Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2550
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
28 พฤษภาคม 2550
 
All Blogs
 
GREECE : Nature, History, Romance #1






<b>เที่ยว กรีซ ตอนหนึ่ง (Meteora)</b>















เกริ่นก่อนเล่า

เราไปกรีซมาเมื่อช่วงปีใหม่ 31/12/06 – 6/1/07 ทริปนี้มีสมาชิกเยอะหน่อย 6 คน แต่ทุกคนฝากชีวิตไว้กะไกด์ผีสองคนนี้ คือเราก๊ะพี่ลุง (จิงๆเค้าชื่อ Tang แต่เพื่อนๆเราชอบเรียกค้าว่าลุง....อย่าไปบอกเค้าน๊า) ดังนั้นเราสองคนเลยต้อง work hard ฮิๆๆ เสร็จตูให้เราจัดการ ก็ต้องไปตามที่ที่เราอยากไปดิเนอะ เตอนวางแผนกะลุงว่าจะไปไหนบ้าง หลังจากลองนับวันดูแล้ว คิดว่าไม่ควรไปเกิน 3 ที่ ที่แรกที่เลือก เป็นที่บังคับเลยก็มี Athensของแน่นอนอยู่แล้ว ไม่ไปไม่ด๊ายเด็ดขาด อีกที่ที่เราเรียกร้อง อยากไปคือ เกาะค๊าเกาะที่มันมีบ้านขาวๆหลังคาฟ้าๆหน่ะ ส่วนที่เหลือให้ลุงเลือกแล้วกัน หวยเลยออกมาที่ Meteora ห๊า อะไรร่าๆ มันเป็นไงหน่ะ ลุงบอกว่าเอาเหอะน่า ก็ให้เค้าเลือกแล้วนิ เค้ารับรองว่าที่นี่เด็ด เป็น UNESCO world heritage เอาเด็ดก็เด็ด ถ้าไม่เด็ดมีหลายเท้าเลยแหละ ส่วนเกาะของเรา ดูในlonely planet มันมีสองเกาะที่เค้าฮิคกันก็มี Mikonos กะ Santorini ตอนแรกเราไม่รู้ว่า Mikonos มันคือ Gay Paradise ดีนะนายเราบอกไว้ก่อน อิอิ เลยยั้งไว้ทัน

ตอนที่เราไปเป็นหน้าหนาวค่ะ ถือว่าเป็น Low Season ของที่กรีซเพราะฉะนั้นไม่ต้องกลัวว่าที่พักเต็ม แต่ว่ากลัวมันจะไม่เปิด อะดิ โดยเฉพาะที่ santorini หน้าหนาวกว่าครึ่งเกาะจะปิด แต่ที่เมืองอื่นไม่มีปัญหา แถมช่วงนี้เป็นช่วงที่ราคาที่พักถูกที่สุดด้วย

ก็ดีอย่างเสียอย่างการไปหน้าหนาว คือคนไม่เยอะถ่ายรูปมาแล้วไม่เจอหัวคนแยะ อย่างหน้าร้อน ที่พักถูก ไม่ต้องกลัวเต็ม แต่ข้อเสียคือบรรยากาศมันเงียบเหงาไปหน่อย แล้วก็มืดเร็วเที่ยวได้ไม่ค่อยเยอะ แล้วก็ถ้าเป็นคนขี้หนาว มันก็ไม่หนุกอ่ะ ถ้าแดดไม่ออกก็เดินไปสั่นไป

