คุณค่าชีวิต

เก็บบทความที่เคยอ่านเมื่อ4ปีมาแล้วมาฝากค่ะ อ่านทีไรก็ยังรู้สึกว่าใช่ หลายตอนไม่ว่าเวลาจะผ่านไปแค่ไหนก็ยังคงทันสมัยอยู่เสมอ 
คุณค่าชีวิต ตามมุมมองของพุทธศาสนา

ในวัฒนธรรมบริโภคนิยม (consumer culture) ที่การบริโภคมีอิทธิพลกำหนดวิถีชีวิตรวมถึงโครงสร้างทางเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และระบบคุณค่าต่างๆในสังคม เราจะพบว่าเมื่อเราบริโภคปัจจัยสี่ (ห้า หก ฯลฯ) เราไม่ได้บริโภคคุณค่าที่จำเป็น หรือคุณค่าทางการใช้สอย (use value) ของสิ่งนั้นๆแต่เราบริโภคสัญญะหรือคุณค่าส่วนเกินที่เกิดจากการครอบครองหรือเป็นเจ้าของสิ่งนั้นๆ

เช่น เราไม่ได้มีบ้านเพราะคิดว่าบ้านเป็นที่อยู่อาศัยกันแดดฝนหรืออันตรายต่างๆ แต่เพราะบ้านเป็นสัญญะที่แสดงถึงคุณค่าอื่นๆ เช่น ชาติตระกูล ชนชั้นทางสังคม ฐานะหน้าตา ความน่าเชื่อถือ ความสำเร็จของชีวิตครอบครัว ความผูกพันใกล้ชิด ความอบอุ่น รสนิยม สุนทรียภาพ ความหรูหรา ฯลฯ

เช่นเดียวกันเมื่อบริโภคอาหาร เสื้อผ้า โทรศัพท์มือถือ รถยนต์ สินค้าอื่นๆ รวมถึงการออกกำลังกาย การพักผ่อน กีฬา บันเทิง ความสะดวกสบายด้านการบริหาร หรือแม้บริโภควิชาการ องค์ความรู้ (ยี่ห้อตะวันตก/ตะวันออก) และกระทั่งบริโภคศาสนา เราก็มักจะบริโภคสัญญะหรือคุณค่าส่วนเกินจากสิ่งนั้นๆ มากกว่าที่จะบริโภคคุณค่าที่จำเป็นต่อ ตัวชีวิต จริงๆ

คุณค่าส่วนเกินจึงเป็นคุณค่าที่เป็นจริง ในชีวิตประจำวันของเราเสียยิ่งกว่าคุณค่าที่จำเป็น เพราะเป็นตัวกำหนดค่านิยม ทางเลือกวิถีชีวิต ตลอดถึงทิศทางของสังคม เศรษฐกิจ การเมืองหรือแม้แต่พิธีกรรมทางศาสนา ที่ประจักษ์ได้ด้วยรูปธรรมแห่งการปฏิบัติในโลกของความเป็นจริง

ขณะที่คุณค่าที่จำเป็นกลายเป็นอุดมคติหรือนามธรรมที่คลุมเครือ แทบไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตที่เป็นจริงในสังคมซึ่งตัดสินความสุขและความสำเร็จกันด้วยคุณค่าเชิงสัญญะหรือภาพลักษณ์ (image) ที่ดูดี

ในสังคมที่ผู้คนถูกกำหนดให้แข่งขันกันบริโภคสัญญะ เราต่างมุ่งไขว่คว้าภาพลวงตา และสมยอมหรือยอมจำนนอยู่กับ สภาพชีวิตที่กลวงเปล่าไม่มีเวลาใส่ใจกับการเรียนรู้อย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับคุณค่าชีวิตของตนเองและคุณค่าความเป็นมนุษย์ของกันและกัน เกิดสภาวการณ์อย่างที่คุณหมอประเวศ วะสี เรียกว่าวิกฤติการทำร้ายตนเอง หรือทำร้ายกันและกันรุนแรงขึ้น

ดังเช่นข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า สถิติการทำร้ายตนเองด้วยการฆ่าตัวตายในสังคมไทย ปี 2549 มีจำนวน 5.77 รายต่อจำนวนประชากร 100,000 คน หรือฆ่าตัวตายสำเร็จ 3,612 คน ต่อปี ในจำนวนนี้มีคนพยายามฆ่าตัวตายแต่ไม่สำเร็จถึง 30,000 คน คือในจำนวนผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จ 1 คน จะมีคนพยายามฆ่าตัวตายอีก 10 คน ช่วงอายุของผู้ฆ่าตัวตายสำเร็จมักอยู่ระหว่าง 30-39 ปี และมีการฆ่าคนอื่นแล้วฆ่าตนเองให้ตายตามเพิ่มขึ้นอย่างน่าวิตก

เราจะเผชิญความจริงที่โหดร้ายในสังคมเช่นนี้อย่างไรดี?

