มกราคม 2548

 
 
 
 
 
 
1
2
3
4
5
6
11
12
13
14
15
16
17
18
19
20
21
22
23
24
25
26
27
28
29
30
31
 
 
9 มกราคม 2548
Day 2 : Versailles, Paris
My Second day @ Paris

วันที่สองนี้ พวกเราตื่นกันตั้งแต่เช้าเรย เพราะว่าวันนี้เรามีคิวต้องไปเที่ยวที่พระราชวังแวร์ซายน์ ( Versailles)
ซึ่งเอกว่าหลายคนคงเคยได้ยินถึงกิตติศัพท์ว่า พระราชวังแห่งนี้ถือได้ว่าเป็นพระราชวังที่หรูหราที่สุดในโลกแห่งหนึ่งเลยทีเดียว
วันนี้ พวกเราออกจากโรมแรมกันประมาณ 8.30 เพราะว่าเราต้องเดินทางไปสถานีรถไฟอีกที่นึงเพื่อขึ้นรถไฟ RER ซึ่งเป็นรถไฟที่วิ่งระหว่างเมือง
เพื่อที่จะมุ่งหน้าไปยังเมือง แวร์ซาย อันเป็นที่ตั้งของพระราชวังแห่งนี้นั่นเอง


ภายในสถานีรถไฟครับ

เิริ่มมีปัญหานิดหน่อย แฮ่ๆๆๆ เพราะว่าเรางงกับระบบรถไฟที่ปารีสมาก แม้ว่าจะดูคล้ายกับ Tube ในลอนดอนที่พวกเราคุ้นเคย แต่ระบบที่นี่ดูซับซ้อนซ่อนเงื่อนพิศวาสฆาตกรรมมากๆๆๆๆๆ5555 จิงๆๆก็คือ เรามีปัญหาเรือ่งภาษาด้วยอะครับ เพราะว่าทั้งสามหน่อที่ไป ต่างอ่านฝรั่งเศสกันไม่ได้เลย เราก็เลยงงกับสถานีรถไฟที่จะเปลี่ยนนิดหน่อย

เอก : เอาไงดีอะกิ๊บ?
กิ๊บ : ลองถามคนดีมั้ยอะเอก ?
เอก : เอ แล้วคนที่นี่จะพูดอังกฤษได้เหรอ เหมือนเราเคยได้ยินว่าคนที่นี่เค้าไม่ค่อยอยากพูดภาษาอังกฤษกันอะั
กิ๊บ : หรอ ไม่ลองแล้วจะได้ไปไหมเน่ยยย
เอก : เออ จิงหวะ +o+
เอก : what about you, Keiko... What do you think we should be doing now??
เคโกะ : umm. i think we'd better ask someone.. otherwise, we can't get to the place
เอก : เออ จิงหวะ (รอบสอง) +o+



กิ๊บ : Excuse me please, could you please tell me how to get the train to Versailles Palace?
คนฝรั่งเศสที่เดินผ่านมา : Oh.....It's pretty complicated.but you have to....blah blah blah

.....................................



โอ้ว จอร์ช ฝรั่งนี้มันพูดเก่งว่าพวกเราอีกแฮะ อธิบายซะละเอียดยิบเลย คริคริ ไปเป็นซักที



ประมาณ เกือบ 40 นาทีหลังจากหารถไฟเจอ

เราก็ถึงพระราชวังแวร์ซายน์แล้ว ที่นี่ เอกเคยมาแล้ว แต่มาอีก ก็ยังรู้สึกทึ่งในความอลังการจิงๆ ใหญ่โตเวอร์สมกับที่เป็นวังเอกของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 15 16เลยอะคับ เรามาถึงที่นี่สิบโมงกว่าๆๆๆ ไม่รอช้า หาคิวต่อซื้อบัตรเข้าเลยดีกว่า ขืนรอช้ากว่านี้ พวกกลุ่มนักท่องเที่ยวต้องแห่กันมาเยอะวุ่นวายแน่ๆๆๆๆ


