Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 

พรางหัวใจ ตอนที่ 4 part 1/3

“ฉันไม่เชื่อหรอก ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ” อัมพริกาลุกขึ้นกรีดร้องเสียงแหลมขึ้นหลังจากที่พุทธชาดเล่าเรื่องทั้งหมดจบลง

“แกต้องนัดผู้ชายไว้ข้างนอกนั่น ไปนอนกับมันมาหลายหนแล้วล่ะสิ จับไม่ได้ไล่ไม่ทันก็ไม่ยอมรับสารภาพนะนังพุดนังหน้าด้าน”

อัมพริกานึกถึงข้อมูลที่เพื่อนสาวประเภทสองบอกไว้ ส้มด่าทอหล่อนเสียมากมายจนดูไม่ออกว่าเป็นการเสแสร้งเพียงเพื่อบอกปัดการจ่ายเงินค่าตัวของพุทธชาด หล่อนจึงปักใจเชื่อเสียแล้วว่าพุทธชาดผ่านมือผู้ชายมาแล้วหลายคน แต่จะเป็นโอกาสไหนบ้างหล่อนก็นึกไม่ออก อาจจะเป็นช่วงที่พุทธชาดอยู่บ้านคนเดียวจึงแอบหลบไปคบหาผู้ชายก็เป็นได้

“พุดเขาก็บอกแล้วว่าโดนวางยา พี่อั้มยังจะมาคาดคั้นเอาอะไรอีก ผับบาร์อย่างนั้นก็ต้องมีพวกเลวๆแฝงมาอยู่แล้ว” ลลิตาบอกอย่างไม่พอใจ เชื่อเรื่องที่พุทธชาดเล่าทั้งหมดและรู้สึกโกรธจนแทบระงับอารมณ์ไม่อยู่ ส่วนหนึ่งคือรู้สึกผิดที่ประมาทปล่อยให้พุทธชาดคลาดสายตาไปจนพบกับเรื่องเลวร้ายเช่นนั้น

“แต่มันก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่คนไม่รู้จักกันจะมาวางยานังพุดไม่ใช่หรือหนูลิตา” คำพูดของมารดาทำเอาอัมพริกาใจหายวาบกลัวว่าลลิตาซึ่งมีไหวพริบจะปะติดปะต่อเรื่องจนฉุกคิดสงสัยเธอ แต่ในสถานการณ์นี้ลลิตาไม่ได้นึกเฉลียวใจแต่อย่างใด หญิงสาวบอกเพียงว่า

“ลิตาก็ไม่รู้หรอกค่ะว่าเรื่องจะเป็นมายังไง แต่ลิตาเชื่อว่าพุดตกเป็นเหยื่อพวกมารสังคมนั่น พุดไม่ใช่คนที่จะแต่งเรื่องหลอกลิตาเพื่อหนีไปเที่ยวกับผู้ชายดึกๆดื่นๆแน่นอน”

“แล้วเรื่องที่มากอดจูบกันที่หน้าบ้านนั่นล่ะ จะอธิบายว่ายังไง นางทองเอาไปพูดทั่วตลาดเสียขนาดนั้น จะเข้าใจผิดกันขนาดนั้นเชียวเร้อ” นางเอมอรขึ้นเสียงสูงอย่างดูแคลน หล่อนนั้นปักใจเชื่อว่าพุทธชาดเก็บกดจนต้องหาทางระบายออกด้วยการคบหาผู้ชาย

“พุดไม่ได้กอดจูบกับใครนะคะ แค่ชุลมุนกันนิดหน่อย พุดก็แค่ป้องกันตัว คนไม่รู้เรื่องมาเห็นเข้าก็คงคิดไปต่างๆนาๆ” พุทธชาดบอกเสียงเพลีย หล่อนปวดเมื่อยตามเนื้อตัวและรู้สึกเหมือนจะเป็นไข้หนัก

“พอก่อนเถอะค่ะ ลิตาจะพาพุดไปนอนก่อนนะคะ เรื่องอื่นเอาไว้ว่ากันทีหลัง” ลลิตารีบตัดบทก่อนที่จะมีใครค้าน รีบพยุงตัวพุทธชาดลุกขึ้นและพาไปยังห้องด้านหลัง

