กกต.สอบเพลงหยาบจูงใจให้ใช้สิทธิทางใดทางหนึ่ง-เผยเอาผิดได้ไม่ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญ
กกต.สั่งสอบเพลงหยาบจูงใจให้ใช้สิทธิทางใดทางหนึ่ง ฝากคนในคลิปไม่เกี่ยวข้องให้แจ้งลงบันทึกประจำวัน ระวังส่งต่อคลิป ชี้นปช.ตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติได้ แต่ต้องอยู่ในกฎใครทำผิดกฎหมายเอาผิดได้ไม่ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559 นายสมชัย ศรีสุทธิยากร กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารงานเลือกตั้ง เปิดเผยว่า ที่ประชุม กกต.ได้รับทราบกรณีที่มีเพจในเฟซบุ๊กได้เผยแพร่เพลงที่มีข้อความหยาบคาย และโน้มน้าวจูงใจให้คนไปออกเสียงประชามติในทางใดทางหนึ่ง และได้มอบหมายให้คณะทำงานของสำนักงาน กกต.ไปศึกษาว่าเข้าข่ายมีความผิดหรือไม่ ตามที่ได้ให้ข่าวไปก่อนหน้านี้ คาดว่าภายในหนึ่งสัปดาห์น่าจะได้ข้อมูล นายสมชัยเปิดเผยว่า อยากฝากถึงบุคคลที่ปรากฏในคลิปเพลงดังกล่าว หากไม่รู้เห็น หรือกระทำการก่อน พ.ร.บ.ประชามติมีผลบังคับ ก็ควรไปแจ้งลงบันทึกประจำวันว่าไม่มีส่วนรู้เห็น หรือสนับสนุนให้มีการเผยแพร่คลิปดังกล่าวหลัง พ.ร.บ.ประชามติมีผลใช้บังคับ เพราะไม่ฉะนั้นจะถือว่ามีความผิดไปด้วย รวมทั้งประชาชนทั่วไปขอให้ระมัดระวังในการส่งต่อคลิปดังกล่าว นายสมชัยกล่าวว่า การออกมาเตือนเรื่องนี้ไม่ใช่แค่ขู่เพื่อให้เลิกกระทำ แต่ กกต.เอาจริงทุกเรื่อง แต่การจะทำอะไรต้องเป็นไปด้วยความเที่ยงธรรม ขณะนี้เรื่องจึงอยู่ในระหว่างการรวบรวมข้อมูล หากพบว่าเข้าข่ายมีความผิดก็จะส่งให้พนักงานสอบสวนดำเนินการต่อ หรืออย่างกรณีการขายเสื้อโหวตโนของขบวนการประชาธิปไตยใหม่ก็ในขั้นการดำเนินการอยู่ การดำเนินการดังกล่าว กกต.ไม่สามารถรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญได้ เพราะตราบที่ศาลยังไม่วินิจฉัยต้องถือว่า พ.ร.บ.ประชามติยังมีผลบังคับใช้อยู่ กกต.ในฐานะผู้รักษาการกฎหมายก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง หากหยุดดำเนินการก็มีโอกาสที่จะถูกฟ้องฐานะเป็นเจ้าหน้าที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ได้นายสมชัยกล่าว นายสมชัยยังเลี่ยงที่จะตอบกรณีเพลง 7 สิงหาประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง ของ กกต.ถูกมองว่ามีเนื้อหาบางท่อนดูหมิ่นคนภาคอีสาน และภาคเหนือ โดยระบุว่าขอไม่มีความเห็นในเรื่องนี้ และ กกต.ก็ไม่ได้หารือถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นในการประชุม กกต. ส่วนตัวยังเห็นว่าเนื้อหาไม่ได้เป็นการดูหมิ่นคนภาคใด และผู้แต่งเพลงก็ยืนยันแล้วไม่ได้เจตนาที่จะดูหมิ่นแต่อย่างใด เมื่อถามว่า จำเป็นหรือไม่ที่ กกต.จะต้องระงับเพลง 7 สิงหาฯ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาบานปลาย นายสมชัยกล่าวว่า คิดว่าบางทีสังคมก็อ่อนไหวเกินไป และบางเรื่องก็ไม่เป็นสาระสำคัญมากนัก ส่วนกรณีการตั้งศูนย์ปราบโกงประชามติของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นั้นตนเคยยืนยันแล้วเป็นเรื่องที่ดีที่ประชาชนจะช่วยกันสอดส่องการออกเสียงประชามติ แต่ระเบียบของ กกต.ไม่ได้ส่งเสริมให้องค์กรเอกชนเข้ามาร่วมตรวจสอบประชามติ เหมือนกับการเลือกตั้งที่ กกต.