|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
หมดใจ
เมื่อสองปีก่อนนั้น อาเจ้ฯ เคยหมดใจเรื่องเรียนไปครั้งนึง หมดใจจนถึงขั้น..ลาพักการศึกษา
ทั้งหมดใจ.. และหมดแรง สุขภาพย่ำแย่...ต้องไปทำกายภาพอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นอาการขั้นต้นของหมอนรองกระดูกเคลื่อน หมอที่โรงพยาบาลภูมิพลบอกว่า เป็นอาการที่เรียกว่ากระดูกทับเส้นประสาท
เพราะนั่งนาน การนั่งนานเกิดจากการอ่านหนังสือติดต่อกันเป็นเวลานาน นอกจากจะเป็นกระดูกทับเส้นประสาทแล้ว ยังจะมีสายตาสั้นตามมาอีก เกลียดการใส่แว่น...มันน่ารำคาญ
อาเจ้ฯ หายไปจากการเรียน.. หายไปจากมหาวิทยาลัย และหายไปจากทุกๆ คนเกือบ 6 เดือน หายไปจนกระทั่งคิดว่า...จะไม่กลับมาเรียนต่อแล้ว
จนมีคนๆ นึง ที่อาเจ้ฯ คิดว่าเค้ารักและเป็นห่วงเราอย่างแท้จริง...ติดต่อมา ขอร้องให้อาเจ้ฯ กลับมาเรียนเถอะ.. เค้าบอกว่าเรียนมาตั้งเยอะแล้ว เสียตังค์ค่าเทอมมาก็เยอะแล้ว กลับมาเรียนต่อเถอะนะ
บอกตรงๆ ว่าวันนั้นหมดใจ ถึงขนาดที่บอกน้องมันไปว่า เงินค่าเทอมแค่นั้น...คนอย่างพี่..ถ้าไม่ตายพี่หาใหม่ได้ (ถึงแม้ว่าจะบอกว่าเงินแค่นั้น...แต่จำนวนนั้นก็ซื้อรถได้คันนึงเลย..ก็แอบใจแว๊บอยู่เหมือนกัน)
น้องมันชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด...ซะจนอาเจ้ฯ ใจอ่อน กลับมาเรียนอีกครั้ง และก็ค่อยๆ มีความคืบหน้าเรื่องเรียนขึ้นเรื่อยๆ สุขภาพก็ค่อยดีขึ้นด้วยจากการทำกายภาพบำบัดอย่างต่อเนื่อง เลยมีกำลังใจเรียนมาเรื่อยๆ
งานที่ทำอยู่เป็นเรื่องยาก อาเจ้ฯ ก็ใช้ความขยันหมั่นเพียรที่ตัวเองมี พยายามทำให้มันสำเร็จลงให้ได้ก่อนเดือนธันวา
ปัญหาที่ติดขัด อยากจะถามใครซักคนก็ไม่ได้รับการแก้ไข จนอาเจ้ฯ มาเขียนบ่น..ระบายไว้ในบล็อคๆ นึง ว่าคิดไม่ออก...ต้องหาคนปรึกษาว่าทำอย่างไร แต่ไม่มีคนว่างให้คำปรึกษาเรา
ลงทุนเดินทางมาเชียงใหม่ขอนัดพบ นัดกันไว้เป็นดิบดี พอถึงเวลา...ก็ไม่มีคนมาตามนัดซะอย่างงั้น คำตอบสั้นๆ ว่า............ไม่ว่าง
มันง่ายที่บอกว่า...ไม่ว่าง แต่ตอนนัด....นัดกันเป็นมั่นเหมาะ... ว่างแน่นอน นั่งรอถึงสองชั่วโมง... รอจนมั่นใจว่าไม่มีคนที่เรานัดมาตามนัดแน่นอน ถึงได้กลับ.....ด้วยความผิดหวัง
เสียความรู้สึก...และเสียเงินจำนวนมาก เพื่อเดินทางมาเชียงใหม่ในครั้งนั้น มาเพื่อพบกับความล้มเหลว ว่าคนบางกลุ่มไม่ทำหน้าที่ของเค้า ในขณะที่เราทำหน้าที่ของเราเต็มความสามารถตลอดเวลา
ก็มีความหวัง...ว่าน่าจะจบในเดือนนี้ ทุกครั้ง...ที่เอียนจนเหมือนจะอ๊วก หรือเบื่อจนแทบจะนั่งโต๊ะทำงานต่อไปอีกไม่ไหว อาเจ้ฯ ก็จะบอกตัวเองว่า อดทนหน่อยมึง....เดี๋ยวกุมภาฯ นี้มึงก็ไม่ต้องมานั่งจมปลักกับมันอีกต่อไป
แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว คนบางคน...บอกว่า งานที่ทำออกมายังไม่สมบูรณ์... ยังไม่ถึงในระดับที่ใจพวกเค้าต้องการ คำว่าดีแล้ว.....ยังมีคำว่าดีมากอีก
อาเจ้ฯ ก็ได้แต่แปลกใจ เพราะงานที่ทำไปไม่ใช่ฟ้าผ่า...มาส่งให้ดูตอนนี้ อาเจ้ฯ ส่งงานให้ดูมาตลอดเวลา ไม่เคยมีคอมเม้นท์ใดๆ กลับมา
พอถึงวันนี้..... วันที่ที่อาเจ้ฯ จะได้จบกับมันซักที กลายเป็นว่า... ให้รื้อ ให้แก้ไข ให้ทำใหม่
ทั้งๆ ที่บทความที่ส่งไป Conference ที่ต่างประเทศ ได้รับการตอบรับ ไม่เคยแก้แม้แต่ซักตัวเดียว มันหมายความว่าอะไร มันหมายความว่า.... คนของเราเองต่างหากที่มีปัญหา ไม่ใช่งานของอาเจ้ฯ มีปัญหา
มันประเดประดังเข้ามาพร้อมกับการยกเลิกไป Conference ที่ต่างประเทศ เคยเล่าให้ฟังไว้ว่า อาเจ้ฯ ได้รับการตอบรับไป Conference ที่ปรากใช่ไม๊คะ ผลสุดท้ายก็ไม่ได้ไป เพราะการประกาศให้ทุนสนับสนุนไปนำเสนอผลงานวิชาการในต่างประเทศ ยังไม่ได้ร่าง
ทุนสนับสนุนงานวิจัยตัวนี้ เป็นเงินค่าเทอมของเราเองที่เราจ่ายไป เค้ากันเงินตัวนี้มาเป็นเงินทุนสำหรับสนับสนุนงานวิจัยให้ไปนำเสนอผลงานในต่างประเทศ ถ้าหากมีค่าใช้จ่ายเกินกว่านี้... เราต้องออกเอง...
อาเจ้ฯ ใช้เงินตัวเองเรียน เพราะฉะนั้นอาเจ้ฯ ก็มองว่ามันเป็นสิ่งที่เราควรได้ แต่การที่เราจะได้... เราก็ต้องทำผลงานตัวเองให้ถึงระดับนานาชาติให้เค้าตอบรับเราให้ได้ ซึ่งฉันก็ทำแล้วนะ.....
หลังจากนั้นก็มีงานสัมมนาวิชาการที่มหาวิทยาลัยจัดเอง แล้วบอกว่าให้นักศึกษาส่งผลงานเข้าร่วมนำเสนอ มีทั้งเวทีภาษาไทย-ภาษาอังกฤษ อาเจ้ฯ เลือกเวทีภาษาอังกฤษเลย เพื่อเวลาที่เราจะเอาผลงานตัวนี้มาขอจบจะได้ไม่มีปัญหา
รู้ก่อนหมดเขตส่งผลงานแค่ 4 วันเอง น้องคนเดิมโทรมาบอก อาเจ้ฯ ก็นั่งคิด Theme ว่าจะเขียนงานออกมาแบบไหนดี เพราะตอนนั้นรอผลตอบรับตีพิมพ์จากวารสารนึง เค้ายังไม่แจ้งมาว่ายังไง ต้องเขียนออกมาให้ไม่เหมือนกัน
ก็นั่งคิดอยู่พ๊ากกกกใหญ่ ได้ไอเดียแล๊ะ...ก็รีบมานั่งวิเคราะห์สถิติ แล้วก็เขียนออกมาเป็นบทความภาษาอังกฤษ เสร็จปุ๊บ...ก็รีบส่งไปร่วม Conference กะเค้า
ผ่านไปเกือบเดือน.... ผู้จัดงานก็โทรหาอาเจ้ฯ บอกว่า เลย Deadline ที่ต้องจ่ายตังค์แล้ว..ไม่เห็นอาเจ้ฯ จ่ายเงินเข้ามาเลย เค้าเลยโทรถามว่าเราลืมหรือเปล่า อาเจ้ฯ ก็แปลกใจ..เพราะว่างานนี้แจ้งว่าถ้าเป็นนักศึกษาเข้าร่วมฟรี
เจ้าหน้าที่คนเดิมบอกว่า...ขอเช็คเรื่องแป็บนะ.. เดี๋ยวโทรกลับ......... หายไปครึ่งชั่วโมง...ก็โทรกลับมาใหม่ บอกกับอาเจ้ฯ ว่า... เราให้เฉพาะนักศึกษาปริญญาเอกปี 1-3 เท่านั้นที่เข้าร่วมได้ฟรี นอกจากนั้นต้องเสียเงินเอง
ฟังแล้วปรี๊ดแตกทันที... แม่งมีนักศึกษาปริญญาเอกคนไหนเรียนจบได้ใน 3 ปีบ้าง ระเบียบที่ออกมาอย่างงี่เง่า... งี่เง่าเกินกว่าจะรับได้...
