เชียงราอะอะอะอาย : ดอยแม่สลอง → สามเหลี่ยมทองคำ
จะจบมั้ยเนี่ยทริปนี้ของดิชั้น ขยันจัดอัพเดือนละครั้ง ต่อจาก ตอนที่ 1 >> เชียงราอะอะอะอาย : เชียงราย → ดอยแม่สลอง โปรแกรมวันนี้ พระธาตุศรีนครินทร์ - วัดถ้ำป่าอาชาทอง - ดอยตุง - แม่สาย - สามเหลี่ยมทองคำ ความเดิมตอนที่แล้ว เราก็กินข้าวเย็นและเข้านอนกันแบบเย็นยะเยือกที่ดอยแม่สลอง เช้านี้เราจะไปรอดูพระอาทิตย์ขึ้นกันที่ 'พระธาตุศรีนครินทร์' หรือชื่อเต็มๆ ว่า 'พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี' อันพระธาตุนั้น รถขึ้นถึงนะจ๊ะ ถ้าไม่อยากลำบากและสาระร่างไม่พร้อม ก็ไปรถเถอะจ้ะอิพวกนี้มันไม่เจียมสังขาร ไปปีนกันแต่เช้าตรู่ บันไดขึ้นพระธาตุ 700 กว่าขั้น ขาตึงเอ็นยึดกันไป แต่แล้ว....พระอาทิตย์ก็ไม่ขึ้น ทำไม ทำไม ทำไม อยู่ดีๆ สว่างเฉยเลย พระอาทิตย์อยู่ไหนนนนน.... อย่างน้อยวิวที่ได้ชมก็ช่วยให้ชื่นใจได้บ้าง สวยงามดี หนาวมากด้วย ขึ้นไปกัน 6 คนต้ัองตั้งกล้องถ่ายรูปหมู่ มีหญิงนางหนึ่งไม่ยอมฝืนสังขารปีนบันไดขึ้นมา นั่งรออยู่ที่ศาลาตีนดอย เนื่องจากเป็นโรคกลัวความสูงและภูมิแพ้สภาพอันไม่สะดวก ที่ไหนสบายชั้นจะอยู่ที่นั่น ถ่ายรูป ชมวิวอะไรๆ เสร็จก็พาสาระร่างอันร่วงโรย ลงมาเดินตลาดเช้ากัน เรียกว่เดินผ่านมากกว่า เพราะเป็นทางผ่านกลับที่พักพอดี นัดพี่สองแถวมารอแล้ว เลยต้องรีบเ่ร่งนิดหน่อย แวะซื้อปลาท่องโก๋ไปกินบนรถ อร่ิอยดี หรือหิวมากอันนี้ไม่แน่ใจ ออกจากแม่สลองจุดแรกที่ไปก็คือ สำนักปฏิบัติธรรมถ้าป่าอาชาทอง ไปใส่บาตรพระขี่ม้ากัน ตอนแรกคิดว่าไม่ทันแล้ว เพราะเคยอ่านมาว่าเริ่มใส่บาตรตอน 8.30 น. แต่เราไปถึงเกือบ 9 โมงผู้คนรอใส่บาตรกันเยอะแยะมากมาย พระท่านก็ขี่ม้าวนรอบๆ ลานเพื่อรับบาตรดูแปลกๆ เหมือนกันนะ อาจเป็นเพราะญาติโยมมารอใส่ที่วัดกันเยอะแล้ว ท่านเลยรับบาตรเฉพาะในลานวัดแต่ก็ไม่แน่ใจว่าในวันปกติธรรมดาที่ไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว ท่านยังขี่ม้าไปบิณฑบาตรข้างนอกด้วยมั้ย??? โปรดสังเกตผมหน้าม้า บ้างก็แสกกลาง บ้างก็โมฮ็อก น่ารักมาก ทำบุญเสร็จไปทำสวยกันต่อที่ดอยตุง