Group Blog
 
 
เมษายน 2550
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
7 เมษายน 2550
 
All Blogs
 
South Africa-Zimbabwe-Zambia : Part Two


วันที่สี่ (Cape Town --> Johannesburg --> Zimbabwe)

วันนี้พวกเราต้องตื่นแต่เช้า เพราะต้องไปถึงสนามบิน Cape Town ตอนตีห้า เพราะว่าวันนี้เราจะไป Zimbabwe แต่เนื่องจากเที่ยวบินที่จะไป Zimbabwe มีเฉพาะที่บินไปจาก สนามบิน Johannesburg เราเลยต้องบินจาก Cape Town ไป Jo’burg (อันที่จริงนั่งรถได้แต่หลายชั่วโมง เราเลยขอประหยัดเวลาด้วยการนั่งเครื่อง) เราใช้สายการบิน “ 1 Time” ซึ่งเป็น budget airline แต่ว่าเครื่องดีมาก และออกตรงเวลา เราไปถึงสนามบิน Jo’burg ตอนแปดโมงกว่าๆ เราต้องเดินจาก domestic terminal ไปที่ international terminal

ตอนนั้นยังพอมีเวลาก็เดินดูของในสนามบิน Jo’burg มีของแปลกๆให้ดูคือ สารพัดเนื้อแห้ง ( Biltong) มีเนื้อ buffalo, Kudu, impala (ไว้ไปดูรูปมันตอนท่องซาฟารีนะ) เราไม่กล้ากินหรอก แต่พวกหนุ่มๆ เค้าซื้อกันมาคนละห่อสองห่อ เผื่อว่าอร่อย ขากลับจะได้มาซื้อเพิ่ม ส่วนเราไปซื้อพวกผลไม้แห้งที่เป็นห่อๆกะเป็นของกินเล่น

ลืมบอกไปว่าเราเดินทางจาก Jo’burg ไป Zimbabwe ด้วยสายการบิน Air Zimbabwe ระหว่างรอเครื่องก็คุยกันเล่นๆว่าเค้าจะเอาเครื่องอะไรมาให้นั่งน้อ และแล้วพอถึงเวลาขึ้นเครื่อง โอ้ว ! มันเป็นเครื่องสมัยสงครามโลกหรือปล่าว ...........ลองดูรูปเอาแล้วกัน แต่ในเครื่องก็ตกแต่งใหม่ปลอบใจผู้โดยสารได้ระดับหนึ่ง .... อิอิ เป็นเครื่อง 1 ใบพัดรุ่นอะไรลืมจดไว้ รู้แต่ว่า ผลิตในจีน ทั้งลำมีผู้โดยสารประมาณ 20 คน มีแอร์ 1 คน สจ๊วต 1 คน ใช้เวลาบินประมาณ สองชั่วโมงครึ่ง ก็ถึงสนามบินในเมือง Victoria Fall




สำหรับคนไทยที่เดินทางมา Zimbabwe สามารถมาทำ visa on arrival ได้ตามข้อตกลงพิเศษ แต่ทั้งนี่ก่อนเดินทางเราต้องติดต่อไปยังสำนักงานของท่านกงสุลกิติมศักดิ์ Zimbabwe ประจำประเทศไทย เพื่อขอสำเนาเอกสารข้อตกลงพิเศษนั้นพกไปด้วย และเมื่อมาถึงสนามบินที่ Zimbabwe เราก็ยื่น พาสปอรต์ พร้อมจดหมายนั้น และเงินอีก USD20 เพียงเท่านั้นก็เสร็จเรียบร้อย

