Group Blog
 
<<
กันยายน 2554
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
252627282930 
 
28 กันยายน 2554
 
All Blogs
 

Drive (2011) ...งานหนังแอ็คชั่นโชว์พาวที่รุนแรงแต่ก็โรแมนติกของ Ryan Gosling



นับว่า Ryan Gosling ตาแหลมมากที่เลือกผู้กำกับชาวเดนมาร์กที่กำลังตัวร้อนฉ่าในวงการหนังต่างประเทศในขณะนี้อย่าง Nicolas Winding Refn มาคุมบังเหียนโปรเจ็กต์หนังแอ็คชั่นที่ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามหนังโชว์พาวประจำปี 2011 ของ Gosling (อีกสองเรื่องคือ Crazy, Stupid, Love. และ The Ides of March)

เพราะแค่ชื่อชั้นของตัวผกก. Refn เองก็เหมือนเป็นตัวรับประกันอยู่ในตัวเองอย่างดีแล้วว่าถึงนี่จะเป็นโปรเจ็กต์หนังใต้ร่มเงาฮอลลีวู้ดเรื่องแรก แต่ก็จะไม่มีทางถูกแทรกแทรงการกำกับศิลป์โดยฮอลลีวู้ดจนผลลัพธ์ออกมากลายเป็นแค่หนังแอ็คชั่นสเตอริโอไทป์อย่างแน่นอน



สไตล์การกำกับของผกก. Refn ยังคงเป็นการเน้นการเล่าเรื่องราวด้วยภาพและเสียงเป็นหลัก

การใช้ Tracking shot ที่เหมือนกับเป็นดวงตาของพระเจ้า(คนดู)ที่จับจ้องสิ่งต่างๆที่เกิดขึ้นในหนังและดนตรีประกอบแนวอิเล็กโทรที่ค่อยๆบิวต์อารมณ์ในแต่ละฉากของหนังได้อย่างยอดเยี่ยม ไม่ว่าจะอารมณ์โรแมนติกเหงาๆประหนึ่ง In the Mood of Love ของหว่องกาไวในครึ่งแรกของหนังที่คู่พระ-นางของเรื่องได้มาพานพบกันในฐานะเพื่อนร่วมอพาร์ทเมนท์ หรืออารมณ์ตึงเครียด กดดันตอนที่ตัวหนังเปลี่ยนแนวเรื่องจากความโรแมนติกสู่ความเป็น Action - Thriller อย่างเต็มตัวในครึ่งหลังของหนัง

แต่ถึงกระนั้นก็ใช่ว่าครึ่งหลังของหนังจะมีความเร็วไปกว่าความช้าของครึ่งแรกมากมาย เพราะดูเหมือนว่าในหนังเรื่องนี้ ผกก. Refn เลือกที่จะปรับเกียร์ใช้การดำเนินเรื่องที่ช้าเพื่อให้ภาพและเสียงของหนังค่อยๆซึมซับเข้าไปในความรู้สึกของคนดู แบบเดียวกับผลงานหนังชิ้นก่อนของเขาที่ขึ้นชื่อเรื่องความช้าแต่ตราตรึงลงไปในความรู้สึกของคนดูอย่าง Valhalla Rising มากกว่าผลงานหนังที่มีการดำเนินเรื่องที่โฉบเฉี่ยว รวดเร็วอย่างไตรภาค Pusher หรือ Bronson

บวกกับการที่ตัวหนังแทบไม่เน้นบทสนทนาชนิดที่ในหลายๆฉากแทบจะนับจำนวนประโยคที่ตัวละครพูดออกมาได้และฉากแอ็คชั่นที่ถึงจะโหดได้ที่แต่ก็ไม่ได้มีเยอะแยะอะไรมากมายก็ยิ่งส่งผลให้โทนอารมณ์โดยรวมของหนังนิ่งเงียบพอๆกับตัวละครพระเอกของ Ryan Gosling เอง

ซึ่งในที่สุดแล้วมันก็ต้องขึ้นอยู่กับรสนิยมของผู้ชมเองว่าจะจูนเข้ากับการดำเนินเรื่องแนวๆนี้ได้หรือไม่

แต่ถ้าว่ากันด้วยศาสตร์ศิลป์ของการกำกับภาพยนตร์ล้วนๆเลยแล้ว ก็บอกได้อย่างเดียวเลยว่าผกก. Refn ดึงศักยภาพของภาพยนตร์ ทั้งในส่วนของภาพและเสียงมาใช้ในการเล่าเรื่องราวได้อย่างยอดเยี่ยม จึงไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมหนังที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหนังแอ็คชั่นอย่างหนังเรื่องนี้ถึงซิ่งคว้ารางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมจากเทศกาลภาพยนตร์ที่มักจะขึ้นชื่อเรื่องความนิยมกะไดสูงๆอย่างเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์มาครองได้



และก็แน่นอนว่าถ้าหากไร้ซึ่งนักแสดงที่ดี ต่อให้มีการกำกับที่ยอดเยี่ยมแค่ไหนก็ยากที่จะพาหนังไปตลอดรอดฝั่งโดยไม่ตกม้าตายเอาตอนหลังได้

