ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เช้านี้ ณ เวลา 9.47 น. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 31.70 บาทต่อเหรียญสหรัฐ นักวิเคราะห์คาดพรุ่งนี้ธปท.รายงานขาดดุลบัญชีเดินสะพัดส่งผลให้เงินบาทอ่อนค่าต่อเนื่อง ขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียเช้านี้ ส่วนใหญ่ปรับตัวอยู่ในแดนลบ แต่ฟื้นตัวจากช่วงแรกที่เปิดซื้อขาย นักวิเคราะห์คาดวันนี้หุ้นไทยแกว่งตัวทางลง แนะทยอยลดพอร์ตเหลือ 25% คาด DTAC ขึ้น XD กระทบดัชนี 0.46% แนะเก็งกำไร STEC, KH, BIGC ส่วนหุ้นเด่นในไตรมาส 1 ได้แก่ DCC, STEC, LPN และSAT

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้ : Sideways down ทยอยลดพอร์ตเหลือไม่เกิน 25% โดยคาดวันนี้ตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวทางลงจากแรงกดดันภายนอกที่กลับมากังวลเรื่องฐานะ การเงินของยูโรโซนอีกครั้ง หลัง sentiment เชิงบวกจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ดีกว่าคาดในช่วงก่อนหน้านี้เริ่มจางหาย ขณะที่การดีดตัวอย่างแข็งแกร่งของดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลต่อการดิ่งลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ ค่อนข้างมาก ทำให้หุ้นพลังงานมีแนวโน้มย่ำแย่ลง นอกจากนี้แล้ว การขึ้น XD ของหุ้น DTAC จำนวน 16.46 บาท/หุ้น ในวันนี้ คาดจะส่งผลกระทบต่อ SETI ราว 4.75 จุด หรือ 0.46% ทีเดียว

กลยุทธ์การลงทุน : เน้นการทยอยลดพอร์ตให้คงเหลือไม่เกิน 25% โดยถือเฉพาะหุ้น ที่คาดจะมีปันผลในเกณฑ์สูงรองรับ หรือเลือกหุ้นในกลุ่ม defensive แนวต้าน : 1032-1036 แนวรับ : 1024, 1018

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 25% : เงินสด 75%

ถือต่อในพอร์ต : STEC, KH, BIGC หุ้นที่ปรับออก :BAY

KGI คาดว่าตลาดหุ้นไทยวันพฤหัสฯ จะปรับตัวลง แนวรับในวันอยู่ที่ 1,023 และ 1,020 จุด เป็นที่ชัดเจนแล้วว่าผลบวกจากกองทุน LTF ในปีนี้จะไม่เกิดขึ้น เนื่องจากผลกระทบจากน้ำท่วมต่อความมั่นใจของผู้บริโภค และผลจากความไม่แน่นอนของ SET ในปีหน้า ในขณะที่ปัจจัยภายนอกเป็นลบจากฝั่งยุโรปแม้ว่าการประมูลตั๋วเงินคลังของอิตาลีจะออกมาดีโดยดอกเบี้ยพันธบัตร 6 เดือนลดลงไปครึ่งหนึ่ง จาก6.5% ในการประมูลเดือน พ.ย. เหลือ 3.25% ก็ตาม แต่ค่าเงินยูโร/ดอลล่าร์ฯ ร่วงจากเมื่อวานต่อเนื่องเช้าวันนี้สู่ 1.29 โดยสำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่านักลงทุนกังวลกับรายงานการฝากเงินข้ามคืน (Overnight Deposit) ของธนาคารยุโรป ซึ่งเพิ่มขึ้นสู่ 4.52 แสนล้านยูโร และเป็นเครื่องชี้ว่าธนาคารต่างๆ ยังพักเงินที่กู้มาจากโปรแกรม LTRO อายุ 3 ปีของ ECB มูลค่ารวม 4.89 แสนล้านยูโรโดยไม่ได้เอาไปทำอะไร อย่างไรก็ดี KGI มองว่ายังสรุปอย่างนั้นไม่ได้ ต้องรอดูการประมูลพันธบัตรในระยะจากนี้ว่าจะมีความต้องการเข้ามามากขึ้นหรือไม่ หากเป็นเช่นนั้นจริงและกดให้ดอกเบี้ยพันธบัตรระยะยาวลดลงจากปัจจุบันที่แถว6.5-7.0% ก็จะลดแรงกดดันต่อยุโรปเช่นกัน โดยบททดสอบแรกคือการประมูลพันธบัตรอิตาลี 10 ปี มูลค่า 8.5 พันล้านยูโรในเย็นวันนี้

