Bloggang.com : Apple101 :

32 หนังแผ่น+บิทที่ได้ดูและอยากพูดถึงในรอบ(เกิน)ครึ่งปีที่ผ่านมา...

1. 13 Assassins (2010) – 7.5/10*

ครึ่งแรก – ช้า น่าเบื่อ, ครึ่งหลัง – มัน(เลือดสาด)สมชื่อ Takashi Miike พะยะค่ะ

*คือคะแนนที่ผมให้หนังแต่ละเรื่องนะครับ

2. A Fistful of Dynamite aka Duck, You Sucker (1971) – 7.5/10

อาจไม่ขึ้นแท่นเป็นหนังคาวบอยสปาเก็ตตี้ระดับมาสเตอร์พีซของผกก. Sergio Leone แบบ The Good, the Bad, and the Ugly และ Once Upon a Time in the West

แต่นี่ก็ยังเป็นหนังคาวบอยที่มีดีน่าดูเรื่องหนึ่งด้วยดนตรีประกอบชั้นยอดของ Ennio Morricone และเคมีแมนๆที่เข้ากันได้อย่างแรงของ James Coburn กับ Rod Steiger

3. The Age of Innocence (1992) – 7.0/10

หนัง Period drama ที่มีงานโปรดักชั่นที่หรูหราสมราคาแต่มีการดำเนินที่ช้าจนชวนงีบในหลายๆช่วงผิดวิสัย Martin Scorsese (แต่ก็เข้าใจว่าทำไมถึงต้องช้า)

4. Animal Kingdom (2010) – 8.0/10

นิ่งลึกกดดันไปกับ Goodfellas ฉบับออสเตรเลีย

5. Blowup aka Blow-Up (1967) – 8.0/10

มุมมองต่อความจริงและงานศิลปะผ่านเหตุการณ์ฆาตกรรมของผกก. Michelangelo Antonioni

6. Bronson (2010) – 7.5/10

เนื้อเรื่องที่ตีแผ่ความกระหายความรุนแรงอันไร้เหตุผลของมนุษย์กับโทนตลกร้ายปนความรุนแรงถึงพริกถึงขิง,การกำกับอันหวือหวาแปลกตาของ Nicolas Winding Refn, และการแสดงชั้นยอดชนิดที่แค่มองตาก็รู้เลยว่าบ้าของ Tom Hardy ในหนังที่ได้รับฉายาว่าเป็น A Clockwork Orange แห่งศตวรรษที่ 21

7. Carlos (2011) – 8.0/10

มินิซีรี่ส์/หนังชีวประวัติสุด Epic ของบุรุษผู้ไฮแจ็คโลกทั้งใบ

8. The Class (2008) – 7.5/10

นำเสนอภาพการนำงานทั้งเบื้องหน้า(ในห้องครู)และเบื้องหลัง(ในห้องเรียน)ของคนเป็นอาจารย์ผู้สอนในโรงเรียนมัธยมได้อย่างดีด้วยการกำกับแนวสารคดีและการแสดงที่เป็นธรรมชาติของเหล่านักแสดง(ที่ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นนักแสดงมืออาชีพ)

แต่ก็กดต่อมหมั่นไส้ที่ถ้าทำได้ก็อยากเอาปืน .44 แม็กนั่มยิงแสกหน้าเหล่าตัวละครในหนังที่ล้วนมีดีกรีความหน้าหมั่นไส้อยู่ในระดับ S สักสองสามนัดเสียให้มันรู้แล้วรู้รอดไว้ไม่ได้จริงๆ

9. Closer (2004) – 7.0/10

ดู Julia Roberts, Jude Law, Natalie Portman, และ Clive Owen คุยเรื่องชีวิต,ความรัก,และเซ็กซ์ = คุ้ม

10. Cross of Iron (1977) – 8.0/10

หนังสงครามโลกครั้งที่สองที่นำความโหดเหี้ยมของสงครามได้อย่างตรงไปตรงมาของผกก. Sam Peckinpah

