Group Blog
 
 
ตุลาคม 2554
 1
2345678
9101112131415
16171819202122
23242526272829
3031 
 
6 ตุลาคม 2554
 
All Blogs
 
บทวิเคราะห์กองทุนรวม ประจำวันที่ 4-11 ต.ค. 2554

hilip Fund SuperMart Report ของบริษัทหลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ประจำสัปดาห์ ระหว่างวันที่ 4-11 ตุลาคม 2554 โดยมีรายละเอียดดังนี้

ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐดูมีความหวังขึ้น แต่หนี้ยุโรปยังน่าเป็นห่วง

เริ่มจากทางฝั่งสหรัฐในสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขเศรษฐกิจดูจะช่วยให้เราได้ผ่อนคลายความกังวลลงบ้าง หลังประกาศออกมาส่วนใหญ่ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานล่าสุดที่ปรับตัวลดลง 37,000 ราย จาก 428,000 มาอยู่ที่ 391,000 ราย มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้มาก ทำให้ตลาดมีความหวังว่าจะเห็นอัตราการว่างงาน และการจ้างงานนอกภาคเกษตรมีพัฒนาการในทางที่ดีขึ้น ลดโอกาสการเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยลง นอกจากนี้ทางฝั่งยุโรปมีข่าวดีที่รัฐบาลของประเทศในกลุ่มสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันสนับสนุนการเพิ่มขนาดกองทุน EFSF (European Financial Stability Facility) ทำให้ตลาดหุ้นในยุโรปปรับตัวรับข่าวดังกล่าว โดย DAX และ CAC-40 ปรับตัวขึ้นไปปิดที่ 5,502.02 (+5.87% WoW) และ2,981.96 (+6.12% WoW) อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นสหรัฐวันศุกร์กลับมากังวลเรื่องการผิดนัดชำระหนี้ของกรีซ และการเกิดภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ทำให้ DJIA ปิดลดช่วงบวกลงมาที่ 10,913.38 (+1.32% WoW) สำหรับสัปดาห์นี้ล่าสุดความกังวลยังคงอยู่ที่กรีซเป็นหลัก โดยมีโอกาสที่จะผิดนัดชำระหนี้ได้หลังกระทรวงการคลังกรีซยอมรับว่าอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายขาดดุล

ตลาดหุ้นเอเชียยังคงถูกขายต่อไป จับตาวิกฤตในตะวันตกทำตลาดผันผวน

เรายังคงเห็นกระแสเงินทุนไหลออกจากตลาดเอเชีย โดยดัชนี Hang Seng ปิดที่17,592.41 ปรับลดลง -0.43% WoW และ Shanghai A-Share ปิดลดลง -3.04% WoW อยู่ที่ 2,471.10 จุด แม้ว่าสถานการณ์เงินเฟ้อในจีนเริ่มชะลอตัวลง ตัวเลข PMI ภาคการผลิต และภาคบริการของจีน ปรับตัวเพิ่มขึ้น แต่นักลงทุนขายหุ้นจีนก่อนช่วงหยุดยาววันชาติจีน ในสัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์ ขณะเดียวกันตลาดหุ้นไทยยังคงถูกขายต่อไปแม้ว่าต่างชาติจะชะลอการขายลง SETI ปรับลดลงต่อ -4.38% WoW อยู่ที่ 913.21 จุด โดยรวมแล้วตลาดหุ้นเอเชียยังคงมีแนวโน้มเป็นขาลงต่อไป ขณะที่ปัจจัยเสี่ยงในยุโรปและสหรัฐยังกระตุ้นให้นักลงทุนหันเข้าหาดอลล่าร์สหรัฐในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย

ทองคำ น้ำมันยังถูกกดดันจากค่าเงินดอลล่าร์สหรัฐ และเศรษฐกิจชะลอตัว

ดอลล่าร์สหรัฐยังคงแข็งค่าขึ้นเป็นปัจจัยกดดันราคาสินค้าโภคภัณฑ์ต่อไป แม้ว่าความเสี่ยงจากปัญหาหนี้ยุโรปอาจส่งผลดีกับทองคำในระยะถัดไป แต่นักลงทุนยังคงขายทองคำออกมาอย่างต่อเนื่อง กองทุน SPDR Gold Trust (กองทุน ETF ทองคำอันดับ 1) สัปดาห์ที่แล้วลดการถือครองทองคำลงจากสัปดาห์ก่อนราว 20 ตัน จากสัปดาห์ก่อนหน้า ทำให้ราคาปรับตัวลงมาปิดที่ 1,623.25 US$/oz. ลดลง -1.94% ขณะที่ราคาน้ำมันเองยังคงถูกกดดันจากภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และปัญหาหนี้ยุโรป ราคาน้ำมันปรับลดลงเล็กน้อย -0.81% WoW ปิดที่ 79.2 US$/bbl. โดยระหว่างสัปดาห์มีข่าวดีจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐหนุน

