ได้ไปซะที...ดูไบ ได้ไปซะทีดูไบ มาอยู่ ตอ.กลางครบสองปีพอดี ไม่เคยไปประเทศอื่นใน Gulf เลย เพิ่งจะได้ไปก็เที่ยวนี้เอง ...ดูไบ เหตุที่ได้ไปเพราะเราซื้อตั๋ว BKK-Dubai-BKK stop over Doha เพราะว่ามันถูกกว่าตั๋ว BKK-Doha-BKK หลายพันอยู่ อ้างไปงั้นแหละ เอาจริงๆคืออยากไปดูไบเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เพราะเห็นคนเค้าไปกันโครมๆ เราอยู่ใกล้ๆแค่นี้ยังไม่เคยได้ไป มันเลยคัน อยากไปมั่ง ทริปนี้มีผู้ร่วมชะตาเพิ่มสองคนคือ น้อง Poo Qatar กะคุณสามี สำหรับคนที่มี resident permit ของประเทศใน GCC และไม่ได้ถือพาสปอร์ตของชาติได้รับยกเว้นวีซ่า ก็ไปทำ visa on arrival ได้ที่สนามบินดูไบเลย ค่าธรรมเนียม บวกอะไรก็ไม่รู้ (อ่านไม่ออกเพราะขั้วตั๋วธรรมเนียมมันภาษาอาหรับ) แต่รวมทั้งหมดค่าวีซ่า AED 185 เที่ยวนี้มีแต่เราที่ต้องทำ เพราะของเฮียกะน้องจิณณ์เค้า พาสปอร์ตมาเลเซีย ไม่ต้องเสียค่าวีซ่า (ไม่ยุติธรรมเลยเนอะ....บ่นไปงั้นแหละชินแล้ว) เราไปแค่สองคืน ไปเช้าศุกร์ กลับบ่ายวันอาทิตย์ ช่วงที่ไปเป็นช่วงกลางเดือนเมษา ได้โรงแรมราคาพิเศษ ถือว่าถูกเลยแหละ Ascot คืนนึงตกสามพันห้าร้อยบาท รวมอาหารเช้าสำหรับสองคน ถ้าเป็นเมื่อก่อนช่วงเศรษฐกิจบูมๆ ราคานี้คงได้แต่โรงแรมห่วยๆ หรืออพาร์ตเมนต์ธรรมดา (เพราะตอนเฮียเคยไปเที่ยวสองครั้งก่อน จ่ายราคาเท่านี้แต่พักตามอพาร์ตเมนต์แบบธรรมดามากๆ) แต่ช่วงนี้นอกจากเศรษฐกิจไม่ดีแล้ว โรงแรมที่นู่นเยอะจริงๆดูในเวปนะ โรงแรมสีดาวราคาต่ำกว่าห้าพันบาทต่อคืนหาได้สบายมาก เป็นครั้งแรกที่พาน้องจิณณ์เที่ยว (ไม่นับตอนไปหาปู่กะย่าที่มาเลนะ) ก็ต้องเตรียมของเยอะนิดนึง ไปแค่สองคืน แต่ต้องขนกระเป๋าใบโตไปหนึ่งใบ สัมภาระน้องจิณณ์ทั้งน๊าน ของพ่อกะแม่ยัดอยู่ในกระเป๋าเล็กๆใบเดียวเอง โรงแรมที่ไปพักเค้ามี baby cot ให้ด้วย แต่สุดท้ายเจ้าจิณณ์มันไม่ยอมนอนในนั้น ต้องเอามานอนบนเตียงกะเรา ไม่ต้องเล่าเยอะเนอะสำหรับดูไบ เอารูปมาดูกันเลยแล้วกัน ดาวเด่นของที่นี่ก็ต้อง Burj Al Arab โรงแรมเจ็ดดาว ที่แบบว่าไหนๆก็ไปดูไบแล้ว ก็ขอเข้าไปเหยีบนิดนึง ค่าเหยีบก็คนละ AED295 (ประมาณสองพันเก้าร้อยบาท) เป็นค่า Afternoon Tea ที่ห้องอาหาร Junsui แต่เค้าไม่ได้ให้กินชาอย่างเดียวหรอก ตอนแรกเรากะว่าเค้าคงเสริฟ ชากะหนมเปี๊ยะ หรือพวกติมซำ จะได้เข้ากะสไตล์จีนๆ ที่ไหนได้เมนูมันไม่เห็นจะเข้ากะน้ำชาเลย เริ่มต้นด้วย ข้าวเกรียบกะซอสต่างๆ แล้วก็เป็นติมซำ ตามด้วย ไก่สะเต๊ะ แล้วก็โจ๊กเต้าหู้ยี้กินกะผักดอง ต่อจากนั้นก็หมั่นโถวทอดกะซอสสังขยาใบเตยต่อจากนั้นก็เป็นของหวาน มีกล้วยทอด กับ เค้ก ในใบจองเค้าเขียนว่าให้ถ่ายรูปได้เฉพาะในส่วนล๊อบบี้ แต่พอถามน้องพนักงานในร้านอาหารเค้าบอกว่าถ่ายได้ ....