สามารถเข้าไปสนับสนุนได้เต็มที่ ดังนั้น กกต.จึงไม่สามารถไปส่งเสริมให้องค์กรเอกชนเข้ามาสังเกตการณ์การออกเสียงในหน่วยออกเสียงได้ ซึ่งการรวมตัวกันของประชาชนที่จะสังเกตการณ์การออกเสียงแม้จะทำได้ แต่ต้อง 1.ไม่เข้าไปในหน่วยออกเสียง 2.ไม่ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของกรรมการประจำหน่วย 3.ไม่ก่อความวุ่นวาย หรือแสดงท่าทีในหารโน้มน้าว จูงใจ ปลุกระดม ข่มขู่ ให้ผู้มาออกเสียงออกเสียงไปทางใดทางหนึ่ง ถ้ายึดในหลักการนี้ได้การรวมตัวสอดส่องก็สามารถทำได้ นอกจากนี้กกต.มีแอปพลิเคชันตาสับปะรด เพื่อรับแจ้งเหตุ ประชาชนก็สามารถแจ้งเข้ามาได้ขณะนี้ยังมีน้อยอยู่ รวมถึงถ้า นปช.อยากให้ กกต.ส่งคนไปอบรมการใช้แอปพลิเคชันดังกล่าวก็พร้อม ทางด้านนายศุภชัย สมเจริญ ประธานกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กล่าวถึงกรณีเสียงวิจารณ์ว่าเพลง 7 สิงหาประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง ของ กกต.มีเนื้อหาบางท่อนดูหมิ่นคนภาคอีสานและภาคเหนือ ว่า กรณีนี้เป็นเรื่องของมุมมองที่แต่ละคนจะมีความเห็น กกต.คงจะไม่ไประงับการเผยแพร่ เพราะมองว่าเพลงดังกล่าวไม่มีเนื้อหาใดที่เข้าข่ายปลุกระดม ข่มขู่ หรือผิด พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติ ถ้าหาก กกต.ไปกังวลก็เท่ากับว่าจะต้องยกเลิกทุกเรื่องตามที่คนเขาสะท้อนมา ศาลรับคำร้องผู้ตรวจการแผ่นดินตีความ ม.61 วรรคสอง เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559 สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าวระบุว่า ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินที่เสนอเรื่องพร้อมความเห็นของให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาว่า พ.ร.บ.ว่าด้วยการออกเสียงประชามติร่างรัฐธรรมนูญ 2559 มาตรา 61 วรรคสอง เป็นบทบัญญัติที่จำกัดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชนเกินความจำเป็นและกระทบกระเทือนสาระสำคัญแห่งสิทธิและเสรีภาพ มีปัญหาเกี่ยวกับความชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2257 มาตรา 4 หรือไม่ โดยได้มีหนังสือแจ้งผู้ตรวจการแผ่นดินในฐานะผู้ร้องได้รับทราบ พร้อมทั้งเรียกเอกสารที่เกี่ยวข้องจากคณะกรรมการการการเลือกตั้ง (กกต.) สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ในส่วนของเจตนารมณ์ ความเป็นมา และเหตุผลในการบัญญัติมาตรา 61 วรรคสอง รวมทั้งข้อมูลอื่นใดที่เห็นว่าเกี่ยวข้องเพื่อประโยชน์แห่งการพิจารณาของศาล และให้ยื่นต่อศาลภายใน 7 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือ ทั้งนี้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว 2557 มาตรา 45 วรรคสองประกอบข้อกำหนดศาลรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาและการทำคำวินิจฉัย 2550 ข้อ 17 (18) ข้อ 25 ข้อ 27 และข้อ 45 7 สิงหา 59 ประชามติร่วมใจ ประชาธิปไตยมั่นคง https://www.youtube.com/watch?v=6S77FN5VKuI
ที่มา thaitribune
Create Date : 09 มิถุนายน 2559 |
Last Update : 9 มิถุนายน 2559 15:27:44 น. |
|
0 comments
|
Counter : 271 Pageviews. |
|
|