การประณามบริโภคนิยมว่าเป็นสิ่งชั่วร้ายไม่น่าจะช่วยอะไรได้ ควรสร้างการเรียนรู้เพื่อเข้าใจความจริงที่ซับซ้อนของวัฒนธรรมบริโภคนิยม และมองหาคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตให้เจอโดยอาศัยภูมิปัญญาต่างๆ

โดยเฉพาะภูมิปัญญาพุทธซึ่งเป็นทุนทางวัฒนธรรม (cultural capital) ล้ำค่าที่อยู่ใกล้ตัวเรามากที่สุด

พุทธศาสนามองว่าชีวิตเป็นสิ่งที่มีคุณค่าในตัวเอง เหตุผลที่มองเช่นนั้น (เก็บความจากคำอธิบายของ สมภาร พรมทา ในพุทธศาสน์ศึกษา ฉบับ พ.ค.-ส.ค.2549) อาจสรุปได้ดังนี้

1.การเกิดมามีชีวิตเป็นการได้โอกาสอันงาม เนื่องจากพุทธศาสนาถือว่าการเกิดเป็นมนุษย์นั้นแสนยาก และการเกิดมาเป็นมนุษย์เป็นผลของบุญกุศลจำนวนหนึ่งที่เราได้ทำไว้แต่ชาติก่อน

โดยปกติจิตใจคนเรามักน้อมไปสู่ที่ต่ำ เช่น ให้เลือกระหว่างนอนดูทีวีกับไปนั่งอ่านหนังสือ คนมักจะเลือกนอนดูทีวี ให้เลือกระหว่างการไปเที่ยวสถานบันเทิงกับการเจริญวิปัสสนา คนมักจะเลือกอย่างแรก เป็นต้น เมื่อเป็นเช่นนี้การที่คนจะพัฒนาจิตใจให้สูงส่งดีงามหรือให้มั่นคงในการทำ ความดีต่างๆ เพื่อส่งผลให้ได้เกิดเป็นมนุษย์นั้น ต้องฝืนกิเลสหรืออำนาจฝ่ายต่ำในจิตใจตนเอง จึงเป็นเรื่องที่ยากและมีคนจำนวนน้อยที่สามารถทำได้

ดังนั้น การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้จึงถือว่าเราได้รับโอกาสอันงามที่ได้ โดยยากจากการที่ได้ทำบุญกุศลมาแต่ปางก่อนเท่ากับเรามีต้นทุนที่จะสั่งสมความดีงามให้เพิ่มพูนต่อๆไป

2.การมีชีวิตอยู่ทำให้เราได้ใช้โอกาสอันงามที่ได้มานั้นพัฒนาชีวิตให้เต็มเปี่ยมซึ่งสัตว์ชนิดอื่นๆ ไม่สามารถทำได้เหมือนเรา แต่การมีชีวิตเป็นมนุษย์นั้น แม้เราจะประสบทุกข์บ้าง สุขบ้าง ดีบ้างเลวบ้าง ฯลฯ แต่ก็เป็นโอกาสที่เราจะได้เรียนรู้เพื่อแก้ไขปรับปรุงพัฒนาชีวิตที่ยัง บกพร่องอยู่ให้ประณีตงดงามและเต็มเปี่ยมขึ้นเรื่อยๆ

พุทธศาสนามองว่ามนุษย์ทุกคนมี ศักยภาพ (Potentiality) ที่จะพัฒนาชีวิตให้งดงามเต็มเปี่ยมได้ด้วยการเรียนรู้ให้เข้าถึง หรือ สัมผัสความจริง ความดี ความงาม และความสุขที่แท้จริง (ความพ้นทุกข์) ด้วยจิตปัญญาที่บริสุทธิ์จากอวิชชาและความยึดติดในมายาภาพต่างๆ

การที่เรามีชีวิตอยู่จึงเท่ากับว่าเรามีโอกาสอยู่ตลอดเวลาที่จะใช้ศักยภาพที่ตนมีเพื่อเจียระไนชีวิตตนเองให้ประณีตงดงามและเต็มเปี่ยม เราจึงควรตระหนักถึงคุณค่าของโอกาสดังกล่าวนี้อยู่เสมอ

