ทะเล ภูเขา ป่าไม้ สายน้ำ ธรรมชาติ บ้านของเรา

มันคือ"อัตตา"ใช่ไหม? ใครก็ได้ช่วยตอบที

มันคือ “อัตตา” ใช่ไหม? ใครก็ได้ช่วยตอบที
“มนุษย์เป็นสัตว์สังคมมีความต้องการการยอมรับของสังคม ต้องอยู่ในสังคมอย่างมีเกียรติสมกับฐานะของตนเอง เรียกว่าอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ถ้าศักดิ์ศรีถูกย่ำยีเมื่อใดมนุษย์บุคคลนั้นก็จะออกมาต่อสู้เพื่อรักษาศักดิ์ศรีและเกียรติยศของตนเอง”
นับเป็นวิบากกรรมของชีวิตการทำงานอีกครั้งหนึ่งของผมที่ถือว่าหนักเอาการ รองจากเรื่องการแต่งตั้งรุ่นน้องข้ามหัวผมและเพื่อนสมัยที่อยู่ที่กรมป่าไม้จนทำให้ผมต้องขอย้ายหนีความอัปยศในครั้งนั้นมาอยู่ที่กรมอุทยานฯ จะครบ ๔ ปีเต็มในวันที่ ๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๕นี้ ครั้งนี้ก็คล้ายกันถึงแม้จะไม่หนักเท่าแต่ก็ทำเอาผมซวนเซเหมือนกัน
ผ.อ.ส่วนฯ ผู้ที่กำลังบ้าและหลงในตำแหน่งหัวโขนที่เพิ่งจะได้รับมาใหม่ พูดเปรยๆ ๒ - ๓ ครั้ง ในที่ประชุมครั้งก่อนหน้าว่าจะลดหน้าที่ผมให้ทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายเพียงฝ่ายเดียว ปัจจุบันผมทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายวิทยุกระจายเสียงและหัวหน้าฝ่ายแผนและงบประมาณ และเมื่อปลายเดือนกันยายนได้เรียกผมไปคุยอีกครั้งในเรื่องนี้ ซึ่งสรุปผลไม่ได้เพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง ทิ้งค้างไว้ให้คุกรุ่นในใจเป็นเวลาแรมเดือนแล้ว และก็เป็นสาเหตุให้ผมหลบหน้าไม่อยากเจอหน้า ผ.อ.คนนี้อีก คิดถึงขั้นว่าจะหยุดการทำงานทั้งหมดจนกว่าจะเปลี่ยน ผ.อ. เก็บมันสมองไว้ทำในยุค ผ.อ.คนอื่นจะดีเสียกว่า แต่จิตสำนึกอีกซีกก็ค้านว่า คนเราจะแค่ไหน จะอย่างไร ก็ต้องทำงานถ้าไม่ทำงานก็เหมือนฆ่าตัวเอง เรามีเวลาอยู่บนโลกใบนี้ได้ไม่นานนักและเวลาก็หมดไปทุกวี่วัน เราจะหยุดทำงานได้อย่างไร? มันไม่ใช่ตัวเรา
ผมเตรียมใจมานานนับเดือน และรู้ว่าจะต้องถึงวันนี้ ๙ ตุลาคม ๒๕๕๕ คือวันที่เขาเรียกประชุมข้าราชการทั้งหมด และหนึ่งในวาระการประชุมเป็นเรื่องจัดโครงสร้างที่อุปโลกขึ้นเองโดยส่วนฯ ว่าจะแบ่งกลุ่มฝ่ายกันอย่างไรวันนี้ และนั่นก็คือการปลดผมออกจากการเป็นหัวหน้าฝ่ายแผนและงบประมาณ ซึ่งผมรับไม่ได้ ผมผิดอะไรจึงมาปลดผมออก การจะปรับเปลี่ยนแผนที่ทำกันมากว่า ๒๐-๓๐ ปี ต้องใช้เวลา และผมกำลังตั้งใจทำอยู่ด้วยความหวังที่รอมานาน จู่ๆ ก็มาปลดผมกลางคันแบบนี้ยอมไม่ได้ คนเราต้องอยู่อย่างมีศักดิ์ศรี ทำอย่างนี้กับผมได้อย่างไร นึกอยากจะให้เป็นก็ไปเชื้อเชิญให้ผมมาเป็น พอมีเด็กทำงานสนองตัวเองได้ก็ถีบหัวผมส่ง
ผ.อ.ส่วนฯ โจทย์ของผมเปิดประชุมและมอบให้เลขาฯที่ประชุมคือลูกน้องผมที่เพิ่งบรรจุข้าราชการใหม่ได้เพียง ปีเศษ แต่พัฒนาอย่างรวดเร็วผิดวิสัย ข้ามขั้นเข้าตา ผ.อ.คนนี้ คงเล็งเห็นว่าน่าจะทำหน้าที่สนองตอบตนเองได้มากกว่าผมแน่ๆ จึงโปรดปรานลูกน้องผมคนนี้เป็นพิเศษ
ทันทีที่ลูกน้องผมที่กำลังจะเป็นอดีตลูกน้อง และอนาคตไม่รู้จะมาเป็นหัวหน้าผมหรือเปล่า (แค่คิดก็บ้าไปกันใหญ่แล้ว) ทำหน้าที่เลขาที่ประชุมจะชี้แจงงบประมาณของส่วนฯปี ๕๖ ผมก็เสนอให้ที่ประชุมควรจะปลดผมออกจากการเป็นหัวหน้าฝ่ายแผนและงบประมาณก่อน เพราะไม่เช่นนั้นคนที่จะชี้แจงงบประมาณควรจะเป็นผมไม่ใช่ลูกน้องผม
ผมไม่หยุดแค่นั้น ความอัดอั้นที่เก็บมานานร่วมเดือนปะทุทันทีเหมือนภูเขาไฟระเบิดโพล่งพ่นสายลาวาแผดเผาทุกสิ่งให้มอดไหม้เป็นจุลในพริบตา
