Blog ของชัชชมนต์ คนดีค่ะ
Group Blog
 
<<
สิงหาคม 2553
 
 
17 สิงหาคม 2553
 
All Blogs
 

Nepal ตอน 50 สยองขันตอนเที่ยงคืน

เวลาเที่ยงคืน ตะเข็บรอยต่อระหว่างวันที่ 11 กับ 12 เม.ย เหตุการณ์ระทึกขวัญ (ขวัญใครนะ) ก็เกิดขึ้นใน Snow Land Hotel

เสียงลากเท้าครืดคราด ดวงไฟดวงเล็ก ๆ ลอยผ่านห้องพักไปเรื่อย ๆ จนลงบันไดไป พลันเสียงฝีเท้าก็สงบลงที่หน้าประตูห้องน้ำชาย
แอ๊ด…ปัง ประตูห้องน้ำ เปิดและปิดลง สักพักหนึ่งก็มีเสียงอื่นตามมา จ๋อม…จ๋อม…ครืน

ที่แท้คือเสียงชักโครกที่ถูกชักเมื่อเสร็จกิจ เมื่อประตูเปิดมาอีกครั้ง หนุ่มกระเหรี่ยงคนหนึ่งก็ประคองเทียนเดินหน้าซีดออกมาจากส้วม เขาคือพี่เจนั่นเอง

เรื่องสยองขวัญนี้เป็นของพี่เจแต่เพียงผู้เดียว (ซวยเสียบ้างสิ ตั้งแต่มาเนปาลมายังไม่ซวยสักอย่าง) หนุ่มปากร้ายแต่ใจดี (เรอะ) ท้องเสียอย่างหนัก ง่วงแสนง่วง ขาแข้งก็ยังเมื่อยขบยังไม่หายล้าจากการเดินทางเมื่อวาน พี่เจก็ยังต้องลากสังขารมาเข้าส้วม ไฟฟ้าก็ไม่มี ชายหนุ่มผู้โชคร้ายจำต้องจุดเทียนเล่มเล็ก ๆ ให้แสงสว่างนำทางไปห้องส้วม กล้องวีดีโอราคาแสนแพงพี่เจยังเอามาได้ กะอีแค่ไฟฉายไม่มีใช้ เฮ้อ…

ลมหรือก็แรง คอยแต่จะพัดให้เทียนเล่มน้อยดับ ต้องคอยจุดเป็นระยะๆ ไหนจะกลัวแมลงสารพัดอีก ถ้าถูกมันกัดระหว่างที่ประกอบกิจธุระยังไม่เสร็จ
โอ๊ย…ไม่กล้าคิด ทำไมลำบากอย่างนี้ ยังดีที่ห้องส้วมอยู่ในโรงแรม นี่ถ้าอยู่นอกโรงแรมล่ะก็ยิ่งดับอนาถ

พี่เจต้องเทียวไล้เทียวขื่อระหว่างห้องพัก กับห้องส้วมอยู่หลายรอบจนโทรม น่าสงสารจริง ๆ (เป็นการสงสารตามมารยาท ที่จริงแล้วสะใจ และสมน้ำหน้ามาก ฮ่ะๆๆ)

ทั้ง ๆ ที่พวกเราก็กินเหมือน ๆกันทุกมื้อ แล้วทำไมหนอ พี่เจถึงได้ท้องเสียอยู่คนเดียว ซวยไม่แบ่งเพื่อนเลยนะพี่ เฮ้อ…ทั้งโรคซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น ไม่เล็งเห็นที่ซึ่งจะพึ่งพา (กลอนวรรคนี้เป็นฝีมือของสุนทรภู่ แต่ใช้ได้กับพี่เจพอดิบพอดี)

Tip : อย่าลืมติดไฟฉายมาด้วย ถ้าต้องเข้าส้วมในคืนที่มี Electricity Holiday จะได้ไม่ลำบากมาก อ้อ…มีไฟฉายแล้วก็อย่าลืมถ่านไฟฉายล่ะ พวกไม่เอาถ่านนี่ ไม่รอดมาหลายรายแล้ว


ประมาณเกือบตี 5 ศิวะก็มาเคาะประตูอัญเชิญพวกเราให้ไปขึ้นเขา ว้า…ยังอยากนอนอยู่เลย นอนเท่าไหร่ก็ไม่พอ ร่ำ ๆ จะนอนต่อเอาอย่างพี่ซิป พี่น้อยและพี่ป้อมอยู่แล้ว แต่ในที่สุดพวกเราก็ข่มความอยากนอนตื่นขึ้นมาแต่งตัวไปขึ้นเขาจนได้

อากาศนอกโรงแรมหนาวมาก น่าจะต่ำกว่า 10 องศาเซลเซียส หน้าของพวกเราเย็นและชามาก แต่ไม่เย็นชา ยังยิ้มระรื่นอยากขึ้น Pun Hill จนตัวสั่น ไม่สั่นได้ยังไงล่ะ ก็มันหนาวนี่