หลังจากเลือกที่เที่ยวได้แล้วก็จัดตาราง Meteora ต้องไปด้วยรถไฟ ก็เข้าไปดูที่ เวปการรถไฟของกรีซเค้า อันนี้ไม่ได้จองไว้ก่อน กะไปซือ้เอาที่นั่นเลย ส่วน Santorini ไปได้สองทางคือ Ferry กะ เครื่องบิน เนื่องจากว่าหน้าหนาว ferry มีน้อยเที่ยวและใช้เวลาเดินทาง 8 ชั่วโมง เพื่อประหยัดการเดินทาง และให้มีเวลาเที่ยวมากขึ้นเลยเลือกเป็น เครื่องบินในประเทศสายการบิน Aegean airline ค่าเพราะว่าถูกกว่า Olympic ซื้อตั๋วออนไลน์ เป็น e-ticket ค่ะ หลังจากจัดวันดุความเหมาะสมแล้วหน้าตาทริปเราออกมาเป็น

31/12/06 Doha-Athens-Meteora
1/1/07 Meteora – Athens
2/1/07 Athens
3/1/07 Athens – Santorini
4/1/07 Santorini
5/1/07 Santorini – Athens
6/1/07 Athens – Doha





Day One จุดหมายแรก METEORA

ออกเดินทางจาก Doha เก้าโมงเช้าไปถึง Athens ก็ประมาณบ่ายสอง โชคดีมากที่เครือ่งไม่ delay เพราะถ้า delay จะทำให้เราพลาดรถไฟไป Meteoraได้ พอเครืองลงเอากระเป๋ากันครบ ก็รีบเดินจ้ำมองหาป้ายสถานีรถไฟ ซึ่งหาได้ไม่ยาก พอเดินออกจาก Terminal ก็จะเห็นป้ายบอกทางว่าไป Train & Metro ก็ไปตามนั้นเลย ไปถึงซื้อตั๋ว หกใบ เจ้าหน้าที่บอกว่าให้รีบเดินเพราะอีกห้านาทีรถไฟจะออกแล้ว รถไฟจากสนามบินเข้าเมืองนี่เป็นรถเร็วค่ะ ใช้เวลาเดินทางประมาณครั่งชั่วโมง (มั๊งนะไม่แน่ใจพอดี lonely planet ทิ้งไว้อยู่บ้านที่กรุงเทพฯ) เราต้องไปต่อ urban train ที่สถานี Athina ซึ่งอยู่ในตัวเมืองค่ะ จาก metro เดินไป urban train station ก็นิดเดียว ไปถึงก็ไปที่ห้องขายตั๋วซื้อตั๋ว (เรามีวิธีซื้อตั๋วรถไฟมาแนะนำ เวลาไปประเทศยุโรป ซึ่งมีระบบรถไฟที่ดีมาก เราสามารถเข้าไปใน เวปของการรถไฟประเทศนั้นๆแล้วเรียกดูตารางรถไฟได้เลย ซึ่งเราจะ print ขบวนที่เราต้องการออกมา พอมาถึงห้องขายตั๋วก็ใช้วิธียื่นให้พนักงานเลยค่ะ เพราะพนักงานขายตั๋วรถไฟบางที่เค้าก็ไม่ค่อยพุดภาษาอังกฤษหน่ะ เค้าฟังได้แต่ชอบตอบมาเป็นภาษาตัวเอง เพื่อความชัวร์เราเลยใช้วิธียื่นรายละเอียดขบวนที่ต้องการให้เค้าแล้วบอกว่าจะเอาตั๋วกี่ใบ อย่างของ กรีซ ก็เข้าไปที่ //www.ose.gr ) สำหรับตั๋วรถไฟจะมี 2 class คือ A กะ B เราซื้อแค่ class B ซึ่งถูกกว่าแต่ว่าสภาพที่นั่งดีทีเดียว ตามมาตรฐานรถไฟยุโรปค่ะ มีระบุที่นั่งเรียบร้อย สำหรับ เที่ยว Athina-Kalampaka จบไม่มีปัญหา และเพื่อไม่ประมาทเวลาเดินทางด้วยรถไฟเราก็จะซื้อตั๋วขากลับด้วย แต่ปัญหาก็เกิดขึ้นเพราะว่าเราไปวัน New Year Eve วันรุ่งขึ้นเป็นวันปีใหม่ คนเข้าก็เตรียมตัวกลับเข้าเมืองกันเยอะ เพื่อเตรียมตัวทำงานในวันที่สองมกรา เจ้าหน้าที่ขายตั๋วเค้าก็บอกว่าไม่มีตั๋วสำหรับวันที่ 1 มกรา เราก็พยายามถามเค้าว่าแล้วเราจะกลับมาเอเธนส์ยังไง เค้าบอกว่างั้นยูก็ซื้อตั๋วชั้น 3 สิแต่ไม่มีระบุที่นั่งนะ หลังจากปรึกษากะชาวคณะแล้วก็ทำไงได้ no choice นิ ชั้น 3 แปลว่าตั๋วยืนค่ะ เพื่อให้ทริปนี้เป็นไปตามแผน + โรงแรมในเอเธนส์ก็จองไว้แล้ว ตั๋วยืนก็ตั๋วยืน ..... เอามาหกใบ หลังจากได้ตั๋วมาเรียบร้อยแล้วก็ไปหาอะไรกินกันรอเวลารถไฟออก จากสถานี Athina ถึง Kalampaka ใช้เวลาเดินทางทั้งหมด 4 ชั่วโมงค่ะ

