กัปตันลูกชุบพาเที่ยวลาวเหนือ ตอนที่11:รีวิวสุดท้ายกับทริปแห่งความทรงจำ-จากหลวงพะบาง สู่อำเภอเชียงของ
สวัสดีครับ คราวนี้ก็มาถึงรีวิวตอนสุดท้ายของผมแล้วล่ะครับ รีวิวนี้จะเป็นรีวิวของการนั่งเรือช้า (Slow Boat) จากหลวงพะบางกลับมายังปรเทศไทย โดยเข้าด่านประเทศไทย ที่อำเภอเชียงของ จังหวัดเชียงรายครับ แต่การนั่งเรือช้านั้นจะต้องใช้เวลา 2 วัน 1 คืน โดยที่ออกจากหลวงพะบางตอนเช้า 7.00 น. แล้วแวะนอนพักที่ เมืองปากแบ่ง ประเทศลาว 1 คืน จากนั้นรุ่งเช้าของอีกวันก็ออกเดินทางต่อ และไปถึงเมืองห้วยซายตอนเย็น เมืองห้วยซายนั้นเป็นเมืองที่อยู่ตรงข้ามกับอำเภอเชียงของของเราครับ ใช้การนั่งเรือข้ามแม่น้ำโขงมานิดเดียวก็ถึงแล้วครับ ส่วนระยะเวลาในการเดินทางนั้นก็แล้วแต่ความเร็วในการเดินทางของเรือในวันนั้นครับ ส่วนวันที่ผมไปนั้นเร็วไม่พอที่จะทำให้ผมข้ามฝั่งมาประเทศไทยได้ในเย็นวันนั้น ผมจึงจำเป็นที่จะต้องนอนที่เมืองห้วยซาย (Huay Xai) แล้วค่อยกลับมาฝั่งไทยในวันรุ่งขึ้น เพราะเมื่อเลย 18.00 น. แล้วด่านจะปิดครับ ข้ามฝั่งไม่ได้
การนั่งเรือกลับไทยนั้นจริงๆแล้วจะมี 2 แบบ นะครับ คือแบบเรือช้า และแบบเรือเร็ว เรือช้าก็จะเป็นแบบผมคือใช้เวลา 2 วัน 1 คืน ส่วนเรือเร็วนั้นจะใช้เวลาแค่ 1 วัน คือออกเช้าแล้วจะถึงเย็นเลยครับ อันนี้ก็แล้วแต่จะตัดสินใจกันครับ แต่ผมดูเรือเร็วแล้วไม่เอาดีกว่าครับ เพราะผมว่ามันค่อยข้างจะทำให้ผมหัวใจวายได้ทีเดียว ^ _____ ^ เอาแบบช้าๆดีกว่าครับ ส่วนเรื่องราคานั้น ในแบบเรือช้าของผมจะจ่ายสองรอบ คือ รอบเช้าตีตั๋วออกจากหลวงพะบางจ่าย 1 ครั้งก่อนขึ้นเรือ และอีกครั้งตอนเช้าที่ออกจากเมืองปากแบ่งครับ จ่ายก่อนขึ้นเรือเช่นกัน ส่วนเรื่องราคานั้นผมต้องขอโทษจริงๆครับ พอดีผมลืมไปแล้ว เท่าที่จำได้น่าจะคนละไม่เกิน 1000 บาทครับ ^ ^
จริงๆแล้วจะมีเรืออีกประเภท เป็นเรือของบริษัท Luang Saiซึ่งจะเป็นเรือที่ค่อนข้างหรู มีเดย์เบดให้ด้วย ใช้เวลา 2 วัน 1 คืน เช่นกัน แต่แวะเที่ยวที่ถ้ำติ่งก่อน แล้วพักค้างที่ปากแบ่งเช่นกัน โดยราคาจะรวมอาหารบนเรือ และค่าโรงแรมไว้แล้ว ซึ่งตอนนั้นผมสนใจเหมือนกัน เพราะ walk in ไปที่ร้านที่หลวงพระบาง แล้วได้ราคา last minutes มาที่ประมาณ 6,500 บาทต่อคน ซึ่งถูกกว่าในเว็บเยอะมาก แต่สุดท้ายผมก็เลือกเรือช้าแบบปกติครับเพราะราคาถูกกว่ากันเยอะ และอยากสัมผัสบรรยากาศการนั่งเรือช้า แบบนั้นบ้าง ถ้าใครสนใจเรือ Luang Sai ต้องติดต่อเค้าก่อนนะครับ เพราะรู้สึกว่าจะไม่ได้มีเรือออกจากหลวงพระบางทุกวัน
เวลาที่เหลือหลังจากผมกลับมาถึงประเทศไทยแล้วนั้น พอดีว่าผมจะนั่งเครื่องกลับเวลาสามทุ่มกว่าทำให้ผมมีเวลาเที่ยวที่เชียงรายต่ออีกหนึ่งวัน ผมจึงจะขอรีวิวไว้ในรีวิวนี้เลยนะครับ สำหรับที่ที่ผมเลือกไปเที่ยวก่อนกลับนั้นก็คือดอยแม่สลองครับ ยังไงลองชมรีวิวสุดท้ายของทริปประเทศลาว ในแบบฉบับของ กัปตันลูกชุบ กันดูนะครับ
