ใช้ชีวิตให้ง่ายๆ แบบที่เราเป็น...อย่าไปดัดจริต..ทำชีวิตให้มันยุ่งยากเลยค่ะ......
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2555
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
13 ตุลาคม 2555
 
All Blogs
 
ก่อนตัดสินใจเรียนปริญญาเอก โปรดอ่าน ตอนที่ 2: เรียนป.เอกมันไม่ใช่แฟชั่น

เจอเพื่อนหรือคนรู้จักที่ไม่ได้เจอกันนานๆ
ก็มักจะต้องอัพเดทข่าวสารกันบ้าง
เวลาบอกใครว่าเรียนป.เอกอยู่
ทุกคนก็จะบอกว่า
เหรออออออออ (โปรดลากเสียงยาวๆ )
เออ..ดีจังเลยเนาะ...อยากเรียนมั่งเหมือนกัน





แล้วก็เป็นหยั่งงี้มาตลอด








ที่เยอะที่สุด...คือ เจอแฟนของพี่คนนึง
อาเจ้ฯ ไปเจอพี่สองคนนี้ด้วยความบังเอิญตอนไปช็อปปิ้งที่การบินไทย
พี่เค้ากับแฟนนั่งทานข้าวกันอยู่หน้าร้านขายก๋วยเตี๋ยว
อาเจ้ฯ เดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวร้านนี้...แล้วเห็นพอดี
ก็เอ๊....อีพี่คนนี้หน้าตาคุ้นๆ
นึกไปนึกมา..ก็อ๋อออออ....พี่ (ชื่อพี่เค้า) นั่นเอง
เลยเข้าไปทัก







พี่เค้าก็ชวนนั่งด้วยกัน
อาเจ้ฯ บอกว่ามากับเพื่อน...แล้วชี้ให้พี่เค้าดูเพื่อนที่โบกมือหยอยๆ อยู่
แต่ก็นั่งคุยกับพี่และแฟนเค้าแป็บนึง






พี่เค้าก็ถามว่า....เป็นไงบ้างวะไปอยู่นู่น...เรียนโอเคไม๊
อาเจ้ฯ บอกว่า ..เรื่องทั่วไปก็โอเคแหล่ะพี่..แตเรื่องเรียนโคตรหนักเลย
พอถึงตรงนี้...แฟนพี่เค้าก็ หูผึ่งหันมาถามทันทีว่า
"อ้าว...หนูไปเรียนป.เอกเหรอคะ...พี่นึกว่าไปเรียนต่อโท...เห็นยังเด็กอยู่เลย"




โอ่วว พี่คะ
อาเจ้ฯ อ่ะไม่เด็กแล้วนะยะ





แล้วแฟนพี่คนนี้...ก็พูดกับพี่เค้าว่า
เอิ่ม...ตัวเอง....เค้าว่า....เค้าไปเรียนป.เอกบ้างดีกว่า
ตัวเองต้องส่งเค้าเรียนนะ....
เค้าอยากเรียนมั่งเหมือนกัน






อาเจ้ฯ ฟังแล้วเพลียจิตจริงๆ ..
เค้าคิดว่ามันเรียนง่ายๆ กันเหรอไงเนี่ย
ถึงได้ทำท่าเหมือนการเรียนป.เอก เหมือนการเดินช็อปปิ้งตลาดหลังการบินไทย




หล่อนมาเจอชั้นที่นี่....เพราะชั้นมาซื้อของต่างหากย่ะ






การเรียนป.เอกมันไม่ใช่แฟชั่นจริงๆ ค่ะ อาเจ้ฯ ขอคอนเฟิร์ม
เวลาจะเรียน ควรจะมีจุดมุ่งหมาย
และทบทวนให้ดีก่อนว่ามันจำเป็นไม๊กับชีวิตเรา





สำหรับอาเจ้ฯ มันจำเป็นค่ะ
เพราะมันต้องใช้ในอาชีพเรา
ถ้าเราไม่เรียน....ชีวิตการทำงานของเราก็จบ






บางคนเค้าเรียนเพื่อเอาไปใช้กับงานในส่วนอื่นของๆ เค้า
เค้าถึงตัดสินใจมาเรียน
เพื่อให้ได้งานที่ทำเงินได้ก้อนใหญ่กว่าเดิม





แล้วแต่ว่าเหตุผลของใครจะมากกว่ากัน





เมื่อเราตัดสินใจจะเรียนด้วยตัวของเราเองแล้ว
ผลของมันจะออกมาเป็นอย่างไร
เราก็รับได้
เพราะเราตัดสินใจด้วยตัวเราเอง






บ่อยๆ ที่อาเจ้ฯ หมดแรง และเหน็ดเหนื่อยกับการเรียนอย่างสาหัสนี้
คุณแม่จะพูดกับอาเจ้ฯ เสมอว่า