ข้างหน้าพระราชวัง มีรูปปั้นอยู่ด้วยคับ (ว่ากันว่า เป็นต้นแบบของพระบรมรูปทรงม้าบ้านเราครับ)

เรารอคิวแบบ Individual ไม่นาน ก็ได้ผ่านเข้าชมห้องต่างๆ ทั้งห้องบรรทม ห้องน้ำ ห้องทำงาน ห้องกระจก หรือ The hall of mirror อันโ่ด่งดังที่ใช้เป็นห้องเซ็นสนธิสัญญาแวร์ซายที่เยอรมันพ่ายแพ้สงความโลกครั้งที่หนึ่งยังไงหละครับ ห้องนี่ ตอนเราไปโชคร้ายหนอ่ย เพราะว่าส่วนหนึ่งกำลังได้ัรับการซ่อมแซมทำให้ เราไม่ได้เห็นโถงกระจกตลอดแนวยาว (จำได้ว่ามาคราวที่แล้ว เห้นตลอดแนว แล้วสวยมากครับ ) แล้วเราก็ไปห้องของนโปเลียน ที่มีภาพวาดมหึมา (เป็นภาพที่จักรพรรดิ์นโปเลียนสวมพระมงกุฏให้พระราชินีโจเซฟีน) สวยมากครับ แ้ล้วก็ใหญ่มากๆๆๆๆ

ภาพที่ว่าคับ แต่จิงๆใหญ่มากๆๆเลยนะคับ เท่าฝาบ้านเลยอะ

ส่วนนี่เป็นห้องโถงรูปปั้นในวัง มีรูปปั้นกษัตริย์ นักรบ และบุคคลสำคัญต่างๆของฝรั่งเศสมากมายครับ

หลังจากชมห้องได้ไม่นาน (จิงๆมีไม่ค่อยกี่ห้องหรอกครับ อีกอย่างเอกก็ดูมาแล้วรอบนึง รอบนี้เลยไม่ค่อยได้ตื่นตาตื่นใจเท่ี่าไหร่) แล้วเราก็ลงมาที่บริเวณสวนของวังแวร์ซาย ตอนแรกเราทั้งสามกะว่าจะเข้าไปชมสวนข้างใน เพราะได้ยินมาว่าสวยแล้วก็กว้างใหญ่มากๆๆ แต่ราคานีสิครับ ต้องจ่ายเิงินเพิ่มต่างหากที่ 3 ยูโร ซึ่งเอกว่ามันออกจะแพงไปหน่อย ก็เลยเซฟเงินไว้กินอาหารเที่ยงดีกว่าว่าแล้วเราก็ต้องเดินทางออกจากวัง (เหมือนเอกเป็นเจ้าชายเลยเนอะ คริคริ) เพื่อไปยังพิพิธภัณฑ์ลูฟ ที่เอกได้วางแผนไว้เมื่อวาน



สวนสวยๆๆ ของวังครับ (นี่เป็นส่วนเล็กๆนะครับ)

เรานั่งรถไฟไต้ดิน ไม่นานก็ถึง ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่ใหญ่มากๆๆครับ แต่ด้วยความทีพวกเราเป็นโรค Museumpheobia 555 อันที่จริงพวกเราดูพิพิธภัณฑ์ที่อังกฤษมาเยอะแล้วครับตอนอยู่ที่นู่น ทำให้เราไม่ค่อยอยากไปชมของอะไรมากมายเท่าไหร่ เัพียงแต่ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มันมี Hilight 2 อย่าง ที่พลาดไม่ได้หนะสิครับ

1. ภาพวาดโมนาลิซ่า (Mona Lisa) ของลีโอนาโ้ด ดาวินชี แล้วก็
2. รูปปั้น วีันัส ( Venus de Milo)
ทั้งสองอย่างนี้เป็นเหมือนแม่เหล็กที่ดูดให้เราต้องไปยังลูฟร์ครับ