เราไปถึง สถานี Kalampaka ตอนประมาณสองทุ่ม ของเราเป็นสถานีสุดท้าย ระหว่างทางก็มีพวกคนกรีกเค้าลงตามสถานีต่างๆ เราก็สังเกตว่าก่อนลงรถไฟเค้าควักหมวก ผ้าพันคอ แจ๊คเก็ต ถุงเมือออกจากกระเป๋ามาใส่กัน พวกเราเลยเอามั่ง รีบเดินไปที่ชั้นวางกระเป๋ารื้อเอาอุปกรณ์กันความหนาวออกมาเตรียมพร้อมมั่ง ตอนนั้นยังไม่รู้ว่าข้างนอกมันหนาวขนาดไหน เพราะในรถไฟมันอุ่นค่ะ พอถึงสถานี Kalampaka ก็เหลืออยู่ไม่กี่คน เพราะเป็นเมืองเล็กๆ มีพวกเราแค่หกคนที่เป็นนักท่องเที่ยว ที่เหลือเป็นคนเมืองนี้ทั้งนั้น พอเค้าออกจากสถานีก็มีคนมารับ แต่พวกเราหกคนมายืนสั่นกันอยู่ มืดก็มืด หนาวก็โคตรหนาวเลย พอดีมีคนเมืองนั้นเค้าถามว่าพวกเราจะไปไหน จะให้เค้าตามแท็กซี่ให้มั้ย ก็เลยรีบบอกว่าเอา ช่วยตามแท็กซี่ให้ด้วย แต่6 คนบวกกระเป๋าอีกต้องเรียกแท็กซี่สองคันค่ะ รอ จนตัวสั่น อยู่ไม่นานรถก็มา หลังจากบอกชื่อ ที่พักไปแล้วก็ตกลงราคา คันละ 5 ยูโร ก็รีบโดดขึ้นรถเลย เพราะหนาวมั่กๆ พวกเราไปพักกันที่ Doupiani House ซึ่งเค้าโฆษณาไว้ว่า Spectacular Panoramic View แต่ตอนไปถึงมันมืดแล้วเห็นแค่เงารางๆของภูเขา



โรงแรมที่เราพักเป็นลักษณะเกสต์เฮ้าส์ ไม่ใหญ่เท่าไหร่ เจ้าของเค้าก็พักอยู่ที่นั่น เจ้าของเป็นสามีภรรยาใจดี ทั้งคู่เลยหลักจากได้กุญแจ ก็แยกย้ายไปเก็บของ อาบน้ำเตรียมตัวออกไปหาอะไรกิน เพราะหิวมากกกกกกกกกก ถามเจ้าของบ้านเค้าก็บอกว่าเดินลงไปหน่อยเลี้ยวขวาก็เจอแล้วเป็นร้านอร่อยของเมืองนี้เลย (มารู้ที่หลังว่าร้านนี้เป็นร้านแนะใน lonely planet ด้วยเหมือนกัน) พอเลี้ยวมาก็ได้กลิ่นหอมของย่างๆ เลย