แต่ละคนใส่เครื่องกันหนาวมาพร้อมพรั่ง พี่ก้อดแต่งตัวได้หรูหราที่สุด มีผ้าพันคอเป็นผ้าสีสดมีเลื่อมทองวิบวับประดับด้วย พี่ก้อดเพิ่งจะซื้อมาผืนนี้มาจากบาหลี ได้โอกาสใช้ก็คราวนี้เอง ใครที่ได้เห็นผ้าพันคอผืนนี้จะวิจารณ์เป็นเสียงเดียวกันว่า…เกย์จัง อย่ากอดอกนะพี่ก้อด เขาแค่บอกว่า’เกย์จัง’ ไม่ใช่’เกย์จริง’

ศิวะกับพลพรรคลูกหาบไม่มีเสื้อกันหนาวมาด้วย จึงใช้ผ้าห่มหนาหนักของโรงแรมห่มคลุมตัวเป็นไอ้โม่ง พอพี่เจเห็นเข้าก็ประหวั่นพรั่นพรึงว่าอากาศบนเขาคงจะหนาวเอาเรื่อง กระทั่งคนท้องถิ่นยังต้องเตรียมตัวกันขนาดนี้ ทั้งที่ทุกทีเขาใส่แค่เสื้อบาง ๆ ก็เอาอยู่แล้ว

พี่เจเลยกลับเข้าห้องพักไปหอบผ้าห่มมาคลุมตัวบ้าง ไม่ได้หรอก ของอย่างนี้กันดีกว่าแก้ เพื่อนๆ คนอื่นๆ ก็กลัวหนาว แต่ขี้เกียจกลับไปเอาผ้าห่ม เลยมีพี่เจเป็นไอ้โม่งตามศิวะ กับลูกหาบไปคนเดียว

วันนี้เราจะขึ้นยอดเขาปุน (Pun Hill หรือ Poon Hill) ซึ่งสูงถึง 3,200 ฟุต หรือ 10,500 ฟุตจากระดับน้ำทะเล เพื่อชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนือยอดเขามัจฉาปูชเร นี่คือไฮไลท์ของการ Trekking



นักท่องเที่ยวจำนวนมาก หลากชาติ หลายภาษา นานาวัย ต่างเร่งรีบเดินขึ้น Pun Hill เพื่อให้ไปถึงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น สำหรับพวกเราแล้วก็รีบกับเขาเหมือนกัน แต่รีบไม่มาก ใครอยากจะแซงก็ตามใจ

แรก ๆ เราก็รู้สึกหนาวอยู่ แต่พอเดินไปเรื่อย ๆ ก็ชักจะอุ่นขึ้นทุกที เพราะออกแรงมากไงต้องเริ่มถอดเครื่องเครากันออกบ้าง

พิมถอดถุงมือออกเก็บ เหงื่อชักจะออกแล้วด้วยซ้ำ ส่วนพี่ก้อดก็ปลดฟ้าพันคอ เปลี่ยนมาพาดไหล่แทน

พี่ก้อดนึกถึงเพื่อนรัก ‘ไอ้เจมันจะทำยังไงล่ะนี่ ผ้าห่มผืนเบ้อเริ่ม…ฮ่ะๆๆๆ’ พี่ก้อดหัวเราะเยาะอยู่ในใจ รอยยิ้มฉาบฉายเต็มใบหน้า

พี่เจซวยเป็นคำรับสอง พอเริ่มร้อนพี่เจก็ต้องเลิกเป็นไอ้โม่ง อยากจะโยนผ้าห่ม (โคตร) หนานี้ทิ้ง แต่ก็ทำไม่ได้ เพราะต้องเอาไปคืนโรงแรม เดินอย่างเดียวก็จะไม่ไหวแล้ว ด้วยว่ายังเพลียจากอาการ ‘เครื่องแฟกซ์ชำรุด’ อยู่ พี่เจยังต้องทนแบกผ้าห่มไปตลอดทางอีก เฮ้อ…น่าสงสารเสียจริ๊งๆๆๆ

Tip : อย่าห่มผ้าห่มขึ้นภูเขาเด็ดขาด เดินไปแล้วจะอบอุ่นขึ้นเอง ขอบอกค่ะ…ขอบอก ผ้าห่มหนักเรือ (Ship) หาย

ระยะทางขึ้น Pun Hill แค่ประมาณ 400 m. เท่านั้นเองแต่ในแนวดิ่งนะ พวกเรามี Vertical Limit เดินไปหอบไป เกาะกิ่งไม้ พิงก้อนหิน ปล่อยให้ฝรั่งตัวโต และญี่ปุ่นขนาดย่อมมาหน่อย เดินผ่านไปอย่างไม่ใยดี กระทั่งเด็กชายฝรั่งวัยเก้าถึงสิบ ขวบก็ยังแซงเราเลย ดีที่มีพี่ป๋อกับพี่ก้อดที่เดินได้เร็วเลยช่วยกู้หน้าคนไทยไว้ได้หน่อย ส่วนพี่ปุ๊กับพี่เจก็ยังเดินไปได้เรื่อย ๆ