ข้างหน้า พิพิธภัณฑ์ลูฟร์ครับ สังเกตได้จากปิรามิดแก้วตรงกลาง ซึ่งเป็นทางเข้าออกพิพิธภัณฑ์คับ

สังเกตภาพกลางนะครับ ขนาดเ็ล็กมากๆๆ

ภาพนี้เป้นภาพของโมนาลิซ่าครับ ถ้าเพื่อนๆที่ได้ไปดู จะค่อนข้างตกใจเล็กๆ เพราะภาพจริงๆนั้นเล็กมากๆครับ (ไม่เหมือนที่เคยคิดไว้) แล้วก็ไม่ได้ดูวิเศษแตกต่างจากภาพโมนาลิซ่าอื่นๆๆเลยครับ อีกอย่างคือ ตกใจกับคิวครับ คิวรอดูนั้นยาวเหยียดมากๆๆๆๆ คนเบียดกันไปเบียดกันมา ร้อนก็ร้อนครับ

ส่วนรูปนี้ก็คือเทพวีนัส เทพเจ้าแห่งความงามแห่งสรวงสวรรค์นั่นเอง ว่ากันว่าแขนสองข้างที่ขาดนั้นเป็นเพราะนางสวยเสียจนชายสองคน ต้องการร่างนางไปครองพร้อมๆกัน เลยดึงกันคงละข้าง ผลสุดท้ายคือ แขนขาดคับ แต่แขนขาดก็ยังสวย (เลยได้ยกย่องมั้งครับ)
แต่พอมาเห็นตัวจริงนี่สิ อึ้งครับ พุงครับพุง ยื่นมากๆ 555 แขนก็ล่ำกว่าผู้ชายอีก ตัวตัน ไขมันย้อย (ไม่รู้ไอ้ 2 คนนั้นมันแย่งอะไรกันนักกันหนา) 5555 ผมไม่ได้มีเจตนาจะล้อเทพนะครับ แต่ผมว่าหุ่นอย่างนี้ เจอดาราไทย อย่าง อั้ม พัชราภา วีนัสก็วีนัสเถอะคับ คงต้องชิดซ้ายไปเลยครับ 55555

เสร็จกับการตระเวนลูฟร์ แล้่วเราก็ตกลงกันว่า วันนี้จะมาล่องเรือที่แม่น้ำแซง กับเพื่อนๆมะกันในทัวร์ พวกเรานัดกันไว้ที่หน้าโรงอุปรากร (งงอะดิ 555) โรงละครโอเปร่าหนะครับ ชื่อว่า Opera Garnier ที่นี่สวยมากๆๆเลยครับ ผมเห็นครั้งแรกนึกว่าวังเสียอีก ข้างๆจะมีบันไดไว้นั่งรอกันเต็ม (อารมณ์เดียวกับบันไดเสปน) พวกเราก็ตกลงไปหาอาหารทานกันก่อน ไ่ม่งั้นล่องเรือดึกแล้ว หาอะไรกินลำบาก เลยไปตระเวนหาร้านกันแถวๆนั้น ว้าๆๆๆๆ ไม่มีซักร้านเลย เดินไปเดินมา เห็นร้าน Duty Free เท่านั้นแหละครับ กิเลสพุ่งเลย พวกเราก็ไปดูรายชื่อของที่เหล่าแม่ๆฝากทั้งน้ำหอม เครื่องสำอาง แต่ ที่นี่ ไม่มีเลยครับ เราก็เลยไม่ได้ซื้ออะไร ....