สุดท้ายนี้ต้องขอขอบคุณทุกคนที่ติดตามรีวิวอันแสนยาวนานของผมในครั้งนี้นะครับ จบรีวิวนี้แล้วก็อย่าลืมตามต่อครั้งหน้ากับรีวิวถัดไปของผมต่อนะครับ ^________^
ป.ล. 1 ทริปนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้ถ้าไม่ได้รีวิวและคำแนะนำของเพื่อนๆในห้อง blueplanet ขอบคุณมากๆนะครับ
ป.ล. 2 สถานที่ท่องเที่ยวที่ผมเอ่ยถึงผมบางแห่งผมก็ไม่แน่ใจว่าสะกดเป็นภาษาไทยถูกรึเปล่า นอกจากนี้คำบรรยายต่างๆก็มาจากประสบการณ์ที่ผมพบเจอ และอ้างอิงจากข้อมูลในหนังสือท่องเที่ยวครับ ถ้ามีผิดพลาดอะไรก็สามารถท้วงติงกันได้นะครับ
แวะชม Review ใน Pantip ของผมได้ที่นี่ครับ //www.pantip.com/cafe/blueplanet/topic/E10168754/E10168754.html
กัปตันลูกชุบพาเที่ยวลาวเหนือ ตอนที่ 10: ไหว้พระธาตุพูสี และ เก็บตกหลวงพะบาง ก่อนลา //www.bloggang.com/mainblog.php?id=captainchoob&month=24-01-2011&group=12&gblog=10
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ผมมาถึงเรือประมาณ 7.00 น. เรือลำนี้แหละครับที่จะพาผมเดินทางไปยังเมืองปากแบ่ง
ซื้อตั๋วเสร็จก็เดินลงมาทางนี้เลยครับ
เดินขึ้นไปบนเรือจับจองที่กันได้เลยครับ เพราะตั๋วไม่ระบุที่นั่งใครมาก่อนเลือกก่อนครับ
บรรยากาศภายในเรือครับ
เก้าอี้บางตัวจะมีเบาะรองนั่งไว้ให้ด้วยแต่บางตัวก็ไม่มี ส่วนด้านหน้าจะเป็นเก้าอี้นั่งแบบเก้าอี้บนรถตู้ครับ มีแค่ไม่กี่แถวเท่านั้น
ภายในเรือจะมีของขายนิดหน่อยครับ ไว้กันหิวระหว่างเดินทางได้ดีทีเดียว
หันกลับไปมองวิวบนฝั่งอีกรอบครับ
มีเรือจอดอยู่หลายลำแต่มีแค่ลำเดียวเท่านั้นที่จะพาผมไปเมืองปากแบ่งได้
นั่งสักพักเพื่อนร่วมทางก็มากันแล้วครับ แต่คนไม่เต็มนะครับ อาจเพราะเป็นการนั่งทวนกระแสน้ำด้วย เท่าที่ผมอ่านมานั้นส่วนมากเพื่อนๆจะแนะนำให้นั่งจากเชียงของมาหลวงพะบางมากกว่า เพราะเป็นการนั่งตามกระแสน้ำทำให้ใช้เวลาน้อยกว่า แต่การนั่งกลับจากหลวงพระบางก็ดีไปอีกแบบ เพราะคนจะไม่เยอะเท่าขามาจากเชียงของ ทำให้นั่งสบายกว่า และไม่อึดอัด
การใช้เวลานั่งเรือแบบนี้ผมว่าเป็นเรื่องที่สนุกไปอีกแบบ มีหนังสือสักเล่มและเพลงดีๆไว้ฟัง ชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ ก็ทำให้การนั่งเรือช้ากับเพื่อนร่วมทางที่เดินทางไปด้วยกันดูเป็นอีกสิ่งที่ประทับใจมากๆสำหรับผมในการเดินทางของทริปนี้ครับ
นั่งมองเรือลำอื่นๆ ที่วิ่งไปพร้อมๆกันแต่มีจุดหมายปลายทางต่างกัน
แสงอาทิตย์ตกดิน ถึงเวลาที่เรือลำนี้พาผมมาถึงจุดหมายของวันนี้แล้ว ผมมองเห็นเมืองปากแบ่งเป็นครั้งแรกเมื่อเวลาประมาณ 18.30 น.
