Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
27282930 
 
24 พฤศจิกายน 2554
 
All Blogs
 

โบรกแนะเก็งกำไร 6 หุ้นพื้นฐานแกร่ง ดัชนีผันผวน สะสมกลุ่มวัสดุก่อสร้าง-บริโภค

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ณ เวลา 9.39 น. ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาอยู่ที่ระดับ 31.34 บาทต่อเหรียญสหรัฐ ตลาดหุ้นเอเชียมีทั้งปรับตัวอยู่ในแดนลบและแดนบวก ขณะที่วานนี้ตลาดหุ้นสหรัฐและยุโรปปรับตัวลงแรง แต่ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวดีขึ้นจากช่วงแรกที่เปิดตลาด นักวิเคราะห์คาดหุ้นไทยผันผวน อิงทางลง เก็งกำไร 6 พื้นฐานแกร่ง ได้แก่ BGH, DTAC ,CPF,SCC, DCC, LPN

บล.ฟิลลิประบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ แนวโน้มตลาดวันนี้: ผันผวนอิงทางลงต่อ

มองตลาดหุ้นไทยจะผันผวนในกรอบแนวโน้มทางลงต่อไปท่ามกลางปัจจัยเชิงลบจากภายนอก ทั้งเรื่องผลการประมูลพันธบัตรเยอรมนีที่อ่อนแอ ทำให้มีกังวลเรื่องวิกฤติหนี้ยูโรโซนต่อไป อีกทั้งตัวเลขเศรษฐกิจที่น่าผิดหวังของยูโรโซน (คำสั่งซื้อใหม่ภาคอุตสาหกรรมดิ่งลงแรงสุดนับตั้งแต่ ธ.ค. 2008), จีน (PMI พ.ย. ชะลอตัวมากสุดในรอบ 32 เดือน) และสหรัฐ (การบริโภคส่วนบุคคลต.ค.ขยับขึ้นน้อยกว่าคาด+จ.น.ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับขึ้นมากกว่าคาด) ขณะที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงอย่างรวดเร็วสู่ระดับ 31.38 บาท/ดอลลาร์เช้านี้ (7.50 น.) และต่างชาติขายสุทธิต่อเนื่อง โดยรวมมอง SETI ยังขาดปัจจัยบวกผลักดันการฟื้นตัวอย่างจริงจัง วอลุ่มที่บางตาไปมากสะท้อนภาพความไม่เชื่อมั่นของนักลงทุนที่จะกลับเข้ามาในตลาด SETI จึงยังคงความผันผวนในกรอบทางลงต่อไปกรอบวันนี้จะผันผวนระหว่าง 965-985 จุด ทั้งนี้ หากหลุด 965 จะมีแนวรับถัดไปแถว 950/920/900 ต่อไป

กลยุทธ์การลงทุน: เก็งกำไรหุ้นรายตัวโดยการจำกัดพอร์ตไม่เกิน 25% แนวต้าน : 980-985 แนวรับ : 970-965

การจัดพอร์ตระยะสั้น* - หุ้น 25% : เงินสด 75%

ถือต่อในพอร์ต : BGH, DTAC

หุ้นที่ปรับออก : STEC

หุ้นที่ปรับเข้า :CPF เก็งกำไร คาดหลังน้ำลดราคาเนื้อสัตว์และการบริโภคจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ราคาพื้นฐาน 34.25 บาท เทคนิคระยะสั้นมองต้าน 31 รับ 29.25 Cut loss 28.75 บาท

KGI ประเมินตลาดหุ้นไทยวันพฤหัสฯ เปิดปรับลง มีแนวรับลุ้นเด้งในวันที่ 972 และ 965 จุดปัญหาหลักยังอยู่ในยุโรปเช่นเดิม เมื่อวานนี้เยอรมันประมูลพันธบัตร 10 ปี ปรากฏว่าขายได้เพียง 61%ของมูลค่าประมูลทั้งหมด 6 พันล้านยูโร ที่เหลืออีก 39% ต้องให้ธนาคารกลางเยอรมันเข้าซื้อไป ส่งผลให้ดอกเบี้ยในตลาดรองพุ่งขึ้นหลังประมูล และส่งแรงกระทบไปยังประเทศอื่นๆ ในกลุ่มยุโรปด้วย โดยค่าCDS Spread หรือต้นทุนประกันความเสี่ยงประเทศเยอรมันพุ่งขึ้น 7bps สู่ 108bps ส่วนของฝรั่งเศสและสเปนขึ้นทำจุดสูงสุดใหม่ เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่มีใครสนใจกรีซกับอิตาลีแล้ว แต่เป็นประเทศที่ใหญ่ขึ้นเช่นเยอรมัน ฝรั่งเศส และสเปน ในประเด็นของการลุกลามของปัญหาหนี้ภาครัฐฯ และความตึงตัวของตลาดการเงิน ส่วนในฝั่งสหรัฐฯ ได้รายงานข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัว ปนๆ กันไปดีบ้างไม่ดีบ้าง โดยยอดขอรับสวัสดิการว่างงานและยอดใช้จ่ายบริโภคเดือน ต.ค. แย่กว่าคาดเล็กน้อย แต่คำสั่งซื้อสินค้าคงทนเดือนต.ค. (ไม่รวมหมวดขนส่ง) ดีกว่าที่ตลาดคาดอย่างมาก

สำหรับปัจจัยในประเทศ อดีตนายกฯ ทักษิณ ให้สัมภาษณ์วานนี้ว่าเขาจะไม่กลับเมืองไทยจนกว่าจะเกิดการสมานฉันท์ ซึ่งน่าจะชี้ว่าคุณทักษิณจะยังไม่กลับมาในเร็วๆ นี้ และสอดคล้องกับคำให้สัมภาษณ์ของนายกฯ เมื่อวันก่อนว่าไม่มีรายชื่อของคุณทักษิณอยู่ในการพระราชทานอภัยโทษสำหรับปี 2554 ทั้งนี้ปัจจัยการเมืองจะร้อนแรงน้อยลงจากข่าวดังกล่าว