อัตราผลตอบแทนปรับลดเฉพาะช่วง 5 ปี และ 10 ปี

สัปดาห์ที่แล้วอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลช่วง 5 และ 10 ปี ปรับลดลง ขณะที่ส่วนอื่นบน Yield Cruve ทรงตัว พันธบัตรระยะสั้นอายุ 6 เดือน ปรับตัวขึ้นเล็กน้อย +1 Bps. ขณะที่พันธบัตรอายุ 1 ปี อัตราผลตอบแทนทรงตัวแทบไม่เปลี่ยนแปลง ส่วนพันธบัตรช่วง 5 ปี และ 10 ปี อัตราผลตอบแทนลดลง -3 Bps. และ -9 Bps. ตามลำดับสัปดาห์นี้คาดว่าอัตราผลตอบแทนอาจทรงตัวรอดูทิศทางดอกเบี้ย โดยเงินเฟ้อไทยล่าสุดยังคงเพิ่มขึ้น แต่มีแนวโน้มชะลอตัวลง จากราคาพลังงาน และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก

แนะนำการลงทุนและกองทุนประจำสัปดาห์

สถานการณ์หนี้ยุโรปทำสินทรัพย์เสี่ยงผันผวนต่อ แนะนำรอดูสถานการณ์ต่อไป

• จับตาพัฒนาการการแก้ปัญหาหนี้ยุโรปอย่างใกล้ชิดต่อไป โดยเฉพาะการช่วยเหลือกรีซ

• ระยะสั้นสินทรัพย์เสี่ยงมีโอกาสผันผวนสูง ตามสถานการณ์ของยุโรป และสหรัฐ แนะนำชะลอการลงทุน ถือเงินสด หรือ Money Market Funds รอดูสถานการณ์ไว้ก่อนกลับเข้าสะสมเพื่อลงทุนระยะยาว โดยยังคงเน้นการลงทุนในตลาดเกิดใหม่ และทองคำเป็นหลัก

• การลงทุนใน LTF ยังคงคำแนะนำเดิมรอดู และทยอยสะสมใหม่ที่แนวรับสำคัญ 850 จุด สำหรับนักลงทุนที่สับเปลี่ยนกองทุนเข้า Defensive

LTF แนะนำถือต่อไปตามเดิมหลังสภาเยอรมันผ่านมติเพิ่มเงินกองทุนรักษาเสถียรภาพยุโรป (EFSF) ในสัปดาห์ที่แล้ว สถานการณ์น่าจะคลีคลายในทางที่ดีขึ้น แต่โอกาสผิดนัดชำระหนี้ของกรีซยังไม่ได้ลดลงแต่อย่างใดเมื่อกรีซอาจจะไม่สามารถบรรลุเป้าหมายลดขาดดุลได้ตามที่ IMF และ EU กำหนดไว้ ทำให้สินทรัพย์เสี่ยงยังต้องเผชิญความผันผวนต่อไป ด้วยเหตุนี้เราจึงยังคงคำแนะนำเหมือนกับสัปดาห์ก่อนหน้าคือ ระยะสั้นชะลอการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงออกไป ถือเงินสด หรือลงทุนกองทุน Money Market Funds (แนะนำ PCASH ของ บลจ. ฟิลลิป) รอดูสถานการณ์ให้ชัดเจนก่อนตัดสินใจสะสมสินทรัพย์เสี่ยงเพื่อการลงทุนระยะยาว โดยจับตาพัฒนาการการแก้ปัญหาหนี้กรีซ และการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ หรือทยอยสะสมเพิ่มเมื่อราคาปรับลดลงแรง โดยเรายังคงเน้นกองทุนที่ลงทุนในตลาดเกิดใหม่ เอเชีย และกองทุนทองคำ (มีนโยบายการป้องกันความเสี่ยง) เป็นหลัก หรืออาจทยอยสะสมเมื่อราคาลงมาที่แนวรับสำคัญเช่น ทยอยสะสมกองทุนทองคำเพิ่มเมื่อราคาลงมาทดสอบแนวรับสำคัญ 1,550 US$/oz. เป็นต้น

สำหรับนักลงทุน LTF ช่วงนี้เรายังคงแนะนำให้ Wait and see ต่อไปก่อน และพิจารณาเข้าทยอยสะสมเพิ่มอีกครั้งแถวแนวรับ 850 จุด โดยกองทุนที่เราแนะนำยังคงเป็น KFLTFDIV ของ บลจ. กรุงศรี ตามเดิม แต่สำหรับนักลงทุนที่ได้สับเปลี่ยน LTF ไปยัง Defensive LTF อย่าง KSDLTF (K-Strategic Defensive LTF) ตามที่ได้แนะนำไปก่อนหน้า เรายังแนะนำเหมือนเดิม คือไม่เห็นการเปลี่ยนแนวโน้มของ SETI เป็นขาขึ้นที่ชัดเจนให้ถือกองทุน KSDLTF ต่อไป จะสับเปลี่ยนต่อเมื่อ SETI มีแนวโน้มเป็นขาขึ้นเท่านั้น


Create Date : 06 ตุลาคม 2554
Last Update : 6 ตุลาคม 2554 7:26:31 น. 0 comments
Counter : 446 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

byjai
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add byjai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.