|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 |
6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 |
13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 |
20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 |
27 | 28 | 29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
เมื่อน้ำท่วมเป็นทะเล
ทะเลใจ... ตุ๊กตา&แพ้ต
น้ำท่วมครั้งนี้ ถ้าดูจากภาพข่าวทางทีวี จะเห็นแต่ความโกลาหลวุ่นวาย ความเครียด ความสูญเสีย และการทะเลาะกัน โดยเฉพาะภาพข่าวจากช่องข่าวที่เป็นครอบครัวเดียวกันนั่นแหละตัวดีนัก นำเสนอข่าวแต่ส่วนสุดโต่งด้านร้ายจนเครียดไปตามๆ กัน ทั้งคนที่น้ำท่วมแล้ว คนที่กำลังจะท่วม และคนที่อยู่นอกพื้นที่ คงจะดีไม่น้อย หากทีวีนำเสนอภาพดีๆ มุมมองดีๆ จากเหตุการณ์น้ำท่วมมาให้ชมกันบ้าง ทำให้เป็นรายการทุงแสงตะวันเวอร์ชั่นน้ำท่วมไปเลย ตัวอย่างเหตุการณ์สึนามิที่ประเทศญี่ปุ่นเมื่อตอนต้นปี ข่าวสารออกมาน่ารักมาก มีแต่คนดีมีน้ำใจ เกื้อกูลกัน แบ่งปันกัน ซึ่งนั่นก็เป็นผลจากคำสั่งของรัฐบาลกลางที่สั่งห้ามสื่อมวลชนเสนอข่าวเลวร้ายทำลายขวัญกำลังใจประชาชน และห้ามสื่อมวลชนทำหน้าที่แจกจ่ายหรือช่วยเหลือผู้เดือดร้อนด้วย สื่อมวลชนจึงพยายามหาข่าวที่สร้างสรรค์เพื่อเพิ่มเรทติ้ง ก็เลยมีผลทำให้ภาพข่าวสึนามิในประเทศญี่ปุ่นมีเรื่องดีๆ ที่น่าประทับใจสอดแทรกอยู่มากมายจนเล่าขานไปทั่วโลก
น้ำท่วมปีนี้บ้านผมก็น้ำท่วม เป็นคนติดเกาะมาตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม แต่ก็เฉยๆ ไม่ได้ทุกข์ร้อนแบบที่ทีวีเสนอข่าวกัน เหตุเพราะชีวิตเจอน้ำท่วมมาหลายครั้ง รู้ว่าชีวิตในน้ำท่วมนั้นเป็นยังไง และต้องอยู่อย่างไร
สมัยเป็นเด็กๆ บ้านผมอยู่อำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม (เดี๋ยวนี้กลายเป็นอำเภอพุทธมณฑลไปแล้ว) อยู่ริมคลองมหาสวัสดิ์ หน้าบ้านคือคลอง ด้านหลังเป็นท้องนาเขียวขจีสุดลูกหูลูกตา ไฟฟ้าไม่มี ใช้แต่ตะเกียงน้ำมันก๊าด น้ำประปาไม่มีเพราะน้ำคลองยังใสและสะอาด และอยู่กันได้อย่างมีความสุข คนเมืองเดี๋ยวนี้แค่ได้ยินว่าไม่มีน้ำประปา ไม่มีไฟฟ้า ก็ตีอกชกหัวแล้วว่าจะอยู่กันยังไง แต่สำหรับเด็กที่โตมากับสภาพแบบนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดามาก และเคยชินจนถึงปัจจุบันที่ทำให้กินง่าย นอนง่าย โดยเฉพาะเวลาเข้าวัดเข้าวานี่ซุกหัวนอนกันง่ายๆ เลย
สมัยนั้นน้ำก็ท่วมกันเป็นปกติแทบจะทุกปีอยู่แล้ว ต่างกันแค่ว่าท่วมมาก ท่วมน้อย หรือท่วมนานหรือเปล่าเท่านั้น