“แม่เชื่อนังพุดหรือเปล่า” เอมิกาที่นิ่งฟังอยู่ตลอดถามขึ้น

“ไม่เชื่อหรอกพี่อิ่ม ใครจะไปเชื่อ น้ำหน้าอย่างมันน่ะ เกิดมาไม่เคยเห็นแสงสีน่ะสิเตลิดไปกับผู้ชายจนถึงขั้นตามไปนอนด้วย ง่ายๆแค่นี้ใครก็ดูออก” อัมพริกาพูดสอด

“แต่วันๆมันไม่ได้ไปไหน มือถือก็ไม่มี จะไปรู้จักผู้ชายที่ไหนล่ะ”

“โอ้ยพี่อิ่ม นี่มันสมัยไหนแล้ว อินเทอร์เน็ตไงล่ะมันอาจจะเล่นที่โรงเรียนก็ได้นัดผู้ชายไปนอนตามโรงแรมก็ได้”

“อย่างที่แกทำบ่อยๆหรือไงอั้ม” เอมิกาสบโอกาสกระแนะกระแหนน้องสาว

“พี่อิ่ม!” สองพี่น้องมองตากันอย่างจะเอาเรื่อง

“พอก่อนเถอะอย่าเพิ่งมาทะเลาะกันเองเลย แม่ขี้เกียจฟัง”

“แม่จะทำไงกับนังพุดมันล่ะแม่ เดี๋ยวเกิดมันเรียกแฟนมันมายกเค้าบ้านเราเข้าล่ะ” อัมพริกาจับแขนกระซิบกระซาบมารดา

“แม่ก็คิดว่านังนี่มันคงเก็บกด อยากมีผัวจะได้ออกไปจากบ้านเรามากกว่า” นางเอมอรบอก

“ก็ดีเหมือนกันมีเรื่องแบบนี้แม่จะได้อ้างได้ว่าไม่ให้มันเรียนต่อแล้ว หางานคนรับใช้ตามบ้านให้มันทำคงจะดี”

ผลการเรียนของพุทธชาดไม่ได้ดีเด่นนัก แต่ก็พอสอบเข้าเรียนต่อมหาวิทยาลัยเล็กๆอยู่ไม่ไกลจากบ้านได้ หล่อนอ้อนวอนขอนางเอมอรเรียนต่อโดยใช้ทุนเงินกู้เพื่อการศึกษา นางเอมอรจำใจยอมเพราะเกรงเสียงชาวบ้านนินทา อีกส่วนหนึ่งนั้นหวังผลภายหน้าว่าพุทธชาดที่มีการศึกษาเพิ่มกว่าชั้นมัธยมปลายจะทำรายได้ให้หล่อนได้ดีกว่า ถึงอย่างไรลึกๆในใจนางก็เกรงว่าหากพุทธชาดมีทางเลือกมากขึ้น อาจจะโผออกจากกรงไปใช้ชีวิตเอง แต่ก็จนใจที่ได้รับปากไปแล้ว

“อ้าว แล้วใครจะรับใช้อั้มล่ะแม่ ไม่เอานะอั้มไม่ทำเองหรอกงานบ้านพวกนี้เสียเวลา”

“ก็ให้มันทำเหมือนเดิมนั่นแหละ แต่แม่จะพามันไปรับจ้างทำงานตามบ้านเป็นรายวัน พวกเจ้านายที่ทำงานแม่เขาอยากได้คนรับใช้กันหลายคน ทำความสะอาดอาทิตย์ล่ะสองครั้งคิดเป็นรายชั่วโมงก็ได้โขอยู่นา”

“แล้วเรื่องที่มันคบผู้ชายล่ะแม่”

“ช่างหัวมันปะไร จริงหรือไม่จริงก็ช่างเถอะ ใครที่ไหนเขาจะเอามัน โง่ก็โง่สมบัติติดตัวไม่มีสักอย่าง”