ระหว่างทางไปจุดนัดพบ( โอเปร่า กานิเย่) ฝนตกพรำๆ สาวๆยังไม่วาย ต้องโพสต์ท่ากันอีก

เวลานัดงวดเข้ามาแล้ว ยังหาร้านไม่ได้เลย เราก็เริ่มกระสับกระส่าย เอกเองเสนอว่าอยากกินอาหารฝรั่งเศส เพราะไหนๆก็มาทั้งที แต่กิ๊บบอกว่าเดี๋ยวจะไม่ทันเวลานัด ให้ซื้อสลัดไปกิน เอกก็ไม่อยากกินเพราะว่ามันไม่อิ่ม เคโกะก็กินได้หมด แต่อยากกินแมคโดนัลด์เป็นพิเศษ เอาหละสิ แตกคอกันแล้ว พวกเราก็เดินหาร้านกันมั่วเลยครับ (คือต้องเอาร้านที่กินแล้วอิ่ม แล้วต้องกินให้เสร็จภายใน 10 นาที)

สรุป เราต้ิองไปร้านอาหารจีนเพื่อสั่งห่อแบบ takeaway แล้วขอช้อนเค้ามากินกันครับ เราก็เลยเอามานั่งกินกันที่หน้า Opera Garnier ซึ่งเป็นสถานที่ีที่เรานัดเพื่อนๆชาวอเมริกันไว้
คนที่จะไปล่องเรือมีกันประมาณ 15 คนครับ กว่าคนที่ 15 จะมาถึง เลยเวลานัดไปเกือบชั่วโมง โถ รู้งี้นั่งกินที่ร้านสบายๆๆดีกว่า อุตส่าห์รีบกินแทบตาย

ในที่สุด พอครบกลุ่ม พวกเราก็เดินทางไปที่ท่าเรือ เพื่อที่จะนั่งเรือล่องแม่น้ำ ตอนนี้ก็ ประมาณ สองทุ่ึมได้แล้วครับ แต่แหม สองทุ่ม มันก็ยังสว่างอยู่เลย พวกเรานั่งเรื่อผ่านที่ๆสำคัญมากมาย โดยจะมีเสียงบรรยายเป็นภาษาอังกฤษตลอดทางว่า เราผ่านอะไรไปแล้ว แล้วสำคัญอย่างไร (คล้ายๆกับการล่องเรือที่แม่น้ำเทมส์เลยครับ) การล่องเรือครั้งนี้จะล่องผ่านเกาะด้านซ้าย (คือ เท่าที่เอกรู้คือ แม่น้ำแซงจะมีเกาะอยู่ตรงกลางแม่น้ำ แล้วแบ่งออกเป็นสองสายย่อยๆ แล้วค่อยรวมกันใหม่) แล้วเรือก็จะวนผ่านด้านขวาเพื่อกลับที่เดิม

การล่องเรือใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงได้ครับ เราผ่านที่สำคัญๆเช่น หอไอเฟิล ซึ่งสวยมากๆๆ แล้วก็ผ่านเทพีเสรีภาพ(ซึ่งอีกตัวนึงอยู่ที่ิ นครนิวยอร์ค)
พวกเราก็ถ่ายรูปกันไปพอหอมปากหอมคอ

แว้กกกกกกกกกกกกก
แบตกล้องดิจิตอลเอกหมด ทำไงดี... ไม่เป็นไรมั้ง คงไม่มีที่อะไรให้ถ่ายอีกแล้วมั้งแล้วแหละ ก็ผ่านมาหมดแล้วหนิ

แต่ไม่ครับ ความซวยของเอกบังเกิด เพราะว่า ตอนเราวนกลับมารอบที่สองเพื่อขึ้นท่านั้น เราผ่านหอไอเฟิลที่ได้เปิดไฟแล้ว สวยมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
สุดจะบรรยายเลยครับ แถมไม่พอนะครับ ยังมีไฟประกายวิบๆแวบๆ รอบตัวหอคอยอีก (เท่าทีฟังคือ วันนึงจะเปิดไฟประกายนี้แค่ 5 นาที แล้วก็จะปิด) โห สวยสุดๆๆไปเลย ฮือๆๆ กล้องมันแบตหมดเลยอดเก็บรูปสวยๆๆเลยครับ T^T