น้ำท่วมครั้งแรกที่จำความได้เกิดตั้งแต่เป็นเด็กยังไม่ได้เรียนหนังสือ น้ำมันค่อยๆ เพิ่มเอ่อขึ้นมาจากท้องนาหลังบ้าน ค่อยๆ ไล่ระดับสูงขึ้นมาเรื่อยๆ สู่คันคลอง พอน้ำท่วมดินที่ไม่เคยโดนน้ำมาก่อนมันคงจะมีกลิ่นหอมมั้ง ก็เลยมีปลาหมอปลาช่อนโผล่หัวขึ้นมาหาดินใหม่ ทำท่าจะตะกายขึ้นมาบนฝั่ง สมัยนั้นปลาชุมมาก เรียกได้ว่าในน้ำมีปลาในนามีข้าว แต่แม่บอกว่าสมัยแม่เป็นเด็กปลาชุมกว่านี้อีก อยากจะกินปลาก็แค่เอาสวิงไปกวาดๆ ในคลอง ทั้งปลาทั้งกุ้งใหญ่ติดขึ้นมาเพียบ แต่สำหรับผมแค่เห็นปลาช่อนโผล่มาสองตัวก็เรียกว่าปลาชุมแล้ว ถามแม่ว่า ตัวใหญ่ต้มยำดีมั้ย ตัวเล็กน่ะทำห่อหมกดีมั้ย คิดแล้วยังขำ ปลายังอยู่ในน้ำ ไม่ได้อยู่ในกาละมังแม่ค้าในตลาดเสียหน่อย แต่จินตนาการไปไกลเสียแล้วว่าจะแกงอะไร
พอน้ำท่วมเยอะขึ้น มันก็จะไหลท่วมคันนาหลังบ้านจนหมด ชาวนาไม่เดือดร้อนเพราะรู้อยู่แล้วว่าถึงเดือนนี้น้ำจะท่วม เขาจึงกะระยะเวลาปลูกข้าวและเก็บเกี่ยวข้าวเสร็จไปแล้วเรียบร้อย นาข้าวตอนนี้กลายเป็นผืนน้ำสุดลูกหูลูกตา สามารถพายเรือไปไหนต่อไหนได้ไกลๆ โดยไม่ติดคันนา แต่ต้องระวังหน่อย เพราะน้ำไหลแรง มันไหลบ่าข้ามทุ่งอู้ๆ ลงคลองมหาสวัสดิ์ แล้วก็ไหลรอดทางระบายน้ำที่ลอดรางรถไฟสายใต้ที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของคลอง สำหรับผู้ใหญ่ ฤดูน้ำหลากแบบนี้เป็นโอกาสดีที่จะได้วางตาข่ายดักปลากลางทุ่ง ส่วนเด็กๆ ก็สนุกสนานกับการพายเรือเล่น และไล่ยิงนกยิงหนูนาไปตามประสา
เมื่อน้ำยิ่งท่วมสูงขึ้น มันก็จะเริ่มไหลเข้าไต้ถุนบ้าน แน่นอนว่าคนบ้านนอกไม่เดือดร้อน เพราะปลูกบ้านยกพื้นสูง คนบ้านนอกบ้านนารู้ดีว่าเราไม่อาจเอาชนะน้ำได้ และไม่รู้ด้วยว่าจะเอาชนะน้ำไปทำไม เขามาเดี๋ยวก็ไป พวกเขาเพียงแต่ปรับตัวให้อยู่กับน้ำในฤดูน้ำหลากได้โดยการปลูกบ้านยกพื้นสูง ไม่สูงมาก แต่ก็สูงพอที่น้ำจะไม่ท่วมถึงที่นอน การปลูกบ้านหนีน้ำของชาวบ้านจะใช้ระดับน้ำสูงสุดปี 2485 เป็นเกณฑ์ ผมไม่รู้หรอกว่าสูงแค่ไหน แต่แม่บอกว่าสูงเกือบท่วมทางรถไฟสายใต้ที่วิ่งเลียบอยู่ริมคลองฝั่งตรงข้าม
เมื่อน้ำท่วมดินก็อยู่บนบ้าน ไม่จำเป็นต้องมีศูนย์อพยพ ไม่จำเป็นต้องรอให้ใครมาส่งถุงยังชีพ ชาวบ้านอยู่กันได้โดยไม่ต้องพึ่งตลาด เพราะมีผักบุ้งผักกระเฉดอีกเยอะแยะในน้ำ และมีปลาอีกมากมายที่มากับสายน้ำ ต่อให้ท่วม 3 เดือน 6 เดือน ก็ยังอยู่กันได้
บ้านผมเป็นพื้นไม้กระดาน เวลาเขาปู้พื้นบ้านเขาจะปูให้มีช่องว่างระหว่างไม้กระดาน แรกๆ ผมไม่รู้หรอกว่าทำไมต้องเว้นร่อง ก็ไอ้ร่องนี่แหละเด็กๆ กลัวกันนัก เพราะกลางคืนมืดๆ เวลาเล่าเรื่องผีจะน่ากลัวมาก กลัวว่าจะมีมือผีโผล่มาจากร่องกระดาน เด็กๆ จึงพยายามนั่งกันตัวลีบบนกระดานแผ่นเดียว โตขึ้นจึงรู้ว่านี่เป็นภูมิปัญญาชาวบ้านอีกเหมือนกันที่ต้องปูพื้นให้มีช่องว่าง เพราะไม้มียืดมีหด ถ้าไม่เว้นช่องเวลาไม้ยืดมันจะเบียดกันจนพื้นโป่งขึ้นมา และร่องไม่กระดานนี่แหละ เป็นช่องแห่งความสนุกสนานของเด็กๆ ยามน้ำท่วม
เมื่อน้ำท่วมใต้พื้นบ้าน จะมีปลามากมายว่ายไปว่ายมาหาอาหารกิน โดยเฉพาะปลาหมอไทยที่เอามาแกงฉู่ฉี่ได้อร่อยที่สุด พวกผมจะเอาข้าวสุกหยอดลงไปล่อฝูงปลาหมอ แล้วก็ใช้ข้าวสุกนั่นแหละเป็นเหยื่อแล้วใช้เบ็ดตกปลาหมอขึ้นมาเป็นอาหาร แต่จะได้ตัวไม่ใหญ่มาก ต้องเลือกตกเฉพาะตัวที่รอดช่องกระดานได้เท่านั้น และนานๆ เข้าพวกเราก็จะพลิกแพลงการตกปลาโดยการไม่ใช้เหยื่อเลย ใช้แค่เบ็ดเพียวๆ หย่อนลงน้ำเร็วๆ ปลาไม่ทันมองว่าเป็นอะไรก็งับเบ็ดเข้าแล้ว นับเป็นวิธีหาปลาที่ง่ายมาก สมัยนั้นยังไม่รู้หรอกครับว่าบาปกรรมคืออะไร รู้แต่ว่าสนุก และอิ่มท้อง
เดือนหรือสองเดือนน้ำก็ลด วิถีชีวิตก็กลับมามีดินให้เดินได้ตามปกติ ไม่มีทรัพย์สินเสียหาย ไม่ต้องให้ใครมาชดเชย วันนี้ถ้าคนไทยยังมีวิถีชีวิตแบบเดิมๆ ก็คงไม่เครียด ไม่เดือดร้อน แต่วันนี้ที่มีปัญหา เพราะคนไทยเปลี่ยนไป เปลี่ยนวิถีชีวิต และเปลี่ยนความคิด ทุกวันนี้คนไทยคิดจะเอาชนะกันทุกเรื่อง ไม่ยอมแพ้แม้กระทั่งน้ำ
วันนี้น้ำไม่ได้ท่วมแค่บ้านของคนไทย แต่น้ำมันท่วมเข้าไปถึงหัวใจ...
Create Date : 09 พฤศจิกายน 2554 |
|
3 comments |
Last Update : 9 พฤศจิกายน 2554 10:48:25 น. |
Counter : 1707 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
|
|
Location :
นนทบุรี Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]
|
บางครั้ง เธอเข้าใจไหม ว่าทำไม จิตใจต้องเพ้อฝัน ฝันมีสุขร่วมกัน ฝันมีส่วนผูกพัน สิ่งเหล่านั้น ฉันเองเข้าใจ ความหมาย คงคลี่คลายโดยง่ายดาย หากได้ระบาย ออกมาให้เธอฟัง ก็เพราะเธอเป็นต้นเหตุ ก็เพราะเธอนั้นพิเศษ เกินกว่าฉัน จะควบคุมใจ ยามใดเธอมีทุกข์ อยากหยุดโลกกลับไปช่วยเธอ ใจมันคอยเสนอ ไม่เคยคิดห่วงใคร ต่อให้ไกลจะไกลแค่ไหน ก็จะไปยกหัวใจให้ เพียงแต่ตอบรับ หากเธอยอมรับ กับฉัน ว่าเธอนั้น มันก็เป็นเหมือนกัน ส่วนฉันยืนยัน ประกันได้เลยเธอ ไม่ใช่เรื่องหนักใจ มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ เพียงแค่สามคำ ฉันรักเธอ...
[เพลงจาก http://www.fileden.com]
[ stat since Sep24, 2009 ]
|
|
|
|
|
|
|
เดี๋ยวนี้วิถีชีวิตเปลี่ยนไปหมดแล้ว สิ่งปลูกสร้างก็ไม่เอื้อกับน้ำท่วม ทำให้เป็นปัญหาใหญ่ตามมาอย่างที่ประสบกันอยู่ รับชะตากรรมกันไป