|
9 ตุลาคม 2550
|
|
|
|
ไป...สะพายเป้เที่ยวเวียดนามกันเถอะ ตอนที่ 9 ลงเรือมังกรล่องลำน้ำหอม:สุสานไคดินฮ์-Khai Dinh Tomb
Khai Dinh Tomb ไปอ่านตอนแรก / อ่านตอนก่อนหน้า / อ่านตอนถัดไป เรือออกจากวัดโบราณพาเราล่องกันต่อมาที่สุสานจักรพรรดิมินหม่าง(Minh Mang Tomb) พวกเราตัดสินใจไม่เข้าชมครับ เพราะตั้งใจไว้ว่าจะเก็บแรงและเก็บเงินค่าผ่านประตู 55000 ด่องไว้สำหรับสุสานจักรพรรดิไคดินเท่านั้น( 1 บาท ประมาณ 480 ด่อง) ที่จุดนี้เราจึงนั่งพักเล่น เรือจอดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นเที่ยวชมครู่ใหญ่ๆ เมื่อทุกคนกลับมาครบเรือออกออกเดินทางต่อ
เรือล่องมาพักใหญ่ก็เทียบท่า เราเดินขึ้นจากเรือไปโดยสารมอเตอร์ไซด์รับจ้าง ค่ารถมอเตอร์ไซด์ไปกลับคนละ 20000 ด่อง ลืมบอกไปว่าทั้งที่สุสานตือดึกและไคดินถ้านั่งไปรถมอร์เตอร์ไซค์คันไหนก็กลับคันนั้น ดังนั้นทั้งผู้โดยสารและคนขี่มีหน้าที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือจำหน้ากันไว้ด้วยนะ
รถมอร์เตอร์ไซค์มาจอดส่งที่หน้าสุสาน พวกเราก็พากันไปซื้อบัตรเข้าชม คนละ 55000 ด่อง
สถาปัตยกรรมและลายปูนปั้นต่างๆ ไม่ได้ทาสีซ่อมแซม ขึ้นเป็นคราบดำแต่ก็ดูขลังดี (ทางขึ้นสุสานคนชราเห็นบันไดแล้วคงท้อใจ)
บริวารและช้างม้า ยืนคอยท่า หุ่นปูนปั้นดูสมจริงมีมิติสวยงามกว่าที่สุสานตือดึก
อาคารหอจารึก ด้านในมีศิลาจารึก
จารึก
ลักษณะของสถาปัตยกรรมที่สุสานไคดิง มีความผสมผสานความเป็นตะวันตกเข้ากับเวียดนาม ทั้งนี้เนื่องจากจักรพรรดิไคดิงเป็นจักรพรรดิองสุดท้ายที่ปกครองในช่วงที่ฝรั่งเศสได้เข้ามาในประเทศแล้ว และมีการรับเอาศิลปะวัฒนธรรมต่างๆ จากทางยุโรปเข้ามาด้วย
สถาปัตยกรรมสีดำในวันที่ไร้แสงแดดดูขลังและวังเวงชอบกล
ราชวังเก่าของจักรพรรดิไคดิงเห็นความเป็นตะวันตกได้ชัดเจน
พระบรมรูปขององค์จักรพรรดิไคดิง
ฝ้าเพดานเขียนลายมังกรในกลีบเมฆ แลดูสวยงาม แต่มีบางคนกล่าวว่าศิลปินผู้วาดภาพใช้เท้าเขียนเนื่องจากเกลียดการปกครองขององค์ไคดิง แต่ผมว่าคงเป็นแค่การเล่าเสริมเติมแต่งไปเสียมากกว่า เพราะถ้าใช้เท้าเขียนได้งามขนาดนี้คงมีฝีมือเป็นอย่างยิ่ง
ศิลปะการประดับกระเบื้อง ที่อยู่ตามผนังและแท่นบูชา
ณ สุสานแห่งนี้มีมุมถ่ายภาพสวยๆ หลายมุมทั้งด้านในและด้านนอก พวกเราถ่ายภาพกันยังไม่หนำใจเลย ก็ได้เวลาที่จะต้องกลับกันแล้ว เสียดายในวันที่พวกเราไปเที่ยวชมนั้นมีมรสุมเข้ามาพอดีแสงจึงไม่สวยนัก แต่ภาพที่ถ่ายออกมาหลายภาพก็ไม่น่าเกลียดเท่าไร
มองรอบๆ ตัวคนที่มาเรือลำเดียวกับผมก็หายกันไปไหนหมดแล้ว ผมจึงเดินลงจากสุสาน มองหาคนขี่รถคนที่มาส่งผม ยังมองไม่ทันเจอตัวเขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์ตรงมาหา ผมรีบกระโจนขึ้นพี่แกก็บิดออกทันที ถึงท่ารถมอร์เตอร์ไซด์ คนคุมคิวรถก็ขอตั๋วเข้าชมสุสานตอนแรกผมจะไม่ให้แต่เขาบอกว่าเขาต้องขอไว้จึงให้ไป... ภายหลังพวกเรามาคุยกันเรื่องตั๋วนี่ บางคนให้ความเห็นว่าสงสัยเขาเอากลับไปเวียนขายใหม่ซึ่งก็ไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะนี่เป็นเพียงหางตั๋วที่ฉีกออกมาเท่านั้น ท้ายสุดพวกเราลงความเห็นว่าน่าจะใช้ในการคุมคิวรถหรือเงินที่เก็บได้ในแต่ละวันและแต่ละเที่ยวมากกว่า