Victoria Fall นอกจากเป็นชื่อสนามบิน เป็นชื่อเมืองที่เราจะไปกัน แล้วยังเป็นชื่อน้ำตกที่จัดว่ามีความใหญ่เป็นอันดับต้นๆของโลกอีกด้วย ในการจัดอันดับน้ำตกเค้าจะแบ่งเป็นกลุ่ม World’s Tallest Falls กับกลุ่ม World’s Largest Falls ซึ่ง Victoria Falls อยู่ในกลุ่มหลัง ซึ่งจะใช้ความกว้างของหน้าน้ำตกเป็นเกณฑ์ Victoria Falls มีหน้าน้ำตกยาว 1.73 Km. (ข้อมูลจาก wikipedia บอกว่า Victoria Falls สูงกว่า และมีความกว้างน้ำตกยาวกว่า Niagara Falls เท่าตัว)



ประเทศ Zimbabwe มีอัตราเงินเฟ้อสูงมากๆๆๆ (ไม่รู้ว่าตอนนี้เท่าไหร่แล้ว) ทำให้ของที่นั้นแพงมากๆ อย่างแท็กซี่ จากสนามบินไปที่ แคมป์ที่พัก ซึ่งไม่ไกลมาก รถก็เป็น Toyota corona รุ่นเก่า ค่ารถตกเที่ยวละ 1,200 บาท (แพงสุดๆๆๆ) และอัตราแลกเปลี่ยนเงินของธนาคาร กับ ตามร้านรับแลก ต่างกันเป็นเท่าตัว ก่อนเข้าที่พักเราก็ให้คนขับแท็กซี่พาไปร้านแลกเงินก่อน จำได้ว่าพวก เราก็คิดว่าแลก USD 50 ได้มาตั้ง 8 ล้าน Zimbabwe dollar สาเหตุที่เราไม่แลกไว้เยอะเพราะว่าเฉพาะร้านอาหาร กับ ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่รับแต่ Zim dollar ส่วนเวลาจะซื้อของฝาก หรือจ่ายค่าที่พัก เค้าจะรับเป็น USD หรือ South African Rand




ที่พักที่จองไว้เป็น camp site ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากน้ำตก ( นอกจาก camp site นี้แล้วก็ยังมี รีสอร์ทหรูอีกหลายที่แต่ว่าแพงมาก แค้มป์ที่เราพักนี้ถือว่าถูกแล้วยังราคา USD60/คืน/หลัง ) สภาพที่พักโทรมแต่ว่าสะอาด และมีน้ำอุ่นให้อาบ อารมณ์คล้ายๆเวลาเราไปเข้าค่าย ตอนเจ้าหน้าที่พาเราเข้าบ้านพัก เราขอกาต้มน้ำ กับจาน ช้อน ส้อมไว้ (เอาไว้ทำมาม่ากิน) พอเก็บของเสร็จ เราตั้งใจเดินไปดูน้ำตกกัน เพราะตั้งแต่นั่งรถมาพอใกล้ๆจะถึงที่พัก เราก็จะมองเห็นควันพุ่งขึ้นสุงๆ มันเป็นละอองน้ำของน้ำตกที่ฟุ้งขึ้นมา เสียงนี่ได้ยินไปไกลเป็นกิโล ทำให้คนพิ้นเมืองเค้าเรียกน้ำตกนี้ว่า Mosi-oa-Tunya ซึ่งแปลว่า "smoke that thunders".
แต่เพราะมันค่อนข้างเย็นแล้ว เจ้าหน้าที่เค้าบอกว่าเราคงได้แต่ดูน้ำตกจากสะพาน ไว้พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่



อันที่จริงสะพานที่เราไปยื่นดูน้ำตกนั้นเป็นเขดแดนระหว่างประเทศ Zimbabwe กับ Zambia (พรมแดนอยู่บนสะพาน) มีเจ้าหน้าที่ (ไม่รู้ว่าเป็นทหาร หรือว่า ตม.) ยืนเฝ้าอยู่ เราก็ขอเค้าว่าแค่เดินไปดูน้ำตก เค้าก็ไม่ว่าอะไร ตอนเดินกลับต้องอาศัยไฟฉาย เพราะค่อนข้างมืด แต่ที่ประเทศนี้ผู้คนเป็นมิตร เวลาเค้าทักทาย เราก็ทักทายตอบ แค่นั้นเค้าก็รู้สึกดีแล้ว เค้าชอบทักทายนักท่องเที่ยว