กาแฟแพงมากกกกกกกกกกก ไม่กล้ากินเหลือ มาตรฐานกาแฟไทยราคานี้นี่เอง ลดราคาหน่อยได้มั้ยคะจะได้อุดหนุนบ่อยกว่านี้ บางทีก็อยากจะไทยทำไทยใช้บ้าง แต่ทำไมราคาของไทยจึงแพงกว่าของนอกไทยจนๆ เช่นเราก็เลยต้องขอลา เอาเจอกันในโอกาสถูกหวย รวยโบนัส บริษัทพาไปเลี้ยงอะไรงี้ค่อยกิน ออกจากดอยตุงเกือบบ่ายโมงแล้ว มุ่งหน้าสู่แม่สาย ไฮไลท์ของวันนี้ ระหว่างทางแวะถ่ายรูปที่จุดชมวิวบ้างทุ่งทานตะวันบ้าง ไร่สตอเบอรี่บ้าง มาเชียงรายจังหวัดเดียวได้ครบหมด ถึงแล้วววววว....แม่สาย ก่อนออกนอกประเทศต้องแวะทำบัตรผ่านแดนที่ที่ว่าการอำเภอแม่สายกันก่อนก่อนหน้าที่เราจะไปกัน 1 วัน (15 ม.ค. 54) มีข่าววางระเบิดที่ว่าการอำเภอแม่สายด้วยญาติโทรถามไถ่กันให้เกรียวกราว แต่เราหาได้กลัวกันไม่ ไม่มีอะไรมาขัดขวางการช๊อปของชะเนแก่ได้แม้แต่ระเบิด ก่อนไปช๊อปเราก็ไปให้พม่าพาเที่ยวกันก่อน ตั้งใจกันไว้แล้วว่าจะไปนั่งสามล้อทัวร์เมืองกันคนละ 50 บาทต่อแล้วต่ออีก พี่พม่าก็ไม่ยอมลดราคา สงสัยหน้าตรูอยากไปมากมั้งเนี่ย คราวหลังต้องตีสีหน้าใหม่แระ ไปกันแค่ 2 ที่คือวัดพระหยก กับเจดีย์ชเวดากองจำลอง ตามโปรแกรมมีอีก 2 ที่คือหมู่บ้านกระเหรี่ยงกับคาสิโน(มั้ง) แต่เราไม่ค่อยอยาก ที่เจดีย์ชเวดากองร้อนมาก แดดเปรี้ยงๆ ขณะที่เรากำลังเดินไปไหว้พระประจำวันเกิดและถ่ายรูปรอบๆ เจดีย์อยู่นั้นก็ปรากฏกลุ่มเด็กๆ มารายล้อม บ้างก็มาให้คำแนะนำว่า ต้องไหว้อย่างนั้น ต้องทำอย่างนี้ รดน้ำกี่ขัน ตีระฆังกี่ทีบ้างก็มาเดินกางร่มให้โดยที่เรามิได้ร้องขอ พวกเราก็ไม่ได้คิดอะไร คิดว่าคงเหมือนตามแหล่งท่องเที่ยวของไทยที่มีมัคคุเทศน์น้อยมาคอยเป็นไกด์ให้นักท่องเที่ยวอะไรแบบนี้ ซึ่งปกติเรายินดีอยู่แล้วเวลามีน้องๆ มาเสนอตัวประมาณว่ารักเด็ก (โดยเฉพาะเด็กชาย) แต่ที่นี่น้องๆ ไม่รับตัง บอกว่าเป็นอาสาสมัครทำให้ฟรีๆแล้วก็เดินตามกางร่มให้เราไปทุกหนแห่ง จนสุดท้ายพอเราถ่ายรูปไหว้พระกันพอใจกำลังจะเดินออกน้องๆ ก็บอกว่าต้องไปไหว้พระ(อะไรซักอย่าง ขออภัยจำไม่ได้) ตรงศาลาใหญ่ ก่อนออกประูตู ใกล้ๆ ชั้นวางรองเท้าแล้วเราก็โดนเด็กต้อนเข้าไปในศาลาเพื่อไหว้พระ ทันใดนั้นก็ปรากฏพี่ป้าน้าอาของน้องๆ เหล่านี้หิ้วตะกร้าเอาของมารุมขายให้พวกเรา ถึงตอนนั้นก็ต้องช่วยซื้อกันไปแบบงงๆ ของไม่แพงมากมายหรอกจ้ะ เราก็ซื้อกันเล็กๆ น้อยๆ พอเป็นสินน้ำใจ แต่มาหลอกกันแบบนี้ พี่เสียความรู้สึกนะ สามล้อเอาเรามาส่งที่จุดเดิมตรงตลาด แล้วเราก็เข้าไปช๊อปกันอย่างเมามัน ในช่วงนั้นชุลมุนวุ่นวายจนไม่อาจยกกล้องถ่ายรูปได้ไม่มีรูปในตลาดแม้แต่ภาพเดียว เดิมทีเดียวเราตั้งใจกันว่าคืนนี้จะไปนอนที่เชียงของ แต่เราออกจากตลาดแม่สายเกือบหกโมงเย็นแล้วและพี่สองแถวบอกว่าถนนกำลังทำ ทางไม่ค่อยดีต้องเสียเวลาอ้อมอีก ให้เรานอนกันที่สามเหลี่ยมทองคำแทนสะดวกกว่าพวกเราก็ตกลงตามนั้น พี่สองแถวจึงพาไปหาที่พักแถวสามเหลี่ยม ที่พักมีเยอะเหมือนกัน ก็ทำการแยกย้ายกันไปดูบังเอิญเจอหญิงนางหนึ่งชื่อ 'นกแก้ว' นกแก้วเป็นเซลล์ขายทัวร์เรือ แต่นกแก้วพาเราไปหาที่พักด้วยระหว่างพาเดินนกแก้วก็ขายทัวร์ไปพลางไม่ให้เสียเวลา แล้วก็มาถึงรีสอร์ทแห่งนี้(ภาพนี้ถ่ายตอนเช้าอีกวัน เพราะเราไปถึงกันค่ำมากแล้ว) จริงๆ อยากนอนฝั่งที่อยู่ริมโขง แต่รีสอร์ทนี้อยู่คนละฝั่ง อยู่ในซอยข้างร้านราชบุรีโภชนา เราก็กะว่าดูๆ ไปก่อนแต่บังเอิญห้องพักโอเค และราคาต่อรองได้โอเคจึงตกลงเลือกพักที่นี่ บ้านอยู่เป็นสุขห้องพักเป็นแบบล้านนายังใหม่มากๆ เราเปิดสองห้องอยู่หลังเดียวกัน พักห้องละ 3 คน ราคาปกติไม่แน่ใจวันนั้นเค้าบอกห้องละ 1200 แต่เราต่อได้ 700/ห้อง เพราะเป็นวันอาทิตย์ การแย่งชิงลูกค้าแถวนั้นค่อนข้างสูง ดูรูปและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในบลอค บ้านอยู่เป็นสุข ขอบอกว่าที่เค้าโฆษณาไว้ในบลอคนั้น เป็นจริงทุกประการค่ะ ยกเว้น wifi ไม่ได้ลองเลยไม่รู้มีจริงป่าว เสร็จเรื่องที่นอนเราก็ไปหาที่กินกัน ไม่ต้องไปไหนไกลร้านราชบุรีโภชนาหน้าปากซอยอาหารอร่อยนะ แต่ใครกินเผ็ดไม่ได้ให้แจ้งเค้าก่อนด้วย มิฉะนั้นปากจะเบินโดยไม่ต้องอาศัยลิปปากเจ่อ คืนนั้นเราตกลงซื้อทัวร์กับนกแก้ว หลังจากได้ฟังเธอพรรณาโปรแกรมทัวร์อันอลังการให้ฟัง ตกลงนัดเจอกัน 08.00 น. วันรุ่งขึ้นโปรดติดตามตอนต่อไป.....