ผมขอบอกให้ที่ประชุมรับรู้ว่า ผมเป็นคนตั้งใจจริง คิดดีกับงานและเพื่อนร่วมงานทุกคน ไม่เคยคิดร้ายให้ร้ายใคร แต่ผมไม่ทราบว่าทำไมเหตุการณ์ทั้งหลายที่ประเดประดังเข้ามาหาผมสารพัดไม่ว่าจะกระทำโดยบุคคล กลุ่มบุคคล โดยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม จนในที่สุดก็คือการปลดผมออกจากการเป็นหัวหน้าฝ่ายแผนและงบประมาณในวันนี้ เพราะอะไร ผมไม่เข้าใจ
ยังมีอะไรอีกมากมายเกี่ยวกับแผนและงบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ที่ผมตั้งใจและเฝ้ารอโอกาสที่จะได้เข้ามาทำ ซึ่งเป็นแผนและงบประมาณที่ผมเห็นปฏิบัติกันแบบนี้มาตั้งแต่ผมเริ่มเข้ามารับราชการที่นี่ ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ครึ่งหนึ่งของงบประมาณของส่วนฯถูกส่งไปภูมิภาคเป็นเบี้ยหัวแตกหาประสิทธิผลไม่ได้ แต่ผมก็ทำอะไรไม่ได้เพราะว่าคนเก่าเขายังทำอยู่ ผมเสียดายเงินงบประมาณ ควรจะมีการปรับและจัดสรรให้สอดคล้องกับงานและบุคลากร ทันทีที่คนเก่าเออรี่รีไทม์ออกไป ผ.อ.คนนี้แหล่ะมาทาบทามให้ผมทำหน้าที่หัวหน้าฝ่ายเมื่อวันเกิดกรมปีที่แล้ว ผมใช้เวลาการพิจารณาว่าจะรับหรือไม่รับอยู่ไม่นานนัก เพราะเห็นว่าเป็นโอกาสดีที่ผมจะเข้าไปดำเนินการสิ่งที่ผมตั้งใจจะทำมานานแล้ว ถึงแม้จะร้างเวทีแผนและงบประมาณมานานพอควร ตั้งใจว่าจะทำเรื่องหลักเร่งด่วนก่อน คือการให้ทุกกลุ่มฝ่ายจัดทำแผนและงบประมาณของตัวเอง จะได้รู้ว่าแผนงานและแผนเงินของตัวเองนั้นทำอะไรที่ไหนอย่างไร ไม่รู้ทิศทาง ไม่มีแบบแผนเหมือนของเดิมที่ทำอยู่ ถ้าทำได้จะรวบเงินงบประมาณที่ส่งไปภูมิภาคมาจัดสรรเสียใหม่โดยพิจารณาเป็นเขตๆ ไป ตามความต้องการ ความจำเป็น และตามประสิทธิภาพขององค์กรในส่วนภูมิภาค
จะเร่งรัดขออัตรากำลังเจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์โดยตรงส่งไปสังกัดส่วนภูมิภาค อย่างน้อย เขตละ ๑ คน พร้อมทั้งขอครุภัณฑ์ วัสดุอุปกรณ์เพื่อการประชาสัมพันธ์
ยังมีอีกมากมายเรื่องของแผนและงบประมาณด้านการประชาสัมพันธ์ ซึ่งต้องค่อยๆคิด ค่อยๆทำใช่ว่าจะทำให้เสร็จในปีเดียวเป็นไปไม่ได้ สิ่งที่ผมทำสำเร็จไปแล้วคือข้อแรกเท่านั้น ข้อต่อๆมา ต้องใช้เวลาในการสำรวจประเมินแผน/ผลของแต่ละหน่วยงานอย่างละเอียดและรอบครอบ ยังไม่ถึงไหนเลยก็มาปลดผมกลางคัน ผมบอกกับที่ประชุมว่า ผมขอชี้แจงและผมจะไม่ตอบโต้การซักกลับ ผมเบื่อที่มานั่งเถียงกัน ไม่เป็นไร ผมจะเก็บความตั้งใจของผมไว้ทำเมื่อถึงเวลาถ้ามีโอกาสได้กลับมาทำ ผมคิดว่าที่ประชุมซึ่งเป็นปัญญาชนกันทั้งนั้นคงเข้าใจสิ่งที่ผมพูดหมายถึงอะไร มันคือวิสัยทัศน์ของแต่ละคนเป็นสิ่งที่บอกและสอนกันไม่ได้ หลังจากนี้จะทำอะไรกับผมก็เชิญ
ผมลุกจากที่ประชุมทันทีหลังจากที่พลุ่งโพล่งความกดดันออกไป มันเหมือนหัวไฟได้ระเบิดออกไปแล้วหลังจากนี้ก็เป็นความร้อนรุ่มที่รุมเร้าจิตใจให้ยังคงขุ่นข้องอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็มานั่งครุ่นคิดถามตัวเองว่า “สิ่งที่เราทำลงไปเพราะตัวเรายึดติดในอัตตา ใช่ไหม?”
ใครก็ได้ช่วยตอบผมทีเถิดครับ...

   




 

Create Date : 15 ตุลาคม 2555
0 comments
Last Update : 29 มกราคม 2557 8:59:15 น.
Counter : 1099 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


story_dnp
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




http://i11.photobucket.com/albums/a171/merrymod/flower01.gif
New Comments
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
15 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add story_dnp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.