ทะเล ภูเขา ป่าไม้ สายน้ำ ธรรมชาติ บ้านของเรา
ฟั่นเฟือน



เช้าวันจันทร์บริเวณโรงพยาบาลพลุกพล่านด้วยผู้คน เดินกันขวักไขว่ แววตาสีหน้าของแต่ละคนเต็มไปด้วยความกังวล ไม่สดใส ผมไม่รู้ว่าผมมาอยู่ที่นี่นานแค่ไหนแล้ว แต่ความรู้สึกของผมว่าเวลามันช่างเนิ่นนานเสียเหลือเกิน

เสร็จจากอาหารเช้าและรับยาจากพยาบาลเรียบร้อยผมอยู่ในชุดของโรงพยาบาลกางเกงเป็นแบบหูรูดผูกปมที่เอว เสื้อคอปาดแขนสั้นสีขาวหม่น ดูเผินๆก็เหมือนกันหมด แต่มีสิ่งที่บอกให้รู้ว่าชุดที่ผมสวมใส่อยู่นั้นไม่เหมือนชุดของคนไข้ปกติทั่วๆไป !!!

ผมตั้งใจว่าจะเดินไปเยี่ยมพี่ที่อยู่หมู่บ้านเดียวกันสนิทกันมากแกเป็นนักดนตรีฝีมือการเล่นกีตาร์มือฉกาจและเป็นต้นแบบให้ผมหัดเล่นกีตาร์ตามอย่างแก ได้ยินข่าวว่าแกรถมอเตอร์ไซด์แหกโค้งชนหลักซีเมนต์ข้างทางขาหักมานอนอยู่ที่โรงพยาบาลนี้หลายวันแล้ว น่าจะนอนอยู่ตึกศัลยกรรม คนไข้จากอุบัติเหตุจะต้องมานอนที่ตึกศัลยกรรมนี้หลังจากผ่านการรักษาเบื้องต้นจากห้องฉุกเฉินมาแล้ว

ผมค่อยๆออกเดินจากตึกที่ผมมาพักอยู่ไปตามทางเดินระหว่างตึกต่างๆของโรงพยาบาลเป็นทางเดินคอนกรีตยกสูงสัก 50 เซนติเมตรกว้างประมาณ 2 เมตร มีราวเหล็กตลอดสองข้างมีหลังคากันแดดและฝน สายตาผู้คนที่เดินสวนทางกับผมมา หลายคนเพ่งมองผมสายตาฉงน บางคนมองผมเลยผ่านไปเหมือนผมเป็นอากาศ หลายคนหลบหลีกไปจนติดราวเหล็กขอบทางเดินจ้องผมด้วยสายตาเหมือนกลัวอะไรสักอย่าง ผมส่งยิ้มละไมให้กับทุกคน ผมยังคิดว่าทำไมไม่มีมนุษย์สัมพันธ์เลย อุตส่าห์ส่งยิ้มให้ด้วยไมตรี บางคนซุบซิบพยักพเยิด พากันมองมาทางผม ทำให้ผมชักอึดอัดใจ เอ๊ะเราทำอะไรผิดหรือ? ทำไมมองเราด้วยสายตาอย่างนั้น

เหลียวมองรอบกาย ผู้คนที่เดินมาพร้อมๆกับผมเริ่มทิ้งห่างจากผมเกือบสิบเมตร ข้างหน้าเมื่อผมเดินต่อไป บ้างก็หยุดชะลอบางคนหันหลังกลับก็มี ผมตัดกังวลไม่สนใจ ก้าวเดินต่อไปอย่างมั่นใจ เป้าหมายคือตึกศัลยกรรมที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าอีกไม่ถึงร้อยเมตร

ผมเหลียวมองหลังอีกที เห็นชายร่างกำยำ บึกบึน เร่งเดินมาทางเดียวกับผม เขาจะรีบไปไหน คงมีธุระด่วนกระมัง แต่เอ๊ะ หน้าคุ้นๆ นั่นบุรุษพยาบาลตึกที่เราพักอยู่นี่นาเขาจะมาตามเราหรือ แต่เราทำภารกิจทุกอย่างตามที่บอกเสร็จเรียบร้อยแล้วนี่ จะมาตามเราไปทำอะไรอีกล่ะ ขอเราไปธุระส่วนตัวสักประเดี๋ยวไม่ได้หรือไง จะไปเยี่ยมพี่ที่อยู่บ้านเดียวกันก็เท่านั้น เดี๋ยวเขาจะว่าไม่มีน้ำใจอยู่โรงพยาบาลเดียวกันแท้ๆ

อย่าหวังเลยว่าจะมาตามผมกลับง่ายๆ จะมาริดรอนสิทธิส่วนตัวผมได้อย่างไร ผมเร่งฝีเท้าให้เร็วยิ่งขึ้น เขาก็ยิ่งเร่งเท้าตามใกล้เข้ามาจนเกือบจะถึงตัวผม ไม่ได้การละจะมาจับผมง่ายๆไม่มีทาง

