ความรักสามารถอภัยให้ได้กับทุกสิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมรับมันได้เหมือนการให้อภัยหรอกนะ
เรื่องราวความรักของฉัน บางคนอาจมองว่ามันจบลงด้วยความเศร้าและรอยน้ำตา เพราะว่าอะไรนะหรือ เพราะว่าฉันได้บอกลาความรักนั้น จากลา เดินทางออกมาจากที่อันคุ้นเคย ที่ๆเคยมีแต่ความรักของเราคอยโอบล้อมอยู่
วันนั้น วันที่ฉันตัดสินใจบอกลา ถึงแม้ว่ามันจะทำให้ฉันเสียน้ำตาแต่มันก็ไม่ได้ทำให้หัวใจเจ็บปวดไปกว่านี้ได้อีกแล้ว
"เรารักกันนะ ปัดรู้ใช่มั้ยว่าผมรักปัด แล้วผมก็เชื่อว่าปัดก็รักผม"
เขาพูดไม่ผิดหรอก รักสิ ทำไมฉันจะไม่รักเขา ทอปัด เธอรักผู้ชายคนที่พูดประโยคนี้หมดใจนั่นแหละ แต่ถึงอย่างไร รักก็ไม่ช่วยให้เราสองคนจับมือกันเดินต่อไปได้
ในเมื่อมือทั้งคู่ที่กุมกันอยู่อีกมือหนึ่งคลาย ทำท่าจะปล่อยมือกันอยู่ตลอดเวลา
เมื่อเอามือที่ว่างอีกข้างมากุมให้อุ่นใจ เขาก็หาว่าอึดอัด
แต่เมื่อเหลือแค่มือข้างเดียว ฉันกลับไม่รับรู้ถึงแรงที่เขาอยากจะประคองมือของฉันไว้ในมือของเขาเลย ฉันเหนื่อยเหลือเกินกับการต้องออกแรงประคองไม่ให้มือทั้งสองข้างหลุดออกจากกัน
จนวันนี้ฉันตัดสินใจแล้วละว่า ฉันจะออกแรงเท่าเดิม เท่ากับตอนที่เราเริ่มต้นมาด้วยกัน
ถ้ามือที่เคยกุมกันอยู่มันหลุดไป
ก็ไม่ใช่ใครหรอกที่ทำให้มันไม่เหมือนเดิม ฉันพยายามที่จะเข้าใจเธอ และพยายามให้เธอเข้าใจฉัน แต่ในเมื่อมีแต่ฉันคนเดียวที่ออกแรงประคองการเกาะกุมนี้อยู่ ฉันก็จะหยุดแล้วละ ฉันจะไม่พยายามให้เธอมาเข้าใจฉัน เพราะเธอไม่เคยอยากจะเข้าใจ และฉันก็จะไม่พยายามเข้าใจเธออีกต่อไป พอกันทีกับการออกแรงประคับประคองความสัมพันธ์นี้
"ปัดว่าเราหยุดสักทีเถอะ ปัดเหนื่อยแล้ว ตั้มปล่อยมือปัดเถอะ" ในขณะที่ฉันอยากปล่อยมือ เขากลับพยายามรั้งมันไว้ จะรั้งไว้ทำไมกัน ในเมื่อฉันไม่มีแรงเหลือพอจะเดินต่อไปแล้ว
"เรารักกัน" ฉันมองเขาพร้อมกับรอยยิ้ม ยิ้มที่คล้ายจะปลอบใจตัวเองไปด้วย
"ใช่ตั้ม เรารักกัน ถ้าไม่รักกัน ปัดไม่ทำแบบนี้หรอก ปัดยังอยากกอดลา ยังอยากมีรอยยิ้มให้กันตอนที่เราปล่อยมือ ถ้าไม่รักกันปัดทำแบบนี้ไม่ได้หรอก"
"รักผม แล้วทำไมปัดต้องการไปจากผมละ" ฉันส่ายหน้าช้าๆ
"ไม่ใช่ปัดคนเดียวหรอกที่อยากปล่อยมือ ตั้มลองถามใจของตัวเองให้ดีเถอะว่าตอนนี้ ตรงนี้ คนที่ตั้มกุมมืออยู่คือคนที่ตั้มอยากจับมือเดินทางไปด้วยกันตลอดเวลาหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าเหงาหรือว่าหลงทางแล้วอยากหาเพื่อนเดินทางแก้เหงา
ปัดว่าตอนนี้เราสองคนเหนื่อยมามากแล้วละกับการพยายาามที่จะจับมือแล้วเดินไปในทางเดียวกัน เรารู้อยู่แก่ใจนะตั้มว่าเราไปต่อด้วยกันไม่ไหวแล้ว"
"ไม่ใช่หรอก ปัดมีคนอื่น ตลอดเวลาที่เรารักกันผมไม่เคยผิดสัญญา ผมไม่มีคนอื่นปัดก็รู้ แล้วอะไรละที่ทำให้ปัดอยากปล่อยมือไปจากผม ถ้าปัดไม่มีคนอื่น"