ดังที่พุทธศาสนาสอนให้เรามีสติพิจารณาอยู่เป็นประจำว่า วันเวลาของชีวิตล่วงไปๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่เพื่อไม่ให้โอกาสอันงามของชีวิตผ่านไปอย่างสูญเปล่าจากการทำชีวิตให้มีแก่น สาร และมีความสุขที่แท้จริง

ในท่ามกลางสังคมบริโภคนิยมที่เต็มไปด้วยสิ่งกระตุ้นให้เราเกิดความอยากบริโภคคุณค่าส่วนเกินต่างๆอย่างไร้ขีดจำกัดดังกล่าวแล้ว ปราชญ์ทางพุทธศาสนาอย่างท่านพุทธทาสภิกขุ ได้พยายามกระตุ้นเตือนให้เราสร้างภูมิคุ้มกันแก่ตนเองโดย ต้องเรียนรู้สัจธรรมของชีวิตและโลกถึงขนาดเคยพูดทำนองว่า

แม้แต่เด็กๆก็ควรได้โอกาสในการเรียนรู้เรื่องสุญญตาและ อนัตตาเพื่อเขาจะได้รู้ความจริงว่าไม่มีสิ่งใดที่จะเป็นไปตามที่เราอยากหรือปรารถนาให้เป็น ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามเหตุปัจจัยที่กำหนดให้มันเป็นเช่นนั้นเองเพื่อที่เด็กๆจะได้รู้จักควบคุมความต้องการของตนเองไม่ตกเป็นทาสของความอยาก  อดทนได้เมื่อเผชิญกับความเป็นจริงที่สวนทางกับความปรารถนาของตน อยู่ในโลกของความเป็นจริงได้อย่างทุกข์น้อยที่สุด

เราอาจต้องถามตนเองให้มากขึ้นว่าทำอย่างไร เราจึงจะดำรงคุณค่าที่แท้จริงของชีวิตเอาไว้ได้ และทุกข์น้อยที่สุดในกระแสบริโภคนิยมที่เชี่ยวกรากเช่นปัจจุบัน
*
*
เป็นบทความดีๆจาก มติชน / 9 -3-51
โดย สุรพศ ทวีศักดิ์ ม.ราชภัฏสวนดุสิต ศูนย์หัวหิน




 

Create Date : 30 มีนาคม 2555
15 comments
Last Update : 30 มีนาคม 2555 17:03:17 น.
Counter : 1225 Pageviews.

 

ขอบคุณค่ะที่แวะไปที่รัง....

เป็นครั้งแรก...สนุกดีค่ะ
ได้เห็นการทำงานของเด็กรุ่นใหม่..วางแผนดี...ทีมดี
ถ่ายสามวัน....เสร็จเรียบร้อย

 

โดย: noklekkaa (papagearna ) 30 มีนาคม 2555 18:14:21 น.  

 

สบายดียามเช้าสดใสครับป้าโส


ตัวอย่าง ความสุขของกะทิ

height="315">

 

โดย: moresaw 31 มีนาคม 2555 10:17:54 น.  

 

แวะมาเยี่ยมในวันหยุด...สวัสดีครับ

ชอบประโยคนี้ของบทความ...ทุกข์น้อยที่สุดในกระแสบริโภคนิยมที่เชี่ยวกรากเช่นปัจจุบัน...

บทความดีมาก นะครับ

 

โดย: **mp5** 31 มีนาคม 2555 10:46:53 น.  

 

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ

บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
deco_mom Dharma Blog ดู Blog
ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 3 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น
......................

ขอบคุณพี่โสที่โหวตให้ต๋านะคะ
เห็นพี่โสสบายดีและแวะเยี่ยม ต๋าก็ดีใจแล้วค่ะ

ส่งขนมยามอากาศร้อนค่า

 

โดย: Sweet_pills 31 มีนาคม 2555 11:02:42 น.  

 

สาธุครับพี่ ทำได้ตามนั้นก็คงไม่ทุกข์

มีความสุขมากๆ สุขภาพแข็งแรงครับพี่

 

โดย: ผัดไทเส้นหมี่ 31 มีนาคม 2555 12:24:48 น.  

 

สวัสดีค่ะ ขอโทษด้วยน่ะค่ะช่วงนี้ยุ่งๆไม่ได้อับบล๊อกเลย ขอบคุณที่เข้ามาทักทายกัน น่ารักมากค่ะ การ์ตูนกด like

 

โดย: LittleDaimon 31 มีนาคม 2555 15:24:12 น.  