ก็ดูหน้าตาอาหารเลยแล้วกัน แต่ก็นะเราก็ไม่ได้คาดหวังกับอาหารเท่าไหร่แค่อยากเข้ามาเที่ยวในโรงแรมที่เค้าเรียกกันว่าโรงแรมเจ็ดดาว มากกว่า หลังจากกลับมาถึงกาตาร์ได้วันเดียวก็มีอีเมล์มาสอบถามความพึงพอใจ เราก็ตอบไปตามจริงนะ ว่าบริการนี่เยี่ยมมาก แต่เราคอมเม้นต์เรื่องอาหาร ว่าถ้าเสริฟสไตล์ติมซำน่าจะดีกว่า แล้วก็เมนูที่เรารับไม่ได้คือ โจ๊กเปล่ากับผักดอง คือมันเป็นอาหารที่หากินได้ตามบ้าน ไม่น่าเอามาเสริฟนะ แล้วมันก็ไม่เข้ากับน้ำชาบ่ายเลย เช้ารุ่งขึ้นมีเมล์ตอบกลับทันทีว่า ติมซำที่เราเสนอทางเชฟได้รับไปพิจารณาแล้ว ส่วนเรื่องโจ๊กเปล่านั้น เป็นเมนูที่ลูกค้าจาก Asia Pacific เรียกร้องกันมา ......เราเนี่ยะไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามีคน request กินข้าวต้มผักดองในโรงแรมเจ็ดดาว หลังจากถ่ายรูปกันจนจุใจแล้วก็กลับที่พัก แต่ก่อนกลับแว๊ปไปห้าง Ibn Battuta ไปซื้อน้ำซื้อหนมนิ๊ดนึง ห้างนี้มันใหญ่จริงๆ เราเข้าเฉพาะฝั่งที่ตกแต่งจำลองเอา Al Hambra ใน Granada ของสเปนมาไว้ในห้าง ทำได้สวยใช้ได้เลยแหละ น้ำพุที่ฐานเป็นเสือนี่ของจริงตอนเราไปสเปนนี่ยังไม่มีโอกาสได้เห็นเลยเพราะฐานน้ำพุเค้าเอาเก็บเข้าตู้กระจกแล้ว เสือก็เอาไปซ่อม แต่กลับได้ไปเห็นที่ดูไบซะนี่ ถึงจะเป็นตัวจำลองแต่ก็ทำได้สวยนะเออ หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อกันเรียบร้อย เราพร้อมชาวคณะก็ไปล่องเรือทานอาหารเย็น (ดึก?)ที่ Dubai Creek รายการนี้ผิดหวังจริงๆแบบว่าอาหารงั้นๆ วิวงั้นๆ แถมไลน์อาหารเปิดเลทมากๆ สามทุ่มแหน่ะกว่าจะได้กิน กินไปง่วงไป วันต่อมาไปเริ่มต้นที่ The Palm/ Atlantis Hotel พอขับเข้าโครงการ The Palm ถนนเส้นหลักก็อยู่ในแนวที่เราเห็นเป็นรูปต้นปาล์ม แต่ตัวโรงแรมมันอยู่บนเกาะที่ถมเป็นโค้งวงกลม เพราะฉะนั้นมันต้องมุดอุโมงค์ที่ลอดใต้ทะเลถึงจะไปโผล่บนเส้นโค้งครึ่งวงกลมได้ รูปจาก เวป dubai-palm-jumeirah ข้างในตกแต่งแบบเมืองใต้บาดาล เพดานเพ้นท์ด้วยสีสรรที่สดใสสุดๆ ทางที่จะมุ่งไป สวนน้ำก็จะตกแต่งด้วยโคมรูปโลมา ห้องน้ำเป็นโคมรูปม้าน้ำ มีอควาเรี่ยมขนาดใหญ่ ที่มีฉลามวาฬเป็นดาวเด่น แต่ตอนนี้คงยังเด็กอยู่ (เดาจากขนาด) ที่สำคัญอควาเรี่ยมอันนี้ฟรีจ้า มันจะมีอีกอันนึงใน Atlantis เนี่ยะแหละแต่อันนั้นต้องเสียตังค์ แต่เราไม่เข้าอันเสียตังค์ เดินเลยมาหน่อยมาดูของฟรีดีกว่า ตอนแรกกะว่าจะเสียตังค์ซื้อของที่ระลึกซะหน่อย ดูเป็นหมวกของเจ้าจิณณ์ แต่เค้าไม่มีขนาดเล็กสำหรับทารก เลยอดเสียตังค์เลย...อิอิ แต่ไหนๆเข้าไปแล้วจะไม่เสียตังค์ให้เค้าหน่อยก็กะไรอยู่ นั่งกินไอติมเค้านิดนึง (อันที่จริงเข้าไปไม่เสียตังค์ก็ไม่มีใครว่าหรอก แค่ข้ออ้างแบบว่าอยากกินไอติมก็แค่นั้นแหละ...ฮ่าๆๆๆ) ออกจากที่ Atlantis ก็จะไปต่อกันที่ห้าง แต่เฮียเค้าไปแวะจอดรถให้ปูกะโต้ง ถ่ายรูปที่ souk madinat jumeirah เราก็เอามั่ง แล้วก็ถึงเวลาสำคัญ....