Group Blog
All Blog
|
ตะลอนเที่ยว ตะลอนทัวร์ รอบจังหวัดกระบี่ ตอนที่ 2 (ตอนจบ) พาไปเที่ยวกันต่อคะ ไปที่เที่ยวฮอตฮิตของจังหวัดกระบี่กันบ้าง วันนี้ตั้งใจจะออกไปเก็บสถานที่ท่องเที่ยวไกลๆ ตัวเมืองกันบ้าง นั้นคือ "สระมรกต" และ "พิพิธภัณฑสถานคลองท่อม" คะ เราวางแผนขี่มอไซต์ออกจากที่พักแต่เช้ามืดโดยไปแวะที่ "หนองทะเล" ก่อนคะ เราอาศัยสอบถามจากเจ้าหน้าที่ ที่พักและถามชาวบ้านระหว่างทางเอาว่าหนองทะเลไปทางไหน อยู่ตรงไหน เพราะเราเองทั้งคู่ไม่มีใครรู้จักเลยคะ จำได้ว่าพอมาถึงถนนใหญ่ที่มีรั้วแบบนี้ ให้มองมาอีกฝั่งจะเป็นซอยเข้าหมู่บ้าน/ชุมชนของชาวบ้านแถบนั้นคะ จำร้านส้มตำจ๊ะแอ๋วก็ได้นะคะ (ถ้ายังไม่ปิดบริการเสียก่อนนะ) ขับเขามาประมาณ 500 เมตร จะมีป้ายบอกแบบนี้คะ แสดงว่าเรามาบ้านหนองทะเลถูกแล้ว ก็ขับตรงไปเรื่อยๆ แล้วจะมีทางเลี้ยงเข้าไปในซอกเล็ก มองไปสามารถเห็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ได้คะ แต่...วันที่เราไปนั้นเป็นช่วงปลายมรสุมเลยยังมีพายุฝนอยู่ ทำให้ทางเข้าไปชมวิวหนองทะเลของเราเป็นแบบนี้ น้ำท่วมล้นตลิ่ง มองไม่เห็นขอบตลิ่งเลย เราต้องเดินลุยน้ำเข้าไปเพื่อไปชมหนองทะเล มันคงจะดีกว่านี้ถ้าน้ำไม่ท่วม แงๆๆ กว่าจะเดินจากปากซอยเข้ามาถึงจุดนี้ก็นะ ขาเปียกไปหมด พอแดดเริ่มมายิ่งสวยคะ เสียดายมาก รอบหน้าจะมาแก้ตัวใหม่ ฝูงเป็ดเริ่มออกมาเล่นน้ำกันแล้ว แต่เช้าเลย ออกจากหนองทะเลเรามุ่งหน้าตรงไปยัง "สระมรกต" กันคะ สระมรกตอยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 60 กิโล ขี่มอไซต์กันหน้าชาเลยที่เดียวกว่าจะถึง ต้องเสียค่าเข้าชมก่อนนะจ๊ะ จากหน้าประตูเราต้องเดินเข้าไปอีก 800 เมตร (เล่นเอาลิ้นห้อยเหมือนกัน) กว่าจะถึงจุดนี้ขาสั่นเลยคะ 555 จำได้ว่าเราเดินทางมาถึงสระมรกตประมาณ 7.30 - 08.00 น. เริ่มมีคนมาเล่นน้ำแล้วคะ เราต้องรีบเซลฟี่กันก่อนที่คนจะมาเยอะกว่านี้ ลานหินกว้างๆ ที่เห็นคือ ลานชมพู่น้ำคะ ไม่กล้าเดินไปละ พื้นลื่นมาก ไหนๆก็มาแล้วขอเข้าไปชมสระน้ำผุดเสียหน่อย เราต้องเดินตามทางนี้ไปเรื่อยๆ จากทางคอนกรีตจะเริ่มเปลี่ยนเป็นป่าดื้บชื้นคะ รองเท้าเลอะโคลนหมดเลย เศร้า กว่าจะถึงสระน้ำผุดนี่ เล่นเอาเหงื่อโชกเต็มตัวกันเลยทีเดียว กลับมาจากสระน้ำผุดต้องมาล้างโคลนออกจากรองเท้าอีก น้ำตกตรงสระมรกตนี้ลื่นมากนะคะ นายแบบนี้ล้มก้นจุ่มน้ำไปแล้ว จากสระมรกตเราแวะไปเที่ยวต่อที่ "น้ำตกร้อน" คะ ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันมาก มาแล้วต้องเก็บที่เที่ยวให้คุ้ม เสียค่าจอดมอไซต์ 5 บาท ก็เข้าไปเที่ยวได้เลยคะ ทางเดินร่มรื่นมาก เดินเข้าไปไม่ไกลเหมือนสะมรกตคะ จุดนี้แค่ไปยืนไอร้อนก็ขึ้นมากระทบผิวกายแล้ว เราเดินไปจนถึงจุดนี้คะ ข้างหลังเราจะเป็นแอ่งเล็กๆ ให้คนแช่ตัว น้ำตรงนี้ไม่รู้ร้อนรึเปล่าไม่กล้าจุ่มคะ น้ำสีแดงเกิน จุดนี้แหละมุมยอดฮิตของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ น้ำอุ่นมาก ร้อนนิดหน่อย มีปลาตัวเล็กๆ ว่ายอยู่ด้วนนะ บริเวณลำธารนี้ก็จะมีไอร้อนพุ่งขึ้นมา จากจุดนี้เราก็เดินวนออกแล้วคะ ไปต่อกันที่ "พิพิธภัณฑสถานคลองท่อม" คะ ตั้งอยู่บนถนนเพชรเกษม หลักกิโลเมตรที่ 71-72 ห่างจากที่ว่าการอำเภอคลองท่อมประมาณ 1 กิโลเมตร เราอยากมาที่นี้มาก ชอบประวัติศาสตร์ ชอบของเก่านะ มีเวลาเปิด ปิด บริการด้วยดูเวลาดีๆ นะคะ เรามาตอนเที่ยงต้องมานั่งรอนานเลย ก่อตั้งโดยพระครูอาทรสังวรกิจ เจ้าอาวาสวัดคลองท่อม เพื่อเป็นสถานที่เก็บลูกปัดและวัตถุโบราณ ภายในพิพิธภัณฑสถานฯ กว้างขวางพอสมควร และสะอาดมาก ขนาดมีแค่เรา 2 คนเดินชม แกยังเปิดแอร์บริการทุกชั้นเลย ชั้น 1 จะมีอบร์ดนิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมา การขุดค้น สถานที่ค้นพบลูกปัด ฯลฯ อีกมากคะ สิ่งนี้เรียกว่าฟันของ "ปลาฉนาก" ซึ่งเป็นปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ จำพวกเดียวกับปลากระเบนคะ น่าจะสูญพันธุ์ไปนานแล้ว ในพิพิธภัณฑสถานฯ ชั้นบนจะมีสิ่งของมีค่า โบราณจัดแสดงมากมายคะ เราไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูนะคะ เกรงใจเขา หลังชมพิพิธภัณฑสถานฯ เสร็จเราก็ไปดูร้านที่เขาว่ายังมีการขายลูกปัดโบราณอยู่คะ เป็นร้านที่เนียนมาก คนแถวนั้นเขารู้กัน เขาบอกว่าลูกปัดที่ขุดมาต้องนำมาแช่น้ำก่อนร้อยขาย สอบถามราคาเข้าบอกว่าถ้าอยากเอาไปร้อยเองขายฝาละ 1500 บาท ถ้าเป็นเส้นร้อยเรียบร้อยแล้ว ราคาแล้วแต่ขนาดคะ เส้นละ 2,000 ขึ้นไป เขาบอกว่าเส้นนี้ขาย 3,000 คะ เอิ่ม...คิดเหรอว่าเราจะซื้อ จะแน่ใจได้มากน้อยแค่ไหนคะว่าของจริง ป่านนี้ลูกปัดคลองท่อมจริงๆ ถูกขายกระจัดกระจายไปหมดแล้ว เราขอดูอย่างเดียวพอคะ วันต่อมาเราก็ย้อนกลับไปเที่ยวที่ "ป่าพรุ ท่าปอม คลองสองน้ำ" คะ ตั้งอยู่ที่ ต.