บรรยากาศในร้านก็น่ารักดี ตอนไปคนยังไม่เยอะเลยขอถ่ายรูปชะหน่อย



เป็นป่าวมีเตาผิงด้วย อุ่นดีทีเดียวเลยแหละ วันนั้นเราสั่งเมนูพวกย่างๆมากินกัน พร้อมกะ greek salad แล้วก็ grass salad อืม ไอ้จานหลังนี่มันเหมือนกินหญ้าจิงๆด้วยแหละ ขมซะ อาหารกรีกจะคล้ายๆอาหารอาหรับ นิดนึงตรงที่เป็นพวกเนื้อย่าง ไก่ย่าง แกะย่าง (ซี่งต่อๆมาทุกมื้อแทบจะคล้ายๆกันหมดเลย กินเสร็จอตอนนั้นเพิ่งจะสี่ทุ่มเอง คนแถวนั้นเค้าเริ่มเดินมาที่ร้านกัน แต่พวกเรากำลังเดินกลับที่พัก ???? ตอนเดินกลับที่พัก หนาวโคตรๆ ขนาดเราใส่ 3 ชั้นแล้วตัวสั่นเป็นเจ้าเข้าเลยแหละ ต้องรีบวิ่งเพราะเดินไม่ไหว พอกลับไปถึงเจ้าของบ้านกำลังจัดโต๊ะกินข้าวอยู่ (กินดึกมั่กๆ) เค้าก็มองพวกเรางงๆ ว่าทำไมพวกยูกลับมากันเร็วจัง ไม่อยู่ count down กันที่ร้านเหรอ พวกเราก็ส่ายหน้าอย่างเดียวเลยว่าไม่หวาย ง่วงเหลือเกิน หลังจากเข้านอนไปสักพัก ก็ได้ยินเสียงยิงปืนดังกันโป้งป้าง ก็แหวกม่านดู ..... อ้าวปีใหม่แล้วเหรอเนี่ยะ.... เค้าดับไฟกันทั้งเมืองแป๊ปนึง แล้วก็ได้ยินเสียงคนฉลองกันดังมาจากในเมือง ..... น่าสนุกจัง .... แต่ขอไปนอนต่อดีก่า


Day Two Meteora – Athens

วันนี้ตื่นกันแต่หกโมงแต่งตัว หาอะไรกินกันนิดหน่อย แล้วก็บอกให้เจ้าของบ้านเค้าช่วยเรียกแท็กซี่ให้เพราะว่าวันนี้เราจะขึ้นไปบนเขาไปดู Monastery กัน แต่เนื่องจากว่าเป็นเช้าหลังจากคืนฉลองปีใหม่ เลยหาแท็กซี่ไม่ได้ค๊าบ.....แป่ว มาดามเจ้าของบ้านบอกว่าต้องรอจนแปดโมงเค้าถึงจะมารับ ..... โอเค งั้นออกไปถ่ายรูปหน้าที่พักดีก่า



ระหว่างที่ถ่ายรุปอยู่ ก็ได้ยินเสียงครางอย่างประหลาด เสียงแบบครางอยุ่ในคอ ก็มองซ้ายมองขวา เอ๊ะเสียงมันมาจากรถที่จอดอยู่ นี่คับเจ้าของเสียง



โถน่าสงสาร หมาน้อยครางหงิงๆอยู่ในกรงท้ายรถ ในขณะที่เจ้าของมันกะลังหลับสบายอยู่ในเกสต์เฮ้าส์




