม่น้ำ สองสาย คือ River Dee และ River Don โดยใช้เวลานานเป็นพัน ๆ ปี กว่าจะเป็นผืนแผ่นดินขึ้นมาได้

การตั้งถิ่นฐานครั้งแรกจะอยู่ทางทิศเหนือของตัวเมืองในปัจจุบัน ซึ่งจะตั้งอยู่บนฝั่งแม่น้ำ Don ทางใต้ และเรียกกันว่า Aberdon ปัจจุบันรู้จักกันในนาม ของ “ Old Aberdeen “ หรือ “ Aulton “ ( Old Town )

King David ที่ หนึ่ง เป็นผู้สร้าง New Aberdeen ขึ้นในปี 1136 บริเวณริมฝั่งด้านเหนือของแม่น้ำ Dee และเรียกว่า Aberdee ดังนั้นจึงคาดกันว่า คำว่า Aberdeen น่าจะมาจากคำสองคำรวมกัน คือ Aberdee + Aberdon

Aberdeen เป็นเมืองที่มีการเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะความสำคัญในการเป็นเมืองท่า ( port ) ขนาดใหญ่ เป็นศูนย์กลางการประมง อู่ต่อเรือ และการขนส่งทางทะเล และหลังจากการขุดพบน้ำมันดิบในทะเลเหนือ ( North Sea ) ก็ยิ่งทำให้ Aberdeen เติบโตมากขึ้นเป็นที่ตั้ง ของ บริษัทน้ำมันใหญ่

นอกจากนี้ Aberdeen ยังเป็นที่รู้จักกันในนาม “ Granite City “ เนื่องจากอาคารสิ่งก่อสร้างส่วนใหญ่จะสร้างมาจาก หิน Granite หรือ อีกนัยหนึ่งก็อาจจะรู้จักกันในนาม “ City of Roses “ เพราะมีกุหลาบสายพันธ์ต่าง ๆ มากกว่า 12,000 สายพันธ์ ครอบคลุมพื้นที่ทุกตารางนิ้วของ “ Dunthie Park’s Rose Hill

ถนนสายหลักของ Aberdeen มี 2 สาย คือ Union Street และ King Street สำหรับนักช้อปทั้งหลายคงพอใจที่จะเยื้องย่างอยู่บน Union Street เนื่องจากมีร้านค้ามากมายเรียงรายมากกว่า 800 ร้าน ส่วนผู้ชื่นชอบ ประวัติศาสตร์ และบรรยากาศเมืองเก่า ย่อมไฝ่ฝันที่จะไป เดินอยู่บน King Street เพื่อชื่นชมบ้านเมืองเก่าๆ ในย่าน Old Town
Aberdeen University มหาวิทยาลัยเก่าแก่ ก็อยู่บนถนนเส้นนี้เช่นเดียวกัน

ธงชาติ Scotland พื้นสีน้ำเงิน มีกากบาททแยงมุมสีขาว เล่ากันว่ากากบาทขาวนี้ได้มาจากรูปทรงของไม้กางเขนที่ใช้ตรึง Saint Andrew นักบุญผู้ยิ่งใหญ่ของ Scotland :ซึ่งถูกลงโทษประหารด้วยการตรึงกางเขน โดยพวกโรมัน แต่รูปร่างกางเขนจะแตกต่างกับกางเขนที่ใช้ตรึง พระเยซู
( Christ ) โดยกางเขนจะเป็นรูปกากบาท ( X –shape ) แทนกางเขนรูปร่างปกติ บางคนอาจจะรู้จัก Saint Andrew ในชื่อของสนามกอล์ฟ ที่มีชื่อเสียงมากของ Scotland หรือ อาจจะรู้จัก โบสถ์เซนต์แอนดรูว์ ( Saint Andrew Church )
ลมแรงพัดธงสะบัดพลิ้วตลอดเวลา เหมือนคอยกระตุ้นให้ระลึกถึง ความเป็นมา นี่เป็นสิ่งดีที่มองเห็นอีกอย่างของชาวสก๊อต แทบทุกบ้าน จะมีธงชาติปักไว้ ทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่แตกต่างกันไป แสดงความภาคภูมิใจในความเป็นชาติของตน ถึงแม้จะยังคงเป็น ส่วนหนึ่ง Great Britain แต่สก๊อตแลนด์ก็มี รัฐสภา ( parliament )เป็นของตัวเอง ไม่เหมือนบ้านเราปักธงเฉพาะวันสำคัญเท่านั้น
ที่นี่เล่นเป็นการพนันที่ถูกกฎหมาย

Glasgow เป็นเมืองที่มีสีสีนที่สุดของสก๊อตแลนด์ เป็นเมืองใหญ่ที่สุดของ สก๊อตแลนด์ และใหญ่เป็นอันดับสามของ สหราชอาณาจักร ( United kingdom of Great Britain and Northern Ireland ) เป็นศูนย์กลางทางค้า และ อุตสาหกรรมของประเทศ ในปี 1990 ชาวเมือง Glasgow ก็ได้เฉลิมฉลองเมือง กันในฐานะที่ได้รับการยกย่องเป็น
“ European City of Culture “ และในปี 1999 ก็ชนะรางวัล “ UK City of Architecture and Design “ คาดว่าบรรดาสถาปนิกทั้งหลายคงจะยินดีถ้าได้ไปเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมต่างๆ ในเมือง Glasgow เป็นแน่




Create Date : 22 มีนาคม 2551
Last Update : 31 กรกฎาคม 2551 20:01:00 น. 9 comments
Counter : 2268 Pageviews.