เย็นนั้นเรากินกันที่ ร้านคล้ายๆฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง ขายพวกเบอร์เกอร์ธรรมดา (ไม่ได้ดูดีแบบแมคโดนัล) พอถึงตอนจ่ายเงิน อืมเงินล้านที่พวกเรามี เกือบหมดแน่ะ สั่งอาหารไปแค่ 2 ชุด (แบ่งกัน 3 คนนะ) ราคาตั้ง 5 ล้านกว่าๆ Zim$ (ตกประมาณ USD30 แพงมั้ยหล่ะ) ใหม่



หลังจากมื้อแรก เราก็เริ่มคิดหนักเพราะไม่คิดว่าค่าอาหารการกินมันจะแพงขนาดนี้ (เป็นความผิดพลาดที่ไม่ได้หาข้อมูลเรื่องค่าครองชีพของที่นั่นไว้ก่อน ) ดังนั้นก่อนเดินกลับแคมป์ เราก็แวะ 7-11 (ชื่อร้านเค้าจริงๆนะ)เพื่อซื้อบะหมี่สำเร็จรูปเอาไว้เป็นอาหารเช้า (ขนาดบะหมี่ยังตกห่อละ USD1 แหน่ะ)

วันที่ห้า Victoria Falls (Zimbabwe – Zambia)

อาหารเช้าวันนี้เป็นบะหมี่สำเร็จรูปที่ซื้อไว้เมื่อคืน และเติมคุณค่าทางอาหารด้วยการฉีกเนื้อแห้ง (Biltong) ที่ซื้อมาจากสนามบิน รสชาติมันพิกล เค็มๆคาวๆ พอท้องอิ่มก็พร้อมเดินทาง

เราเดินจากแค้มป์ไปยังชายแดน ซึ่งต้องข้ามสะพานที่เมื่อวานเย็นเราไปถ่ายรูปน้ำตกไว้





เอกสารทุกอย่างต้องใส่ในถุงพลาสติกให้หมด เตรียมเสื้อกันฝนไปกันเป้ไม่ให้เปียก เพราะว่าละอองน้ำที่ฟุ้งและปลิวมันทำให้เราเปียกได้
หลังจากผ่าน ตม.ของ Zimbabwe เดินเข้าเขตไปยังฝั่ง Zambia คนไทยได้ visa on arrival โดยไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมแหละ แต่ถ้าเป็น อเมริกัน คนอังกฤษ ต้องเสียคนละ USD10

ทางเข้าอุทยาน Livingstone National Park ของฝั่ง Zambia อยู่ไม่ไกลจากด่านเท่าไหร่ น้ำตกฝั่งนี้เรียกว่าเป็นฝั่ง Eastern Contract ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาคนละ USD10 พอเดินเข้ามาก็เจออนุสาวรีย์ Dr. Livingstone หมอสอนศาสนาซึ่งเป็นชาวยุโรปคนแรกที่ได้มาเห็นน้ำตกและได้นำกลับไปเล่าให้คนอื่นได้รู้จัก ภายหลังชื่อของเค้า ได้กลายมาเป็นชื่อเมืองที่อุทยานนี้ตั้งอยู่



ปริมาณละอองน้ำที่ฟุ้งขึ้นและถูกพัดไปตามกระแสลมนั้นแรงขนาดเสื้อกันฝนเอาไม่อยู่ มันเหมือนเราเดินกลางสายฝนเลย (ดีที่เราเตรียมถุงกันน้ำไปเลย)