ผมออกวิ่งทันที วิ่งให้เร็วที่สุดเท่าที่กำลังของตัวเองมี เพื่อให้รอดพ้นจากการวิ่งไล่ตามของบุรุษพยาบาลร่างกำยำคนนั้น วิ่ง ๆๆ ๆ สายตาผู้คนที่อยู่บริเวณนั้นหันมามองผมและบุรุษพยาบาลที่กำลังวิ่งไล่กวดกันชุลมุน ลุ้นว่าจะจับได้หรือไม่

“ช่วยจับด้วย คนไข้หนี” เสียงบุรุษพยาบาลตะโกนไล่หลังผมมา เสียงฝีเท้าสับถี่รัวราวนักวิ่งร้อยเมตร

ผมวิ่งมาไกลเท่าไรไม่รู้ เรี่ยวแรงยังพอมี วิ่งฝ่าผู้คนที่เดินสวนทางมาและที่เดินอ้อยอิ่งไปทางเดียวกับผม ผมไม่มีเวลาสังเกตว่ามีใครอยู่ตรงไหนบ้าง

ทันใดนั้น ผมก็รู้สึกเหมือนของแข็งกระแทกเข้าที่ท้องอย่างแรง จุกเสียดท้องทันที แน่นอึดอัดหายใจไม่ออก ตัวเกร็ง หมดเรี่ยวแรงขาอ่อน โอ... ผมไม่ได้สังเกตเลยว่าระหว่างทางที่ผมวิ่งไปนั้นสวนทางกับสารวัตรทหารสองคนเดินตรวจตราดูแลความสงบในบริเวณโรงพยาบาล กระแทกผมด้วยพานท้ายปืนเข้าตรงลิ้นปี่ผมเต็มๆ แบบไม่ทันระวังตัว บุรุษพยาบาลวิ่งมาทันพอดี ทั้งสามคนช่วยกันหิ้วตัวผมกลับไปที่ตึกอย่างรวดเร็ว

ผมสิ้นอิสระภาพทันทีที่ถึงตึก ถูกพันธนาการด้วยสายรัดติดกับเตียงคนไข้ห้องฉุกเฉินของตึก เสื้อคอปาดแขนสั้นสีขาวหม่นสกรีนอักษร"จิตเวช"เด่นชัดตลอดลำตัวต้นเหตุที่ทำให้ผู้คนทั่วไปมองผมอย่างวิตก ถูกเปลี่ยนเป็นเสื้อสำหรับการถูกปฏิบัติการทางการแพทย์ที่ผมกำลังจะเจอในอีกไม่กีวินาทีข้างหน้า พยาบาลสามสี่คนพากันมารุมล้อมผมพร้อมด้วยอุปกรณ์บางอย่างที่ผมไม่ทราบมีสายไฟฟ้าระโยงระยางพ่วงติดกับแผ่นยางกลมๆมาติดตามศีรษะผม

ทันใดนั้นร่างผมก็สะท้าน เกร็งไปทั้งตัว จากกระแสไฟฟ้าที่พยาบาลปล่อยเข้าสู่ศีรษะของประมาณ 5 วินาทีแล้วเว้นช่วง แต่ละ 5 วินาทีมันยาวนานราวกัปกัลป์ในความรู้สึกของผม แทบหมดลมหายใจ หมดแรงอ่อนเปลี้ย ไม่มีเรี่ยวแรงแม้แต่จะขยับแขนขา หมดสิทธิดิ้นรนขัดขืน รู้สึกได้ถึงความทรมานแทบขาดใจ พยาบาลทำซ้ำอย่างนั้น 2-3 ครั้ง จากนั้นผมก็ไม่รับรู้สัมผัสใดๆอีก

จิตแพทย์บอกว่าเป็นวิธีการรักษาที่รุนแรงแต่ดีที่สุดสำหรับคนไข้ที่มีอาการแบบนี้ กระแสไฟจะเข้าไปปรับการสั่งงานของสมองให้หลั่งสารออกมาเหมือนคนปกติทั่วไป หลังจากการช็อตสมองด้วยไฟฟ้า คนไข้จะสลึมสลือ จำอะไรไม่ได้ลืมทุกสิ่งทุกอย่าง จากนั้นรักษาด้วยยาอีกทางหนึ่ง คนไข้จะค่อยๆ ดีขึ้น หากช็อตแล้วไม่หายหรือไม่ดีขึ้น นั่นหมายความว่าอาจจะฟั่นเฟือน สติไม่ดีตลอดกาล




Create Date : 22 พฤษภาคม 2554
Last Update : 26 สิงหาคม 2556 13:53:07 น. 0 comments
Counter : 995 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะ VIP Friend
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

story_dnp
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




http://i11.photobucket.com/albums/a171/merrymod/flower01.gif
New Comments
Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2554
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
293031 
 
22 พฤษภาคม 2554
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add story_dnp's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.