 



”สวัสดีค่ะ ขอบคุณน่ะค่ะที่แวะมาทักทายค่ะช่วงนี้ยุ่งๆเลยไม่ได้ทักทายเพื่อนๆค่ะ

 

โดย: LittleDaimon 31 มีนาคม 2555 15:29:44 น.  

 

ยกมะม่วงแชอิ่มมาฝากค่ะ

images by free.in.th

ขอบคุณพี่โสมากๆนะคะ วันนี้ต้องขอตัวก่อน
พอดีงานเข้าค่ะ ไว้มาใหม่นะคะ

 

โดย: mambymam 31 มีนาคม 2555 16:08:16 น.  

 

....การที่เราได้เกิดมาเป็นมนุษย์ในชาตินี้จึงถือว่าเราได้รับโอกาสอันงามที่ได้ โดยยากจากการที่ได้ทำบุญกุศลมาแต่ปางก่อนเท่ากับเรามีต้นทุนที่จะสั่งสมความดีงามให้เพิ่มพูนต่อๆไป......

จริงค่ะ
เป็นบทความที่ดีมากค่ะพี่โส

 

โดย: little mouse in big apple 31 มีนาคม 2555 21:21:32 น.  

 

ขอบคุณครับที่เอาบทความนี้มาให้อ่าน
เมื่ออ่าน "คุณค่าของชีวิต" แล้ว
ต้องเก็บไปคิด ไปตรึกตรอง
เชื่อว่าถ้าใครน้อมนำไปปฏิบัติ จะพบกับความสุข หรือทำให้ทุกข์น้อยลงครับ

 

โดย: Insignia_Museum 31 มีนาคม 2555 23:05:32 น.  

 

 

โดย: muster (muster ) 1 เมษายน 2555 1:56:42 น.  

 

สวัสดีค่ะคุณพี่โส

เป็นความจริงค่ะ ที่เราบริโภค สิ่งต่าง ๆ ตามกระแส มากกว่าคุณค่า หรือคุณประโยชน์ จริง ๆ ที่เราต้องการ
ตาลเหลืองเองก็เป็นเช่นนั้น......

เมื่อได้อ่านแล้วต้องทบทวน และมีสติ ก่อนการตัดสินใจมากขึ้น


*****************************

deco_mom Dharma Blog ดู Blog

 

โดย: ตาลเหลือง 1 เมษายน 2555 9:59:10 น.  

 

หวัดดีวันหยุดครับ

 

โดย: ผัดไทเส้นหมี่ 1 เมษายน 2555 13:39:33 น.  

 





ถ้าไม่ได้แวะมา "อ่าน สิ่ง ดี ดี" ของบ้านนี้...



เสียดายแย่... เลย...





123Friendster.Com

123Friendster.com - More Flowers Comments






 

โดย: foreverlovemom 1 เมษายน 2555 19:52:29 น.  

 

สวัสดีครับพี่

Photobucket

 

โดย: ผัดไทเส้นหมี่ 2 เมษายน 2555 13:16:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


deco_mom
Location :
กรุงเทพ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 9 คน [?]








My Profile : I'm R-Ma, SOprapa, deco_mom, ป้าโส,แม่หมาโก้

เกิดเมืองส้มโอ โตเมืองคนงาม ข้ามไปอยู่เมืองโอ่ง ก่อนจะมาเป็นชาวกุงเตบ

ปัจจุบันมีลูกเป็นหมา เป็นอาม่าของหมาอีกสามตัว ล่าสุดเป็นมะเร็งอีกอย่าง อย่างหลังนี่เป็นอย่างไม่เต็มใจแต่ก็ได้อะไรหลายอย่างจากการที่เป็น

เวลาในแต่ละวันส่วนใหญ่หมดไปกับการทำงาน-ดูแลน้องหมา DIYของใช้ฯลฯ-ปลูกต้นไม้-ดูทีวี-เข้าเฟสฯกับไลน์กันตกกระแส เวลาที่จะแวะเข้าบล็อคจึงไม่ค่อยมากอาศัยตอนที่สบายใจเคลียร์งานเสร็จแล้ว..บ่นซะอย่างยาวแค่อยากจะบอกว่ากับทุกคนว่าถ้าเงียบๆไปแสดงว่างานกำลังกระหน่ำเจ้อยู่จ้า...


Mail 2 Me.


New Comments
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2555
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
30 มีนาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add deco_mom's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friend

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.