กัปตันลูกชุบ

กัปตันลูกชุบชวนเที่ยวเวียดนามเหนือ ตอนที่ 1 - เดินเที่ยวฮานอย ชมพิพิธภัณฑ์ แล้วต่อรถไฟไปลาวไค

สวัสดีครับ

มาคราวนี้รีวิวครั้งที่ 7 ของปีนี้ ผมจะพาบินออกนอกประเทศไทยกันบ้าง ซึ่งการเดินทางในครั้งนี้ได้ถูกดองมาเป็นเวลากว่า 1 ปี เพราะฉะนั้นอาจมีอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนแปลงไปแล้วบ้าง คนที่จะไปอาจต้องอัพเดทข้อมูลก่อนนะครับเพราะข้อมูลบางอย่างอาจล้าหลังไปแล้ว แต่ยังไงก็ชมเพื่อเป็นแนวทางไปละกันนะครับ ^ ^

สำหรับทริปครั้งนี้เริ่มต้นจากกรุงเทพฯ (Bangkok, Thailand) --> ฮานอย (Hanoi, Vietnam) --> ลาวไค (Lao Cai, Vietnam) --> ด่านเหอโขว่ (Hekou) เขตประเทศจีน --> หยวนหยาง (Yuanyang Yunnan, China) --> ลาวไค (Lao Cai, Vietnam) --> ซาปา (Sapa, Vietnam) --> ฮานอย (Hanoi, Vietnam) --> ฮาลองเบย์ (Halong Bay, Vietnam) --> ฮานอย (Hanoi, Vietnam) --> กรุงเทพฯ (Bangkok, Thailand) โดยใช้เวลาทั้งหมด 15 วัน ส่วนในรีวิวกว่าจะครบทั้งหมดคงนานพอสมควรเลยทีเดียว ผมจะขอแยกเป็นวันๆ เหมือนรีวิวต่างประเทศครั้งก่อนๆที่ผมเคยทำ และหากรูปโรงแรมเยอะหน่อยก็จะแยกมารีวิวต่างหากเช่นเคยครับ

สำหรับรีวิวในครั้งนี้ ผมก็จะเริ่มรีวิวตั้งแต่วันแรกตั้งแต่เดินทางออกจะประเทศไทย และแวะไปไหนทำอะไรบ้าง เดี๋ยวตามชมกันในรีวิวครับ และรีวิวครั้งนี้ผมคงพ่วงที่พักวันแรกเข้าไปด้วย แต่สำหรับที่นี่ผมไม่ได้ค้างคืนนะครับ ใช้แค่พักผ่อน อาบน้ำและรอเวลาต่อรถไฟที่จะไปลาวไคเท่านั้นเอง อีกเรื่องคือคนไทยไปประเทศเวียดนามไม่ต้องยื่นขอ Visa นะครับ มีแค่ Passport ก็เพียงพอ สามารถพำนักอยู่ในประเทศเวียดนามได้ 30 วันครับ ส่วนในทริปนี้ผมต้องขอ Visa ด้วย แต่เป็น Visa ของประเทศจีน เพราะผมแวะไปหยวนหยาง มณฑลยูนนาน ในประเทศจีนครับ

เอาล่ะครับ ผมว่าลองไปชมรีวิวเที่ยวต่างประเทศในแบบฉบับของกัปตันลูกชุบ (captain lookchoob) กันเลยดีกว่าครับ

ทริปการเดินทางในครั้งนี้ของผมต้องขอขอบคุณ คุณmumoo 2148 เรื่องที่พัก Hanoi Charmimg Hotel รวมถึงแผนเที่ยวฮานอยที่ช่วยส่งข้อมูลมาให้อ่านเพื่อเป็นแนวทาง และคุณ Yutphuket สำหรับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งที่ทำให้ผมอยากเดินทางไปเมืองหยวนหยางกระทั่งข้อมูลต่างๆ รวมไปถึงแนวความคิดที่ผมสามารถนำมาใช้เพื่อเป็นประโยชน์ในการเดินทาง นอกจากนี้คงต้องขอขอบคุณข้อมูลจากเพื่อนๆ พี่ๆ ในห้อง BP และเว็บ Bloggang ด้วยนะครับ ข้อมูลทั้งหมดเหล่านี้มีประโยชน์สำหรับการเดินทางในครั้งนี้ของผมมากๆ ขอบคุณอีกครั้งครับผม^________^

ขอเสริมอีกเรื่องใครมี Facebook แวะมาทักทายพูดคุยกันได้นะครับที่ Facebook- กัปตันลูกชุบ (captain lookchoob) ขอบคุณครับ ^________^