ที่น่าสังเกตอีกอย่างก็คือคิวรถมอร์เตอร์ไซค์ที่สุสานไคดิงไม่มั่ววุ่นวายเหมือนที่สุสานตือดึกมีระบบการคุมคิวที่ดีกว่า และที่สำคัญคนขี่รถไม่มีการอ้อนวอนขอให้เราซื้อน้ำให้ดื่ม รู้สึกดีครับ
เดินกลับไปขึ้นเรือคุณเอกกับคุณจี้ รออยู่แล้ว ส่วนคุณตึกกับคุณเปิ้ล กลับมาเป็นสองคนสุดท้าย เมื่อครบคน เรือก็ล่องกลับ
ชีวิตคนเรือที่หากินกับลำน้ำหอม
แล้วเรือมังกรก็พาเรามาส่งที่ท่าเรือที่เราลง เดินกลับผ่านสวนประติมากรรมกลางแจ้ง คุณเปิ้ลชี้ให้ดูอะไรแปลกๆ ที่ทำให้น่าสงสัยว่าเป็นขยะที่คนเอามาวางไว้ประชดเล่นๆ หรือเป็นงานศิลปะ
หน้าตามันเป็นเก้าอี้พลาสติกตัวเล็กมีขวดน้ำพลาสติกวางตั้งแบบที่ไม่ควรจะตั้งได้ ตัวเก้าอี้วางอยู่เยื้องไปด้านหนึ่งของแผ่นหินแกรนิตสี่เหลี่ยมผืนผ้า
นี่มันขยะหรืองานศิลปะนะเนี่ย
แต่แล้วใครสักคนก็เอื้อมมือไปเคาะเก้าอี้และขวดน้ำ มันดังกังวานเป็นเสียงโลหะ อืม...เป็นงานโลหะที่ทำได้เหมือนพลาสติกมาก...
ประติมากรรมโลหะรูปเก้าอี้และขวดน้ำพลาสติก
ตกเย็นหลังกินข้าวพวกเราออกไปเดินเที่ยวหาตั๋วรถที่จะไปฮอยอันได้ตั๋วมาก็เดินเล่นต่อตบท้ายด้วยขนมหวาน
ผมไม่ได้คิดอยากจะกินขนมหวานนัก แต่มันมีเหตุน่าสงสัยว่าขนมอะไรนะ ทำไมดึงให้ผู้หญิงทั้งสาวเล็กสาวใหญ่มารวมตัวกันได้มากมาย ต้องเข้าไปดูใกล้ๆ ซะแล้ว ขนมหวาน 20 หม้อวางเรียงราย ว่าแล้วขอลองซักหน่อย หน้าตาสวยงามอร่อยดีเหมือนกันครับ เวลากินจะใส่น้ำเชื่อมกับน้ำแข็ง บางหม้อก็คล้ายกับขนมที่ขายตามร้านเต้าส่วน หรือรวมมิตรบ้านเรา บางหม้อหน้าตารสชาติก็ไม่เคยเห็นและลิ้มลองมาก่อน
คืนนั้นผมแวะซื้อเป้ใบใหม่เนื่องจากใบที่ผมใส่ของมาใบเล็กและใส่ของมามากเกินทำให้ปริแตก รู้สึกว่าที่นี่ขายเป้ถูกดีครับ ซื้อมา 85000 ด่อง ก็ประมาณ 180 บาท
เป้ใบเก่าเคยไปเที่ยวหลาวพระบางมาด้วยกันสายสะพายขาด-ตะเข็บปริเสียแล้ว
เป้ใบใหม่หน้าตาสีสันคล้ายใบเก่า สะพายแล้วให้ความรู้สึกไม่ต่างไปจากเดิม
ได้เป้มาขึ้นโรงแรมผมก็ค่อยๆ ถ่ายของออกจากเป้ใบเก่า มาใบใหม่ รู้สึกเสียดายที่จะต้องทิ้งเพราะเคยไปเที่ยวหลวงพระบางมาด้วยกัน แต่จะให้ขนไปด้วยก็ใช่ที่
คืนนั้นเข้านอนอย่างเหนื่อยอ่อนด้วยตรากตรำกับการเที่ยวมาทั้งวัน พรุ่งนี้เช้าต้องรีบตื่นเพื่อขึ้นรถไปฮอยอัน
วันนี้ต้องขอจบภาคแรกของการเที่ยวเว้นะครับ มีความสุขสวัสดีทุกท่าน แล้วจะมาเล่าเรื่องเที่ยวฮอยอันให้ฟังเน้อ Khai Dinh Tomb ไปอ่านตอนแรก / อ่านตอนก่อนหน้า / อ่านตอนถัดไป
Create Date : 09 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 4 ธันวาคม 2550 12:18:15 น. |
|
2 comments
|
Counter : 1570 Pageviews. |
|
|
|
|
โดย: pataramin วันที่: 11 ตุลาคม 2550 เวลา:12:55:59 น. |
|
|
|
โดย: bite25 วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2551 เวลา:17:52:49 น. |
|
|
|
| |
|
|
bite25 |
|
|
|
|
//bite25.bloggang.com
เป็นหน้าแรกของบล็อกผมจะเห็น และตอบคำถามได้ทันนะครับ เพราะบล็อกหน้านี้เป็นบล็อกเก่าผมจะไม่รู้ว่ามีคอมเมนต์ใหม่ทำให้ตอบคำถามไม่ทันนะครับ