เมืองปากแบ่งนี้เท่าที่ผมได้ศึกษามานั้น เมื่อก่อนในช่วงค่ำนั้นจะไม่มีไฟฟ้าใช้ครับ แต่ในช่วงที่ผมไปนั้น (เดือนพฤษภา 53) ชาวบ้านบอกว่าเมื่อไม่นานมานี้เอง ที่นี่มีไฟฟ้าใช้ตลอด 24 ชั่วโมงแล้วล่ะครับ
รอเวลาที่เรือจะเทียบฝั่ง หากลงจากเรือก็คงต้องเดินหาที่พักกันแล้วล่ะครับ
ตอนลงจากเรือก็จะมีชาวบ้านมาขายห้องพักกันเยอะทีเดียวครับ ผมสนใจอยู่ที่หนึ่งเขาบอกว่าไม่ไกลผมก็ขอเดินไปดูปรากฏว่าไกลเกินคาดครับ แต่ไหนๆก็เดินมาแล้วเลยเดินตามเขาไปจนถึงที่ รู้สึกไม่ไหวครับ เพราะไหนจะต้องเดินไปหาของกินมื้อค่ำอีก แล้วพรุ่งนี้ไหนจะต้องตื่นแต่เช้าไปยังท่าเรืออีก ผมเลยขอโทษเขาและกลับออกมาทางที่ท่าเรืออีกครั้ง เดินไกลพอสมควรเลยล่ะครับ และด้วยความที่ขี้เกียจหาที่พักแล้ว เลยเลือกที่พักที่อยู่ใกล้ๆท่าเรือนี่เลยครับ ชื่อว่าเรือนพักสาลิกา เพราะขอเค้าดูห้องพักแล้ว ก็พอนอนได้ครับและคุยกับพี่เค้าถูกคอด้วย เลยตกลง
ภายในห้อง มีแค่พัดลมนะครับ ส่วนนี้เป็นห้องน้ำ
อีกมุมครับ พอนอนได้ครับ อีกอย่างค่าห้องพักถูกมากๆ 40,000 Kip
หลังจากเก็บของเข้าห้องพักเรียบร้อยผมก็ลงมาหาร้านอาหารแถวๆที่พักทาน แถวนี้มาร้านอาหารเยอะพอสมควรครับ จานแรกที่สั่งเป็นข้าวผัด
ต้มยำ
ถ่ายบรรยากาศหน้าร้านมาหน่อย ราคาอาหารไม่แพงครับ แต่ผมจำไม่ได้แล้ว ^ ^ ส่วนเรื่องอาหารนั้นผมว่าร้านนี้มันไปนิด
บรรยากาศรวมๆครับ จะมีร้านรวงขายของเยอะพอสมควรไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องกันเลยครับอยู่ที่นี่
ส่วนนี้คือเรือนพักสาลิกาที่ผมเลือกพักครับ ชั้นสองจะมีลานกว้างๆ อยู่ติดกับริมน้ำโขง เหมาะกับการนั่งดูดาวจริงๆ
จากนั้นพอตอนเช้าก็มาทานอาหารเช้าที่ร้านนี้ครับ
บรรยากาศในร้าน
เครื่องดื่ม
จานแรก
จานสอง
บรรยากาศช่วงเช้าของเมืองปากแบ่ง ในส่วนใกล้ๆบริเวณเรือนพักที่ผมพักอยู่
ตามทางเดินก็จะมีเรือนพักอยู่เยอะแยะพอสมควรเลยครับ
กลับมายังเรือนพักที่ผมพักต่อครับ
ชมวิวจากเรือนพักที่ผมพักอยู่สักหน่อย ช่วงเช้าวิวสวยเชียวครับ
บรรยากาศบนชั้นสอง
อีกรูปครับ แล้วก็ถึงเวลาแล้วที่จะต้องไปขึ้นเรือ ชมวิวเพลินเลยล่ะครับ
แล้วเมื่อถึงเวลา 9.00 น. ก็ต้องขึ้นเรือกันแล้ว
ภายในเรือวันนี้ครับ เรือจะไม่ใช่ลำเดิมที่เรานั่งมานะครับ เรือลำเก่าสบายกว่าเยอะทีเดียว
ภายในเรืออีกรูปครับ มีทั้งเพื่อนร่วมทางเก่าและเพื่อนร่วมทางใหม่ แต่ก็ไม่แน่นหรอกครับ แค่ไม่กี่คนเท่านั้น