 
ดีจังเลยพี่ ปูเคยคิดจะทำเหมือนกันแต่ขี้เกรียจแปล

ปูชอบที่นี่มากเลยพี่ เมืองเล็กๆแต่มีทุกอย่างพร้อม ขาดแต่ร้านหลุยส์ื(ล้อนะคะ เห็นคนที่นี่รวยๆทั้งนั้น รถแพงๆ ใหม่ๆ วิ่งทั่ว)

ชอบกุหลาบค่ะ คิดว่าดีกว่า เดวิด อัสติน

Cocker's James Cocker&sons

www.roses.uk.com

เสียดายไม่มีที่ปลูกมาก

เดี๋ยวปูแวะมาคุยใหม่นะคะ



โดย: ปูเองค่ะ (ลูกแมง ) วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:21:07:50 น.  

 
ยายพยายามใส่โค๊ดแล้ว
แต่ไม่ปรากฎ
เหมือนเขาไม่อยากให้ใส่ลงไปก็ได้

ที่ยายทำได้เพราะไปบ้านคุณ =Lord Gary=
สอนทำเดี๋ยวนั้น ยายจะถามที่ยายสงสัย
พอเข้าใจ ยายก็ทำได้

โค๊ดตัวหนังสือตัวโต คุณ =Lord Gary=
ก็ใส่ไว้ให้


โดย: ยายเก๋า (ชมพร ) วันที่: 1 เมษายน 2551 เวลา:23:38:55 น.  

 


โดย: yosita_yoyo วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:13:33:43 น.  

 
ซะงั้น เรียกพี่แล้วกานค่ะ
ขอบคุงนะคะ ที่ให้คำแนะนำ


โดย: Zezix วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:17:50:50 น.  

 
ไว้กลับอังกฤษจะไปมั่งคะ


โดย: brabra วันที่: 2 เมษายน 2551 เวลา:19:24:39 น.  

 
การที่บล๊อคออกมาสวยได้ก็ด้วยความเอื้อเฟื้อและมีน้ำใจของท่านเหล่านี้ค่ะ
อักษรต้อนรับ.....คุณmonata

สีของตัวอักษร.....ป้ามด

นาฬิกากุ๊กกู้......คุณice coffee

รูปไอคอนเล็กๆ......คุณsunshire mummy

ภาพพิ้นหลังสวยๆ.......คุณไหม

ต้องขอขอบคุณมา ณ ที่นี้ด้วยนะค่ะ


โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:5:44:53 น.  

 
ขอบคุณโค๊ดขยายตัวหนังสือจากคุณ ดอกหญ้าเมืองเลยค่ะ


โดย: กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน วันที่: 6 พฤษภาคม 2551 เวลา:17:49:31 น.  

 
ปีหน้ามีโครงการจะไปเที่ยวเดียวจะถ่ายรูปมาให้ดูนะ


โดย: ป้าจุ๋ม IP: 118.175.86.102 วันที่: 15 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:13:48 น.  

 
ใครสนใจที่พักใกล้ ABERDEEN U.ติดต่อputthiphan@hotmail.com ก่อน 29july 20014 (ชื่อที่พัก The Old Fire Station; 256 King Street;AB24 5BU ABERDEEN.


โดย: neige IP: 180.183.27.238 วันที่: 21 กรกฎาคม 2557 เวลา:13:28:24 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน
Location :
ทับเที่ยง ตรัง Aberdeen United Kingdom

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




เติบโตมาในตระกูลคนจีนแต้จิ๋ว ที่บุพการีทั้ง 2 หอบเสื่อผืน หมอนใบ อาศัยกิน-นอนใต้ท้องเรือ รอนแรมจากจังหวัดทางภาคใต้ของจีนแผ่นดินใหญ่ ในตำบลเก็กเอี๊ยะ มณฑลกวางตุ้ง จังหวัดซัวเถา ทางฝ่ายอาปา ส่วนอาหมะมาจากตำบลโผว่เล้ง จังหวัดซัวเถา มณฑลกวางตุ้ง เช่นเดียวกัน
ท่านทั้ง 2 มากันคนละรอบมาเจอกันที่เมืองไทย มาขึ้นฝั่งทางภาคตะวันออกของประเทศไทย คิดว่าคงเป็นจังหวัดชลบุรี่ หรือไม่ก็คงเป็นจังหวัดฉะเชิงเทรา จังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง อันนี้ท่านเองก็เรียกชื่อจังหวัดไม่ถูกค่ะ

ญาติพี่น้องของบุพการี่ที่มาด้วยกัน ต่างคนต่างแยกย้ายกันไปอยู่คนละจังหวัด ส่วนอาปาและอาหมะของเรา ลงมาปักหลักอยู่ที่ตำบลทับเที่ยง จังหวัดตรัง ไม่เคยย้ายไปไหนอีกเลย ตราบจนท่านทั้ง 2 สิ้นชีวิต เราภูมิใจที่สุดที่เกิดมาเป็นลูกของอาปาและอามะ เพราะท่านมีชีวิตอยู่แบบพอเพียง ไม่เคยเป็นหนี้ใคร หากเป็นหนี้ในการซื้อของมาขายก็จะรีบเอาไปใช้คืนในวันถัดมา รักท่านที่สุดเลย บ้านเปิดเป็นร้านโชวห่วยเล็กๆ ที่ท่านทั้ง 2 สามารถเลี้ยงดูเราทั้ง 10 คนจนเติบใหญ่มาจนทุกวันนี้


Friends' blogs
[Add กวนฐานฮวา ณ อเบอร์ดีน's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.