เปิด 5 โรคพระสงฆ์อาพาธสูง“ไขมัน ความดัน เบาหวาน ไต ข้อเข่า”แนะเข้าพรรษานี้ตักบาตรถาม(สุขภาพ)พระ



เผยโรคที่พระสงฆ์อาพาธมาก 5 อันดับ ทั้งเบาหวาน ไขมัน ความดัน ไตวายและข้อเข่าเสื่อม พบญาติโยมเลือกอาหารชุด แกงเขียวหวาน-พะโล้-กะเพรา-ของทอดแนะญาติโยมใส่บาตรด้วยอาหารสุขภาพ ข้าวกล้อง-ผัก-ปลา-นม

 

เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2559 ที่โรงพยาบาลสงฆ์ในงานแถลงข่าว“เข้าพรรษานี้...ตักบาตรถาม (สุขภาพ) พระ” จัดโดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.)ร่วมกับกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข (สธ.)และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) โดย พญ.นฤมล สวรรค์ปัญญาเลิศ นายแพทย์ ทรงคุณวุฒิ กรมการแพทย์ กล่าวว่า จากข้อมูลสุขภาพพระสงฆ์ที่เข้ารับการรักษาใน รพ.สงฆ์ ปีงบประมาณ 2558 พบว่า 

โรคที่พระสงฆ์ป่วยสูงสุด 5 อันดับ 

1. โรคเมตาบอลิซึม และไขมันในเลือดผิดปกติ 2. โรคความดันโลหิตสูง 3. โรคเบาหวาน 4. โรคไตวาย หรือไตล้มเหลว 5. โรคข้อเข่าเสื่อม

ซึ่งส่วนใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากพฤติกรรม เนื่องจากพระสงฆ์ไม่สามารถเลือกฉันอาหารที่ฆราวาสถวายได้การที่ สสส. และ สธ. ให้ความรู้ความเข้าใจถึงอาหารใส่บาตรที่เหมาะสมต่อสุขภาพพระ จึงเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันการเจ็บป่วยของพระสงฆ์ นอกจากนี้พระสงฆ์ยังมีพฤติกรรมเสี่ยงต่อสุขภาพด้วย เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มกาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง เครื่องดื่มที่มีรสหวาน เป็นต้น หากไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสมจะกลายเป็นผู้ป่วยรายใหม่ในอนาคต

รศ.ภญ.จงจิตร อังทะวานิช ผู้จัดการโครงการขับเคลื่อนสงฆ์ไทยไกลโรคเพื่อการดูแลโภชนาการพระสงฆ์ในระดับประเทศ สสส. กล่าวว่า กว่า 90% ของฆราวาสที่อยู่ในเมืองนิยมซื้ออาหารชุดใส่บาตร จากการสำรวจอาหารที่ถวายให้พระพบ ว่า อาหารยอดนิยม คือ แกงเขียวหวาน พะโล้ ผัดกะเพราและของทอด เพราะรูปลักษณ์น่าทานหน้าตาไม่เปลี่ยนมาก หากทำทิ้งไว้เป็นเวลานานแต่อาหารเหล่านี้ส่งผลต่อสุขภาพพระสงฆ์ไทย

โดยพบความเสี่ยงต่อภาวะอ้วน โรคกระเพาะอาหารและกระดูกพรุน เนื่องจากอาหารที่ถวายเหล่านี้ มีผักน้อย มีรสจัด ไขมันสูง โดยเฉพาะมีโปรตีนน้อย เพราะเลือกเนื้อคุณภาพไม่ดีมาติดมันบ้างให้น้อยบ้าง ซึ่งเมื่อรับโปรตีนเพียง 60%ซึ่งไม่เพียงพอต่อปริมาณที่ร่างกายควรรับ จึงต้องฉันข้าวปริมาณมากเพื่อทดแทนโปรตีนให้เพียงพอ ทำให้อิ่มได้ไม่นาน จึงมักชดเชยด้วยน้ำปานะที่มีรสหวาน โดยน้ำปานะยอดนิยมคือ กาแฟ ชาขวด และเครื่องดื่มชูกำลัง โดยฉันปริมาณเฉลี่ย 2 ขวดต่อวัน ทำให้เสี่ยงต่อภาวะอ้วนลงพุง 45%

เข้าพรรษานี้อยากให้ฆราวาสช่วยกันเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพพระ เสริมข้าวกล้อง ผัก ปลา นม ลดเค็ม มัน