แวะชม Review ใน Pantip ของผมได้ที่นี่ครับ

//www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E12156706/E12156706.html

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เริ่มวันแรก ผมเดินทางโดยเครื่องบินขึ้นเครื่องที่สนามบินสุวรรณภูมิ ถึงสนามบินประมาณ 4:30 น. เครื่องออก 6:45 น. ครั้งนี้จุดหมายของผมคือ ฮานอย ประเทศเวียดนาม เครื่องบินมาถึงสนามบินนอยไบ (Noi Bai International Airport) เวลาประมาณ 8:20 น. แต่กว่าผมจะเสร็จเรื่องในสนามบินทั้งหมดก็เวลาประมาณ 9:45 น. รอรับกระเป๋านานมากๆครับ พอออกมาได้ผมก็แลกเงินด่อง (Vietnam Dong) ก่อนเลยทั้งทริปนี้ของผมที่เวียดนาม ผมแลกเงินหลายที่แต่ผมว่าที่ๆผมได้เรทดีที่สุดก็คือที่สนามบินนอยไบครับ อ่อ ผมแลก USD แล้วมาแลกเป็น Vietnam Dong นะครับ

ตอนออกมาก็เป็นธรรมดาที่จะต้องเจอนายหน้ารถพาเข้าเมืองต่างๆมารุมล้อม เจอรายนึงมาถามว่าพักที่ไหน พอบอกชื่อที่พักไปก็อ้างว่าเป็นคนของโรงแรมนั้น สามารถไปด้วยกันได้ โดยคิดค่ารถ 18 เหรียญ โดยจะให้ผมจ่ายกับเค้าเลยตอนนั้น แล้วบอกว่าค่อยไปเอาคืนกับทางโรงแรม ดีที่ทำการบ้านมาโดยอ่านจากทางอินเตอร์เน็ทว่ามีพวกมิจฉาชีพแบบนี้อยู่ โดยที่จะอ้างว่าเราสามารถไปเบิกเงินคืน
ได้จากโรงแรมที่เราพัก แต่จริงๆแล้วทางโรงแรมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเลย โชคดีที่ไม่หลงกล เพื่อนๆอย่าลืมระมัดระวังตัวนะครับ เดี๋ยวจะเป็นเหยื่อของพวกมิจฉาชีพพวกนี้ได้

ส่วนการเดินทางเข้าเมืองไปยังที่พักของผมเลือกใช้บริการ shuttle bus เป็นรถตู้ราคาคนละ 2 USD หรือ 40,000 VND โดยรถตู้จะมาส่งเรามากสุดแค่หน้าVietnam Airlines บนถนน Trang Thi ซึ่งถือว่าอยู่ในเมืองฮานอยแล้วล่ะครับ แต่หากเป็นทางผ่านของเขาอยู่แล้วเขาจะแวะจอดให้ได้นะครับ พอดีที่ที่ผมพักต้องเดินไปต่ออีกหน่อย บรรยากาศที่สนามบินสุวรรณภูมิและที่สนามบินนอยไบไม่มีรูปนะครับ เพราะผมวุ่นวายพอสมควรไม่ได้ถ่ายมาครับ ^ ^ (เวลาในประเทศเวียดนามและของประเทศไทยเท่ากันนะครับ ไม่ต้องปรับนาฬิกา)

ลงรถตู้แล้ว ก็รีบหาชื่อถนนว่าเราอยู่ต้องไหนและจะเดินไปทางไหนต่อ ตอนแรกงงๆนิดหน่อย บวกกับมอเตอร์ไซด์กับรถแท็กซี่มารุมเต็มไปหมดอย่างกับดารา ^ ^ ได้ทีผมเลยถามคุณลุงคนขับแท็กซี่ซะเลยว่าต้องเดินไปทางไหน ซึ่งเขาก็มีน้ำใจบอกนะครับ แต่ก็เสริมต่อว่าไกลนะ นั่งรถดีกว่า แต่จากที่ดูเดินไม่น่าไกลมากผมเลยไม่ใช้บริการครับ เดิน เดิน เดิน ลูกเดียว ^ ^

รูปนี้จาก Vietnam Airlines ผมใช้เส้นทางนี้เพื่อเดินไปยัง ที่พัก Hanoi Charmimg Hotel (สาขา1) บนถนน Yen Thai ถนนเส้นนี้เล็กมากครับ ผมเดินเลยถนนไปด้วยหาไม่เจอ ถนนนี้ห้ามรถยนต์ผ่าน ส่วนมอเตอร์ไซค์พอได้ครับ ผมใช้เวลาเดินประมาณ 10-15 นาที บวกเวลาหลงทางด้วย ภาพนี้เดินนะครับ หากเรียกรถน่าจะอ้อมนิดหน่อยเพราะถนนที่ฮานอยเดินรถทางเดียวเยอะมากๆ