"แม่ไม่เคยบังคับให้หนูเรียนนะลูก สำหรับแม่...แค่จบปริญญาตรีแม่ก็พอใจแล้ว....หนูตัดสินใจของหนูเองทั้งหมด...หนูต้องจัดการมันให้ได้นะลูก"








อาเจ้ฯ ฟังคุณแม่พูดแล้ว......ก็ตอบตัวเองได้ทันทีว่า



ใช่





ไม่มีใครบังคับเราให้มาเรียน
เราตัดสินใจเองทั้งหมด
เพราะฉะนั้นถ้าจะตัดสินใจต่อจากนี้ไป
ก็ตัวเราเองทั้งนั้น






ป.โทเรียนง่ายกว่านี้เยอะ
ไม่รู้จะเปรียบว่าอย่างไร
คิดว่า เกิน 10 เท่า แน่ๆ






ทักษะหลายๆ อย่างสำหรับการเรียนป.โท
ไม่จำเป็น




แต่พอมาเรียนป.เอก
ทักษะนี้ก็จำเป็น ทักษะนั้นก็จำเป็น
เอ๊ะ...ทำไมมันจำเป็นเยอะไปหมดวะ






ภาษาอังกฤษนี่โคตรจำเป็น....
และจำเป็นขนาดต้องใช้มัน 80-90 เปอร์เซ็นต์ของชีวิตการเรียนเลย
และใช้ระดับสูง เราเรียกว่า Academic Module





คำพื้นๆ เค้าไม่ใช้กัน
เค้าใช้คำห่า...อะไรก็ไม่รู้.....
ต้องพูดแบบนี้เลย
เพราะว่าพอไปเปิดดิคแล้ว
แม่งก็แปล...แบบคำพื้นๆ น่านแหล่ะ...แต่สรรจะใช้คำนี้ทำไมวะ








เราต้องอ่านหนังสือที่เรียกว่า Article
หรือบทความ ที่ตีพิมพ์ในวารสาร หรือ Journal ที่มีชื่อเสียงในต่างประเทศของสาขานั้นๆ ที่เราเรียน






แล้วต้องใช้ภาษากลางที่ทุกๆ คนในโลกที่สนใจศึกษามาอ่านเข้าใจทุกคน
ซึ่งต้องตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษ






แล้วเวลาต้องอ่านครั้งนึง
มันไม่ใช่แค่ Atricle เดียว มันหลาย Article
ซึ่งอาจารย์จะส่งมาให้ล่วงหน้าก่อนเรียนประมาณอาทิตย์นึง








พวกเราถึงขนาดต้องนับจำนวนหน้าว่ามีทั้งหมดกี่หน้า
แล้วเอาจำนวนวันที่มีหาร
นั่นคือ...จำนวนหน้าที่เราต้องอ่านในแต่ละวัน





ตอนอยู่ปี 1
อาจารย์ส่งบทความก่อนเรียนมาให้อ่านแบบไม่ยั้ง
ไม่สนใจว่าคุณจะอ่านทันไม๊....
อาจารย์เค้ารู้แต่ว่า....เค้าจะสอนหัวข้อเรื่องนี้
สรุปว่า.....อาเจ้ฯ ต้องอ่านวันละ 150 หน้า
ทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ (เทพ)
ที่ต้องเปิดดิค...เกือบทุกคำ







วันแรกๆ ที่เริ่มอ่าน...ไม่เป็นไร
แต่วันหลังๆ มันเริ่มล้า
ตอนนั้นตี 2 แล้ว...
รู้สึกว่าตาลาย...เห็นเป็นตัว A B C เต็มหน้าไปหมด
ออกยืนที่ระเบียงห้อง
แล้วมองไกลๆ ไปบนยอดดอยสุเทพ
เพื่อพักสายตา







ความรู้สึกตอนนั้นคือ จะอ๊วก
ก็วิ่งไปอ๊วกที่ห้องน้ำ
ล้างหน้า...ล้างปากเสร็จ
ก็กลับมานั่งโต๊ะอ่านหนังสือใหม่







นับ Article ที่ยังอ่านไม่หมดของวันนี้
หูยยยย.........แม่งเหลือตั้ง 30 หน้า






อีตัวดำบนไหล่ขวา.....
มันบอกว่านอนเหอะ...เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว




อีตัวขาวบนไหล่ซ้าย....
ก็บอกว่า...ไม่ได้นะ...ถ้าคืนนี้เธอนอน..
พรุ่งนี้เธอจะต้องอ่านเพิ่มขึ้นเป็น 180 หน้า เธอจะไหวเหรอ







