Group Blog
 
 
ธันวาคม 2552
 
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
22 ธันวาคม 2552
 
All Blogs
 
ตอนที่ 3 : วันของพ่อ

5 ธ.ค. 2552 :: วันพ่อ
อยากโทรหาพ่อจังเลยครับ ผมรู้ว่าพ่ออาจจะมีความหวัง ได้ยินเสียงโทรศัพท์จาดเมืองไทยโทรไปหาแน่ๆ พ่อคงเข้าใจนะครับว่าตอนนี้เกมคิดถึงพ่ออยู่นะ สิ่งที่เกมทำ มีคนเคยบอกไว้ว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ผมไม่เคยเชื่อคำนี้ ไม่อยากเชื่อเลย เพราะผมได้ฟังเรื่องร้ายๆจากพ่อมากกว่าเริ่องที่ดีมาโดยตลอด มันฝังอยู่ในใจของลูกผู้ชายคนนี้ ทั้งตีแม่ ทั้งทิ้งลูก ทั้งเจ้าชู้ พ่อหนีไปอยู่ญี่ปุ่น ไม่มีทีท่าว่าจะได้เห็นหน้าพ่อเลย
เมื่อปี 2537
เมื่อได้ข่าวมาว่าพ่อกลับมาวันนี้ ทุกๆคนตื่นเต้นมาก ผมก็อยากรู้ว่าหน้าตาพ่อเป็นยังไง พวกเราสี่คน แม่ กวาง เก้ง เกมส์ นั่งรถแท็กซี่จากสำโรง สมุทรปราการ 450 กว่าบาท จนมาถึงพุทธมนทลสายสาม พอมาถึงพวกเราก็กดกริ่ง ผมเห็นผู้ชายผิวขาว ตัวโต เดินออกมาปลดกุญแจให้ นี่ นี่พ่อเราหรอ? ผมมีพ่ออย่างคนอื่นด้วยเนาะ
สมัยที่เด็กลงไปกว่านั้น พวกเราจะตะลอนเดินทางกันไปไหนมาไหนสี่คนประจำ กินไก่เชสเตอร์ชั้นใต้ดินห้างอิมพีเรียล ไปสวนสิริกิติ์ ไปแดนเนรมิต มักจะเห็นครอบครัวที่ครบสมบูรณ์เดินจูงมือกันเป็นแถว ใครๆก็พาผู้ชายตัวโตมาหมดเลย พี่สาว พี่ชาย ก็ต้องย้อนถามแม่ประจำว่า พวกเรามีพ่อไหม และเมื่อไหร่พวกเราจะมีพ่อ
ถ้าย้อนกลับไปวันนั้นได้ ผมจะไม่ถามคำนี้แม่เลย แม่คงเสียใจมากที่เราอยากมีพ่อ เพราะแม่เองก็อยากมีพ่อเหมือนกัน..

มาในครั้งนี้ พ่อซื้อนาฬิกาดราก้อนบอลล์ให้ ผม ตอนนั้นดีใจอย่างมากเลย ต้องใส่เอาไปอวดเพื่อนๆทุกวัน เพราะว่ามันสวยและเป็นคาซิโอ้ของแท้ ^^
ต่อมา พ่อเปิดร้านอาหาร ตั้งชื่อเดียวกับชื่อจริงของพี่สาว ร้านนพมาศ มีคนบอกว่าตั้งชื่อนี้ขายไม่ค่อยดี ผมก็ไม่เชื่อหรอก แต่มันขายไม่ดีจริงๆ พ่อทำอาหารอร่อยมากไปหน่อย พออร่อยคนก็เยอะ พอเยอะก็ทำช้า พอทำช้าก็ไม่มีใครรอ หมดอารมณ์ สุดท้าย ร้านก็แย่ลงๆ
พ่อในตอนนั้นโหดร้ายกับผมมาก ผมไม่เคยเข้าใจผู้ชายคนนี้ บางครั้งใช้งานเราจนห้าทุ่ม จนต้องแอบมาดูรายการ เฉียด ที่ต๋อยไตรภพเป็นพิธีกร ตอนสี่ทุ่มทุกวัน หลบอยู่ตรงบันไดทางขึ้น พอจับได้ก็ไล่ไปนอน ทำผิดนิดหน่อยก็ตะคอกว่า ผมนั่งทำการบ้านอยู่ พ่อเดินมาฉีกสมุดทิ้งแล้วบอกให้คัดใหม่ มันไม่สวย พ่อต้องรูดก้านมะยมหน้าบ้านมานั่งดักเราข้างหลัง เมื่อใดที่เขียนหนังสือมือซ้ายจะถูกตี พูดจาต้องให้ไพเราะ มีครั้งหนึ่งหลุดคำว่าสันดานไป พ่อบังคับให้ตบปากแรงๆ เชื่อไหมครับว่า ผมเก็บกดมาก มากจนต้องไปด่ารูปกรอบตั้งงานศพ เป็นรูปของปู่ไม่แท้ ชี้หน้าด่า เรียกได้ว่าระบายอารมณ์กับรูปถ่ายเลย
ครั้งสุดท้ายที่ผมหมดความอดทนและจำไปจนตายก็คือ ผมทะเลาะกับพ่อที่บ้านยาย ผมหนีขึ้นมาหวังว่าจะให้ยายช่วยกันให้ แต่ยายก็ไม่ช่วย พ่อหยิบแส้ฟาดควายมาตีสองที ผมเจ็บปวดรวดร้าวเหลือเกิน ใจมันเจ็บมากกว่าแผล เจ็บเพราะเห็นบ้านอื่นมีความสุขมากกว่า อบอุ่นมากกว่า ผมไม่อยากมีพ่ออีกแล้ว ช่วยไปจากผมเสียทีได้ไหม?
แม่เคยนอนร้องให้กับผมตั้งชั่วโมงกว่า ระบายในสิ่งที่พ่อเคยทำกับแม่ไว้ ผมต้องเป็นฝ่ายฟังและปลอบใจเพียงแค่คนเดียว เก็บ และฝังไปในจิตสำนึกตลอดเวลา