หลังจากเราก็เดินข้ามชายแดนกลับมาฝั่ง Zimbabwe . อีกที แล้วเราก็เดินเข้าไปในเขตอุทยาน Victoria falls national park ค่าธรรมเนียมเข้าอุทยาน คนละUSD20 ของฝั่ง Zimbabwe ซึ่งฝั่งนี้จะเปียกกว่า Zambia เพราะระยะทางเดินฝั่ง Zimbabwe นี่ต้องเดินผ่านช่วงยาวของน้ำตก ¾ ของน้ำตกทั้งหมดดังนั้นเวลาเดินฝั่งนี้จึงเห็นรุ้งเต็มไปหมด




กลับออกจากน้ำตกตอนเกือบห้าโมงเย็น ตอนนั้นประตูใกล้จะปิดแล้ว ระหว่างทางที่เดินกลับ แค้มป์ เราไปแวะตลาดขายของที่ระลึก สนุกสนานกับการต่อของมาก พ่อค้าบางคนชี้มาที่หมวกเราแล้วขอแลกกับของ (พอดีเพิ่งซื้อมาใหม่ๆเลยหวงไม่อยากให้ ) คนขายส่วนใหญ่อัธยาศัยดี ไม่น่ากลัว เหมือนหน้าตาเลยพอมีนักท่องเที่ยวเดินเข้ามาจะกรูกันเข้ามาขายของ ต่อราคากันจนงงเลย เดี๋ยว USD เดี๋ยว South African Rand หลังจากช้อปปิ้งจนเหนื่อย ก็แบกของกลับแค้มป์กัน
หมด




เย็นนั้นไปกินร้านที่แนะนำอยู่ใน lonely planet อยู่ไม่ห่างจาก แค้มป์เท่าไหร่ เราสั่งอาหารประหลาดมากินกัน mixed grill game meat ซื่งเราก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันมีตัวอะไรบ้าง กับพาสต้าอีกจานแบ่งกัน 3 คนมื้อนี้ตก USD 50

วันที่หก Outdoor Acitivities in Victoria Falls

วันนี้เราตั้งใจว่าจะไปซื้อแพคเกจของ Shearwater เราสามารถเลือกได้ 3 กิจกรรม ที่เลือกเหมือนกันก็มี นั่งเฮลิคอปเตอร์เพื่อขึ้นไปถ่ายรูปน้ำตกจากทางอากาศ

ตอนไปนั่งเฮลิคอปเตอร์ได้เจอสองสามีภรรยาชาวเยอรมัน ตัวสามีพอรู้ว่าเราเป็นคนไทยนะ เค้าดีใจมากเลย เค้าเล่าว่าเขาเคยมาเมืองไทยเมื่อ 40 ปีที่แล้วเป็นเพื่อเข้ามาถ่ายทำสารคดีเกี่ยวกับเมืองไทย เค้าบอกว่าทุกวันนี้เค้ากับภรรยายังชอบอาหารไทย และยังกลับมาเที่ยวเมืองไทยอยู่เลย ฟังแล้วรู้สึกดีจัง

วิวจากทางอากาศ มันสวยอีกแบบนึง เราได้เห็นน้ำที่มารวมกันเยอะก่อนที่จะตกลงมา เห็นละอองน้ำที่ฟุ้งเหมือนควัน เฮลิคอปเตอร์พาเราบินวน 15 นาที ให้เราได้ถ่ายรูป





กิจกรรมต่อไปคือJet Boat เนื่องจากตอนที่ไปเป็นช่วงหลังหน้าฝนทำให้น้ำเยอะไม่สามารถล่องแบบ raftingได้ ตอนนั้นเลยเปิดแต่ jet boat ซึ่งเป็นเรือแพยางแบบ มีเครื่องยนต์พาเราไปใกล้ๆน้ำตก ให้เปียกเล่นๆ