มันคือ ปีศาจกิโลเมตรที่ 35 ชัดๆ
ตัวดำ...ตัวขาว มันเถียงกันไปมา




ผลสุดท้ายตัวขาวก็ชนะ
คืนนั้นอาเจ้ฯ นอนตี 4







และก็เป็นอย่างนี้มาตลอดเวลาที่ยังอยู่ในช่วง Course Work
นอนน้อยมาก





จนวันนึงร่างกายมันประท้วง
ขับรถกลับมาจากเรียนถึงที่พัก
ลงนอนบนเตียงแล้วห้องหมุนไปหมด
ลืมตาไม่ได้ มันหมุนเลย วิ๊ง วิ๊ง










เกิดไรขึ้นกับอาเจ้ฯ เนี่ย
รีบโทรหาแม่






แม่บอกว่า...ไปหาหมอเดี๋ยวนี้เลย
แล้วโทรมาบอกแม่ด้วยนะ









หนูลุกไม่ด้ายอ่ะ
มันมึนไปหมด






แม่บอกว่า....งั้นคืนนี้ลูกนอนไปเลย
พรุ่งนี้ไปหาหมอแต่เช้านะ






อาเจ้ฯ ไปหาหมอ
น้องหมอก็ซักนู่นนี่...นั่น
ถามไปถามมา
น้องหมอเริ่มเอะใจ....






หันมามองหน้าอาเจ้ฯ แล้วถามว่า
พี่ทำอะไรอยู่คะตอนนี้
อาเจ้ฯ ตอบว่า...พี่เรียนป.เอกอยู่ค่ะ





หมอก็คงแน่ใจอะไรบางอย่าง
ตรวจมั่นใจมากขึ้น
เช็คนู่น เช็คนี่
คงมั่นใจแล้ว ก็หันมาบอกอาเจ้ฯ ว่า
พี่อ่ะ...พักผ่อนน้อย....แล้วก็เป็นความดัน
เดี๋ยวหมอให้ยาไปนะคะ....ไม่ต้องกลัว







ตั้งแต่วันนั้นมาก็เริ่มกลัวตาย
ใช้เวลาอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ไม่นอนเล่น...ไม่ดูทีวี
ไม่ช็อปปิ้ง .... ไม่เสริมสวย
เพื่อเอาเวลามาเรียนให้เต็มที่





เวลาแค่ 10 นาที..มีค่ามากๆ ช่วงนั้น
ได้กินข้าวแค่ 5 คำ ก็เคยมาแล้ว
ต้องรีบอ่านหนังสือ แล้วขึ้นไปเรียน






แต่ทุกอย่างมันผ่านไปพร้อมกับ Course Work
ตอนนี้อาเจ้ฯ เข้าสู่การเก็บข้อมูลวิจัยแล้ว
ก็ค่อยยังชั่ว




แต่การรบยังไม่จบ
อย่าพึ่งนับศพทหาร
หนทางข้างหน้ายังอีกยาวไกลนัก
มันยังไม่ถึงปลายทาง





อาเจ้ฯ จึงตั้งใจเขียนบล็อคนี้
เพื่อแชร์ประสบการณ์ในการเรียนป.เอก
แล้วเป็นประสบการณ์จริงๆ ที่ไม่ได้ Fake
ว่ามันไม่ได้สวยงามแต่เพียงอย่างเดียว
มันมีด้านที่ยากลำบากอีกเยอะ





แต่คนบางคน...เค้าจะเล่าให้มันดูสวยงาม
ดูหรูหรา..อลังการ...ฟังเหมือนง่ายๆ เหมือนไปเดินช็อปปิ้ง





มันไม่จริงหรอกค่ะ
ถ้าคุณพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองแล้ว
พร้อมที่จะเรียนแล้ว
เข้ามาเรียนป.เอกเถอะค่ะ ประเทศชาติเราต้องการคนแบบคุณอีกเยอะในการพัฒนาประเทศ





แต่ถ้าจะเข้ามาเรียนเพราะคิดว่ามันคือแฟชั่น
แค่คิดมันก็ผิดแล้ว





คิดผิด...คิดใหม่นะคะ








Create Date : 13 ตุลาคม 2555
Last Update : 13 ตุลาคม 2555 11:50:28 น. 2 comments
Counter : 9970 Pageviews.

 
thx u


โดย: Kavanich96 วันที่: 16 ตุลาคม 2555 เวลา:19:17:04 น.  

 
อาเจ้ นู๋เครียดดด.................. เฮ้อ


โดย: วัน (WonOccNU ) วันที่: 25 ตุลาคม 2555 เวลา:8:59:50 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

อาเจ้ของน้องๆ
Location :
ชลบุรี Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 37 คน [?]




ไป..ไป..มา..มา..ระหว่างกรุงเทพฯ-ชลบุรี
New Comments
Friends' blogs
[Add อาเจ้ของน้องๆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.