ช้อปปิ้ง ตรงดิ่งไปที่ Mall of Emirates จัดการนัดแนะกะปูว่าต่างคนต่างเดินแล้วค่อยมาเจอกัน คู่นั่นเค้าเข้าไปที่ลานสกีหิมะ แต่เรามีเจ้าจิณณ์ เลยเดินเล่นช้อปปิ้งแทน และตามคำแนะนำของสาวยุ้ย เราก็ได้ไปสอยเสื้อที่ forever 21 มาสามสี่ตัว (แบบว่ายี่ห้อนี้ไม่มีที่กาตาร์) ราคาไม่แพง แบบก็เยอะดี ที่ห้างนี้ไม่ค่อยมีรูปเท่าไหร่เพราะเน้นช้อปปิ้งซะมากกว่า เสร็จจากช้อปปิ้ง ก็ไปลุยถ่ายรูปต่อที่ตึกที่สูงที่สุดในโลก ณ ตอนนี้ Burj Dubai ก็ต้องเข้าห้างอีกแล้ว Dubai Mall เพราะมันอยู่ติดๆกัน จอดรถในห้าง เดินเล่นในห้างนิดหน่อยแล้วค่อยทะลุออกมาที่ตรงสระนอกห้าง ก็จะเห็นวิวตึกยักษ์ เราว่าดูๆไปมันน่ากลัวอะ ใหญ่ยักษ์ซะขนาดนั้น แต่โชคไม่ดีเลย แบตเราดันหมด เลยถ่ายรูปได้นิดหน่อยเอง ต้องเอามือถือเฮียถ่ายต่อ ในห้างนี้มีน้ำตกที่ออกแบบได้สวยมาก กับ gold souk ที่เหมาะสำหรับไปถ่ายรูปจริงๆ นอกจากนั้นห้างนี้ก็มีอควาเรี่ยมเหมือนกัน ถ้าจะเดินลอด ก็ต้องเสียตังค์ แต่ดูจากด้านนอกเอาก็ได้ ฟรี ที่นั่นเราได้เจอร้านถูกใจ ร้านหนังสือเด็ก เลยสอยหนังสือเกี่ยวกับอาหารเด็กมาเล่มนึง อยาให้ที่กาตาร์มีร้านหนังสือใหญ่ๆอย่างนี้จริงๆ มีแต่ virgin หนังสือไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ พอจบรายการนี้หนูปูกะคุณสามีก็กลับกาตาร์ก่อน พอไปส่งปูกะโต้งที่สนามบินแล้วเราก็กลับโรงแรมกัน ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อ พอตกกลางคืน คิดอยู่ว่าจะไปกินข้าวที่ไหนดี ก็จำได้ว่ายุ้ยเคยบอกว่าที่ souk madinat jumeirah มีร้านอาหารให้เลือกเยอะ (ประกอบกับเราอยากไปถ่ายรูปตึกเรือใบตอนกลางคืนด้วย ไปแอบเห็นรูปในห้องเจ้านายมามันสวยดี) พอเข้าไปข้างใน เดินแล้วงงๆเล็กน้อย เพราะ souk แขกอาหรับนี่ มันชอบทำเป็นเหมือนเขาวงกตจริงๆให้เดินงงๆเล่น เราก็เดินๆดูว่าจะกินร้านไหนดี สุดท้ายไปลงเอยที่ร้านสิ้นคิด Dome อาหารพื้นๆแบบพาสต้า กะสลัด แต่ว่าโชคดีจริงๆที่ได้โต๊ะริมนอกสุด ไม่มีใครมาบัง กินไปดูตึกเรือใบไป ส่วนเจ้าจิณณ์นั้นหลับคร่อกฟรี้ๆไปแล้ว พอกินเสร็จก็เดินผ่านร้านอัดรูป เจอแบบที่เค้ารับจ้างถ่ายรูปเราที่มีแบคกราวน์เป็นตึกเรือใบ พอเห็นราคาแล้วเลยเปลี่ยนใจดีกว่า เพราะว่าวันก่อนถ่ายตึกเรือใบซะเอียนแล้ว วันสุดท้าย มีเวลาว่างช่วงเช้าก่อนไปหนามบิน ก็ไปเก็บตกที่ Dubai Mall จะไปถ่าย Burj Dubai อีกรอบ เพราะวันที่สองที่ไปนั้นแบตกล้องมันหมด เสร็จแล้วก็ถ่ายรูปตึกละแวกนั้น DIFC (ตึกDubai Financial Centre นี่สวยจริงๆ Qatar Financial Centre นี่เทียบไม่ติดเลย) ปิดท้ายด้วยรูป Dubai ที่ถ่ายช่วงเครื่องบิน take off แล้วกัน วันนั้นฟ้าไม่ใสถ่ายออกมาเลยไม่ค่อยแจ่มเท่าไหร่ The palm มองไม่เห็นเพราะ หมอก/ ควันมันบัง มองเห็นแต่ The World ลางๆ ปูลู lounge ที่สนามบินดูไบดีกว่ากาตาร์เยอะเลย เพราะเสริฟอาหารร้อน ที่มีทั้งข้าวผัด หมี่ผัด บริยานี่ ไลน์ของคาวมีอาหารให้เลือก 6-7 อย่าง ของหวานก็มีให้เลือกเยอะเลย ไปรอเครื่องช่วงเที่ยงนี่สบายท้องไปเลย   Create Date : 29 พฤษภาคม 2552 11 comments Last Update : 29 พฤษภาคม 2552 18:13:13 น. Counter : 3619 Pageviews. Share Tweet