จากรูปพิกัดตำแหน่งจุด A คือที่ตั้งของ Vietnam Airlines และจุด B คือ Hanoi Charmimg Hotel (สาขา1) (ขอบคุณที่มาจาก Google Map ครับ)

บรรยากาศระหว่างการเดินหาที่พัก

ตอนแรกเดินผ่านซอยไปเฉยเลยไม่ได้สังเกต เลยต้องวนกลับมาอีกรอบถึงจะเห็นป้าย พอดีชื่อป้ายมีแค่ด้านเดียวครับ

บรรยากาศภายในถนน Yen Thai

ที่พักจะเป็นตึกธรรมดาครับ ตอนแรกนึกว่าถ่ายด้านหน้ามาแล้วแต่พอมาเปิดรูปดูไม่มีเลยครับ มีแต่ด้านในที่พักแล้ว งั้นบรรยายให้ฟังล่ะกัน ^ ^ เข้ามาถึงก็จะเป็น Lobbyเลย ที่นี่มีลิฟต์นะครับ แต่ผมได้ห้องชั้น 2 เลยอาศัยเดินขึ้นเอาครับ จะได้ออกกำลังกายด้วย ^_______^

แต่ละชั้นมีไม่กี่ห้องครับ เพราะเป็นตึกเล็กๆ แต่มีจะมีหลายชั้นตามสไตล์ที่พักของฮานอยทั่วๆไป อันนี้ห้องผมกองของไว้เต็มเตียงเลย ^ ^ รูปบรรยากาศห้องอาจไม่เรียงตามเวลา บางรูปถ่ายก่อนบางรูปถ่ายหลังแต่เอามาวางไว้เพื่อให้มันเหมาะสมกันครับ

เข้ามาภายในห้องพัก ไม่กว้างแต่พออยู่ได้สบายสำหรับผมนะ ด้านขวามือเข้ามาถึงจะเป็นห้องน้ำ ในรูปบรรยากาศห้องน้ำ สะอาดดีครับ

มี Shower อาบน้ำ น้ำแรงดี มีเครื่องทำน้ำอุ่นให้บริการด้วย

ถัดมาเป็นเตียงนอน นุ่มสบายดีครับ ภายในห้องไม่มีหน้าต่างนะครับ คือจริงๆแล้วมีแต่เปิดไม่ได้เพราะติดกับตึกที่อยู่ติดกัน

ภายในห้องมีทีวี และคอมพิวเตอร์ตั้งให้ได้เล่นกัน มีอินเตอร์เน็ตให้บริการฟรี มีตู้เย็น น้ำ 2 ขวด ที่เห็นในรูปเป็นตู้เสื้อผ้าครับ รูปห้องพักที่นี่ผมคงมีเท่านี้ เพราะที่นี่ผมใช้เวลาอยู่ในห้องน้อยจริงๆ ค่าที่พักผมตกลงกับทางที่พักเช็คอินประมาณเที่ยง เช็คเอ้าท์ตอน 19.00 น. เพราะต้องไปขึ้นรถไฟไปลาวไค ค่าห้องพักผมวันนี้เป็นเงิน 12 USD หรือ265,000 VND

จากนั้นผมก็เดินออกตามเส้นทางดังนี้ จุดหมายคือไปชมพิพิธภัณฑ์ เดินชมเมืองคร่าวๆ และอีกอย่างคือผมอยากไปซื้อทัวร์ไปฮาลองเบย์ที่ Paloma Cruising Halong Bay ผมตั้งใจจะไปฮาลองเบย์กับบริษัทนี้

จากรูปพิกัดตำแหน่งจุด A คือที่ตั้งของ Hanoi Charmimg Hotel (สาขา1)
จากรูปพิกัดตำแหน่งจุด B คือที่ตั้งของ Hanoi Opera House
จากรูปพิกัดตำแหน่งจุด C คือที่ตั้งของ Paloma Cruising Halong Bay
จากรูปพิกัดตำแหน่งจุด D คือที่ตั้งของ The Vietnamese History Museum
(ขอบคุณที่มาจาก Google Map ครับ)

บรรยากาศท้องถนนบริเวณที่พัก

ผ่านวัดนี้แต่ผมไม่ได้แวะครับ ชะโงกไปดูนิดหน่อยเห็นประตูปิดอยู่

เดินตรงมาเรื่อยๆ ผมก็เจอร้าน Joma Bakery Cafe' แอบดีใจครับ ร้านนี้ผมเคยทานที่ประเทศลาวไม่ว่าจะเป็นที่เวียงจันทน์หรือที่เมืองหลวงพระบาง เป็นร้านที่ดังพอสมควรเลยทีเดียว เพิ่งรู้ว่ามีสาขาที่นี่ด้วย อดใจไม่ไหวต้องแวะสักหน่อยครับ