Ryan Gosling ยังคงมอบการแสดงที่ยอดเยี่ยมเหมือนทุกๆครั้ง การแสดงของเขาในหนังเรื่องนี้จะเป็นการแสดงที่เน้นสีหน้าและภาษากายเป็นหลักด้วยความที่ตัวละครโชเฟอร์นิรนามของ Gosling ในหนังเรื่องนี้มีองค์ประกอบของความเป็นตัวละครพระเอกหนังแอ็คชั่นแนวพูดน้อยต่อยหนักที่มักจะรับบทโดยนักแสดงอย่าง Steven McQueen, Charles Bronson ในช่วงยุค 60's - 70's

ผสมกับการแสดงสาย Method acting ของ Gosling ที่ทำให้โชเฟอร์นิรนามมีความเป็นตัวละครชายหนุ่มที่แม้ภายนอกจะแข็งแกร่งแต่ภายในลึกๆก็มีปมปัญหา(แม้ตัวหนังจะไม่บอกคนดูถึงปูมหลังใดๆของตัวโชเฟอร์นิรนามเลยก็ตาม)และมองตัวเองเป็นคนนอกอยู่ตลอดเวลาแบบเดียวกับที่เป็นภาพจำของนักแสดงสาย Method acting รุ่นบุกเบิกอย่าง Marlon Brando, Paul Newman ทำให้ตัวละครโชเฟอร์นิรนามของ Gosling มีทั้งความเท่และมิติตื้นลึกบางหนาที่น่าสนใจไปพร้อมๆกัน,



Carey Mulligan แสดงดีในบทคุณแม่วัยยังสาวและมีเคมีที่เข้ากันได้กับ Gosling ทำให้ครึ่งแรกของหนังที่เป็นการเน้นหนักไปยังการเข้าพระเข้านางของทั้งสองที่แทบจะไม่มีบทสนทนาแลดูน่าเชื่อถือพอว่าเพียงการสบตา,คุยกันเพียงไม่กี่คำ,และใช้เวลาด้วยกันเพียงไม่กี่ครั้งจะสามารถทำให้สองคนนี้ปันใจให้กันและกันได้,

Albert Brooks (ผู้ที่น่าจะเป็นคนที่มีบทสนทนาเยอะที่สุดในหนัง)ฉาบความโหดเหี้ยมในฐานะตัวร้ายหลักของหนังด้วยมาดคุณลุงจอมฮาแบบที่คนดูส่วนใหญ่คุ้นเคยกันจากผลงานการแสดงชิ้นก่อนๆของเขา ทำให้ตัวละครตัวร้ายของเขามีความน่าหวาดหวั่นขึ้นเป็นสองเท่า

ส่วนตัวสมทบคนอื่นๆอย่าง Bryan Cranston, Ron Perlman, Oscar Isaac, และ Christina Hendricks ต่างก็ทำหน้าที่เล็กๆน้อยๆในส่วนของตัวเองได้ดีไปตามระเบียบ



สรุป...หนักไปทาง"อาร์ต"มากกว่า"แอ็คชั่น"

ตัวหนังมีการแสดงที่ดีและมีการกำกับที่ยอดเยี่ยม แต่ด้วยการดำเนินเรื่องที่ช้าและฉากแอ็คชั่นอันน้อยนิดก็ย่อมต้องทำให้ Drive ไม่ใช่หนังแอ็คชั่นสำหรับทุกคน(แม้แต่กับคนที่เป็นแฟนานุแฟนของหนังแอ็คชั่นและ/หรือ Ryan Gosling)

แนะนำได้อย่างเดียวว่า...พึงเช็ครสนิยมของตัวเองก่อนรับชมเพื่อความไม่เสียใจทีหลัง




8.0/10




 

Create Date : 28 กันยายน 2554
7 comments
Last Update : 18 ตุลาคม 2554 15:57:23 น.
Counter : 3370 Pageviews.

 

ชอบหลายครับ ไม่ผิดหวังเลยจริงๆ

 

โดย: Nanatakara 28 กันยายน 2554 12:16:15 น.  

 

รอดูอยู่นะเนี่ย

ไม่พลาดแน่นอน

 

โดย: navagan 28 กันยายน 2554 22:09:22 น.  

 

เป็นอีกเรื่องที่รอดูค่ะ :)

 

โดย: CyberAngel 5 ตุลาคม 2554 10:53:01 น.  

 

นักแสดงมีคุณภาพอยู่แล้ว แต่หนังและบท ก็คงจะเป็นแนวที่ผู้กำกับถนัด
สำหรับผม มันคือหนังห่วยประจำปีเรื่องนึง

 

โดย: Movie addict IP: 58.9.153.147 28 ตุลาคม 2554 11:48:13 น.  

 

เพิ่งจัดมาเมื่อวานค่า ชอบมากๆ ถ่ายทอดฟีลลิ่งผ่านภาพและเสียง ไดอะล็อกไม่เยอะมาก ใช้ภาษาภายแสดงออกผ่านคำพล่ามๆ เพลงประกอบก็สุดยอด เข้ากันดีสุดๆ

 

โดย: เทเลทับขี้ บ่ได้โลจิ้นค่า IP: 124.168.230.36 29 ตุลาคม 2554 5:20:29 น.  

 

ดูแล้ว ชอบมากๆ มีทุกอารมณ์จริงๆ เหงาๆ โรแมนติก ดิบๆ และเซร้า ดีมากเลยค่ะ

 

โดย: มิชู๊บี๋ (MiShubi ) 2 พฤศจิกายน 2554 16:39:52 น.  

 

ชอบครับเรื่องนี้
https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=amp-atom&month=17-12-2011&group=2&gblog=292

 

โดย: คนขับช้า 13 มกราคม 2555 22:11:44 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


Apple101
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add Apple101's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.