ดูไบมีที่ท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นเรื่อยๆเลยอ่ะ ไว้ต้องไปอีก แต่ไอ้เมนู ม้วยกับผักดองนี่รับไม่ได้เลยอ่ะ เป็นอาหารง่ายๆไว้กินอยู่บ้านตอนไม่มีไรจะกินอ่ะ มอลล์ ibn batutta เริ่ดมากเลยเนอะค่ะ   โดย: libbyandportia IP: 89.211.77.212 29 พฤษภาคม 2552 18:26:32 น.

สวัสดีค่ะ แอบมาดูด้วยคนค่ะ เพราะว่ามีแพลนจะไปเหมือนกัน อิอิ   โดย: freedom of life IP: 78.101.50.127 29 พฤษภาคม 2552 23:47:23 น.

ถามต่ออีกนิดนะคะ ตกลงว่า พาสปอร์ตไทยเนี่ย (มี GCC resident permit) ไม่ต้องขอวีซ่าล่วงหน้าได้ ใช่ไหมคะ แบบว่าไปเสียตังค์เอาตรง อิมมิเกรชั่น ได้เลยหรือเปล่าคะ   โดย: Freedom of Life 30 พฤษภาคม 2552 0:02:55 น.

ตอบคุณ Freedom นะคะ สำหรับ GCC residentไปขอวีซ่าได้ที่นู่นเลยค่ะ พอออกจากเครื่องเดินตามๆเค้าไปพอขี้นไปชั้นที่เป็นimigration อย่าเพิ่งไปต่อคิวนะคะ ให้มองไปทางซ้ายจะมีห้อง A B เดินเข้าไปเอาแบบฟอร์มมากรอก เสร็จแล้วไปจ่ายตังค์ที่บู๊ทแลกตังค์เลยค่ะ จ่ายตังค์เรียบร้อยแล้วลงข้างล่างไปสแกนตาก่อน แล้วถึงค่อยกลับขึ้นมาเพื่อผ่าน imigration ค่ะ   โดย: princess gig 30 พฤษภาคม 2552 2:03:18 น.