สาขาต่างๆ ^ ^

สั่งเครื่องดื่มและแวะตากแอร์นิดหน่อย แก้วนี้ 45,000 VND

พอเดินตรงมาเรื่อยๆ จะเจอโบสถ์ St. Joseph โบสถ์นี้สวยงามมากครับ ถือเป็นโบสถ์ใหญ่ของที่นี่ วันนี้ผมแค่ผ่านก่อน เดี๋ยววันที่กลับมาพักที่นี่จะพามาชมอีกครั้งครับ

ผมเลี้ยวมาเดินตรงถนน Nha Tho แล้วทะลุมายังถนน Le Thai To เป็นถนนรอบๆทะเลสาบคืนดาบ (Hoan Kiem Lake) ก็จะมาเจอร้านค้าหรูๆ อยู่ย่านนี้เยอะแยะเลยครับ

ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็น Hoan Kiem Lake และรอบๆจะเป็นสวนอย่างที่เห็นในภาพครับHoan Kiem Lake กว้างพอสมควร รอบๆทะเลสาบนี้จะมีที่เที่ยวที่ผมมุ่งหมายจะมาเยอะพอสมควรแต่ไว้มาวันที่กลับมาเที่ยวฮานอยอีกรอบครับ วันนี้ขอชมและเดินผ่านไปก่อน

รอบๆ Hoan Kiem Lake ร่มรื่นพอสมควรเลยทีเดียวครับ

จากนั้นผมก็เดินบริเวณ Hoan Kiem Lake เพื่อจะออกมาเดินต่อยังถนน H. Khay Trang Tien

ถนน H. Khay Trang Tien จะมีร้านไอศกรีมขึ้นชื่ออยู่ร้านนี้ครับ ผมเห็นคนเวียดนามรอคิวซื้อกันเยอะพอสมควร ผมไม่ได้ลองครับ ใครเคยลองบอกด้วยอร่อยไหม ^ ^

เดินตรงมาเรื่อยๆก็จะเจอกับ Hanoi Opera House และ Hilton Hanoi Opera ตั้งเด่นเป็นสง่ามากๆครับ

Hanoi Opera House ก่อสร้างแบบสถาปัตยกรรมแบบฝรั่งเศสผสมโกธิกและโมเสก เป็นที่ไว้สำหรับชมการแสดงต่างๆ จะเปิดให้เข้าชมเฉพาะวันเวลาที่มีงานการแสดงเท่านั้นนะครับ

ร้านอาหารบริเวณ Hanoi Opera House

ระแวกนี้ถือเป็นย่านหรูของฮานอยเลยนะครับผมว่า มีแต่ของแบรนด์เนมทั้งนั้น มี Gucci ร้านใหญ่ซะด้วย ^ ^

ผ่านตรงนี้ไปผมเดินไปต่อยัง The Vietnamese Revolution Museum (พิพิธภัณฑ์การปฏิวัติ) แถวนี้มีพิพิธภัณฑ์เยอะมาก ไม่รู้ว่าจะเข้าชมที่ไหนดีตอนแรกคิดๆอยู่ว่าจะเข้าที่นี่แต่ก็เปลี่ยนใจไปเข้าอีกที่ครับ ที่นี่แค่ผ่านแวะมาดูเฉยๆ สุดท้ายก็ไม่ได้เข้าครับ

จุดหมายต่อไปของผมคือไปยังออฟฟิตของ Paloma Cruising Halong Bay ที่ตั้งอยู่บนถนน Pham Ngu Lao ตอนแรกผมอีเมล์ถามไปแล้วกับบริษัทแต่ราคาค่อนข้างสูงมากครับ ผมเลยกะว่าวันแรกยังไงก็ว่างแล้วว่าจะลองเดินมาซื้อเอง เผื่อจะสามารถต่อราคาได้ แต่สุดท้ายออฟฟิต Paloma ปิดวันอาทิตย์ ทำให้ผมยังคงมีตัวเลือกที่จะไปฮาลองเบย์กับบริษัทนี้แค่สองอย่างคือ ซื้อกับบริษัทโดยตรงทางอีเมล์ที่ผมเคยคุยกับเขาไว้ หรือซื้อกับคนที่ผมให้ซื้อตั๋วรถไฟไปลาวไคให้ สุดท้ายผมตัดสินใจซื้อกับคนที่ผมให้ซื้อตั๋วรถไฟให้เพราะราคาถูกกว่า และมีการตกลงกันว่าวันที่ผมกลับมาจากลาวไคเขาจะมารับผมที่สถานีรถไฟที่ฮานอย รายละเอียดผมจะอธิบายอีกทีในรีวิวที่ผมเดินทางไปฮาลองเบย์นะครับ