ชมเรืออีกภาพ
และแล้วก็ได้เวลาเรืออกแล้วครับ แต่เลยเวลาไปนานพอสมควร
ลาก่อนเมืองปากแบ่ง
อีกภาพครับ
เรือแล่นไปก็ชมวิวข้างทางไปเรื่อยๆ
อีกสักรูป
และแล้วเวลาก็ล่วงเลยไปจนเย็น มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เห็นบ้านเรือนแบบนี้แหละครับ
ทางนี้เป็นฝั่งบ้านเมืองเราครับ
ชมวิวฝั่งบ้านเราไปเรื่อยๆ
ธงชาติไทยเห็นแล้วรู้สึกดีจังครับ
ด่านตรวจคนเข้าเมืองฝั่งไทยครับ แต่วันนี้ผมไม่สามารถข้ามไปได้แล้ว อีกอย่างเรือจะมาส่งเราฝั่งลาวนะครับ แล้วต้องนั่งเรือข้ามฝั่งไปต่อเอง
เรือจะไปส่งทางฝั่งห้วยซาย
ตรงนั้นล่ะครับ แล้วเราจะต้องเดินไปยังด่านเอง แต่อย่างที่บอกว่าวันนี้ผมไม่ทันแล้วจึงต้องหาที่พักฝั่งนู้นสักคืนครับ
เดินหาที่พักมานาน สุดท้ายก็มาลงเอยที่นี่ครับ ชื่อทะวีสิน พออยู่ได้แต่ไม่ค่อยสะอาดนัก แต่อาศัยว่าอยู่ใกล้กับด่านที่จะข้ามไปเชียงของพรุ่งนี้ ผมเลยตกลงเอาที่นี่
ส่วนของห้องน้ำ ไม่สะอาดเลยครับ ราคาต่อคืน คืนละ 350 บาท แต่สภาพแย่กว่าเรือนพักสาลิกาที่ปากแบ่งอีกครับ
เก็บของเสร็จก็ลงมาทานอาหารค่ำที่ร้านแถวๆที่พัก
สั่งมาเท่านี้ครับสำหรับมื้อนี้ เป็นมื้อสุดท้านสำหรับอาหารที่ทานฝั่งประเทศลาว
รุ่งเช้าเมื่อประทับตราผ่านด่านเรียบร้อย ก็ต้องมานั่งเรือข้ามฝั่งแบบนี้ครับ ค่าเรือคนละ 5 บาท
บรรยากาศที่นั่งเรือ นั่งไม่นานครับก็ข้ามมาฝั่งไทย
ถึงฝั่งไทยแล้วล่ะครับ
ไปประทับตราเข้าเมืองก่อนครับ
จากนั้นผมก็เดินไปหาอาหารเช้าทาน พอดีว่าผมได้ทำการจองรถเช่าของ Master Car Rentalไว้ 1วัน ให้เขามาส่งให้ที่เชียงของครับ ซึ่งเค้ามีบริการ แต่มีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 500 บาทครับ
เดินเที่ยวชมไปเรื่อยๆ
บ้านเรือนและถนนหนทางของที่นี่
และมาหยุดทานมื้อแรกของวันนี้ที่นี่ครับ
อาหารที่สั่งมาทานมื้อนี้
หลังจากนั้นไม่นานรถก็มาถึงครับ และผมก็ได้เดินทางโดยมีจุดหมายไปยังดอยแม่สลอง ส่วนในรูปนี้เป็นวิวข้างทาง
ถนนหนทาง
แวะชมวิวที่จุดชมวิวสักหน่อย
บรรยากาศจริงๆสวยงามกว่าในรูปมากครับ
อีกมุม
วิวอีกสักภาพ
ขับเลยมาแวะร้านนี้สักหน่อย
ภายในร้าน
ถ่ายเครื่องดื่มมาฝากกันครับ กาแฟอร่อย
ของตกแต่งภายในร้าน
จากนั้นผมก็มุ่งไปยังดอยแม่สลอง
วิวถนนหนทางระหว่างทาง
เสียดายผมกลัวเวลาไม่ทันเลยไม่ได้แวะเข้าไปครับ
พระบรมธาตุเจดีย์ศรีนครินทราสถิตมหาสันติคีรี
จุดหมายแรกบนดอยแม่สลองของผมในครั้งนี้
