ในไตรมาสแรกของปี 2554 ที่ผ่านมา รายได้สุทธิของจีเอ็ม อยู่ที่ 3,200 ล้านเหรียญ หรือ 1.77 เหรียญ ต่อหุ้นปรับลด ซึ่งรวมถึงกำไรสุทธิจากรายการพิเศษที่ 1,500 ล้านเหรียญ หรือ 0.82 เหรียญ ต่อหุ้น ขณะที่รายได้สุทธิในไตรมาสแรกของปี 2555 นี้อยู่ที่ 37.8 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วที่ 1.6 พันล้านเหรียญ ขณะที่รายได้ก่อนดอกเบี้ยและภาษี (EBIT) อยู่ที่ 2.2 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกของปีที่แล้วที่ 200 ล้านเหรียญ “การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ผนวกกับความต้องการซื้อรถของจีเอ็มในประเทศจีนเพิ่มตัวสูงขึ้น รวมถึงการเติบโตของแบรนด์เชฟโรเลตทั่วโลก ช่วยสร้างความแข็งแกร่งในด้านรายได้ให้แก่ เจนเนอรัล มอเตอร์ส” แดน เอเคอร์สัน ประธานใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารของจีเอ็ม กล่าว “ผลิตภัณฑ์ใหม่ของเรากำลังสร้างความแตกต่างในอเมริกาใต้ ขณะที่ในยุโรปก็กำลังมุ่งมั่นทำงานอย่างเต็มที่ เราจะเดินหน้าสร้างความมั่นคงในด้านรายได้และต้นทุนต่อไป เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของจีเอ็มต่อไป” ขณะที่ผลประกอบการแยกตามภูมิภาค จีเอ็ม อเมริกาเหนือ รายงานกำไรก่อนดอกเบี้ยและภาษีอยู่ที่ 1.7 พันล้านเหรียญ ซึ่งรวมถึงต้นทุนการปรับโครงสร้าง 100 ล้านเหรียญ ดีขึ้นกว่าเดิม 400 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2554, จีเอ็ม ยุโรป รายงานรายได้ก่อนดอกเบี้ยและภาษี ขาดทุน 300 ล้านเหรียญ เมื่อเทียบผลการดำเนินงานในไตรมาสแรกของปี 2554 ซึ่งเท่าทุน, จีเอ็ม อินเตอร์เนชั่นแนล โอเปอเรชั่นส์ (จีเอ็มไอโอ) รายงานรายได้ก่อนดอกเบี้ยและภาษีอยู่ที่ 500 ล้านเหรียญ เทียบกับรายได้ประเภทเดียวกันในไตรมาสแรกของปีก่อนหน้าซึ่งอยู่ที่ 600 ล้านเหรียญ, จีเอ็ม อเมริกาใต้ รายงานรายได้ก่อนดอกเบี้ยและภาษีที่ 100 ล้านเหรียญ ซึ่งไม่แตกต่างกันมากนักเมื่อเทียบกับไตรมาสแรกของปีที่แล้ว |