ถ้าอาเจ้ฯ จะเข้าร่วมงานนี้... ต้องออกเงินเอง เงินไม่ใช่ประเด็นนะ แต่ประเด็นคือ...โมโหระเบียบไร้สาระ ไม่ได้เอื้ออำนวยให้เกิดผลงานทางวิชาการที่มีคุณภาพได้เลย แล้วก็ไม่มีการแก้ไอ้ระเบียบบ้านี่....
หน่วยงานบ้านี่... ยังมีระเบียบที่อาเจ้ฯ เจ็บใจอีกนับไม่ถ้วน เค้าอยากมีคนจบปริญญาเอกมากๆ ปากก็พูดไป...แต่ไม่เคยสนับสนุน เคยคิดจะมาเล่าในบล็อคหลายรอบแล้ว แต่มันกระเทือนกันหลายคน... เลยหยุดไว้...ไม่เล่าดีกว่า
อาเจ้ฯ เลยขอถอนบทความออกมา ไม่ร่งไม่ร่วมแม่งแล้ว.... ไปบอกคนบางคนที่เกี่ยวข้อง มีแค่คำเดียวที่พูดออกมา คือ..."อ๋อเหรอ"
โอเค...งานนั้นยกเลิกไป ไม่เป็นไร เอาใหม่ละกัน
อาเจ้ฯ ก็เขียนงานใหม่ขึ้นมา เพื่อไป Conference ที่ฮ่องกง ปรากฏว่าทุนตัวนี้ก็มีปัญหาอีก ยังไม่เสร็จออกมาเป็นคำสั่งอีก
ตอนนี้ปัญหาก็คือ..... ไอ้ Conference ที่ฮ่องกงมันกดดัน ให้อาเจ้ฯ จ่ายค่า Conference ไปก่อน พออาเจ้ฯ จ่ายไปแล้ว... ถึงได้รับการคอนเฟิร์มว่า...ไม่ได้ไปนะ เสียความรู้สึกมาก.........
อีคณะกรรมการของ Conference นี่ก็เขี้ยวลากดิน อาเจ้ฯ ขอให้ทำเรื่องยกเลิกและก็คืนเงินให้ มันก็โยกโย้...ไม่ทำให้ซักที มันเหมือนอ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว มันคืนยากแล้วล่ะ
เล่าตรงๆ อย่างไม่อายเลยว่า นอนร้องไห้ทุกวัน ไม่ใช่เราคนแรกที่เจอสถานการณ์เลวร้ายแบบนี้ มีอีกหลายคนเคยเจอเลวร้ายกว่านี้ด้วยซ้ำ เค้ายังผ่านมาได้..... อาเจ้ฯ ก็คิดเหมือนกันว่า เราก็ต้องผ่านมันได้เหมือนกันสิ....
แต่ตอนนี้ขอไม่เข้าใจได้ไม๊ ขอร้องไห้... ให้หนำใจก่อน
Create Date : 20 มกราคม 2557 |
Last Update : 21 มกราคม 2557 10:23:46 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1537 Pageviews. |
|
|
|
โดย: hi hacky วันที่: 22 มกราคม 2557 เวลา:9:03:38 น. |
|
|
|
โดย: WonOccNU วันที่: 22 มกราคม 2557 เวลา:9:51:19 น. |
|
|
|
| |
|
|