อัมพริกาขยับจะพูดบางอย่างแต่เห็นว่าพี่สาวยังอยู่จึงเก็บเอาไว้ก่อน ไว้มารดาอารมณ์ดีหล่อนจะเกลี้ยกล่อมให้ขายพุทธชาดไปเป็นเด็กในสังกัดของส้ม หากมีเสี่ยสักคนที่อยากได้เด็กสาวไว้บำเรออารมณ์ใคร่ชั่วครั้งคราว พุทธชาดก็น่าจะยังขายได้ แม่ของเธอไม่สนใจใยดีอะไรกับหลานนอกไส้คนนี้อยู่แล้ว หากมีผลตอบแทนก้อนงามนางจะต้องเออออไปด้วยอย่างแน่นอน

****************************************


พุทธชาดกินยาแก้ไข้และได้พักผ่อนพอสมควร ที่เป็นเช่นนั้นเพราะลลิตาอยู่เฝ้าไข้หล่อนหลายชั่วโมงก่อนจะกลับบ้านไป นั่นทำให้นางเอมอรไม่กล้าเรียกใช้

นึกถึงเรื่องทั้งหมดที่ผ่านมาก็รู้สึกปวดแปลบในใจขึ้นมาอีก หล่อนอยากจะร้องไห้แต่ก็ร้องไม่ออก เคราะห์กรรมที่ประสบมาช่างหนักหนาสำหรับสาวน้อยวัยเพียงสิบเจ็ดปี พุทธชาดไม่อยากรู้ที่มาที่ไปของเหตุการณ์ ใครเป็นคนทำกับเธอและทำไปเพื่ออะไรพุทธชาดไม่ใส่ใจที่จะรู้
ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่ไม่ควรเสียก็ได้เสียไปแล้ว แม้จะเศร้าใจในชะตากรรมแต่เรื่องนี้ก็สอนให้เธอรู้ว่าอย่าได้ไว้ใจมนุษย์หน้าไหนอีกเป็นอันขาด เธอเองจำเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้ หน้าตาของผู้ชายคนนั้นก็อยากจะลืมไปเสีย บางทีนี่อาจเป็นเรื่องที่ดีที่เธอไม่ต้องจดจำรายละเอียดในสิ่งที่ไม่ควรจำ

พุทธชาดนอนนิ่งอยู่บนเตียงแม้อาการจะดีขึ้นแต่ก็ยังไม่แข็งแรงเต็มร้อยเสียทีเดียว ท้องเริ่มส่งเสียงด้วยความหิว หลังจากกินข้าวต้มที่ลลิตาป้อนให้เมื่อกลางวันก็ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องจนป่านนี้ ใจคอหดหู่จนกินอะไรไม่ลงเธออยากจะนอนนิ่งอยู่อย่างนี้ แต่ร่างกายกลับร้องประท้วงไม่ยินยอม พุทธชาดจำต้องลุกขึ้นหาอะไรกินรองท้อง

หล่อนปิดประตูห้องอย่างอ่อนแรง ขณะจะก้าวเท้าไปยังครัวที่อยู่ติดกัน หูก็แว่วเสียงพูดคุยมาจากห้องรับแขกกลางบ้าน

“ส้มน่ะมันทำอยู่วงการนี้มานานแล้วนะแม่ รายได้ดีทีเดียว แบบผ่านไม่กี่มือได้หลักหมื่นนะ”

“เงินดีขนาดนั้นเชียวหรือ” เสียงนางเอมอรไม่เบานัก ท่าทางจะตบเข่าตบขาด้วยความถูกใจ

“หรือถ้าแม่อยากได้เงินกินไปนานๆ ก็ส่งมันไปเป็นเมียน้อยเสี่ยที่ไหนสักคนสิ ให้มันส่งค่าเลี้ยงดูให้แม่เดือนละซักสองสามหมื่น ไหนจะพวกทองหยอง รถยนต์ เรียกได้อีกเต็มที่นะแม่นะ”

“นังพุดมันมอมยังกะแมว ผอมแห้งออกอย่างนั้น ใครมันจะเอา” พุทธชาดลูบอกใจหายเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่สองแม่ลูกพูดถึงหมายถึงตัวเธอ จึงพยายามเบียดตัวเข้ากับกำแพงให้แนบชิดที่สุดเพื่อจะได้ฟังการสนทนาชัดขึ้น

“แม่ไม่รู้อะไร ออกไปเที่ยวข้างนอกมันแต่งตัวโป๊จะตาย นังนี่มันซ่อนรูปนะแม่ ดูหน้าตาซื่อๆเซ่อๆแบบนั้น พวกเสี่ยแก่ๆชอบนักล่ะ เขาว่าดูไม่ประสีประสายั่วอารมณ์ดี”

