ข้อแนะนำในการเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้

การลดปริมาณ และการหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้จากไรฝุ่น

1.พยายามจัดห้องนอนให้โล่ง โปร่ง สะอาด ระบายอากาศได้ดี

2.ทำความสะอาดผ้าปูที่นอน ปลอกหมอน ผ้าห่ม ทุก 1-2 สัปดาห์ โดยการแช่ในน้ำร้อน 60 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30 นาที หรือน้ำเดือด 100 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 15 นาที ก่อนนำไปซักตามปกติ  ถ้ามีเครื่องซักผ้าที่สามารถตั้งอุณหภูมิได้ให้ซักด้วยน้ำอุ่น 60 องศาเซลเซียส  การซักในลักษณะข้างต้นเป็นการฆ่าตัวไรฝุ่นตามที่นอน และชะล้างเอาซากของตัวไรฝุ่นที่ตายแล้ว พร้อมกับมูลของมันออกจากเครื่องนอน

3.นำที่นอน หมอน หมอนข้าง พรม ตากแดดจัดมากกว่า 3 ชั่วโมงขึ้นไปจะช่วยฆ่าตัวไรฝุ่น แต่ไม่ได้กำจัดซาก และมูลของมัน

4.ไม่ควรปูพรม หรือใช้เฟอร์นิเจอร์ที่หุ้มด้วยผ้าในห้องนอน

5.ไม่ควรเก็บของเล่นทุกชนิดในห้องนอน

6.ควรดูดฝุ่นจากที่นอน(ฟูก)เป็นประจำ ถ้าเป็นไปได้ควรใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดทั้งที่นอน หมอน หมอนข้าง ผ้าห่ม ฯลฯ

7.ตัวไรฝุ่นจะไม่ฟุ้งในอากาศ ดังนั้นการใช้เครื่องฟอกอากาศจะไม่เกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยมากนัก

8.เช็ดทำความสะอาดห้องนอน และภายในบ้านเป็นประจำให้ปราศจากฝุ่นบ้านอยู่เสมอ ด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ

9.ปัจจุบันมีผ้ากันไรฝุ่นจำหน่าย ใช้คลุ่มที่นอน(ฟูก) หมอน หมอนข้าง เพื่อกันตัวไรฝุ่นเล็ดลอดขึ้นมาในขณะนอน  ผ้ากันไรฝุ่นนี้พอช่วยได้บ้างในระดับหนึ่งแต่ต้องผ่านการทดสอบอย่างถูกต้องมาแล้ว เช่นได้รับการยืนยันจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ ก่อนจำหน่าย

การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้จากแมลงสาบ

1.กำจัดแหล่งสะสมของเศษอาหาร ขยะ โดยทำความสะอาดบริเวณครัว ดูแลความเรียบร้อย จัดเก็บขยะให้มิดชิดทุกครั้งหลังเสร็จภารกิจ

2.ปิดรู หรือรอยแตกที่พื้น และเพดานทั้งหมดไม่ให้แมลงสาบเข้ามาได้

3.ทำความสะอาดพื้นบ้าน พื้นครัวอยู่เสมอ เพื่อกำจัดสารก่อภูมิแพ้จากแมลงสาบ  ถ้าเป็นไปได้กำจัดตัวแมลงสาบที่พบเห็นร่วมด้วย ปกติแมลงสาบมีนิสัยกลัวมนุษย์ และชอบหากินตอนกลางคืน ถ้าพบแมลงสาบในตอนกลางวันแสดงว่าภายในบ้านมักจะมีแมลงสาบหลบซ่อนอยู่แล้วเป็นจำนวนมาก 

การหลีกเลี่ยงละอองเกสรพืชนอกที่อยู่อาศัย

1.ปิดหน้าต่างในช่วงที่มีละอองเกสรมาก เช่นช่วงเย็น หรือช่วงที่มีละอองหญ้าฟุ้งกระจายตามฤดู

2.สวมแว่นตา และผ้าปิดปากเมื่ออยู่ในบริเวณที่มีละอองเกสรมาก เช่น ทุ่งหญ้า สวน ฯลฯ

3.ถ้ามารถทำได้ การใช้เครื่องปรับอากาศ หรือใช้เครื่องกรองละอองเกสรในรถจะช่วยลดการสัมผัสละอองเกสรได้

4.สำหรับผู้ป่วยที่แพ้เกสรไม้ยืนต้น จำพวกกระถินณรงค์ มะม่วง ฯลฯ นอกจากปฏิบัติข้างต้นแล้ว พยายามหลีกเลี่ยงการเข้าใกล้บริเวณต้นไม้ดังกล่าวภายในรัศมี 2 เมตรโดยประมาณ เนื่องจากเกสรของต้นไม้เหล่านี้มีขนาดใหญ่ และมักฟุ้งกระจายไปในอากาศไม่ไกล แตกต่างจากละอองต้นหญ้า ซึ่งฟุ้งกระจายได้ไกลกว่า

การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้จากสัตว์

1.ไม่เลี้ยงสัตว์ที่ทำการทดสอบแล้วว่าแพ้

2.ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าบ้าน หรือในห้องนอน ต้องจัดหาที่อยู่เป็นสัดส่วนให้สัตว์เลี้ยง