มารู้จัก Meteora ก่อนดีกว่าว่าเมืองนี้มีความสำคัญยังไงถึงได้เป็น UNESCO world heritage ก็ขอลอกมาจาก wikipedia นะคะ Quote “The Meteora (Greek: Μετέωρα, "suspended rocks" or "suspended in the air") is one of the largest and most important complex of monasteries in Greece, second only to Mount Athos.[1] The monasteries are built on spectacular natural sandstone rock pillars, at the northwestern edge of the Plain of Thessaly near the Peneios river and Pindus Mountains, in central Greece. The Meteora is home to six monasteries and is included on the UNESCO World Heritage List
Although it is unknown when Meteora was established, as early as the 11th century AD hermit monks were believed to be living among the caves and cutouts in the rocks.[1] By the late 11th or early 12th century a rudimentary monastic state had formed called the Skete of Stagoi and was centered around the church of Theotokos (mother of God), which still stands today.[1] The hermit monks, seeking a retreat from the expanding Turkish occupation, found the inaccessible rock pillars of Meteora to be an ideal refuge. Although more than 20 monasteries were built, beginning in the 14th century,[1] only six remain today. These six are: 'Great Meteoron (or Transfiguration), Varlaam, St. Stephen, Holy Trinity, St. Nicholas Anapausas and Rousanou.
In the 1920s, steps were cut into the rock, making the complex accessible via a bridge from the nearby plateau. Of the six monasteries now inhabited, five are male, one female. Each monastery has fewer than 10 inhabitants and is visited by many tourists. The Agia Triada (Greek: Αγία Τριάδα, "Holy Trinity") monastery was used in the final scenes of the James Bond film For Your Eyes Only.”
Unquote
สรุปแบบรวบรัดตัดความก็คือ ที่นี่เป็นที่ตั้งของอาศรมชองนักบวชในคริสจักรนิกายกรีกออโธดอกซ์ (monastery เป็นคำจากภาษกรีก หมายที่สถานที่ศึกษา และเป็นที่อยู่ของพระและชี เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่โบสถ์ ถ้าเป็นภาษาไทยก็น่าจะเรียกว่า อาศรมนะ หรือว่าวัด เราเรียกว่าอาศรมแล้วกัน ) ซึ่งแต่เดิมแถวนั้นมีอยู่ กว่ายี่สิบ อาศรม แต่กาลเวลาผ่านไปตอนนี้เลยเหลืออยู่แค่ 6 อาศรมเท่านั้น เมื่อเราไปเห็นที่ตั้งแต่ละอาศรม แล้วก็ต้องอึ้งค่ะว่าสมัยศตวรรษที่ 14 เค้ามีความมานะในการขึ้นไปปลูกสร้างอาคารอยู่บนยอดเขาหินแต่ละลูกได้ยังไง
จาก6 อาศรม พวกเราไป (ทั้งแบบเข้าไปชมข้างใน กะแบบเดินผ่านๆ) แค่ 4 แห่ง เพราะอีก 2 แห่งมันต้องไปอีกทาง พวกเราใช้เดินเท้าไม่ได้ขับรถเลย ไม่เดินไปค่ะ
เราจะไปเฉพาะที่เห็นอยู่ในแผนที่นี้เท่านั้น



พอแปดโมงรถก็มาถึง แต่ไหงมาแค่คันเดียวหว่าแล้ว หกคนจะยัดเข้าไปได้งัยเนี่ยะ สรุปคือหารถได้คันเดียวค่ะ ก็ดันมาเที่ยวเอาวันที่ชาวบ้านเค้านอนอยู่บ้านก็งี้แหละ เราเลยต้องแบ่งไปสองเที่ยวให้รถเค้าขับสองรอบ เราให้รถพาไปส่งที่ Monastery Megalou Meteoro หรือชื่อภาษาอังกฤษว่า The Great Monastery ซึ่งเป็นอาศรมที่ใหญ่ที่สุด และอยู่สูงที่สุดในบรรดา 6 อาศรม
ระหว่างที่รอคนที่เหลือก็่ถ่ายรูปรอก่อนเลย




ร้านขายของ ที่เราอุดหนุนหนังสือนำเที่ยว Meteora มาหนึ่งเล่ม


ที่เห็นบันไดเล็กๆ แล้มีรูอยู่นี่คือทางเข้านะคะ



รูปท้ายนี่จะเห็นว่ามีตาข่ายห้อยเป็นถุงไว้อยู่ ที่อ่านจากหนังสือนำเที่ยวเค้าบอกว่าสมัยก่อน เวลามีนักบวชคนไหนทำผิดกฏ จะถูกเอามาลงโทษโดยการจับใส่ถุงตาข่ายแล้วห้อยไว้ ต่อมาภายหลังก็ใช้สำหรับเป็นรอกขนของ
เสียค่าเข้าคนละ สองยูโร สำหรับผู้หญิงถ้าใครใส่กางเกงไป ต้องเอาผ้าคลุมที่เค้าจัดไว้ให้ มาพันเป็นกระโปรงทับ (คล้ายเวลาฝรั่งมาเที่ยววัดพระแด้ว แต่ที่นี่ถึงใส่กางเกงขายาวก็ต้องคลุมค่ะ (เดี๋ยวมีรูปตอนใส่ผ้าคลุมให้ดู)
ดูรูปข้างในอาศรมกันเลยแล้วกัน





นี่เป็นพิพิธภัณฑ์เก็บพวกหน้าตาง ประตูบานแรกตั้งแต่สมัยศตวรรษที่สิบสี่ และมีของเด็ดคือหนังสือที่ตีพิมพ์ครั้งแรกของ Plato (เราดูยังไงก็เหมือนใช้หมึกเขียน มันไม่ใช่แบบตัวพิมพ์เหมือนสมัยนี้ แต่ในนั้นเค้าไม่ให้ถ่ายรูปเลยได้ดูแต่ข้างนอก สัญญลักษณ์ตรงหน้าประตูพิพิธภัณฑ์ เท่ ดีเลยถ่ายมาด้วย


หลังจากถ่ายรูปกันพอแล้วก็เริ่มเดินทางกันต่อ พวกกรุ๊ปทัวร์ญี่ปุ่นเค้ามีรถทัวร์คันใหญ่นั่ง พวกเราเดินคับเดิน
นั่นคือ Monastery Varlaam ที่เราจะแวะเป็นอันที่สอง


มาดูใกล้ๆ เดินลงมาถึงแล้ว



ที่นี่ก็ต้องเสียคนละ 2 ยูโรเหมือนกัน ส่วนเราก็พันผ้าเหมือนเดิม





ที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรมากเดินแป๊บเดียวก็ออก เพราะดูที่ megalou ของเด็ดที่ Varlamm อยู่ในโบสถ์ แต่ตอนเราไปมีกลุ่มคนแก่ยุโรปเค้ากำลังสวดมนต์กันอยู่ เราเลยไม่ได้ถ่ายรูป มีกระจกเพ้นท์สีที่สวยมาก
ตอนออกมาเจอคุณตำรวจ แต่งตัวเท่มาก เลยแอบถ่ายรูปมาหน่อย

>/center>

ที่ต่อไป Monastery Varvaras Rousanou ที่เห็นอยู่ลิบๆ

ระหว่างเดินลงพอ มองย้อนขึ้นไปทางที่เราเดินกันลงมา เราจะมองเห็น megalou อยู่ทางขวา varlaam อยู่ทางซ้าย สวยดี




ระหว่างทาง บางช่วงไม่โดนแดด น้ำแข็งยังอยู่เลย (ลืมบอกไปว่าคืนส่งท้ายปีเก่า อุณภูมิ ติดลบ 2 องศาค๊า )