เข้ามาอ่านแล้วค่ะ ขอบคุณค่ะ   โดย: Freedom of life IP: 78.101.50.127 31 พฤษภาคม 2552 1:36:00 น.

แนะนำนิดนึง ขึ้นอยู่กับอาชีพใน RP ด้วยค่ะ ถ้าเป็นเมเนเจอร์หรือวิศวกร ก็ไปขอวีซ่า on arrival ได้เลย ลองเช็คดูดีๆนะ   โดย: libbyandportia IP: 89.211.126.228 1 มิถุนายน 2552 23:24:05 น.

เออพอเห็นคอมเม้นต์ของยุ้ยแล้วก็นึกได้ว่าเราไม่ควรตอบฟันธงเนอะ แต่ว่าตอนที่ถามเรื่องวีซ๋า ก็เมลไปถามโดยตรงจาก Department of Naturalization & Residency - Dubai ที่เค้าจะตอบเรื่องวีซ่าประเภทต่างๆ ซึ่งคำตอบก็เหมือนกับข้อมูลที่เค้าให้ไว้ในเวป (ไม่ได้พูดเกี่ยวกับเรื่องอาชีพ) เวปนี้ //www.dnrd.ae/DNRD/Home ไปดูที่ตรงหัวข้อ transaction> visitor>Expatriates living in GCC countries เราก็ปริ๊นท์ทั้งเมลทั้งจากเวปพกไปด้วย (เผื่อไว้) แล้วที่สนามบินตอนช่วงที่ไปเค้าก็มีติดป้ายเล็กๆเกี่ยวกับรายละเอียดวีซ่าของ GCC resident ก็ไม่ได้ระบุเรื่องอาชีพเหมือนกัน แต่ยังไงเพื่อความชัวร์ ก่อนไปก็เช็คข้อมูลอีกทีอย่างที่ยุ้ยบอกก็ดี   โดย: princess gig 5 มิถุนายน 2552 10:58:07 น.

ดูไบสวยมากคะ ถ้าสนใจไปสอบถามโอได้คะ 02-2235255-6 ขายอยุ่คะตอนนี้มีโปรโมชั่นการบินไทย 39,900บาท   โดย: คุณโอ IP: 58.9.172.21 8 กรกฎาคม 2552 10:52:26 น.

ชอบภาพบรรยากาศที่ถ่ายมากและสำนวนการเขียนอ่านสนุกดี ทำต่อไปเรื่อยๆน่ะคับ จะแวะมาดู ถามนิดนึงคับคือผมทำงานที่ดูไบอยู่ ตอนนี้ลาออกแล้ว และยกเลิกวีซ่าเรียบร้อยแล้ว และจะบินออกจากดูไบวันที่ สิบกุมภาอ่ะคับ แต่ว่าผมอยากแวะที่โดฮาก่อนไม่เกินอาทิตย์อ่ะคับ ผมทำ visa on arrival ได้ป่ะคับ รอคำตอบน่ะคับ ขอบคุณล่วงหน้าคับ   โดย: ลี IP: 86.99.95.103, 86.96.226.93 19 มกราคม 2553 3:16:34 น.

ตอบคุณลี (ขออภัยที่ช้าไปหน่อยนะคะ) อันนี้ไม่ทราบจริงๆค่ะ แต่คิดว่าไม่ได้เพราะเคยอ่านเจอเค้าพูดถึงแต่ประเทศที่สามารถขอ visa on arrival ได้ เลยเข้าใจว่าเค้าดูพาสปอร์ตเป็นหลักค่ะ   โดย: princess gig 26 มกราคม 2553 2:28:56 น.

ตอนนี้มีเพื่อนคุยออนไล เป็นผู้ชายยูเออี เค้าเป็นลูกครึ่งอ่ะคะ แม่เป็นคนอังกฤษ แบบว่าคุยกันมาเกือบปีแล้ว ก็คุยผ่านกล้องบ้าง แบบว่ากลัวค่ะ แต่เค้าก็ดูไม่น่ากลัวนะ ขอคำแนะนำ หรือคุณมีความคิดเห็นเกี่ยวกะผู้ชายยูเออียังไงคะ   โดย: กระต่าย IP: 118.174.195.20 14 พฤศจิกายน 2553 17:59:01 น.