11. Day for Night (1973) – 8.0/10

จดหมายรักถึงการทำหนังของ Francois Truffaut ที่คนทำหนัง(หรือคนที่ฝันอยากเป็นคนทำหนัง)ควรหามาดูสักครั้งหนึ่ง

12. The Deer Hunter (1978) – 8.5/10

ชีวิตก่อน/หลังบาดแผลแห่งสงครามของสามสหายในหนังสงครามมาสเตอร์พีซของผกก. Michael Cimino ที่จุดกระแสหนังสงครามเวียดตอนปลายยุค 70’s – 80’s

13. The Devil’s Reject (2005) – 7.5/10

หนึ่งในหนังสยองขวัญที่ดูสนุกและมีความเป็น Original มากที่สุดในรอบทศวรรษที่ผ่านมาจากฝีมือการกำกับของ Rob Zombie

14. Elephant (2003) – 7.5/10

หนังทดลอง (Experimental film) ดีกรีรางวัลปาล์มทองคำ (Palme d’Or) ของผกก. Gus Van Sant ที่เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรในก่อไผ่แต่ก็จับเอาเหตุการณ์สังหารหมู่ที่โรงเรียน Columbine (Columbine High School massacre) มาเล่าใหม่ในรูปแบบของหนังได้อย่างสมจริง

15. Fahrenheit 9/11 (2004) – 8.0/10

รัฐสมัยของ George W. Bush มาแล้วก็ไป แต่ความกวนตีนของ Michael Moore ยังคงอยู่เสมอ

16. Fear and Loathing in Las Vegas (1998) – 7.5/10

หากคุณคิดว่า The Hangover คือทริปเที่ยวเวกัสที่เมามึนที่สุดแล้วล่ะก็...คุณก็ยังไม่ได้เมาในเวกัสจริงๆหรอก

17. Field of Dreams (1989) – 8.0/10

การผสมผสานที่ลงตัวของความเป็นหนังแฟนตาซีที่มีเนื้อหาสอนใจคนแบบ It’s a Wonderful Life, Groundhog Day + หนังกีฬาที่เชิดชูความรักในการกีฬาแบบ Hoosiers, Remember the Titans + หนังดราม่าที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ของพ่อกับลูกชายแบบ Big Fish, The Pursuit of Happyness

18. Ghost Dog: The Way of the Samurai (1999) – 8.0/10

หนังซามูไรโมเดิร์นฮิปฮอปสุดแนว Jim Jarmush

19. Gomorrah (2008) – 7.0/10

สมจริง ตรงไปตรงมา แต่ขาดตัวละครและ/หรือเนื้อเรื่องที่น่าสนใจจนขาดแรงจูงใจและน่าเบื่อ

20. Hearts of Darkness: A Filmmaker’s Apocalypse (1991) – 8.0/10

หากคุณสงสัยว่าทำไมนับตั้งแต่ Apocalypse Now เป็นต้นมาถึงไม่มีหนังเรื่องไหนของผกก. Francis Ford Coppola ที่สามารถขึ้นแท่นเป็นมาสเตอร์พีซได้อีกเลยล่ะก็...โปรดลองหาสารคดีเบื้องหลังการถ่ายทำ Apocalypse Now เรื่องนี้มาดู

แล้วจะรู้ว่านี่มันหายนะ (Apocalypse) ของคนทำหนัง (Filmmaker’s) ชัดๆ

21. Heavenly Creatures (1994) – 7.5/10

CGI แปลกตาและเนื้อเรื่องแนวหวานอมขมกลืนในหนังเล็กๆที่ทำให้ผู้กำกับชาวกีวี่ตัวน้อยๆอย่าง Peter Jackson ได้รับการจับตามองเป็นครั้งแรก

