Bloggang.com : LcWitch : ดูน้องแกะที่สวนผึ้ง ราชบุรี

ดูน้องแกะที่สวนผึ้ง ราชบุรี - Scenery Resort & Farm ตอนที่ 1


	ผู้จุดประกายการไปชมน้องแกะที่สวนผึ้งคือหลานสาว ที่ได้รับการบอกเล่ามาจากญาติอีกทีหนึ่งว่าบรรยากาศสถานที่ท่องเที่ยวของสวนผึ้งที่ราชบุรีเหมือนดั่งสวิสแลนด์เมืองไทย ทำให้เกิดความอยากจะไปเยี่ยมชม ว่าเป็นจริงดังที่กล่าวมาหรือไม่ หลังจากที่มีประกายแล้ว ก็ต้องมาวางแผนกันว่าแล้วจะไปวันไหนดี ตอนแรกว่าจะไปกันวันที่ 1 มกราคม 2555 จริง ๆ แล้วไม่ค่อยอยากไปวันหยุดเทศกาลเลย เพราะจากประสบการณ์จากหลาย ๆ ที่ที่ไปเที่ยววันหยุดเทศกาลแล้ว มันเป็นความรู้สึกทางด้านแย่ ๆ ซะมากกว่า เนื่องจากจะมีผู้คนล้นหลามจริง ๆ ต้องแย่งกันกินแย่งกันเที่ยว... แต่ทนการรบเร้าจากคุณหลานสาวไม่ไหว และทางญาติที่เพิ่งไปมาเมื่อวันที่ 30 ธันวาคม 2554 ก็ยืนยันว่าคนไม่เยอะเลย เที่ยวแบบชิวชิวเลย เราก็เลยโอเค ไปก็ไหน หวังว่าคนคงแห่ไปที่อื่นกันแทนที่ที่เราจะไปน่ะ ดังนั้นที่จะไปเยือนน้องแกะก็ถูกกำหนดขึ้นเป็นวันที่ 2 มกราคม 2555 เริ่มขับเคลื่อนออกจากบ้านเวลา 9.00 น. จริง ๆ แล้วจะออกเร็วกว่า แต่เนื่องจากมีหลานเล็ก ๆ ไปด้วยคุณพี่สาวเลยต้องเตรียมนู้นเตรียมนี่จนกระทั่งต้องออกกันสายกว่าที่ตั้งใจไว้ เวลาในรูปผิดไปหน่อย พอดีพี่เขยเอาไปถ่ายรูปแต่งงานน้องสาวที่ออสเตรเลียเลยทำให้เวลามันเร็วไปจากเมืองไทยจริง ๆ แล้วต้องประมาณ 9.00 น. สมาชิกในคณะของเรามีทั้งสิ้น 7 ชีวิตด้วยกัน เราใช้เส้นทางพระราม 2 ขับตรง ไปเรื่อย ๆ ผ่านดอนหอยหลอด จนกระทั่งถึงป้ายบอกทางไปอ.สวนผึ้ง เป็นการขับตรงอย่างเดียวเลยค่ะ ไม่ต้องวอกแวกไปที่ไหนเลย แต่ถึงแม้ว่าจะตรงอย่างเดียว แต่เราก็หลงจนได้เนื่องจากว่าป้ายบอกทางไปสวนผึ้งทำให้เราสับสน ตอนแรกเห็นป้ายทางการว่าให้เลี้ยวซ้ายเข้าอ.สวนผึ้ง ก็ตั้งใจจะเลี้ยว แต่ดันมีป้ายผ้าตัวใหญ่มาติดไว้ก่อนเลี้ยวว่าไปสวนผึ้งให้ตรงไป ก็เกิดอาการงงซิค่ะ ว่าแล้วฉันจะเลี้ยวหรือจะตรง สุดท้ายเชื่อป้ายผ้า ขับตรงไป แต่หลังจากนั้นจะไปทางไหนหละ เริ่มงง (ไม่อยากจะบอก ครอบครัวเราไปที่ไหน ถ้าไม่หลงทางไม่ใช่พวกเรา ทุกที่ที่ไปต้องหลงทุกครั้ง...) สุดท้ายก็ต้องใช้ความสามารถพิเศษ.... ... จอดรถ แล้วลงไปถามคนแถวนั้นเลยค่ะ ในที่สุดเราก็ได้เส้นทางมาแล้ว แต่ก็ยังไม่ค่อยมั่นใจเท่าไรว่า เรามาถูกหรือเปล่าเนี่ย แค่รู้ว่าเรายังอยู่ในเมืองไทย แต่สวนผึ้งเนี่ยมันอยู่ที่ไหนนนนน ทำไมไม่เห็นป้ายอะไรที่เกี่ยวกับแกะให้เห็นเลย..... เราก็ขับลุยมันไปเรื่อย ๆ เราถือคติว่าถึงจะหลงก็หลงอยู่ในประเทศไทย สุดท้ายความพยายามของเราก็เห็นผล เราเห็นสัญลักษณ์ที่เคยเห็นเพื่อน ๆ ในเว็บถ่ายตอนมาเที่ยวชมน้องแกะเอาไว้ นั่นคือ หลักกิโลอันใหญ่มาก ๆ ตั้งอยู่หน้าโรงพยาบาลสวนผึ้ง ตอนนี้มั่นใจแล้วว่าไม่หลงทางแล้วววว.... เรามาถึงที่นี่เวลา 11.00 น. ใช้เวลาไปทั้งสิ้น 2 ช.