หลังจากผิดหวังที่ Paloma ผมเดินย้อนกลับมาจนสุดถนน Pham Ngu Lao เพราะระหว่างนั้นผมตัดสินใจแล้วว่าจะเข้าชมที่ The Vietnamese History Museum ซึ่งหากเดินสุดถนนจะเจอพอดีครับ

บรรยากาศภายในร่มรื่นพอสมควร ผมเลยนั่งพักสักหน่อยก่อนจะเดินลุยกันต่อ ที่นี่จะปิดวันจันทร์ และเปิดให้เข้าชมช่วง 8:00-11.00 น. และ 13:00-16:30 น.

อาคารสวยงามมากทีเดียวครับ เป็นอาคารเก่าแก่ของฮานอย

เข้ามาด้านในจะต้องเสียค่าเข้าชมก่อน คนละ 20,000 VND จ่ายเงินเรียบร้อยเจ้าหน้าที่จะแจกโปรชัวร์ไว้ให้ได้อ่านประกอบการเดินชมครับ และหากใครมีกล้องถ่ายรูปจะต้องเสียค่ากล้องเพิ่มด้วยถ้าจะนำเข้าไปถ่ายรูปด้านใน ซึ่งต้องเพิ่มอีก 15,000 VND และหากเป็นกล้องVDO จะต้องจ่ายแพงกว่ากล้องถ่ายรูปนิดหน่อยครับ ส่วนด้านหน้าจะมีล็อคเกอร์ฝากของอยู่พวกกระเป๋าหรือของต่างๆสามารถฝากไว้ตรงส่วนนี้ได้ครับ

ที่นี่ด้านในจะมีที่ให้เดินชม 2 ชั้น

ผมก็เดินชมไปเรื่อยๆมีทั้งส่วนที่เข้าใจบางและส่วนที่ไม่เข้าใจ แต่ที่ทราบคือห้องแรกจะเป็น Imperial Treasures ซึ่งเป็นสมบัติของราชวงศ์ Le และ Nguyen

ภายในห้องนี้จะแสดงของต่างๆ สวยงามมากๆเลยครับ

ของที่เอามาโชว์ในห้องนี้ยังอยู่ในสภาพดีทั้งนั้น

ออกจากห้องนี้ไปเดินชมส่วนอื่นต่อ ในห้องนี้ยังมีของอีกนะครับ แต่ผมถ่ายมาเท่านี้

เดินออกมาชมด้านในก็จะมีของต่างๆแสดงโชว์ไว้อยู่

เอกสารโบราณ ผมอ่านไม่ออก ^ ^

เดินชมกันต่อครับ

ภายในมีของให้เดินชมหลากหลายเลยทีเดียว

ภาพเหตุการณ์การสู้รบระหว่างกองทัพมองโกลและเวียดนามครับ

ชมการสู้รบของกองกำลังเวียดนามกันต่อ

ชมกันต่อครับ

ไปต่อ

เดินชมกันไปเรื่อยๆ

ทะลุมาชมส่วนนี้กันต่อ

ของบางส่วนที่ตั้งโชว์ภายในส่วนนี้

จากนั้นผมก็เดินขึ้นไปชมยังชั้น 2 ต่อ

เดินชมกันต่อครับ บางส่วนผมก็ไม่ทราบจริงๆและบางส่วนที่พอทราบก็ลืมๆไปแล้ว ^ ^

ชมกันต่อ

บรรยากาศบนชั้น 2 บางส่วน

สวยงามมากทีเดียวครับ

ผมเดินชมที่ The Vietnamese History Museum เสร็จ ใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 1 ชั่วโมงครับ

จากนั้นผมเดินกลับมายังถนน H. Khay Trang Tien แล้วเลี้ยวเข้าถนน Ngo Quyen ผ่านหน้า Sofitel Metropole เลยเก็บภาพมาหน่อยครับ ส่วนในภาพจะเป็นร้านหรูที่อยู่รอบๆ Sofitel

ตอนที่ไปตัวอาคารกำลังทาสีใหม่อยู่

ตัวอาคารสวยงามและดูน่าพักมากๆครับ เดินมาอีกฝั่ง

เดินมามุมนี้จะอ้อมไปด้านหน้าของ Sofitel Metropole แล้วครับ

ตัวอาคารมุมด้านหน้า

ฝั่งตรงข้ามครับ พอมาถึงด้านหน้า Sofitel Metropole ผมเกิดเมื่อยขาเริ่มขี้เกียจเดินกลับล่ะเลยเรียกแท็กซี่จากตรงนี้ไปส่งยังแถวถนน Yen Thai ที่เป็นที่พัก แท็กซี่คิด 50,000 VND ตอนนั้นไม่รู้ล่ะครับว่าถูกหรือแพงรู้แต่อยากขึ้นแล้ว เมื่อยมากกกก ^ ^

พอลงจากแท็กซี่เกิดหิวขึ้นมาตอนแรกว่าจะหาอะไรทานแถวนั้นคิดไปคิดมายังพอมีเวลาและตอนเดินผ่านถนน Nha Tho ผมแอบเห็นร้าน Pho 24 เลยเดินกลับไปเพื่อทานเฝอที่ร้านนี้ครับ เดินกลับมาก็ผ่านโบสถ์ St. Joseph เลี้ยวเข้าถนน Nha Tho เหมือนเดิม ร้านนี้รู้สึกจะอยู่ฝั่งซ้ายมือครับ

เข้ามาถึงก็รีบสั่งเลย ส่วนภาพนี้เป็นเครื่องดื่ม ที่ฮานอยไม่ค่อยทานน้ำแข็งกันครับ พวกเครื่องดื่มปั่นมาก็จะไม่ค่อยเย็นถึงใจแบบบ้านเรา ส่วนพวกเครื่องดื่มหากจะใส่น้ำแข็งก็ต้องสั่งต่างหากไม่งั้นเขาจะไม่เอาน้ำแข็งมาให้ครับ แต่พอสั่งน้ำแข็งเพิ่มมาก็อาจได้มาไม่เยอะนะครับ ประมาณครึ่งแก้ว

เฝอที่สั่งมาจานแรกเป็นเฝอไก่ ส่วนอีกจานเป็นเฝอไก่ + Baby egg

ตามด้วยปอเปี๊ยทอด สำหรับผม ผมว่าอร่อยดีครับ มื้อนี้ทั้งหมดผมจ่ายไป 184,000 VND

ออกจากร้านเฝอระหว่างเดินกลับแวะร้าน Joma Bakery Cafe' อีกรอบ แก้วนี้ของผมสตรอเบอร์รี่มิลค์เชค ทานไปแล้วเลยดูพร่องไปหน่อย

ชาเย็น อย่างที่บอกน้ำแข็งน้อย มื้อนี้ 2 แก้ว จ่ายไป 95,000 VND

หลังจากนั้นผมก็กลับไปพักผ่อนยังที่พัก Hanoi Charmimg Hotel อาบน้ำเตรียมตัว รอคนมารับไปสถานีรถไฟและรับตั๋วเดินทาง ซึ่งตั๋วรถไฟนั้นผมติดต่อซื้อผ่านทางอินเตอร์เน็ตก่อนไปฮานอย เพราะจากที่หาข้อมูลนั้นผมเห็นมีหลายคนบอกไว้ว่าหากวันที่เราไปถึงเราจะไปซื้อตั๋วรถไฟไปลาวไคเองเลยนั้น มีความเป็นไปได้มากที่ตั๋วรถไฟจะเต็ม โดยส่งเมล์ไปถามหลายเว็บมากๆ และสุดท้ายก็มาลงตัวกับเว็บ traintosapa.com ซึ่งมีคนแนะนำไว้ในเว็บบอร์ดของเว็บ Lonely Planet ว่าไว้ใจได้ โดยคนที่ติดต่อด้วยนั้นชื่อAnh Diep Tran ครับ ผมเลยส่งเมล์ไปถามดู ได้ราคาตั๋วรถไฟของบริษัทต่างๆมา โดยสุดท้ายผมเลือกนั่งกับบริษัท Livitrains Express ราคา 69 USD ไปกลับ ต่อคน โดยจะมารับที่โรงแรมและไปส่งที่สถานีรถไฟ ส่วนขากลับก็จะมารับที่สถานีรถไฟไปส่งที่โรงแรม

โดย Mr. Diep นัดกับผมที่โรงแรม 19:30 น. ผมเช็คเอ้าท์รอตั้งแต่ 19:00 น. ไม่นานเขาก็มาที่โรงแรมสายไปนิดหน่อย ทำเอาผมใจหายอยู่เหมือนกัน นึกว่าโดนเบี้ยวซะแล้ว เขามามอเตอร์ไซด์ครับ และเรียกแท็กซี่ให้ผมโดยเขาขับมอเตอร์ไซด์ตามมาที่สถานีรถไฟดังภาพ ส่วนค่าแท็กซี่จากที่พักไปยังสถานนีรถไฟ เขาเป็นคนจ่ายให้ครับ เสียดายที่ผมไม่ได้ถ่ายหน้าสถานนีรถไฟฮานอยมาเลย