กลยุทธ์: พอร์ตมีหุ้นให้ถือไว้ เนื่องจากเราเชื่อว่าแรงขายต่างชาติจะชะลอในเดือน ธ.ค. และ SET มีโอกาสปรับขึ้นได้ในช่วงปลายปี แต่ถ้าพอร์ตยังว่างให้ i) ซื้อเล่นสั้นตามแนวรับ หรือ ii) ซื้อสะสมเฉพาะหุ้นกลุ่มวัสดุก่อสร้างและกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการบริโภค เช่น SCC*, DCC*, LPN ซึ่งน่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่าหุ้นหลักๆ ในช่วงที่ปัจจัยภายนอกแย่กว่าที่เราเคยคาด ส่วนหุ้นหลักเราจะประเมินจังหวะเวลาซื้อและ update ในภายหลัง

บล.กสิกรไทยระบุในบทวิเคราะห์ ดังนี้ วานดัชนีหุ้นไทยทรงตัวในกรอบแคบ ก่อนที่จะปิดลบเพียง 0.49 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขายที่เบาบางเพียง 17,701 ล้านบาท โดยตลาดได้รับปัจจัยบวกจาการที่S&P ออกมาคงอันดับความน่าเชื่อถือและแนวโน้มมีเสถียรภาพของประเทศไทยประกอบกับอยู่ในบรรยากาศของการเก็งกำไรหุ้นที่มีประเด็นเป็นรายตัว/กลุ่ม ที่โดดเด่นคือหุ้นสื่อสาร จากการที่นักลงทุนเก็งความคืบหน้าการประมูล 3G จากการพิจารณาร่างแผนแม่บทคลื่นความถี่ของ กสทช.

แนวโน้มสำหรับช่วงเวลาที่เหลือสัปดาห์ตลาดหุ้นไทยต้องเผชิญปัจจัยลบจากความเสียหายน้ำท่วมที่เริ่มชัดเจนขึ้น และจากปัจจัยต่างประเทศได้แก่ 1) PMI ของจีนที่อ่อนแอลง และและส่งสัญญาณหดตัว 2) การที่ super committee ไม่สามารถบรรลุข้อตกลงลดการขาดดุลของสหรัฐฯ ได้ 3) ความกังวลปัญหาหนี้ยุโรปเพิ่มขึ้นหลังเยอรมันประมูลขายพันธบัตร 10 ปี ได้เพียง 3.9 พันล้านยูโร หรือเพียง 65% ของเป้าที่ 6 พันล้านยูโร 4) การทำ stress test ของธนาคารในสหรัฐ กดดันให้หุ้นธนาคารขนาดใหญ่ปรับตัวลดลง ซึ่งเรามองว่าปัจจัยทั้ง 4 ประการจะเป็นตัวกดดันให้เกิดแรงเทขายโดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มพลังงาน และธนาคารพาณิชย์ในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุน: ระยะสั้นยังคงเน้นเก็งกำไรเท่านั้น จากการที่ตลาดเหลือ upside อีกไม่มาก โดยเรายังคงเป้าSET index ปีนี้ไว้ที่เพียง 1020 จุด ขณะที่ตลาดยังมีความเสี่ยงระยะกลางอยู่ โดยตลาดที่ปรับฐานอาจรอรับเพื่อเก็งกำไรแถวแนวรับที่ 950 +/- โดยตลาดอาจปรับลดลงจากความไม่แน่นอนใน US และ EU โดยประเด็นการเก็งกำไรที่รออยู่ข้างหน้าประกอบด้วย 1) ผลสรุปรายละเอียดของแผนแก้หนี้ยุโรป และความเป็นไปได้ของแนวทางใหม่ อาทิ การออกพันธบัตรยูโรโซน การออกมาตรการคล้าย QE ของสหรัฐฯเป็นต้น 2) การลดดอกเบี้ยของธปท.วันที่ 30 พ.ย. 3) การประชุม Fed วันที่ 13 ธ.ค.4) การประชุม OPEC วันที่ 14 ธ.ค. ขณะที่เราเชื่อว่าเดือนธ.ค. แรงขายของต่างชาติจะลดลง ขณะที่กองทุนในประเทศจะเริ่มกลับเข้ามาซื้อ แนะนำ 1) หุ้นที่ได้รับผลดีจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจหลังน้ำท่วมเช่น CPF HMPRO GLOBAL SCCC DCC STEC HEMRAJ TASCO VNG TPC และ TTCL 2) หุ้นที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมโดยตรงและคาดว่าจะฟื้นตัวกลับมาได้เร็วเช่น SAT TICON LPN AP SPALI รวมถึง 3) หุ้นกลุ่มพลังงาน PTT TOP PTTGC ที่คาดว่าราคาน้ำมันในช่วงปลายปีจะได้รับผลดีจากการเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวของสหรัฐฯ

สำหรับนักลงทุนระยะกลางที่ลดพอร์ตทำกำไรไปแล้ว ให้ Wait and See และรอสัญญาณกลับเข้าไปซื้อใหม่ คาดว่าจะเป็นช่วงต้นปีหน้าอาจเห็น SET ต่ำกว่า 900 อีกครั้งหนึ่ง ส่วนท่านที่มีต้นทุนสูงและยังไม่ได้ลดพอร์ต ยังคงแนะนำให้ทยอยลดพอร์ตเมื่อมีกำไร




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2554
0 comments
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2554 12:42:52 น.
Counter : 472 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 


byjai
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add byjai's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.