ถึงแล้ว Rousanou แต่อันนี้ทุกคนไม่มีใคยอมเข้าไปแล้ว เพราะดูจากข้างนอกมันเล็กกว่าสองอันที่ผ่านมาเลยถ่ายรูปกันแต่ข้างนอกค่ะ


เห็นน้องแมวนั่งโพสท่าให้ถ่ายรูป เลยถ่ายซะหน่อย

จาก Rousanou มองลงไปข้างล่างจะเห็น Monastery of St.Nikolus ค่ะ

ระหว่างทางที่เดินลงมาเรื่อยๆเราก็เจอซากปรักหักพังของอาศรมอยู่อันนึง (สังเกตดีๆมันเหลือแต่ฐาน)

และจะเจอรูตามผาหินแบบนี้
บางช่องยังพอมองเห็นว่ามีเศษไม้ คล้ายๆเตียงอยู่ ในคู่มือท่องเที่ยว meteora เค้าเขียนไว้ว่าในสมัยก่อน เวลานักบวชที่เตรียมตัวหันหลังให้โลก (จะละสังขาร) ก็จะปีนหน้าผาแล้วไปอาศัยอยู่ตามรูจนตาย
เดินมาถึง St. Nikolus แล้วแต่มันปิดเลยได้แต่ถ่ายรูปมุมแหงนแทน


ระหว่างทางที่จะเดินกลับที่พักก็ไปแวะกินข้าวเที่ยงกัน เนื่องจากเป็นวันปีใหม่ ร้านค้าไม่ค่อยเปิด มีอยู่ร้านเดียวแล้วก็ไม่มีอาหารให้เลือกด้วย มีแค่ไส้กรอกย่าง กะ สลัดกรีก ก็กินกันหิวแล้วกัน ยังพอเหลือเวลาว่ารถไฟที่จะกลัยเอเธนส์จะออก พวกเราก็ไปเดินสำรวจเมืองหนึ่งรอบ
บ้านชาวบ้านเค้ายังประดับพวกตุ้กตาลมเป็นซานตาคลอส ตุ๊กตาหิมะ น่ารักสุดๆ


มีต้นพลับที่ลูกสุกเต็มต้นเลย

กลับมาเก็บของจ่ายเงินที่พักเรียกแท็กซี่ให้มารับเพื่อไปสถานีรถไฟ ระหว่างที่รอแท็กซี่คุณลุงเจ้าของบ้านเค้าก็ถามว่าเรามาจากไหน พอบอกว่ามาจากเมืองไทย แกเลยบอกว่ากำลังวางแผนไปเที่ยวเมืองไทยอยู่เลยว่าจะไปที่ไหนดีระหว่างเชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา แล้วแกก็ให้เราเขียนสมุดเยี่ยมเป็นภาษาไทยด้วย เราลองพลิกๆดูเราเป็นคนแรกที่เขียนภาษาไทยในเล่มนั้นแหละ อิอิ
รูปสุดท้ายของเมืองนี้ ถ่ายที่สถานีรถไฟ