22. I Saw the Devil (2010) – 8.0/10

จะสู้กับปีศาจก็ต้องกลายปีศาจเสียเองเท่านั้นในอีกหนึ่งหนังระทึกขวัญ/ล้างแค้นชั้นยอดจากแดนโสม

23. The Majestic (2001) – 6.5/10

ผกก. Frank Darabont คารวะหนัง Feel good คลาสสิกของผกก. Frank Capra ได้ดี และ Jim Carrey ก็มอบการแสดงที่จริงจังได้ดีเหลือเชื่อ...เสียดายที่ตัวหนังน่าจะสั้นกระฉับมากกว่านี้และยังมีหลายๆจุดที่ไม่ค่อยลงตัวนัก

24. Mean Streets (1973) – 8.0/10

หนังตีแผ่วิถีชีวิตแก๊งสเตอร์แห่งลิตเติ้ลอิตาลีที่แจ้งเกิดให้ผกก. Martin Scorsese, Harvey Keitel, และ Robert De Niro ในบท Johnny Boy

25. Missing (1982) – 8.0/10

หนัง Political thriller ดีกรีรางวัลปาล์มทองคำ (Palme d’Or) ของเจ้าพ่อหนังแนวนี้อย่างผกก. Costa-Gavras ที่อาจเป็นหนังฮอลลีวู้ดเรื่องแรกๆที่กล้าตีแผ่ความไม่ชอบมาพากลในนโยบายต่างประเทศของสหรัฐอเมริกา

26. Prizzi’s Honor (1985) – 6.5/10

ไม่รู้ว่าตัวเองโง่เองหรือว่าตลกของหนังเรื่องนี้มันเส้นลึกเกินไปจริงๆ แต่ที่รู้ก็คือยังไงๆก็ทำใจให้รัก(หรือแม้แต่ชอบ)หนังตลก(?)เสียดสีวิถีแก๊งสเตอร์เรื่องนี้ของผู้กำกับระดับตำนานสุดโปรดของผมอย่าง John Huston ไม่ได้จริงๆ

27. Pusher (1996) & Pusher II (2004) – 7.5/10

สองในสามหนังในไตรภาคหนังแจ้งเกิดของผกก. Nicolas Winding Refn ที่ตีแผ่วิถีชีวิตแก๊งสเตอร์แห่งเมืองโคเปนเฮเกนที่ชวนให้นึกถึงอารมณ์ดิบสมจริงในการตีแผ่วิถีชีวิตแก๊งสเตอร์แห่งลิตเติ้ลอิตาลีของ Mean Streets

28. The Secret in Their Eyes (2009) – 8.0/10

หนังสืบสวนสอบสวนดีกรีรางวัลออสการ์สาขาภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมสุดละเมียดละไมที่แอบแฝงความอึ้งระทึกเอาไว้ในทีจากแดนอาร์เจนตินา

29. Stake Land (2010) – 7.5/10

หนังแวมไพร์/โลกหลังหายนะสุด Underrated ที่แม้จะมีทุนสร้างอยู่ในระดับเกรดบีแต่มีเนื้อเรื่องอยู่ในระดับเกรดเอ

30. Straw Dogs (1971) – 8.0/10

“สัตว์ประเสริฐ”อย่างมนุษย์เราจะเป็นเช่นไรหากละทิ้งซึ่งความ“ประเสริฐ”แล้วเหลือเอาไว้แต่ความเป็น“สัตว์”

31. Tetro (2009) – 7.5/10

หนังทดลอง (Experimental film) ตามใจฉันของผกก. Francis Ford Coppola ที่มีความงามตามสไตล์ของหนังแนวนี้และมีความคล้ายคลึงกับไตรภาค The Godfather ในแง่ของการเล่นกับประเด็นครอบครัว

32. Thirst (2009) – 8.0/10

แวมไพร์ = บททดสอบความเป็นมนุษย์ในแบบฉบับของผกก. Park Chan-wook