สวยงามมากทีเดียวครับ
ที่นี่สร้างขึ้นเพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติสมเด็จย่าในวโรกาสที่ทรงเจริญพระชนมพรรษา 90 พรรษา
อาคารที่อยู่ด้านหลังครับ
ที่นี่เงียบเหงามากครับ ไม่เจอเจ้าหน้าที่เลยสักคน
วิวจากด้านบนนี้
หลังจากนั้นผมเดินทางต่อ แล้วเลยมาที่นี่สักหน่อย
มองลงไปด้านล่าง
สุสานนายพลต้วน
จากนั้นขับรถมาเรื่อยๆ แวะที่นี่ต่อครับ
เดี๋ยวไปชมกันครับ
บรรยากาศไร่ชา
ยอดชา
ชมวิวไร่ชากันต่อ มองไปทางไหนก็มีแต่ชา สวยงามทีเดียวครับ
ด้านบนที่เป็นอาคารนั้นจะเป็นส่วนร้านที่มีชาของที่นี่ขายและมีให้ได้ลองชิมกันครับ
อีกสักรูปก่อนขึ้นไปชิมชากัน
ถ่ายมุมนี้ไว้สักหน่อย
ดูนะครับไร่ชาสวยงามจริงๆ
เข้ามาในส่วนที่ให้ซื้อได้และลองชิมได้กัน
พนักงานจะบรรยายสรรพคุณตัวชาให้ฟังและวิธีการดิ่มชาการชงช้า และการเก็บรักษาชาครับ
ร้อนทีเดียวล่ะครับ เอาล่ะครับลองชิมกันได้
เมื่อชิมเสร็จแล้วซื้อติดไม้ติดมือมาหน่อย ก็ขอเก็บวิวไร่ชากันต่อ
อีกมุมครับ
เข้ามาเดินเก็บบรรยากาศในร้านต่ออีกหน่อย
ชาแต่ละแบบ
ใบชาที่นำมาตากครับ
ผมลองเดินไปชมส่วนของไร่นี้อีกฝั่ง
หลังจากนั้นก็ขับรถเดินทางไปต่อ ผมดูเวลายังเหลือพอเลยตัดสินใจไปเดินเล่นแม่สายสักหน่อย ส่วนนี้เป็นวิวระหว่างทางลงจากดอยแม่สลอง
วิวอีกภาพครับ
สีสวยดีเลยเก็บมาหน่อย
และแล้วก็มาถึงยังจุดหมายสุดท้ายของทริปนี้ แม่สายครับ แต่ไม่ได้ถ่ายมา หลังจากผมเดินเที่ยวที่นี่เสร็จผมก็ต้องกลับไปคืนรถและขึ้นเครื่องที่สนามบินเพื่อกลับมายังกรุงเทพ รีวิวของผมในครั้งนี้ก็จบลงแล้วล่ะครับ การเดินทางจาก กรุงเทพฯ - หนองคาย - เวียงจันทน์ - วังเวียง - หลวงพะบาง - ปากแบ่ง - ห้วยซาย - เชียงราย - กรุงเทพฯ ในครั้งนี้เป็นทริปอีกทริปที่ผมประทับใจมากๆ และหวังว่ารีวิวทั้งหมดนี้จะมีประโยชน์กับเพื่อนๆนะครับ แล้วพบกันใหม่ในรีวิวคราวหน้าครับผม ^________^ ขอบคุณทุกคนที่ติดตามกันมาตลอดครับ
Create Date : 27 มกราคม 2554 |
|
13 comments |
Last Update : 27 มกราคม 2554 18:08:49 น. |
Counter : 4354 Pageviews. |
|
|
|
ที่พัก 40000 กีบนี่ ตกร้อยกว่าบาทเองใช่ปะคะ? สุดยอดอ้ะ ถูกมากๆ คุ้มอย่างแรงเลยหละค่ะ
เห็นแม่สลองแล้วคิดถึงเชียวค่ะ เราไม่ได้ไปนานมากพอควรเลยทีเดียว แหะๆ
แง เราตอนนี้คิวโหวตบล็อกท่องเที่ยวยาวถึงสัปดาห์หน้าแล้วค่ะ
ขออนุญาตบล็อกนี้แค่เม้นท์ให้กำลังใจนะคะ ไม่ว่ากันนะคะ