และแล้วการผจญภัยกะตั๋วชั้น 3 ก็เริ่มขึ้น เนื่องจากเราขึ้นจากสถานีต้นทางเพราะฉะนั้นที่นั่งเลยยังว่าง ก็เห็นใครๆก็นั่ง พวกเราก็นั่งมั่งดิ แต่พอเริ่มผ่านมาหลายสถานีคนขึ้นมาเยอะขึ้น ก็จะเห็นว่าคนที่ขึ้นมาใหม่เค้าสะกิดบอกคนที่นั่งอยู่ว่า นี่ที่นั่งของเค้านะ ลุกไปชิ้วๆๆ ....แหมก็ไม่ขนาดนั้นหรอก คนที่นั่งที่คนอื่นเค้าก็รู้ตัวก็ลุกให้เจ้าของที่นั่ง พวกเราก็ต้องเตรียมตัวว่าเมื่อไหร่เจ้าของที่เค้าจะมาไล่ ก็เล่นเก้าอี้ดนตรีย้ายที่นั่งประมาณห้ารอบได้ จนผ่านสถานีใหญ่มาแล้วพอมีที่นั่งไหนว่างก็ไปนั่งได้เลย สุดท้ายก็ได้นั่งแต่ต้องย้ายหน่อยเท่านั้นเอง เลยเดาเอาว่าที่เค้าบอกว่าเต็มน่าจะเป็นเพราะวันนั้นคนคงจะแน่น เค้าเลยให้จองที่นั่งได้เฉพาะสถานีใหญ่ๆ พวกสถานีย่อยไม่เปิดให้จองที่นั่ง
พวกเราไปถึง Athens ประมาณสองทุ่ม จาก urban station เราต้องลากกระเป๋าไปลง metro เพื่อไปสถานี Monastrilaki โรงแรมที่จองไว้อยู่ไม่ไกลจากสถานีนี้เท่าไหร่เดินประมาณ500เมตรก็ถึงแล้ว ชื่อ Hotel Atalos สะอาด ห้องใหญ่ใช้ได้ ดาดฟ้ามองเห็น Acopolis ยามค่ำคืน แนะนำค่ะโรงแรมนี้
คืนนั้นออกไปหาของกินกันแถว Plaka เห็นคนต่อแถวยาวเชียวเพื่อซื้อของกินหน้าตาคล้าย kebab roll แต่ที่นี่เค้าเรียกว่า Souvlaki อันละไม่กี่ตังเอง อิ่มและอร่อย (แต่มันไปนิดนึงเพราะเค้าเอาแป้งไปทอดหรือไงก็ไม่รู้)
ไว้ค่อยมาต่อ Athensตอนต่อไปนะคะ













Create Date : 28 พฤษภาคม 2550
Last Update : 2 มิถุนายน 2550 19:09:45 น. 6 comments
Counter : 2067 Pageviews.

 
เย้....แวะมาคนแรกเรย ขอบคุณที่พาเที่ยวค่ะ สวยจัง


โดย: la liga fan วันที่: 28 พฤษภาคม 2550 เวลา:22:26:52 น.  

 
ตามมาเยี่ยม สวยมากค่ะ ขอบคุณนะค่ะที่แวะไปเยี่ยม


โดย: แมวขี้อ้อน (แมวขี้อ้อน ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:00:13 น.  

 
บ้านเมืองเขาแปลกจังนะคะ น่าไปเที่ยวจัง


โดย: smo วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:19:46:01 น.  

 
พี่กิ๊กทำให้ยุ้ยอยากไปกรีซแล้วนะเนี่ย
ถ่ายรูปเก่งจังอ่ะ

อยากอยู่บ้านบนเขา


โดย: LibbyAndPortia วันที่: 6 มิถุนายน 2550 เวลา:3:28:15 น.  

 
แวะมาชมค่ะ
เก็บข้อมูล เรากำลังจะตามรอยคุณกิ๊กไป
28 Dec 07- 4 Jan 08 ค่ะ

กำลังทำทริปเลย ถ้ายังไงรบกวนขอ email คุณกิ๊กด้วยได้ไหมคะ จะส่งแพลนให้ช่วย comments ค่ะ

เมล์เรานะคะ nhupizza@yahoo.com


โดย: noo_pizza IP: 203.170.168.51 วันที่: 18 กรกฎาคม 2550 เวลา:11:09:48 น.  

 
ถามนิดเถอะครับ

สเปนกับกรีซ ที่ไหนโรแมนติคกว่ากัน จะพาแฟนไปครับ

nae_ne@hotmail.com

ขอบคุณมาก


โดย: nate IP: 124.120.123.206 วันที่: 2 มกราคม 2551 เวลา:11:32:48 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

princess gig
Location :
Doha Qatar

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add princess gig's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.