เราต้องเดินลงไปตามบันไดเหล็กเพื่อไปที่ริมแม่น้ำข้างล่าง ความสูงที่ไต่ลงก็เกือบๆ 100 เมตร ลงมาถึงขาอ่อนเลย พอลงไปถึงก็ใส่เสื้อชูชีพ แล้วก็ลงแพ



เค้าขับแพให้ไปใกล้ๆใต้น้ำตก ให้ละอองน้ำมันพัดมาตีหน้าให้เจ็บเล่น
แล้ว Mr.Funnyboy ไกด์ของกิจกรรมนี้ก็ชี้ให้ทุกคนดู boiling pot พอน้ำตกลงมามันมีอยู่จุดนึงที่เป็นเหมือนน้ำวนมองแล้วคล้ายน้ำกำลังเดือด



เสร็จก็ถึงเวลาไต่กระไดกลับขึ้นไปเล่นเอาขาอ่อนไปหมดเลย เหนื่อยซะเกือบจะเป็นลม

ส่วนกิจกรรมที่สามสองหนุ่มเค้าเลือก bungee jumping bungee jumpingที่นี่เป็นแบบ buffet คุณสามารถโดดกี่ครั้งก็ได้ในหนึ่งวัน เค้าบอกว่าสถิติสุงสุด 11 ครั้ง ความสูงของ แท่นที่กระโดดก็ 111 เมตร






ส่วนเรากลัวเลือดคั่งสมองตายไม่กล้าโดด เลยเลือกโปรแกรมทัวร์ walking with the pride (เดินเล่นกับลูกเจ้าป่า) ต้องนั่งรถไปที่อื่นเป็นที่เลี้ยงลูกสิงโต พอไปถึงเค้าก็จะสอนเราก่อนว่าอะไรบ้างที่ห้ามทำเวลาอยู่กับสิงโต เช่นห้ามก้มตัวลง ห้ามหันหลังวิ่ง อย่าห้อยแว่นกันแดดไว้ที่คอเสื้อ อย่าห้อยอะไรที่แกว่งไปมาที่คอ อย่าคาดแว่นไว้บนหัว ไม้ที่ไกด์จะแจกให้ทุกคนให้ชี้ลงพื้น ห้ามชี้ไปที่สิงโต ที่เค้าห้ามก็เพราะสิ่งเหล่านี้เป็นการกระตุ้นสัญชาติญาณมัน

ระหว่างนั้นเราก็ต้องนั่งรอเวลาให้ลูกสิงโตกินอิ่มก่อน (มันจะได้ไม่อยากกินอย่างอื่นอีกงัย ) ซึ่งลูกสิงโตที่เราเจอวันน้นมี 3 ตัวอายุไม่เกิน 2 ขวบ เค้าจะให้เรายืนเรียงหน้ากระดาน หันหน้าไปทางประตูที่ลูกสิงโตจะเดินออกมา ไกด์เค้าบอกว่าเดี๋ยวพอเค้าเปิดประตู ลูกสิงโตจะเข้ามาทักทายพวกเรา ให้ยืนเฉยๆ ถ้าใครเลี้ยงแมวจะรู้ใช่มั้ยว่า แมวมันทักเรายังงัย มันก็จะเดินเอาตัวมาถูข้างเรา สิงโตก็คือแมว(ยักษ์) กึงจะเรียกว่าลูกสิงโต แต่พอมันเดินเอาตัวมาถูเราที เกือบล้มเหมือนกัน แรงมันเยอะจริงๆ หลังจากทักทายกันแล้วก็ต้องรอจนกว่าพวกมันจะอารมณ์ดี อยากเดินเล่น คนเลี้ยงเค้าไม่มีการล่ามเชือกใดๆทั้งสิ้น เราจะเดินตามลูกสิงโตไปเรื่อยๆในทุ่งหญ้า มันหยุดเราก็หยุด มันเดินเราก็เดิน มีบางช่วงคนเลี้ยงเค้าจะบอกว่าตอนนี้เข้าไปถ่ายรูปใกล้ๆได้ ก็เป็นประสบการณ์แปลกอีกแบบ