หน้าตาตั๋วที่ได้มาจะมีทั้งรอบไปและรอบกลับอยู่ในนี้แล้วครับ โดยขากลับเราจะต้องเป็นคนเอาตั๋วใบนี้ไปแลกเป็นตั๋วรถไฟอีกต่อที่ออฟฟิศของ Livitrains ซึ่งอยู่หน้าสถานีรถไฟลาวไค ลืมบอกเรื่องการจ่ายเงินค่าตั๋วรถไฟ Mr. Diep ให้จ่ายมัดจำไปก่อนเป็นเงิน 50 USD ผ่านทาง paypal แล้วส่วนที่เหลืออีก 88 USD (กรณีนี้คือผมจองตั๋วไป 2 ที่) ไปจ่ายตอนวันที่รับนัดตั๋วที่ฮานอยเลยครับ ตอนนั้นที่ผมตัดสินใจเอาราคานี้ไม่ใช่ว่าราคาถูกที่สุดนะครับ จริงๆมีเว็บที่เสนอราคามาถูกกว่านี้ แต่ผมรู้สึกเชื่อใจคนนี้มากที่สุดจากที่ได้คุยกันประกอบกับมีคนแนะนำ ซึ่งผมก็ใช้บริการเขาต่อกับเรือที่จะพาผมไปเที่ยวฮาลองเบย์ด้วย

นั่งรอสักพักก็ถึงเวลาเดินไปขึ้นรถไฟกันแล้ว

ระหว่างเดินไปเราต้องสังเกตดูด้วยนะครับว่าตู้ของเราเบอร์อะไร อย่าขึ้นผิดนะ จะขึ้นตู้ไหนก็ลองถามพนักงานประจำตู้ดูก่อน

เดินซึมซับบรรยากาศพอสมควรเลยครับกว่าจะมาถึงจุดหมายของคืนนี้

บรรยากาศแบบนี้อีกสักรูป

ขึ้นมาถึงตู้ผมมีลักษณะแบบนี้ครับ จะแบ่งเป็นห้องๆ ไม่แยกชายหญิง

ด้านในสุดของตู้จะเป็นห้องน้ำ และอ่างล้างหน้า ซึ่งถ้าใครจะใช้แนะนำว่ามาใช้แต่เนิ่นๆนะครับ เพราะหลังจากนั้นจะไม่ค่อยสะอาด จากที่ผมอ่านมาบอกว่าตู้รถไฟของที่นี่สะอาด แต่วันที่ผมไปใช้บริการผมว่าตู้นี้ดูไม่ค่อยสะอาดเท่าไหร่นัก

บรรยากาศตู้นอน ตอนผมไปผมไปกัน 2 คน ลักษณะการจองจะไม่สามารถเลือกที่นอนด้านล่างทั้งสองที่ได้ จะได้แบบบน 1 และล่าง 1 วันนี้ผมเลยนอนด้านบน ด้านบนหากนอนจะไม่อึดอัดแต่ถ้านั่งจะรู้สึกอึดอัดครับ ส่วนด้านล่างสอบถามมาบอกไม่อึดอัดครับ

ราคาที่จ่ายไปจะรวมชา กาแฟ (เจ้าหน้าที่จะมาถามและเทให้) น้ำเปล่า 1 ขวด แปรงสีฟัน ส่วนนี้จะตั้งไว้ในตู้นอนแล้ว มีปลั๊กไฟให้บริการด้านบนของประตู

บรรยากาศภายในห้องสี่เตียง ขาไปนี่เพื่อนร่วมห้องผมเป็นคนเวียดนามสองคน หญิงหนึ่งชายหนึ่ง สุดๆเลยครับ ไม่ได้หลับได้นอนกันทั้งคืน สองคนนี้เหมือนเขารู้จักกัน คุยกันทั้งคืนพออีกคนนอนอีกคนก็คุยโทรศัพท์อีก แล้วเสียงดังมากครับ แถมเอาเท้ามาพาดเตียงฝั่งผมด้วย ต้องลุกขึ้นมานั่งมองจึงเอาเท้าออกครับสุดๆเลยล่ะครับ โชคร้ายมากๆ อยากนอนแบบตู้สองคนมากๆ แต่ราคาตู้สองคนก็แพงเอาการอยู่ คืนนี้เลยต้องทนไปครับ โดยการเปิดเพลงเสียงดังๆกรอกหูตัวเอง เอา eye mask ปิดตา ก็พอได้หลับบ้างครับ ^ ^