รูปถ่ายสุดท้่ายที่ถ่ายไว้ได้ ก่อนแบตจะหมดครับ นี่ยังไม่สวยเท่าไหร่ เพราะตอนแบตหมดนั้น เรือได้เข้าไปใกล้หอไอเฟิลมากกว่านี้ เห็นชัดมากๆๆแล้วก็สวยมากๆๆด้วยครับ ฮือๆๆๆๆๆๆสุดยอดจะเสียดายเลยยยอะคับ ( นี่ตอนนี้เห็นอย่างงี้ จะสี่ทุ่มแล้วนะครับ)


หลังเราล่องเรือเสร็จ เราก็ต้องกลับโรงแรม (เพราะว่ามัน ห้าทุ่มกว่าๆแล้ว) พวกเรากลับมาโรงแรมในสภาพที่เหนื่อยล้ามากๆๆ เพราะว่าวันนี้เดินทั้งวัน รอ้นก็ร้อน อืมมมมได้เวลาพักผ่อนแล้วสิ..... เจอกันใหม่นะ พรุ่งนี้ ส่วนวันนี้ ทำ Rough Plan ของวันพรุ่งนี้ไ้ว้ดีกว่า

พรุ่งนี้เราต้องไปหอไอเฟิล แล้วก็ขึ้นข้างบน ตอนเช้า ส่วนตอนบ่าย ก็จะตลุย Champs Elysees อีกรอบ ถ่ายรูปที่ Arc De Triomphe แวะ วิหาร Notredame แล้วก็เตรียมตัวกลับลอนดอนแล้ววววว...

...................................................................



Create Date : 09 มกราคม 2548
Last Update : 8 ธันวาคม 2554 17:49:54 น.
Counter : 846 Pageviews.

7 comments
  
บอกวิธีนำเพลงเข้ามาใส่ได้มะคับ
ช่วยผมที
โดย: Bonaparte (Bonaparte ) วันที่: 9 มกราคม 2548 เวลา:6:06:46 น.
  
ใส่โคด
เข้าไปว่า
embed src=ไฟล์เพลงบนอินเตอร์เนต
แล้วใส่เครอื่งหมาย < หน้า คำว่า embed แล้วก็ใส่ > หลังชื่อไฟล์นะครับ

เช่น <เอมเบด src=//www.blabla.com/song.wma>
(ปล. คำว่า เอมเบด ใส่เป็นภาษาอังกฤษนะครับ )
โดย: coombe lane's guy IP: 61.90.99.251 วันที่: 9 มกราคม 2548 เวลา:13:39:28 น.
  
โดย: coombe lane's guy วันที่: 18 มกราคม 2548 เวลา:0:08:17 น.
  
ภาพงามมากขอรับ .....
โดย: POL_US วันที่: 28 ตุลาคม 2548 เวลา:6:50:19 น.
  
โกรธ
บึ้งเบร้
ปึ้กอ่า...ฮา.เอ่อ...เอ๋อ..เเอะ
โดย: ภา IP: 203.209.105.4 วันที่: 2 กุมภาพันธ์ 2549 เวลา:21:08:07 น.
  
กลับมาอีกที ไหงบล็อคหวานแหววงี๊เนี่ย น้อง Coombeฯ


ตอนไปปารีสคราวก่อนก็พี่เดินวนในเขาวงกตรถใต้ดินจนมึนไปหมด
ดีที่เจอปารีเซียงคนนึงที่พูดภาษาอังกฤษพอได้ไม่งั้นตายแน่นอน
เพราะเดินวนไปวนมาจนจะเป็นล้านรอบกะอีแค่จะขึ้นเทรนเนี่ยล่ะ ระบบป้ายบอกทางมันห่วยจริงๆนะ ปารีส
โดย: oHLa IP: 80.42.70.84 วันที่: 2 เมษายน 2549 เวลา:5:05:38 น.
  
ไปเที่ยวคราวไหนเอาภาพสวยๆกลับมาฝากบ้างนะค่ะ
(เอาแต่ภาพไม่เอาคนนะ)
โดย: ทราย IP: 125.25.138.76 วันที่: 14 กรกฎาคม 2549 เวลา:18:16:41 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

coombe lane's guy
Location :
Bangkok,  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]



I ain't easy to find, I am one of a kind!