เย็นนั้นกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารในแค้มป์ รสชาติดี และราคาไม่ได้ต่างจากร้านข้างนอกเลย (รู้งี้กินในนั้นแต่วันแรกแล้ว)



วันที่เจ็ด Zimbabwe – Jo’Burg

เราเรียก taxi มารับตอน 9 โมงเช้า เราเลยพอมีเวลาเดินเล่น ตอนแรกกะว่าจะส่งโปสการ์ด แต่ว่าไม่มีเงิน Zim$ เหลือพอที่จะซื้อแสตมป์ เพราะแสตมป์ดวงนึงราคา Zim$450,000 (ตกประมาณ USD 4) เราเลยไปขอให้เค้าช่วยประทับตราของ ไปรษณีย์เมือง Victoria Falls ให้แทน (เค้าก็งงๆเหมือนกันแต่ก็ปั๊มให้) ตราของเมืองนี้ก็จะเป็นรูปน้ำตก

หลังจากนั้นก็ไปเดินชมโรมแรมหรูย่านนั้น เพราะเมื่อวานตอนเราจะไปเดินเล่นกับสิงโต รถเค้าจะไปรับแขกที่ซื้อแพคเกจนี้ไว้ตามที่พักของแต่ละคน เราก็เลยเห็นโรงแรมสวยๆอยู่ที่นึง ชื่อ Victoria Falls Hotel เช้านี้เราเลยเข้าไปเดินเล่น ข้างในสวยจริงๆ (ราคาที่พักต่อคืนตกประมาณคืนละ USD280) เป็นโรงแรมแรกของเมืองนี้ อายุเกือบร้อยปีแล้ว และแขกที่มาพักก็เป็นพวก ราชวงศ์ และ celebrities จากทั่วโลก และวิวที่มองเห็นน้ำตกจากสนามหญ้าโรงแรม มันสวยจริงๆ






ในเที่ยวบินจาก Zimbabwe กลับไป Jo’Burg ทั้งลำมีผู้โดยสารแค่ 8 คนเอง

เมื่อเครื่องลงที่สนามบิน Johannesburg รถของ hostel ที่จองไว้ (recommended by lonely planet) ก็รออยู่แล้ว รถตู้ขับพาไปยังที่พัก ซึ่งเป็นบ้านสองชั้น ตกแต่งได้อย่างน่ารัก เจ้าของเป็นฝรั่งหนุ่มๆ สิ่งแรกที่ทำก็คือโทรหาบริษัทรถเช่า เพราะวันรุ่งขึ้นเราจะเข้าป่าท่องซาฟารี แต่รถจะมาส่งได้ตอนค่ำๆ พวกเราต้องการไปซื้อเสบียงสำหรับไป safari trip เลยเดินไปถามเจ้าของว่าซุปเปอร์อยู่ไหน เจ้าของบอกว่าให้คนขับรถเค้าขับไปส่งให้ แล้วถ้าเราซื้อของเสร็จแล้วให้โทรมาเรียกเค้าไปรับ เค้าไม่ให้พวกเราออกไปเดินเพราะมันไม่ปลอดภัย (เจ้าถิ่นเตือนไว้อย่างนี้มันก็ควรเชื่อฟัง) ซุปเปอร์มาร์เก็ตที่ Jo’burg ถ้าเราเอาถุงพลาสติกเค้าจะคิดเงินด้วย จะเห็นแม่บ้านส่วนใหญ่จะพกกระเป๋า หรือถุงไปเอง พอจ่ายเงินเสร็จก็เอาของลงถุงเลย

อาหารเย็นวันนี้พวกเราทำกินกันเอง เพราะที่ hostel มีห้องครัว (หลังจากหมดเงินกับ Victoria Falls trip ไปเยอะ เลยต้องประหยัดด้วยการทำกินเองบ้าง .....อิอิ)



Create Date : 07 เมษายน 2550
Last Update : 8 พฤษภาคม 2550 2:13:39 น. 6 comments
Counter : 2254 Pageviews.