สำหรับรีวิวการเดินทางเที่ยวตอนแรกในครั้งนี้คงต้องทิ้งท้ายไว้ที่ภาพนี้แล้วล่ะครับ ขอบคุณที่ตามชมแล้วพบกันใหม่รีวิวตอนหน้านะครับ ขอบคุณอีกครั้งครับผม ^___________^

Hanoi Charmimg Hotel (สาขา1) ต้องบอกก่อนครับว่าที่นี่ผมแค่แวะพักผ่อนนิดหน่อย เพื่อรอเวลาต่อรถไฟไปยังลาวไค ไม่ได้ค้างคืนนะครับ

สื่งที่ประทับใจ/จุดเด่น

- ภายในห้องพักมีคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะให้ใช้และมีบริการอินเตอร์เน็ตให้ใช้ฟรีด้วย
- ห้องพักที่ผมได้ในวันนั้นสะอาดดีครับ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณห้องพักหรือในห้องน้ำ
- ของใช้ภายในห้องพักที่ควรมีให้บริการครบถ้วนดีครับ ห้องพักของผมมีแอร์ ตู้เย็น
- ในห้องน้ำมีเครื่องทำน้ำอุ่นให้ใช้ ทั้งน้ำอุ่นและน้ำร้อนเวลาใช้อาบน้ำแรงดีครับ
- Reception ของทางที่ที่พักบริการและให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดีครับ ยิ้มทักทายกันตลอด

สิ่งที่ไม่ประทับใจ/ควรปรับปรุง/จุดด้อย

- ห้องพักอาจรู้สึกแคบนิดหน่อย เพราะภายในห้องมีหน้าต่างนะครับ แต่ไม่สามารถเปิดออกไปได้เพราะติดกับตึกข้างๆ และไม่มีวิวให้ชมครับ

ผมว่า Hanoi Charming Hotel ราคาไม่แพง ทำเลดี น่าจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีทีเดียวสำหรับโรงแรมระดับ Budget ครับ

 




 

Create Date : 29 พฤษภาคม 2555
7 comments
Last Update : 29 พฤษภาคม 2555 14:26:31 น.
Counter : 8863 Pageviews.

 

ตามมาชมทั้งสองที่เลยค่ะ
ทั้งภาพสวย และข้อมูลเยี่ยม ขอบคุณมากๆ ค่ะ

 

โดย: Sweety-around-the-world 29 พฤษภาคม 2555 16:20:18 น.  

 

กระตุ้นต่อมอยากเที่ยวขึ้นมาเลยค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 29 พฤษภาคม 2555 16:49:57 น.  

 


เคยตามไปชมที่พันทิปตามมาชมที่บล็อกบ้าง
ภาพจุใจอีกตามเคย


แอมอร

 

โดย: peeamp 29 พฤษภาคม 2555 19:16:03 น.  

 

ภาพสวยจังค่ะ
ชอบมากเลย

 

โดย: หนูซายูริ 30 พฤษภาคม 2555 11:10:09 น.  

 

ทริปนี้เดินทาง 15 วันเลย...อิจฉาจังค่ะ เวียดนาม ก็เป็นอีกที่ ที่พี่อยากไปมาก (พูดแบบนี้อีกละ ) ไม่เคยเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศเลยค่ะ ตอนดูเที่ยวลาวที่บ้านคุณกัปตันพี่ก็อยากไป...

ตู้นอนดูอึดอัดเนอะ พี่ยังไม่เคยเดินทางโดยรถไฟเลย

คงเหมือนตอนไปเที่ยวลาว คุณกัปตันเดินทางเอง ไปซื้อทัวร์ข้างหน้าเอง คงต้องหาข้อมูลพอสมควรเลย แต่ก็ดีอย่างค่ะ อยากอยู่ตรงไหน นานแค่ไหนก็ได้ ไม่ต้องตามเวลาเป๊ะ

ภาพสวยเหมือนเคยค่ะ

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 30 พฤษภาคม 2555 14:19:23 น.  

 

ภาพสวยมากเลยค่ะ ใช้กล้องอะไรค่ะเนี่ย?

 

โดย: chuty IP: 125.26.12.209 30 พฤษภาคม 2555 23:47:29 น.  

 

คุณ chuty ผมใช้กล้อง Nikon D90 ครับ

 

โดย: กัปตันลูกชุบ 31 พฤษภาคม 2555 10:06:11 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


กัปตันลูกชุบ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 17 คน [?]




Group Blog
 
 
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
29 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add กัปตันลูกชุบ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.