ความฉลาดด้านการรู้จักและเข้าใจตนเอง คือ ความสามารถในการสำรวจตนเอง มีการคิดไตร่ตรองความรู้สึกและพฤติกรรมของตนเอง เด็กที่มีความฉลาดด้านนี้จะมีทักษะที่จะเข้าใจความรู้สึกของตนเอง รู้แรงจูงใจ เขามักจะรู้จุดเด่น จุดด้อยของตน อะไรที่ท้าทายตนเองได้ ชอบความสงบ ข้อดี คือ สามารถทำงานได้ด้วยตนเอง มีเป้าหมายในชีวิต
การส่งเสริมให้เด็กมีความฉลาดด้านการเข้าใจตนเอง
การบอกความรู้สึกตนเอง จริงๆ การพัฒนาทักษะเรื่องการเข้าใจตนเองเป็นเรื่องยากเพราะต้องอาศัยระดับสติปัญญาของเด็กโตที่สามารถคิดเชิงตรรกะหรือนามธรรมพอได้ ส่วนเด็กเล็ก ก็มีผู้กล่าวว่าอาจจะพอเริ่มต้นในเด็กที่ยังไม่มีภาษา โดยการที่ผู้ปกครองเอง พูดสะท้อนถึงสิ่งที่ลูกรับรู้ทางประสาทสัมผัสต่างๆ (จริงๆ ก็ตรงกับหลักพุทธศาสนาที่ให้เรามีสติรู้กาย รู้ใจ รู้สิ่งที่รับเข้ามาทาง อายตนะ 12 ได้แก่ อายตนะภายในมี 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ อายตนะภายนอกมี 6 คือ รูป เสียง กลิ่น) เช่น เด็กเล็กกำลังงอแง ขัดใจ เราอาจจะบอกได้ว่า ลูกกำลังโกรธ หงุดหงิด หรือ ลูกหนาว ลูกหิว ลูกมีความสุข ลูกเจ็บ ฯลฯ เรื่องนี้อาจฟังดูเหมือนเราพูดคนเดียวแต่จริงๆ เด็กเองก็ได้ซึมซับและเข้าใจมากขึ้นว่าจะแสดงอารมณ์ออกมายังไง
การชมเด็ก ผู้ปกครองยุคใหม่เริ่มเข้าใจพลังแห่งการชื่นชมลูกมากกว่าสมัยก่อนที่กลัวลูกจะเหลิง แต่แน่นอนที่หมอสนับสนุนการชมในที่นี้ ไม่ใช่ชมไม่ลืมหูลืมตา หรือ ชมจนเกินจริง แต่เป็นการชมสิ่งที่เขาเลือกหรือสิ่งที่เขาทำ เราไม่ได้เน้นที่รูปลักษณ์ภายนอกของเด็ก แต่เน้นที่ พฤติกรรม ในเด็กเล็กๆ เราก็เริ่มได้นะคะ เวลาที่เด็กอยากสำรวจสิ่งต่างๆ หรือคิดว่าจะเลือกอะไรดี ผู้ปกครองมีส่วนสำคัญในการแสดงออกของลูก เวลาลูกทำอะไรได้ดี เราก็ควรชมในทำนองว่า ลูกทำได้ดีมาก แทนที่จะเป็น ลูกเป็นเด็กดี หรือในทางตรงข้าม ถ้าลูกทำสิ่งที่ไม่ดี เราควรจะสอนเขาว่า ทำแบบนี้ดีกว่า แทนที่จะเป็น ลูกนี้ดื้อจริงๆ ซึ่งเป็นการว่าที่ตัวเด็ก ไม่ได้เน้นที่การกระทำ
ความฉลาดในการเป็นผู้นำหรือการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น คือ การที่มีทักษะในการปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น เด็กที่มีความฉลาดด้านนี้มักจะเข้าใจความรู้สึกหรือแรงจูงใจของคนอื่น มีการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ สามารถเข้ากลุ่มหรือเข้าสังคมได้ดี เด็กกลุ่มนี้มักเรียนรู้ได้ดีหากเป็นการเรียนแบบกลุ่ม
การส่งเสริมให้เด็กมีความฉลาดในการเป็นผู้นำหรือการเข้าใจความรู้สึกของผู้อื่น
ส่งเสริมการเล่นเป็นกลุ่ม
ไม่ต้องบังคับให้เด็กแบ่งปันของเล่นตนเอง ในขณะที่เด็กยังไม่พร้อม ทางที่ดีควรจะเป็นว่า ให้เด็กมีโอกาสที่จะเอื้อเฟื้อผู้อื่น เช่น การแบ่งกันเล่นดีอย่างไร การทำอะไรเป็นกลุ่มหรือทีม ดีอย่างไร ให้เขาได้เห็นเองดีกว่า ต้องแบ่งเพราะถูกบังคับ
ส่งเสริมการทำงานเป็นกลุ่ม คือ การมีเป้าหมายร่วมกัน มีความสามัคคี เช่น อาจจะเป็นการผลัดกันเล่นตัวต่อคนละชิ้น หรือถ้าเป็นเด็กเล็กอาจให้เด็กเห็นเราเป็นตัวอย่างในการร่วมกันทำงาน การช่วยเหลือผู้อื่น