บีมยังมีไข้อยู่ เดินไปก็หน้าซีดไป นี่ถ้าเป็นยามปกติ บีมคงไปได้พร้อมกับพี่ป๋อและพี่ก้อดแล้ว วันนี้แย่ถึงขนาดปล่อยให้พิมเดินแซง แต่พิมไม่ได้แซงไปไกลหรอกน่ะ ห่วงเพื่อนออกจะตาย เดี๋ยวก็พักรอบีมเป็นระยะ ๆ อยู่แล้ว

พี่อ้อ (ทำเป็น) ห่วงบี อยู่รั้งท้ายคอยประคับประคองบี พี่อ้อบอกว่าควรจะค่อย ๆ เดิน ถ้าขึ้นที่สูงเร็ว ๆ อาจจะมีอาการ Altitude sickness ได้ พี่อ้อกลัวเพราะเคยเป็นมาแล้ว นี่เป็นเหตุผลให้พี่อ้อเดินช้า แปลตรง ๆ ว่าข้ออ้าง

เราเห็นธงภาวนาปลิวไสวอยู่เบื้องบน นั่นต้องเป็นยอดเขาแน่ ๆ เลย แต่ก็นั่นแหละนะ ภูเขามีนิสัยตอแหลเป็นสันดานอยู่แล้ว พอไปถึงเราก็จะพบว่าด้านหลังยังมีเนินไกลโพ้นให้เดินขึ้นไปอีก

พี่ก้อด พี่ป๋อง และพี่ปุ๊ยังเดินต่อไป นี่ถ้าพี่เจไม่ ‘บ้อลัก’ เอ…คำนี้ใช้ผิดกาลเทศะสินะ เอาเป็นว่าพี่เจหมดแรงเพราะความซวยสองประการของตน เลยต้องนั่งกองอยู่ข้างทาง เอาผ้าห่มมาคลุมตัวใหม่ ตอนนี้ไม่หนาวแล้ว แต่อาย…

พิม บี และพี่อ้อเดินตามมาสมทบกับพี่เจ แล้วเลยนั่งพักไม่ยอมลุกไปไหน มาแค่นี้ก็มองเห็นยอดมัจฉาปูชเรชัด แค่นี้ก็สวยตายชักแล้ว

พี่เจให้พี่อ้อช่วยถ่ายวีดีโอภาพแสงแรกของดวงอาทิตย์สาดส่องยอดมัจฉาปูชเร โดยมีพี่เจเป็นพิธีกร องค์ประกอบทุกอย่างดีหมด ยกเว้นพิธีกรหล่อน้อยไปหน่อย ล้อเล่นนะพี่เจ ใครจะกล้าวิพากษ์วิจารณ์พี่เสีย ๆ หาย ๆ เดี๋ยวพี่สวนกลับ ก็ต้องไปศัลยกรรมใบหน้าที่ประตูน้ำโพลีคลีนิคเท่านั้นเอง

พี่เจบอกว่าให้อยู่แถวนี้แหละ ไม่ต้องพากเพียร ปีนป่ายต่อไปแล้ว ขึ้นไปอีกชีวิตก็ไม่ดีขึ้นหรอก แต่พิมว่า เอาน่ะอีกนิดเดียว ชักชวนให้เพื่อนดั้นด้นเดินกันต่อไปอีก เดินก็เดิน พวกเราออกเดินกันอีกครั้ง

*** โปรดติดตามตอนต่อไป ***

ชื่อตอนไม่ได้เขียนผิดนะคะ เรื่องสยองเป็นของพี่เจ ส่วนคนอื่นน่ะ ขันจะแย่ เรื่องพี่เจท้องเสียเพลียแทบตายแล้วยังต้องแบกผ้าห่มขึ้นภูเขาเป็นเรื่องที่เพื่อนๆเอามาคุยกันเอาฮาบ่อยๆค่ะ ซึ่งก็หัวเราะได้ทุกทีสิน่ะ




 

Create Date : 17 สิงหาคม 2553
0 comments
Last Update : 17 สิงหาคม 2553 23:09:58 น.
Counter : 646 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ชัชชมนต์
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




ชัชชมนต์เป็นแค่คนธรรมดา ที่มีความฝันอยากเป็นนักเขียนค่ะ

ทุกวันนี้ความฝันได้เป็นจริงบ้างแล้ว และยังหวังจะพัฒนาฝีมือ ให้ฝันนี้จริงจังกว่าเดิมค่ะ

งานเขียนในบล็อกนี้เขียนด้วยใจ อ่านกันได้ คุยกันได้ แต่อย่าลอกกันนะคะ ทั้งนี้มี พรบ. ลิขสิทธิ์คุ้มครองค่ะ

Friends' blogs
[Add ชัชชมนต์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.