เขาคราม เป็นแหล่งศึกษาเชิงนิเวศวิทยา เพื่อเรียนรู้ความสมบูรณ์ของธรรมชาติในแง่ของทางน้ำใต้ดิน และพืชพรรณที่สามารถเจริญเติบโตได้ทั้งในน้ำและบนดิน ค่าเข้าคนละ 20 บาทเอง เจ้าหน้าที่บอกว่าต้นนี้คือ ต้นบุกคะ นกชอบกิน ทางเดินเข้าไปเที่ยวป่าพรุค่อนข้างร่มรื่นบางจุดคะ น้ำใสและเย็นมากคะ เขาห้ามลงเล่นน้ำ แต่ละจุดจะมีเจ้าหน้าที่นั่งเฝ้าเพื่อไม่ให้คนลงเล่นน้ำคะ จุดที่สามารถเล่นน้ำได้จะอยู่ใกล้กับจุดที่ขายตั๋วนะคะ เป็นเหมือนคลองเล็กๆ น้ำค่อนข้างขุ่น ไม่น่าเล่นเลย วันถัดไปเราก็เหมาเรือไปเที่ยว "ถ้ำเขาขนาบน้ำ" กับทานอาหารที่กระชังปลาที่เกาะกลาง เหมาเรือไป 500 บาท อยู่นานแค่ไหนก็ได้ เราล่อไป 2 ที่เกือบค่อนวันคะ (นานตรงไปทานอาหารนี้แหละ) สักพักฝนเริ่มมา แต่ตกไม่แรงนะคะ ลุงเจ้าของเรือพาไปชมถ้ำเขาขนาบน้ำก่อนเลย บริเวณปากถ้ำค้างคาวใหญ่คะ เหม็นกลิ่นค้างคาวมาก ทางขึ้นไปชมถ้ำเขาขนาบน้ำคะ ตามมาเลยคะถ้ำที่ว่าในอดีตทหารญี่ปุ่นมาแอบอาศัย ซุ่มอยู่ ภายในถ้ำกว้างและใหญ่มาก มีค้างคาวอาศัยอยู่ด้วย ภายในจำลองวิถี ชีวิตความเป็นอยู่ของมนุษย์ในอดีต และการใช้ชีวิตของทหารญี่ปุ่นในช่วงนั้น มีการจำลองภาพเขียนสีโบราณด้วยคะ ก่อนกลับลุงเจ้าของเรือใจดี ถอดสร้อยลูกปัดคลองท่อมให้ดูด้วย แฟนเราเอามาใส่โชว์เลยคุณลุงไม่หวง จริงๆ แล้วจังหวัดกระบี่ยังมีสถานที่เที่ยวอีกมากนะคะ เรายังเก็บไม่หมดเลย มา 1 อาทิตย์เก็บที่เที่ยวได้ขนาดนี้ก็ดีใจมากแล้วคะ thx u crab
โดย: Kavanich96 วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา:3:56:27 น.
|
Emmy Journey พากิน พาเที่ยว
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?] จับกล้องท่องเที่ยวไปกับการเดินทางของฉัน ด้วยการถ่ายภาพที่ใช้อารมณ์ และหัวใจ มากกว่าเทคนิคและกฏเกณฑ์ /Step by step with my journey. Page : Emmy Journey พากิน พาเที่ยว https://www.facebook.com/EmmyJourney Blog : https://emilia0412.bloggang.com ** ขอสงวนสิทธิ์ *** ข้อมูลทั้งหมด อันรวมถึงข้อความและรูปภาพที่ปรากฏอยู่บน https://emilia0412.bloggang.com ห้ามมิให้ผู้ใดเผยแพร่ ลอกเลียน ทำซ้ำ หรือแก้ไข ไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน ด้วยวิธีการใดๆ โดยมิได้รับการยินยอมจากเจ้าของบล๊อก |