"เรายังรักกัน ปัดไม่ได้มีคนอื่น แล้วคำสัญญามันก็ไม่สำคัญเท่าการกระทำหรอกนะตั้ม ถึงตั้มไม่มีคนอื่น แต่ตั้มไม่เคยสนใจเลยว่าบางทีตั้มก็จับมือปัดแน่นมาก แน่นจนมือปัดเจ็บไปหมด แต่บางครั้งตั้มก็แทบจะปล่อยมือปัดทิ้งไปเลย
เรารักกัน แต่ความรักที่เรามี ให้กันมันไม่พอหรอกตั้มที่จะพาเราไปถึงที่หมายที่เราฝัน ถ้าเราไม่มีความเข้าใจ ความเอาใจใส่ ปัดไม่ได้หมายความว่าตั้มผิด หรือไม่ดีอะไร ปัดก็ไม่ได้เป็นคนดีไปกว่าตั้มหรอก
แต่ว่าปัดเข้าใจแล้วว่าเราสองคนไม่มีความเข้าใจให้กันเลย ยิ่งเดินเราก็ยิ่งเหนื่อย ปัดก็ไม่รู้ว่าตั้มอยากเดินไปทางไหน จะเลี้ยวซ้ายหรือขวา หรือว่าจะพักเมื่อไหร่ จะให้ปัดคอยทำตามตั้มตลอดชีวิตโดยที่ตั้มไม่เคยมอง ไม่เคยถามเลยด้วยซ้ำว่าปัดอยากเดินไปทางไหน อย่างนี้สักวันเราก็ต้องปล่อยมือกันอยู่ดี สู้ปล่อยซะตอนนี้ เดี๋ยวนี้ที่เรายังมีความ
รู้สึกดีๆให้กันไม่ดีกว่าเหรอตั้ม อย่างที่ปัดบอก ปัดยังอยากกอดลา ยังอยากยิ้มให้ตั้มอยู่นะ" เขานิ่งไปนิดก่อนเอ่ยปากขอ
"ถ้าสิ่งที่ตั้มทำมาตลอดมันทำให้ปัดไม่สบายใจ ตั้มขอโทษ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะ ตั้มสัญญาว่าเราสองคนจะจับมือกันเดินต่อไปตามทางที่เราทั้งสองคนอยากเดิน ตั้มจะเอาใจใส่แล้วก็เข้าใจปัดให้มากขึ้น"
"ตั้มเคยสัญญาแบบนี้กับปัดแล้ว ตั้มจำไม่ได้เหรอ ตอนนี้ตั้มก็ยังทำมันไม่ได้เลย แค่ตอนนี้ตั้มยังไม่พยายามที่จะเข้าใจสิ่งที่ปัดพูดเลย"
"แล้วปัดจะให้ตั้มทำยังไง ตั้มรักปัดนะ ปัดจะไม่ยกโทษ ไม่อภัยให้คนที่รักปัดเลยเหรอ"
"ปัดอภัยให้ตั้มเสมอ แต่ปัดยอมรับมันไม่ได้อีกต่อไป ปัดไม่อยากทนอยู่กับความโดดเดี่ยว ความเหงาทั้งๆที่เรายังรักกันอยู่แบบนี้
ความรักสามารถอภัยให้ได้กับทุกสิ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะยอมรับมันได้เหมือนการให้อภัยหรอกนะ
ปัดว่าเราปล่อยมือกันตอนนี้ดีกว่าจะรอให้ใครคนใดคนหนึ่งกระชากให้มันหลุดออกจากกันนะ ไม่แน่ว่าถ้าถึงวันนั้นอาจะป็นตัวตั้มเองก็ได้ที่เป็นคนกระชากมันเอง"
"ตั้มคงพูดอะไรที่จะรั้งปัดไว้ไม่ได้อีกแล้วใช่มั้ย"
"ปัดรักตั้มนะ แล้วก็จะรักแบบนี้ แบบที่มีความเข้าใจให้ตั้มเสมอ วันข้างหน้าถ้าบังเอิญเราเดินมาพบกัน ถึงแม้ตอนนั้นปัดหรือตั้มจะกุมมือใครอยู่ แต่เราก็จะยังสามารถยิ้มให้กัน และกอดกันด้วยความเข้าใจได้" เหมือนอย่างตอนนี้ตอนที่ฉันกอดลาและยิ้มให้เขาด้วยความเข้าใจทั้งหมดที่ฉันมี ถึงแม้จะมีน้ำตาแต่ก็เป็นน้ำตาแห่งความเข้าใจและการยอมรับการตัดสินใจของตัวเอง
ทางเดินข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่อาจจะรู้ได้ แต่ตอนนี้ฉันมีมือว่างมากพอที่จะจับแผนที่ขึ้นมากางเพื่อค้นหาว่าทางไหนที่ใจอยากจะเดิน
ป.ล. เรื่องราวและตัวละครล้วนถูกสมมติขึ้นมาทั้งสิ้น ผู้อ่านโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน และอย่าคิดลึกนะจ๊ะ