ม. (คือว่าขับไม่เกิน 100 ก.ม. ต่อ ช.ม. เป็นการช่วยชาติประหยัดพลังงาน..จริง ๆ แล้วต้องไม่เกิน 90 นะคะ) อยากลงไปถ่ายรูปหลักกิโลนะคะ แต่คนเยอะจริง ๆ ไม่สามารถแทรกเข้าไปได้ ดังนั้นขอเก็บภาพหลักกิโลไว้ในความทรงจำแล้วกันนะคะ ถ้ามีโอกาสเราจะเข้าไปเก็บภาพไว้แน่ ๆ ค่ะ หลังจากนั้นก็เริ่มมองหาป้าย Scenery Resort กันค่ะ ในที่สุดเราก็เจอ มันเขียนไว้ว่า อีกประมาณ 16 ก.ม. อืม ไม่ไกล..ชิวชิว แต่พระเจ้า อะไร ๆ มันก็ไม่เป็นไปอย่างที่เราคิด เวลาผ่านไป ครึ่งชั่วโมงเราเพิ่งขยับรถของเราไปได้แค่ 3 กิโล...รถติดมากค่ะ แล้วรถแต่ละคันขับไม่ค่อยมีมารยาทเลย พยายามเบียดแทรกอยู่ตลอดเวลา ยิ่งทำให้รถติดเข้าไปใหญ่ แต่กำลังใจยังมีหลังจากที่ผ่านจุดแรกที่รถติดมา เราก็เริ่มขับเร็วขึ้น แต่...มันติดอีกแล้วค่ะ..เราพยายามอดทนขับมันต่อไป จนในที่สุดก็ผ่านจุดที่รถติดมา แล้วเราก็เห็นป้ายบอกทางว่าอีก 5 กิโลเราจะถึง Scenery Resort แต่ (อีกแล้ว) ขับไปได้แค่ไม่กี่เมตร มันก็เริ่มติดอีกแล้ว ตอนนี้เป็นเวลา 12.30 น. แล้วค่ะ เด็ก ๆ เริ่มตื่นนอนแล้ว และก็เริ่มงอแงกันแล้ว ผู้ใหญ่ก็เริ่มหงุดหงิด แต่ด้วยความหวัง เราอดทนขับไปเรื่อย ๆ ในที่สุดก็เห็นป้ายบอกทางว่าอีก 3 กิโลเราก็จะถึง ความหวังเริ่มมา ทางเริ่มเปลี่ยวขึ้น มันเป็นทางขึ้นเขา สองข้างทางเริ่มเป็นป่า ทางเริ่มแคบลง รถก็ไม่ค่อยขยับจนกระทั่งเวลา 13.30 น. น่าจะอีกแค่ 1 - 1.5 กิโลก็จะถึง เริ่มจะมีรถเปลี่ยนใจ กลับรถแล้ว ขับกลับกันแล้ว หลังจากที่มีการถามรถที่ขับสวนออกมา เราทนจนกระทั่งเวลา 14.00 น. แต่ภายในรถเริ่มมีบรรยากาศที่แย่มาก ๆ แล้วทุกคนหิวข้าว ต่างก็หงุดหงิดมากขึ้น แต่เรายังไม่สามารถกลับรถได้เนื่องจากถนนมันแคบมาก ต้องรอจนกระทั่งถึงจุดที่กว้างพอ เราก็เปิดไฟฉุกเฉินขอกลับรถเลย ต้องเดินหน้าถอยหลังหลายรอบเลย แล้วก็มีรถเปลี่ยนใจแบบครอบครัวเราหลายคันเลย มีบางคันกลับรถไม่ดีตกลงไหล่ทางต้องให้คนอื่นช่วยกันลงไปดันขึ้นมา ทั้ง ๆ ที่หลายคนก็ไม่รู้จักกัน แต่ถ้าไม่มีคนช่วย รถก็จะขวางทางอยู่อย่างนั้น นี่แหละน้ำใจคนไทย หลังจากที่ขับรถกลับออกมาแล้ว เราก็ตัดสินใจแวะฟาร์มแรกที่เห็นเลยนั่นก็คือ New Land ทุกคนเริ่มผ่อนคลายขึ้น อันดับแรกเลยหาของกินกันก่อน แต่เนื่องจากมันเป็นวันหยุดเทศกาลดังนั้น ทุกอย่างมันยุ่งเหยิงมาก ของกินมีไม่พอขาย นู้นหมดนี่หมด จนสุดท้ายต้องไปแย่งเขาซื้อไส้กรอก มันเป็นอะไรที่รู้สึกแย่มาก ๆ เลย ทุกคนหน้าตาเคร่งเครียดเนื่องจากความหิว แต่ในที่สุดเราก็ไปแย่งเขาซื้อจนได้ไส้กรอกมา 10 ไม้ด้วยกัน บอกตรง ๆ ว่าเข็ดจริง ๆ กับการเที่ยวในช่วงเทศกาล แต่เด็กก็ยังเป็นเด็ก เขาก็สามารถสนุกของเขาได้ หลังจากท้องอิ่มก็เริ่มเล่นกันแล้ว เราอยู่ที่ New Land ซักพักก็ตัดสินใจกลับ เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีอะไรมาก หาแกะตัวเป็น ๆ ไม่เจอด้วย เราตรงไปที่บ้านหอมเทียน เพื่อเลือกซื้อเทียนกลับไปฝากเพื่อน ๆ เป็นของขวัญปีใหม่ แต่มันหาที่จอดไม่ได้เลย รถเยอะมาก จนในที่สุดก็ไม่ได้แวะ ขับรถไปเรื่อย ๆ เพื่อไปแวะที่ไหนก็ได้ที่สามารถหาที่จอดรถได้เพื่อให้เด็ก ๆ ได้เห็นแกะตามที่ตั้งใจ (ที่ร่ายยาวมาทั้งหมดเรายังไม่ได้เห็นหรือสัมผัสแกะเป็น ๆ กันเลยค่ะ ทั้ง ๆ ที่จุดมุ่งหมายของเราก็มาดูน้องแกะ) ในที่สุดโชคก็เข้าข้าง...เราได้ที่จอดรถที่ โมอาย คอฟฟี่ (Moai Coffee) ค่าเข้าชมแกะของที่นี่ ผู้ใหญ่ 40 เด็ก 20 หลังจากออกจาก โมอาย คอฟฟี่เราก็กลับบ้าน และเหมือนเดิม ไม่หลงไม่ใช่เรา...กะว่าจะกลับเข้าทางสมุทรสาคร เข้าดอนหอยหลอด เพื่อเข้าพระราม 2 ไปถนนกาญจนาภิเษก แต่ เราเลี้ยวผิดค่ะ มันเลยไปเข้านครปฐม จริง ๆ แล้วต้องเลี้ยวขวาเข้าเพชรบุรี แต่เราไม่แน่ใจเลยถามคนขับมอเตอร์ไซด์แถวนั้น หลานสาวดันไปถามว่าไปกรุงเทพ ไปทางไหน เขาก็ให้เราเลี้ยวซ้าย โอ้ว...รถติดมากถึงมากที่สุด และเราเคยมีประวัติขับรถกลับจากนครปฐม (ไปเที่ยวตลาดน้ำลำพญา) แล้วไปเข้าสนามหลวงซะนี่ เลยต้องคอยโทรศัพท์ถามทางพี่ชายมาตลอดทาง เพื่อที่จะหาทางออกมาทางไปกาญจนาภิเษกให้ได้ และในที่สุดเราก็กลับถึงบ้านอย่างสวัสดิภาพเมื่อเวลาประมาณ 20.00 น. ผ่านไปอีกหนึ่งทริป คราวหน้าเราจะมาแก้ตัวใหม่ แต่วันไหนยังไม่รู้ แต่เราจะไปให้ถึง Scenery Resort & Farm ให้ได้ อยากจะรู้ว่ามันสวยอย่างที่หลาย ๆ ท่านเอยถึงหรือไม่....แต่ไม่ขอไปเที่ยวช่วงเทศกาลอีกแล้ว...เข็ด ทริปนี้รวมค่าเสียหายทั้งสิ้น 800 บาท ไม่รวมค่าน้ำมันใช้ไปเกือบหมดถัง เป็นทริปที่เสียค่าใช้จ่ายน้อยจริง ๆ สำหรับสมาชิกผู้ใหญ่ 5 เด็ก 2 (น่าจะเพราะอยู่แต่ในรถ) ปล. เราวางแผนที่จะไปชมแกะอีกครั้งหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ 2555 แล้วจะเอารูปมาลงในตอน 2 ค่ะ