3.อาบน้ำให้สัตว์เลี้ยงอย่างน้อยอาทิตย์   ละ 1 ครั้ง

4.ใช้เครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดบ้าน พรม เฟอร์นิเจอร์ภายในบ้านเป็นประจำ

5.เปลี่ยนเสื้อผ้าทุกครั้งที่สัมผัสสัตว์เลี้ยง

6.จัดบ้านให้มีการระบายอากาศที่สะดวก ปลอดโปร่ง ใช้เครื่องฟอกอากาศที่มีใส้กรองชนิด HEPA filter ในห้องนอน

7.สารก่อภูมิแพ้จากแมวเป็นสารที่คงทน และสามารถอยู่ได้นานถึง 6 เดือนหลังจากนำแมวออกจากบ้านแล้วก็ตาม       

การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้จากเชื้อรา

1.จัดบ้านให้มีระบบระบายอากาศให้สะดวก ปลอดโปร่ง อากาศถ่ายเทได้ตลอดลดบริเวณอับทึบภายในบ้าน

2.ทำความสะอาดเครื่องปรับอากาศในบ้านเป็นประจำ ถ้าเป็นไปได้ควรปฏิบัติทุกเดือน

3.ควบคุมความชื้นภายในบ้านให้ต่ำอยู่เสมอ โดยใช้เครื่องกำจัดความชื้น

4.ไม่ควรนำต้นไม้ ดอกไม้สด หรือดอกไม้แห้งไว้ในบ้าน เนื่องจากอาจเป็นแหล่งสะสมของเชื้อราได้ โดยเฉพาะดินที่อยู่ในกระถางต้นไม้ดังกล่าว

5.พยายามทำความสะอาดบริเวณร่องยาแนวกระเบื้องในห้องน้ำ ห้องครัว ห้องนั่งเล่น ฯลฯ อยู่เสมอ เพราะบริเวณเหล่านี้อาจเป็นที่สะสมของเชื้อราภายในบ้านได้

6.พึงระลึกไว้เสมอว่าเชื้อรามีความทนทาน ดังนั้นต้องทำความสะอาด และกำจัดเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ

การหลีกเลี่ยงการแพ้จากแมลงมีพิษกัต-ต่อย

1.ควรหลีกเลี่ยง หรือระมัดระวังเป็นอย่างยิ่งในการทำกิจกรรมนอกบ้าน  เช่น   การออกกำลังกายปิคนิค เข้าแคมป์ ฯลฯ ในช่วงหน้าร้อนที่มีดอกไม้บาน และมีผลไม้ เพราะเป็นช่วงที่มีแมลงออกหาอาหารมากที่สุด

2.ถ้าต้องออกนอกบ้านควรใส่เสื้อผ้ามิดชิดพอดีตัว ไม่หลวมจนเกินไป เพื่อป้องกันแมลงเข้าไปติดในเสื้อได้  นอกจากนี้ควรเป็นเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ใส่ถุงเท้า และรองเท้า  ไม่ควรใส่สีสดใสเพราะจะทำให้แมลงสนใจ ควรใช้สีซีดอ่อน คล้ำๆ เช่น ขาว เขียว น้ำตาล กากี

3.ไม่ควรเข้าไปในที่มีแมลงอาศัย เช่น สวน  ถ้าจำเป็นต้องทำสวนนอกจากใส่เสื้อผ้าดังข้างต้นแล้ว ต้องใส่ถุงมือทุกครั้งด้วย

4.ไม่ควรใส่น้ำหอม โลชั่น สบู่ โคโลญ แชมพู หรือสเปรย์เมื่อจะออกนอกบ้าน

5.ไม่ควรเปิดหน้าต่างบ้าน หรือหน้าต่างรถทิ้งไว้ และก่อนขึ้นรถทุกครั้งควรสำรวจตรวจดูว่ามีแมลงบินเข้ามาหรือไม่

6.ปิดถังขยะ และจัดการเก็บขยะให้มิดชิดเรียบร้อย

7.เมื่อมีแมลงมีพิษเข้าใกล้อย่าขยับเขยื้อน หรือเคลื่อนไหวเร็วๆ หรือหยุกหยิกเพราะจะเป็นจุดสนใจของแมลง

8.ถ้ามีรังแมลงต่อยอยู่ในบริเวณที่อยู่อาศัย หรือบริเวณใกล้เคียงควรแจ้งผู้ชำนาญการกำจัดแมลงเพื่อมากำจัดเสีย

9.ต้องระลึกไว้เสมอว่าแม้ได้รับการรักษาแล้วการป้องกันก็ต้องทำตลอดไป

ด้วยความปรารถนาดีจาก

นพ.ภก.สุรสฤษดิ์ ขาวละออ

อายุแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ และภูมิคุ้มกันคลินิก

ศูนย์โรคภูมิแพ้ รพ.สมิติเวช สุขุมวิท

Twitter @SURASARIT

Create Date : 07 มิถุนายน 2556
Last Update : 7 มิถุนายน 2556 13:30:20 น.		0 comments
Counter : 969 Pageviews.
Share Tweet