กลยุทธ์: ถ้าพอร์ตว่างหรือขายหุ้นไปแล้ว แนะนำให้หยุดการลงทุนเพื่อกลับมาประเมินอีกครั้งหลังเทศกาลปีใหม่ 2555 ส่วนพอร์ตมีหุ้นหาจังหวะขายลดพอร์ตในหุ้นใหญ่ แต่ให้ถือต่อได้ในหุ้นเสี่ยงต่ำที่เน้นเศรษฐกิจในประเทศ โดยในไตรมาส 1/2555 หุ้นเด่นแนะนำซื้อจะประกอบด้วย DCC*, STEC, LPN และSAT ซึ่งมีประเด็นการลงทุนเกี่ยวกับการซ่อมแซมหลังน้ำท่วม รวมทั้งการฟื้นตัวของกำลังซื้อผู้บริโภคหลังจากผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมไปแล้ว

บล.ฟินันเซีย ไซรัสระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ คาดตลาดยังมีสิทธิแกว่งตัวให้ลุ้นเทรดดิ้งขึ้นไปขายทำกำไรตอนบวกได้!!

แนวโน้ม แม้ว่าการเปิดประมูลตั๋วเงินคลังประเภท 6 เดือนของอิตาลีจะมีอัตราผลตอบแทนที่ลดลงราวครึ่งหนึ่งจากอัตราผลตอบแทนในเดือน พ.ย. ซึ่งถือเป็นสัญญาณบ่งชี้ที่ดีเกี่ยวกับการเปิดประมูลขายพันธบัตรในวันนี้ก็ตาม แต่การร่วงลงของค่าเงินยูโรแตะจุดต่ำสุดในรอบ 11 เดือนเมื่อเทียบกับดอลลาร์จากความกังวลเรื่องฐานะการเงินของยูโรโซนก็กดดันให้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคงปรับตัวลงต่อเนื่อง ซึ่ง FSS คาดว่า SET ก็จะแกว่งตัวผันผวนในด้านลบตามไปด้วย

อย่างไรก็ตามเนื่องจากตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงมาพอควรแล้วในช่วงที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนต่างประเทศเริ่มกลับมามียอดซื้อสุทธิในบ้านเราอีกครั้ง แม้ว่าจะเบาบางไปบ้าง แต่ก็พอที่จะทำให้ SET ยังมีโอกาสลุ้นรีบาวด์กลับขึ้นไปเคลื่อนไหวในด้านบวกให้เทรดดิ้งสั้นๆ ได้อยู่ รวมทั้งแรงซื้อจากการทำ Windows Dressing ในงวดสุดท้ายของปี ก็น่าจะช่วยหนุนตลาดได้ด้วย

กลยุทธ์: ดังนั้นช่วงนี้ยังแนะนำให้ตามเข้าเลือกหุ้นซื้อ เพื่อเทรดดิ้งสั้นๆ ตามรอบได้ โดยหาจังหวะซื้อในช่วงตลาดปรับตัวลง แต่ต้องกลับมาเน้นขายทำกำไรด้วยเมื่อตลาดพลิกกลับเป็นบวก...ในลักษณะลงซื้อ-ขึ้นขาย และควรจำกัดพอร์ตเพื่อลดความเสี่ยงด้วย ส่วนการเข้าซื้อเพื่อถือลงทุน เรายังแนะนำให้รอตลาดปรับตัวลงในช่วงต้นปีใหม่ก่อนเช่นเดิม

Create Date : 29 ธันวาคม 2554
Last Update : 29 ธันวาคม 2554 13:41:43 น.		0 comments
Counter : 353 Pageviews.
Share Tweet