“ต๊าย อกจะแตก แม่ไม่นึกเลยนะว่ามันจะเก็บกดเสียขนาดนั้น” แทนที่จะตำหนิความคิดชั่วร้ายของลูกสาว นางเอมอรกลับพลอยเห็นดีเห็นงามตำหนิเด็กสาวในปกครอง

“ของมันเน่าเสียไม่สดซิงอีกแล้วนี่แม่ รีบเก็บขายเสียตอนที่ยังพอขายได้ดีกว่า แม่ลงทุนชุบเลี้ยงมันมาตั้งเท่าไรจะเอาไว้รับใช้อยู่ทำไม สู้ส่งไปชุบตัวเรียกราคาไม่ดีกว่าหรือ ขืนชักช้าวันดีคืนดีมันหนีตามผู้ชายไป ทุนก็หายกำไรก็ไม่มีนะแม่”

พุทธชาดได้ยินแค่นั้นก็ถึงกับเข่าอ่อน หล่อนถอยกรูดกลับเข้าห้องใจเต้นตูมตาม ร่างกายที่อ่อนเพลียจากพิษไข้ร้อนรุ่มขึ้นมาอีกแต่มือไม้กลับเย็นเฉียบ ไม่นึกไม่ฝันว่าสองแม่ลูกจะแล้งน้ำใจได้ถึงเพียงนี้ กล้าเอาตัวเธอเร่ขายราวกับสินค้า

นางเอมอรนั้นจะดีจะชั่วก็เป็นญาติกันถึงจะดุด่าทุบตีบ้างแต่ก็ให้ข้าวให้น้ำให้ที่อยู่ เพราะสำนึกตัวว่าเป็นแค่คนอาศัยหล่อนจึงพยายามทำตัวไม่ให้เป็นภาระ ถูกใช้ให้ทำอะไรก็ไม่เคยปริปากบ่น แต่ดูเอาเถอะความดีที่ทำมาไม่เคยซึมซับเข้าในหัวใจหยาบกระด้างของนางแม้แต่น้อย

อัมพริกาก็เหลือเกินขี้อิจฉาบ้าผู้ชายจนหน้ามืดตามัว พุทธชาดเองเปรียบไปก็เท่ากับเป็นน้องสาวคนหนึ่งที่ไม่มีอะไรเทียมหล่อนได้เลย ทั้งกำพร้าพ่อแม่ไหนจะยอมเป็นเบี้ยล่างหล่อนมาตลอด แทนที่จะเวทนาสงสารกลับคิดแต่จะเหยียบย่ำให้จมดิน

เรื่องร้ายที่เกิดขึ้นกับตนเองพุทธชาดเคยเอาแต่โทษโชคชะตาและความประมาท แต่ขณะนี้เธอเริ่มสำนึกได้ว่าในบ้านหลังนี้เธอตกในสภาพโดดเดี่ยวอย่างแท้จริง คนบ้านนี้ไม่มีหัวใจคิดถึงแต่ผลประโยชน์ไร้มนุษยธรรมเป็นที่สุด หากเอาแต่งอมืองอเท้ารับชะตากรรม ชีวิตคงไม่พ้นถูกขายในซ่อง ที่พึ่งเดียวที่นึกออกตอนนี้คือลลิตา เด็กสาวรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าหลบออกทางหลังบ้านปั่นจักรยานคู่ชีพไปยังบ้านของเพื่อนสาวทันที

****************************************

เรื่องนี้ขออนุญาตลง 7 ตอนนะคะ




 

Create Date : 06 ตุลาคม 2554
1 comments
Last Update : 6 ตุลาคม 2554 19:37:13 น.
Counter : 495 Pageviews.

 

น่างสงสารพุทธชาดจัง อยู่กะคนไร้หัวใจ ใจร้าย ทำได้กระทั่งหลาน

 

โดย: ดอกฝิ่น IP: 119.63.78.252 17 พฤษภาคม 2555 15:20:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ดาวกันยา
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 8 คน [?]




พูดไม่ค่อยเก่งแต่รักหมดใจ

Friends' blogs
[Add ดาวกันยา's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.