 
จากตอน Final ทำให้ต้องตามมาอ่านตอนต้น ๆ ด้วย
ประทับใจมากค่ะ


โดย: ชิงดวง วันที่: 19 เมษายน 2550 เวลา:1:01:31 น.  

 
สวยค่ะ สวย ค่า ทริป ที่ Zimbamwe แพงมั๊ยค่ะ กำลังหาข้อมูลอยู่หมือนกัน ดูแล้วสูงพอสมควรนะค่ะ


โดย: แมวขี้อ้อน (แมวขี้อ้อน ) วันที่: 29 พฤษภาคม 2550 เวลา:18:12:30 น.  

 
อยากขอเบอร์ติดต่อสำหรับหรับขอสำเนาเอกสารข้อตกลงพิเศษทำวีซ่า on arrival ของซิมบับเวครับ ช่วยโพสต์ตอบหน่อยนะครับ


โดย: zebrazenith IP: 128.12.130.148 วันที่: 10 มีนาคม 2553 เวลา:4:28:21 น.  

 
ตอบคุณ zebrazenith
ไม่ได้เก็บเบอร์ไว้ค่ะ คุณลองsearch หาเบอร์สำนักงานของ ดร.เกรียงศักดิ์ เจริญวงศ์ศักดิ์ ดูนะคะ ท่านเป็นกงศุลกิติมศักด์ ตอนนั้นก็ได้เอกสารจากเจ้าหน้าที่ของท่านนั่นแหละค่ะ โทรไปแล้วเค้าก็แฟกซ์มาให้


โดย: princess gig วันที่: 20 มีนาคม 2553 เวลา:19:00:52 น.  

 
ขอบคุณค่ะ สำหรับเรื่องราวต่างๆที่นำมาเผยแพร่นะคะ
ลูกสาวกำลังจะไปเที่ยว Lusaca, Zambia ในวันที่ 17 ก.ค. 2012 นี้
คงได้รูปมาแชร์กันนะคะ


โดย: May IP: 115.87.202.69 วันที่: 15 กรกฎาคม 2555 เวลา:15:32:57 น.  

 
สวัสดีค่ะ ขอเข้ามาปรึกษาเรื่องขอวีซ่าเข้าประเทศซิมบับเว่ด้วยค่ะ คือเดินทางไปประเทศแอฟฟริกาใต้น่าจะ 20 กว่าครั้งแล้ว แต่เข้าง่ายไม่ต้องขอวีซ่าอยู่ได้ 1 เดือน แฟนเป็นฝรั่งชาวแอฟฟริกาให้ค่ะ แต่ไม่ได้แต่งงาน เคยขับรถหลงเข้ายังประเทศสวาซีแลนด์และเอโซโตเป็นประจำแต่ทุกครั้งขอก็จะให้ผ่านเหมือนชายแดนบ้านเราภายในวันเดียวต้องออกจากประเทศนั้นๆ แต่ยังไม่เคยเข้าประเทสซิบบับเว่เลยค่ะ พอดีแฟนจะพาไปเยี่ยมพี่ชายที่เป็นคนผิดขาวที่ยังอาศัยอยู่ในประเทศซิมบับเว่ แต่หาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตน้อยมากเลยค่ะ เลยไม่รู้ว่่าจะขอวีซ่าที่ไหน รบกวนขอคำแนะนำเพื่อนๆท่านไหนที่เคยเข้าประเทศซิบบับเว่ด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


โดย: Skinny IP: 27.145.152.3 วันที่: 30 มีนาคม 2556 เวลา:16:41:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

princess gig
Location :
Doha Qatar

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add princess gig's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.