มุมหนึ่งของคนที่อยู่ในเงามืด (แลดูจะดราม่า ไม่นะจ้ะ ไม่ช่ายยย)
จากกระทู้นี้ คณะวิทยาศาสตร์ คณะที่อยู่ในเงามืด ขอแชร์ในมุมมองของคนที่จบวิทย์มา ของคุณ Queen of hearts (//pantip.com/topic/30135632)
และเนื่องจากเป็นคนที่จบจากคณะที่อยู่ในเงามืดนั้นมา (ส่อเค้าดราม่ามั้ย ไหนบอกไม่มีไง้) เลยอยากจะบอกอะไรสักหน่อย แต่เค้าไม่ชินกับการตอบกระทู้ อ่านหลายความเห็นแล้วตาลาย แถมพี่พันยังไม่ให้เค้าเปลี่ยนชื่ออีก เลยขอเขียนในบล็อคก่อนละกันนะจ้ะ (คือก็ตอบในกระทู้นั้นไปบางส่วนละนะ) จากกระทู้อิ๋งเห็นด้วยบางส่วนกับเจ้าของกระทู้ ว่าค่านิยมหรือทัศนคติของคนทั่วไป สังคมไทยที่มีต่อคณะวิทยาศาสตร์ยังคิดกันอยู่ว่า เป็นคณะรอซิ่ว เข้าหมอไม่ได้ เภสัชไม่ได้ ก็มาเรียนคณะนี้ก่อน ปีหน้าค่อยซิ่ว หลายคนทำแบบนี้ ยอมรับมาซะดีๆ เข้าง่าย จบยาก เข้าง่ายมั้ย ตอนอิ๋งสอบเข้า สอบโควต้ามาซะด้วย เลยรู้สึกว่ายากนะไม่ได้ง่ายขนาดนั้น (สอบเสร็จยังบอกกับตัวเองเลยว่า ไม่ติดแน่ ) แต่ดูจากคะแนนแอดมิชชั่นแล้วคงต้องยอมรับว่าคะแนนคณะวิทยาศาสตร์ก็ไม่ได้สูงมาก จบยาก อันนี้รับรอง ทั้งคอนเฟิร์มทั้งหักธงทิ้งไปเลย เวลามีรุ่นน้องมาถามว่าเรียนคณะวิทย์ยากมั้ย หนักหรือเปล่า ตอบได้ทันทีว่า ยากจ้ะ หนักด้วย แต่ที่ทำให้ยังเรียนจนจบมาได้คือ ใจรักจ้ะ (แหวะ ) กว่าอาจารย์ที่ปรึกษาจะเข็นจนจบมาได้ อาจารย์คงแอบถอนหายใจ ปาดเหงื่อมาหลายที ระลึกถึงบุญคุณอาจารย์มากๆค่ะ แต่ถ้าเรามีใจ เรารัก เราชอบในสิ่งที่เราทำ ความยากมันจะกลายเป็นความท้าทายให้อยากก้าวผ่านมันไปได้ในที่สุดจ้ะ แล้วทำไมคณะวิทย์ถึงถูกมองในแง่นี้ อิ๋งมองเรื่องปัญหาการประชาสัมพันธ์ การแนะแนว ให้ความรู้กับคนทั่วไป นักเรียนยังไม่ทั่วถึงแล้วก็ไม่ได้ทำให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้องสักทีด้วยแหละค่ะ ต้องเริ่มจากการสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องก่อนเลยค่ะ ว่าเรียนคณะนี้แล้วไม่ใช่พวกสติเฟื่อง หัวฟูที่พูดกับคนอื่นไม่รู้เรื่อง พ่นสมการอะไรก็ไม่รู้ออก ปัญหาใหญ่มากเลยค่ะ จนตอนที่เรียนอาจารย์หลายท่านเน้นย้ำว่า งานของคุณต่อให้ดีแค่ไหน ถ้าคุณอธิบายให้คนอื่นฟังไม่รู้เรื่อง มันก็แทบจะสูญเปล่า ต้องค่อยๆสร้างค่านิยม ทัศนคติใหม่ของนักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ เช่น เห็นไหมคะ ในซีรีส์ CSI ที่กำลังเก็บหลักฐาน หรือว่าทำงานในห้องปฏิบัติการคือนักวิทยาศาสตร์ทั้งนั้นเลยนะคะ (รู้กันแล้วใช่ม๊า ว่าทำไมอิ๋งถึงเลือกเรียนวิทยาศาสตร์ ) หรืองานวิจัยของรุ่นพี่คนหนึ่งที่ปรับปรุงพันธ์พืชให้ทนต่อสภาพอากาศที่ร้อนขึ้น และทนต่อแมลงศัตรูพืช ดอกสวยงามและบานได้นาน ช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับพืชชนิดนั้น คุณลุงเกษตรกรที่ได้เข้าฟังบรรยายหัวข้อนั้นก็ให้ความสนใจ เพราะฟังเข้าใจและเป็นเรื่องใกล้ตัว เดี๋ยวนี้เริ่มเห็นรายการหลายๆรายการที่นำเสนอผลงานวิจัยในรูปแบบที่เข้าใจง่าย หรือการทดลองสนุกๆที่เด็กเข้าใจได้ก็ชื่นใจค่ะ อีกอย่างก็คือต้องเน้นงานวิจัยที่ใกล้ตัวมากขึ้น ก็อย่างเช่นงานวิจัยข้างต้นที่ยกมา คุณลุงจบประถมสี่และเป็นเกษตรกรมาตลอดชีวิตก็จับต้องได้ อาจจะไม่เข้าใจศัพท์เทคนิคบางคำบ้าง แต่คุณลุงเข้าใจจุดประสงค์และประโยชน์ของงานวิจัยชัดเจนค่ะ แล้วก็เห็นด้วยกับหลายความเห็นที่บอกว่าประเทศไทยยังคงเป็นประเทศแห่งฐานการผลิต คือรับมาประกอบแล้วส่งออก รับเทคโนโลยีสำเร็จรูปมาเองเลย ไม่ค่อยมีเทคโนโลยีที่คิดค้นขึ้นเอง น่าแปลกใจมากเลยค่ะ จากที่ได้เรียนในคณะวิทย์มา รู้ว่าแต่ละปีมีทุนเข้ามามากมายหลากหลายที่สนับสนุนนักศึกษาได้ศึกษาต่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ แต่ทำไมหนอประเทศเราถึงยังเป็นฐานการผลิตอยู่ แอบกังวลว่าต่อไปข้าวไทยจะมีทิศทางอย่างไร มองออกนอกหน้าต่างเห็นเพื่อนบ้านอย่างเวียดนามที่กำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่องแล้วแอบหวั่นไม่ได้ (กลับเข้าเรื่องก่อนนนนน) เรื่องงานก็ต่อเนื่องกันมา เนื่องจากเป็นฐานการผลิตจึงต้องการแรงงานสายวิชาชีพ แต่คนจบคณะวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พวก pure science จะพบปัญหาอย่างมากคือ ไม่มีตำแหน่งงานที่ตรงสาย ตอนใกล้จะจบแล้วเริ่มมองหางาน น้ำตาจะไหล ประเทศไทย ไชโยมาก ทำไมตำแหน่งงานตรงสายถึงได้หายากหาเย็นแบบนี้ แต่ถ้าจบประยุกต์จะได้เปรียบกว่าตรงตำแหน่งงานจะระบุมาชัดเจน เช่น รับชีวเคมี จบชีววิทยา เขาก็ยังไม่ค่อยอยากรับ จบเคมีก็ยังก้ำกึ่ง เลยได้งานในสายงานที่ไม่ค่อยตรงกับที่จบมาสักเท่าไหร่ บางคนก็ไถลออกไปซะคนละอย่างเลยก็มี แล้วคนจบคณะนี้ไม่มีการสอบหรือให้ใบรับรองโดยเฉพาะด้วยนะคะ คิดแล้วก็อยากเสนอ น่าจะมีให้สอบใบรับรองการใช้เครื่องมือหมวดที่ 1 เช่น เครื่อง PCR, เครื่องปั่นเหวี่ยง, spectrophotoscopy อะไรแบบนี้นะคะ จะได้เอาไปประกอบการสมัครงานหรือสมัครเรียนต่อว่า เนี่ย เราใช้เครื่องมืออะไรเป็น (ถ้าเกิดได้สอบกันขึ้นมาจริงๆ รุ่นน้องจะมาบึ้มบ้านมั้ยหว่า ) ก็สรุปง่ายๆว่าถ้าไม่เลือกงานก็มีงานให้ทำจริงๆนั่นแหละค่ะ แต่เงินเดือนก็ตามแต่ละงานกันไปเป็นปกติ จะอาจารย์ นักวิจัย ทำงานโรงงาน เซลล์ ได้หมดแหละค่ะ ครอบจักรวาลจริงๆเลย
อ้อ อีกอย่างที่คนสนใจคือผลงานค่ะ สายวิทยาศาสตร์ งานวิจัยแต่ละงานใช้เวลานานไปจนถึงนานมาก บางงานส่งต่อกันรุ่นต่อรุ่นของอายุบุคคลเลยก็มีนะคะ ผลงานที่ได้จึงไม่ทันใจใครหลายๆคน หรือบางคนก็มองว่าไม่เห็นมีผลงานอะไรเลย คือมีน่ะ มันมีแน่ๆ แต่เป็นผลแบบจิ๊กซออะค่ะ ค่อยๆทำไปทีละส่วน ต่อไปทีละตัวกว่าจะเสร็จสมบูรณ์เป็นภาพรวม ซึ่งพอเป็นภาพรวมปุ๊ป ทุกคนก็จะให้ความสนใจ มันดูยิ่งใหญ่ มีประโยชน์ สนใจเฉพาะคนที่เป็นจิ๊กซอตัวสุดท้ายจนบางทีลืมตัวแรกๆที่เริ่มสร้างภาพสมบูรณ์นี้ขึ้นมา ซึ้งใจ ตอนเรียนทำวิจัยวัคซีน เห็นเส้นทางการเริ่มมาตั้งแต่อาจารย์ของอาจารย์ของอาจารย์อีกที จนกระทั่งมาถึงเรา ก็กระดึ๊บไปอีกขั้น พ่อกับแม่ถามว่า อ้าว ยังใช้ไม่ได้อีกเหรอลูก เห็นทำมาเป็นปี ตอบเขาไปว่า ก็พัฒนามาตั้งแต่อาจารย์ของอาจารย์ของอาจารย์อะพ่อ สิบกว่าปีมาแล้ว ลูกมาช่วยเพิ่มขั้นบันไดไปอีกขั้น (มั่นใจว่าถึงขั้น ครึ่งขั้นละไหมเธอ)
และเห็นด้วยกับคุณเจ้าของกระทู้มากๆที่บอกว่าคณะนี้สอนเรื่องการคิดอย่างเป็นเหตุเป็นผล ณ ปัจจุบันเราทำงานเป็นระบบ ทำอะไรเป็นขั้นๆเหมือนตอน plan lab.ตลอด ตอนนี้ออกมาทำงานไม่ตรงสาย แต่เอาความรู้ที่ได้มาใช้อย่างเต็มเปี่ยม รักแล้วก็อยากมุ่งต่อไปสายเดิมเหมือนกัน แต่ตอนนี้ขอเก็บตังค์เองให้ได้ก่อน ไม่อยากกวนผู้ปกครองแล้ว ได้กลับไปเรียนต่อ ทำงานวิจัยอีกเราคงมีความสุขมากกกกก
เขียนมาเยอะมาก นั่งเขียนตอนนอนไม่หลับ อาจจะเบลอ อ่านรู้เรื่องหรือไม่อย่างไร ช่วยคอมเม้นท์บอกหน่อยนะคะ บางทีอ่านเอง เข้าใจเองก็มี
ขอให้นอนหลับอย่างราบรื่นนะคะ ญาตาวี 07.09 นาฬิกา 12 กุมภาพันธ์ 2556
Create Date : 12 กุมภาพันธ์ 2556 |
Last Update : 1 เมษายน 2556 1:12:59 น. |
|
0 comments
|
Counter : 524 Pageviews. |
|
|
|