|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตะลุยเมืองจีน (3)
|
ความเดิมตอนที่ 1
ความเดิมตอนที่ 2
DAY V : ปักกิ่ง
กลับมาที่ปักกิ่ง วันที่ 5 นี้เรามีโปรแกรมอยู่ที่ปักกิ่งทั้งวัน และเป็นครั้งแรกที่จะได้สัมผัสปักกิ่งจริงๆจังๆ ตอนเช้าถึงบ่ายมีโปรแกรมไปสัมภาษณ์ที่สถานฑูต หลังจากนั้นมีเวลาว่างก็เลยขับรถชมเมือง และได้ไปดูมหาวิทยาลัยปักกิ่ง หรือ "เป่ยจิงต้าเสียว์" เป่ยจิงก็คือปักกิ่ง ต้าเสียว์ (จริงๆเขียนเป็นเสียงภาษาไทยไม่ค่อยถูก) แปลว่ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป่ยจิงต้าเสียว์นี้มีชื่อเรียกสั้นๆว่า "เป่ยต้า" เหมือนกับมหาวิทยาลัยที่หยุนหนาน (ยุนนาน) ก็จะเรียกว่า "หยุนต้า"
เป่ยต้าเป็นมหาวิทยาลัยที่สวยไม่แพ้มหาวิทยาลัยในยุโรปหรืออเมริกา มีพื้นที่กว้างขวาง และมีต้นไม้และบึงสวยๆเยอะ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียง เรียนยาก เข้ายาก มีคนไทยเรียนอยู่พอสมควร
พอผ่านตึกๆหนึ่ง คนขับรถชี้ให้ดูว่าเป็นหอพักที่สมเด็จพระเทพฯเคยมาประทับอยู่ เมื่อครั้งที่มาเรียนภาษาจีนที่เป่ยต้า พูดถึงคนขับคนนี้แล้วก็ทึ่ง เพราะเค้าช่างความรู้รอบตัวดีมาก รู้เรื่องเมืองไทยก็เยอะ ช่วงนั้นเป็นช่วงที่มีการชุมนุมต่อต้านทักษิณ แกก็ชวนคุยเรื่องทักษิณ รู้ว่าบรรพบุรุษของทักษิณมาจากส่วนไหนของจีนอีกด้วยแน่ะ เค้าบอกว่าที่เค้ารู้เรื่องต่างๆนั้นเพราะว่าชอบอ่านหนังสือ ซึ่งก็น่าจะจริง เพราะเวลาเราไปไหนๆกัน กลับมาที่รถจะเห็นเค้าอ่านหนังสือรออยู่เสมอ แล้วเค้าก็บอกว่าคนจีนชอบอ่านหนังสือกันทั้งนั้นแหละ...ไม่เหมือนคนไทยแฮะ ปริมาณการบริโภคกระดาษน้อยกว่าประเทศที่มีระดับการพัฒนาไกล้เคียงกันอย่างมาเลเซียตั้งครึ่งต่อครึ่ง
DAY VI : ปักกิ่ง-ชิงเต่า
ถึงเวลาได้เดินทางกันอีกครั้ง วันนี้มีเวลาว่างตอนเช้า ก็เดินเล่นแถวๆโรงแรม แล้วตอนบ่ายก็ออกเดินทางไปที่เมืองชิงเต่าในมณฑลซานตง ซึ่งอยู่ชายฝั่งทะเลด้านตะวันออกเหมือนกันแต่ถัดลงไปทางใต้จากปักกิ่ง ใช้เวลาทั้งหมด 3 ชั่วโมง
เป้าหมายในการไปเมืองชิงเต่าในครั้งนี้ เพื่อจะไปสำรวจท่าเรือ เนื่องจากท่าเรือชิงเต่าเป็นท่าเรือหนึ่งที่สำคัญ และเป็นศูนย์กลางของมณฑลซานตง ซึ่งเป็นมณฑลที่ทำการค้ากับไทยมากเป็นอันดับสี่ รองจากกว่างตง (กวางตุ้ง) เจียงซู และซ่างไห่ (เซี่ยงไฮ้) และนัดสัมภาษณ์กับบริษัทลอจิสติกส์ของไทยที่ไปลงทุนที่นั่นด้วย
DAY VII : ชิงเต่า
ชิงเต่าเป็นเมืองที่เราชอบมากที่สุดในทริปนี้ รูปลักษณ์ของเมืองจะแบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนเมืองใหม่ ที่เป็นตึกระฟ้าเหมือนเมืองใหญ่ๆทั่วไป และส่วนที่เป็นเมืองเก่า ที่บ้านเรือนจะออกสไตล์ยุโรปเพราะเคยเป็นเมืองเช่าของเยอรมัน (ต้องย้ำว่าเมืองเช่าไม่ใช่เมืองขึ้น ถ้าพูดว่าเมืองขึ้นคนจีนจะโกรธเอา) ซึ่งส่วนเมืองเก่าบวกกับชายหาดสวยๆ ทำให้ชิงเต่าเป็นเมืองที่น่ารักมากๆ
ที่เห็นเป็นรูปเกลียวพายุสีแดง คืออนุสาวรีย์สำหรับชัยชนะในการขับไล่ญี่ปุน
ด้วยความที่เคยเป็นเมืองของเยอรมัน ทำให้มีเบียร์ยี่ห้อดังคือเบียร์ชิงเต่าหรือคนไทยเรียง "สิงเทา" ซึ่งเป็นโรงงานของเยอรมันและได้ถ่ายทอดเทคโนโลยีให้กับจีนจนกลายมาเป็นสินค้าประจำเมือง
แล้วเราก็ทำงาน...
เมื่อเสร็จงาน เพื่อนร่วมทางทุกคนก็ใจตรงกันว่าอยากสัมผัสยุโรปในเมืองจีนให้เยอะที่สุด เลยไปทัวร์ปราสาทต่างๆกันในเมืองเก่า
รูปนี้เป็น governer house คือที่พักของฝรั่งเยอรมันที่มาปกครองเมือง เค้าเปิดให้เข้าไปข้างในด้วย ก็ค่อนข้างธรรมดาๆ แต่ข้างนอกน่ารักเหมือนบ้านตุ๊กตา
จากนั้นก็ไปที่ปราสาทรัสเซีย เป็นปราสาทที่มีหอคอยสูง มองลงมาจะเห็นวิวทะเลของเมือง ตอนปีนบันไดขึ้นไปหนาวมากๆ
กว่าจะกลับออกมาจากปราสาทก็พระอาทิตย์ตกดินแล้ว ทุกคนต่างก็เสียดายที่ต้องลาชิงเต่ากันเพียงเท่านี้ เพราะวันรุ่งขึ้นก็ต้องเดินทางกลับไปที่ปักกิ่งแต่เช้า
Create Date : 15 กุมภาพันธ์ 2550 |
|
1 comments |
Last Update : 15 กุมภาพันธ์ 2550 15:30:28 น. |
Counter : 4344 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: sak (psak28 ) 15 กุมภาพันธ์ 2550 15:53:55 น. |
|
|
|
| |
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|
|