รศ.ภญ.จงจิตร กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังพบภาวะกระดูกพรุน เพราะท่านไม่มีโอกาสได้ฉันผลิตภัณฑ์ที่ทำจากนม โดยพบอาหารที่ท่านฉันมีปริมาณแคลเซียมต่ำกว่าคนทั่วไป โดยได้รับเพียง 100 กว่ามิลลิกรัม ขณะที่คนทั่วไปอยู่ที่ 800 - 1,000 มิลลิกรัม ซึ่งต่างกัน 8 เท่า และอาหารที่ถวายมักมีรสจัดทำให้เป็นโรคกระเพาะอาหาร ช่วงเข้าพรรษานี้ก่อนใส่บาตรอยากให้ฆราวาสช่วยกันเลือกอาหารที่ดีต่อสุขภาพพระ คือ เสริมข้าวกล้อง ผัก ปลา นม ลดเค็ม มัน ซึ่งโครงการได้จัดทำหนังสือบาตรไทย ไกลโรค 4 ภูมิภาค ซึ่งจะโดยมีการยกตัวอย่างเมนูอาหารที่เหมาะสมกับการถวายพระ เช่น ปลาผัดขึ้นฉ่ายใช้น้ำมันน้อย ไข่เจียวสมุนไพรน้ำมันน้อย แกงจืดช่วยลดการรับประทานอาหารรสจัดป้องกันการเกิดโรคกระเพาะ และแกงเขียวหวานสูตรนมครึ่งกะทิครึ่ง ช่วยลดไขมันอิ่มตัวจากกะทิและเพิ่มแคลเซียมจากการใช้นม เป็นต้น

การให้ความรู้ฆราวาสว่าอะไรส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์ อะไรเป็นอันตรายสุขภาพพระสงฆ์

พระศรีคัมภีรญาณ รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร.) กล่าวว่า พระเลือกฉันเองไม่ได้ ทำให้ระมัดระวังเรื่องอาหารกับสุขภาพได้ยาก ดังนั้น จึงต้องเริ่มตั้งแต่ฆราวาสที่ต้องการเลือกสรรสิ่งที่ดีเป็นประโยชน์ ไม่เป็นโทษให้แด่พระภิกษุ เหมือนดังพุทธศาสนสุภาษิตที่ว่า “วิเจยฺย ทานํ สุคตปฺปสตฺถํ” การเลือกให้พระสุคตทรงสรรเสริญ คือเลือกสิ่งที่จะให้ กับคนที่จะให้ ดังนั้น จึงควรมีการให้ความรู้ฆราวาสว่าอะไรส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์ อะไรเป็นอันตรายสุขภาพพระสงฆ์ คนถวายจะได้เอาใจใส่มากขึ้น คัดเลือกสิ่งที่ดีให้พระสงฆ์มากขึ้น อย่างโครงการพัฒนา “ครัวต้นแบบ” ที่ มจร. ร่วมกับคณะสหเวชศาสตร์ จุฬาฯ และ สสส. ในการให้ความรู้แม่ครัว ตั้งแต่การเลือกวัตถุดิบว่าอะไรมีประโยชน์ ปรุงแบบใดมีประโยชน์ต่อสุขภาพพระ เพราะที่ผ่านมาการปรุงก็มักปรุงตามปากแม่ครัว ตามรสที่แม่ครัวชอบ สำหรับการส่งเสริมให้พระสงฆ์มีอิริยาบถที่ส่งเสริมการออกกำลังกายนั้น ค่อนข้างทำได้ยาก เพราะพระสงฆ์มักไม่ค่อยมีการเปลี่ยนอิริยาบถ เวลานั่งก็นั่งนาน ๆ จึงอยากให้มีการศึกษาว่าการเปลี่ยนอิริยาบถ ยืน เดิน นั่ง นอน นั้น ควรมีสัดส่วนเป็นเท่าไรจึงจะดีต่อสุขภาพแล้วถ่ายทอดความรู้ให้แก่พระ หรืออย่างการแกว่งแขนก็อยากให้มีการแนะนำว่าพระว่าการแกว่งแขนเพื่อส่งเสริมสุขภาพต้องทำอย่างไร

ด้าน นายพนม ศรศิลป์ ผอ.พศ. กล่าวว่า แนวทางหนึ่งที่ช่วยพระสงฆ์มีกิจกรรมทางกายได้ดีคือ การกวาดลานวัด ซึ่งพระเถระชั้นผู้ใหญ่หลายรูป แม้จะอายุมาก แต่สุขภาพดี ก็เพราะตื่นแต่เช้ามากวาดลานวัด จึงอยากให้มีการศึกษาว่าการกวาดลานวัดถือว่าเพียงพอหรือไม่กับการส่งเสริมการออกกำลังกายของพระ สำหรับการดูแลสุขภาพพระของ พศ. นั้น เมื่อปี 2547 ได้มีการจัดทำธรรมนูญสุขภาพพระสงฆ์ระดับชาติขึ้น แต่ปัญหาก็ยังไม่ดีขึ้น ซึ่งการทำงานต่อจากนี้จะร่วมกับองค์กรชุมชนดูแลสุขภาพพระสงฆ์ มีการทำโครงการวัดต้นแบบดูแลสุขภาพ รวมถึงกำหนดหลักสูตรส่งเสริมสุขภาพพระสงฆ์เพื่อใช้ในการอบรมเจ้าอาวาส พระนักเทศน์ พระวิปัสสนา เป็นต้น และมหาวิทยาลัของสงฆ์เองก็จะมีการจัดทำหลักสูตรช่วยส่งเสริมสุขภาพด้วย

ที่มา thaitribune




Create Date : 15 กรกฎาคม 2559
Last Update : 15 กรกฎาคม 2559 4:59:02 น. 0 comments
Counter : 385 Pageviews.

p_chusaengsri
Location :
สมุทรปราการ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 52 คน [?]




Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2559
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
15 กรกฏาคม 2559
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add p_chusaengsri's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.