หลังจากพ่อล้มเลิกกิจการ ได้เป็นตำรวจเทศกิจ พ่อหย่าขาดกับแม่แล้ว ในใจของเด็กคนหนึ่งมันต้องรู้สึกเจ็บปวด เหมือนมีมลทินในใจตลอดเวลา เหมือนบ้านเราแตกแล้ว เหมือนทุกคนไม่รักกันแล้ว จนพ่อได้มีโอกาสไปทำงานที่เยอรมนีเมื่อปี 2542 ผมรู้สึกมีความสุขมาก ได้แต่อวยพรให้พ่อทำงานต่อไปนานๆ สมหวังดังว่าจริงๆ พ่อไม่ได้กลับมาเลย 8 ปี จนสองปีที่แล้วได้กลับมารับปริญญาลูกสาวและลูกชาย
พ่อมาในครั้งนี้ซูบผอมจัง ที่นั่นก็น่าจะเป็นเมืองที่สมบูรณ์ดีนี่ จริงๆแล้วพ่อทำงานหนักนี่เอง หนักจนถึงขนาดเป็นไข้ลงสมอง ไวรัสลงสมอง ใครจะรู้เนาะว่าที่นั่นลำบาก เพื่อนแม่ก็หมั่นไส้แม่มาก ผัวอยู่เมืองนอก ไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่มีตังและเป็นหนี้ ลุงขายกับข้าวก็หาว่าเราทำตัวจนเพื่อเรียกร้องความสนใจ
พ่อกลับมาอีกครั้งเมื่อต้นปี 2552 เมื่อคุณย่าเสียชีวิต พ่อดูนิ่งและโรยราลงกว่าเดิม ผมกล้าหยอกล้อ พูดคุยเสมือนเพื่อนได้ ผมกล้าถามปัญหาชีวิตได้ ผมทำผิดในครั้งนี้พ่อไม่ได้สนใจเหมือนเมื่อก่อน จนเหมือนพ่อจะไม่สนใจพวกเราแล้ว รวมถึงแม่ด้วย
พ่อสารภาพมาหมดแล้วว่า มีลูกมีเมียอยู่ที่นั่น คงไม่อยากให้พวกเราคิดมากและเสียใจ มันห้ามไม่ได้หรอกครับ แต่พวกเราโตกันหมดแล้วนะ และพ่อก็สงบเยือกเย็นลงมาก ผมมองเห็นความรู้สึกผิดที่พ่ออยากจะบอกแต่ก็พูดไม่ได้ เพราะผู้ชายปากแข็ง...
ผมตระหนักแล้วว่า สิ่งที่พ่อสั่งสอนทั้งหมด แม้เราจะไม่เคยถูกใจ แต่มันเอามาใช้ในวันนี้ได้หมดแล้ว ผมเขียนตัวหนังสือสวยเพราะพ่อ ผมพูดจาดีขึ้นเพราะพ่อ ผมรักแม่มากๆเพราะพ่อ ผมต้องทำให้เขามีกำลังใจกลับไปในครั้งนี้ให้ได้
วันสุดท้ายแล้ว พ่อกำลังจะกลับไป ผมกะจังหวะที่พ่อแต่งตัวเสร็จสิ้นแล้วให้พ่อนั่งลงบนเตียง
ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี ผมหยิบพวงมาลัยจากถุงที่ซื้อมาเมื่อวาน มันอาจจะเฉาไปบ้าง ผมคุกเข่าต่อหน้าพ่อ ทันทีที่ผมเงยหน้าขึ้นมา แววตาอันแดงก่ำของพ่อ ผู้ชายที่ผมเคยเกลียดที่สุดในชีวิต คนที่ไม่คิดจะยุ่งด้วย คนที่ทิ้งแม่และเมืองไทยไป พ่อเหมือนผู้ชายอ่อนไหวไปในทันที ผมตกใจ พยายามหายใจเข้าลึกๆ และรวบรวมคำที่มาจากใจ..
ขอขมาทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยได้ล่วงเกินไป และสัญญาว่าจะดูแลแม่ให้ พ่อเสียงสั่นเครือจังเลย ผมเกือบจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่เหมือนกัน ....พ่อจะต้องมีกำลังใจนะ ผมคิดว่าพวงมาลัยพวงน้อยๆนั้น พ่อหยิบขึ้นมาดม และลูบหัวเราเบาๆ ผมกราบลงที่เท้า.. ผมได้ทำในสิ่งที่อยากทำอีกครั้งในชีวิตแล้วครับ คือการกราบเท้าพ่อ ผมได้ทำแล้ว..
แม้เรื่องเก่าๆอันขมขื่นผมไม่เคยลืมเลย แต่เรื่องดีๆของพ่อในวันนี้ ผมกลับจำได้มากกว่า มากจนทำให้เรื่องแย่ๆ ถูกละลาย จางหายไปกับสายลมแล้ว ทุกวันนี้ ผมจึงไม่อยากปฏิเสธคำที่เขาพูดกันว่า ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้น ในเรื่องหนึ่ง คือ ผมจะเป็นนักร้องที่ดีเหมือนกับพ่อ ให้ได้นะครับ



Create Date : 22 ธันวาคม 2552
Last Update : 22 ธันวาคม 2552 18:56:30 น. 0 comments
Counter : 368 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

Antonymer
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add Antonymer's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.