วัดแววฉลาด หนุนทักษะเด็ก
วัดแววฉลาด หนุนทักษะเด็ก
คอลัมน์ สดเยาวชนคุณหนู
เด็กทุกคนมีพรสวรรค์ในตัวเอง แต่เราจะ รู้ได้อย่างไรว่าบุตรหลานของเรามีทักษะความฉลาดด้านใด
เบรนฟิตเนส โรงเรียนพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพสมอง จัดกิจกรรมในโอกาสเปิดสาขาครบ 12 สาขา เพื่อวัดแววความฉลาดของเด็กทั่วประเทศ พร้อมแนะนำทักษะอาชีพในอนาคต โดยเปิดรับสมัครตลอดเดือนกันยายน-ตุลาคมนี้ ที่สถาบันเบรนฟิตเนสทุกสาขา เริ่มกิจกรรมวัดแววความฉลาดและแนะนำทักษะอาชีพระหว่างเดือนพฤศจิกายน-ธันวาคมปีนี้
ครูแอ๊นท์ ดร.ชญานิธิ แบรดี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเด็ก กล่าวว่าการเล่นคือการทำงานของเด็ก การที่เราต้องการรู้ว่าลูกหลานของเรามีความฉลาดด้านใดสังเกตได้จากสิ่งที่เขาชอบเล่นและหมกหมุ่นกับการเล่นอย่างมีความสุข เช่น เด็กๆ ที่ชอบอยู่กับน้อง ชอบสอนน้อง อาจเหมาะกับอาชีพครู หรือเด็กบางคนไม่ค่อยพูดแต่ชอบดูคนอื่นเล่น ชอบฟัง เด็กกลุ่มนี้จะมีทักษะในการอ่าน ชอบเก็บข้อมูล อาจจะเหมาะกับการเป็นนักคิด นักเขียน พ่อแม่สามารถส่งเสริมให้เขารักการอ่าน ส่งเสริมการใช้จินตนาการและความคิดสร้าง สรรค์
เบรนฟิตเนส เป็นสถาบันพัฒนาทักษะและเสริมสร้างศักยภาพสมองของสำหรับเด็กอายุ 3-7 ขวบ ในระบบ A.N.T. (Advanced Neurological Teaching) คือการกระตุ้นปลายประสาทการรับรู้ของสมองในระดับก้าวหน้า ผ่านกิจกรรมการเล่นที่สนุกสนาน หลากหลาย เป็นการออกกำลังความคิด ส่งเสริมให้เด็กสมองไว ฉลาดรอบด้าน ผ่านการเล่นพัฒนาเด็ก รวมกว่า 4,000 กิจกรรม
สำหรับขั้นตอนการเข้าร่วมโครงการ คุณพ่อคุณแม่ที่สนใจกรอกใบสมัครได้โดยตรงที่สาขาของสถาบันเบรนฟิตเนสทั่วประเทศ หลังจากนั้นผู้เชี่ยวชาญการวัดแววความฉลาดจากสำนักงานใหญ่จะลงพื้นที่จัดกิจ กรรมให้กับนักเรียนเบรนฟิตเนส ทุกสาขา
กิจกรรมจะจัดขึ้นภายใน 1 วัน พร้อมการประเมินทักษะความฉลาดของบุตรหลานและแนะนำแนวทางการส่งเสริมพัฒนาเด็กแต่ละคนให้ทราบ
แมตทิว แบรดี้ ผู้บริหารแฟรนไชส์ เบรนฟิตเนส กล่าวว่า บางครั้งพ่อแม่เป็นวิศวกรก็อยากให้ลูกเป็นวิศวกรด้วย แต่ลูกอาจไม่มีทักษะด้านนั้น จะทำให้เด็กเครียด การทดสอบนี้จะมีวิธีทดสอบเพื่อดูว่าเด็กแต่ละคนฉลาดในด้านใด เราจำเป็นต้องรู้เพื่อหาแนวทางฝึกฝน ส่งเสริมความสามารถของเขาให้ดียิ่งขึ้น ต่อเนื่อง และเห็นผลชัดเจน เด็กก็จะมีความสุขด้วย
น้องมิกซ์ ด.ช.มณฑล สุรวิทย์ธรรมะ ดาราเจ้าบทบาทจากละครเรื่องฟ้ากระจ่างดาว เป็นผู้หนึ่งที่ได้รู้ความถนัดของตัวเอง ซึ่งคุณแม่มั่นใจว่าแนวทางที่ส่งเสริมนั้นมาถูกทางแล้ว
น้องมิกซ์เล่าถึงการที่ได้มาเรียนในระบบ A.N.T. ว่า "ตอนแรกที่มาเรียนเพราะอยากมาเล่นกับเพื่อน เพื่อนบอกว่ามาเรียนด้วยกันจะได้เจอกัน ครูเอานิทานมาอ่านให้ฟังก็ชอบและสนุกกับนิทาน ตอนนั้น 4 ขวบ ได้เล่นเกมต่างๆ ที่เกี่ยวกับนิทาน ช่วยกระตุ้นสมองให้คิด กล้าแสดงออก กล้าพูด กล้าคุยกับคนอื่น ฝึกความจำและนำมาใช้ในวงการบันเทิง
คุณวนิดา คุณแม่ของน้องมิกซ์ เล่าว่าเมื่อรู้ว่าลูกถนัดอะไร ชอบอะไร ก็พาไปทำในสิ่งที่เขาชอบ เขาก็จะทำสิ่งนั้นได้ดี และมีความสุข น้องมิกซ์โดดเด่นเรื่องภาษาและความจำดี เวลาอ่านอะไรเขาจะจำได้หมด มีทักษะการฟังที่ดี เป็นนักแสดงได้ แม่เห็นพัฒนาการของเขาก็พาเข้าวงการบันเทิง เพราะน้องกล้าแสดงออกมากขึ้น ทำตามที่ผู้กำกับบอกได้ จำบทได้ และมั่นใจในตัวเองมาก
ครูแอ๊นท์ให้ความรู้ในการดูแววความฉลาดของเด็กว่า ต้องสังเกตว่าเวลาที่เขาอิสระชอบเล่นอะไร เช่น ชอบเล่นตุ๊กตา เป็นบทบาทสมมติ ชอบเล่นหม้อข้าวหม้อแกง หรือชอบประดิดประดอย คือหมกมุ่น ทำแล้วทำอีก ถึงโตแล้วก็ยังเล่นอย่างนั้นอีก เด็กบางคนชอบเล่นตัวต่อ เล่นจนโตก็ยังชอบเล่น เด็กกลุ่มนี้มีทักษะทางด้านโครงสร้าง ควรส่งเสริมให้เรียนเลขเพิ่ม ส่งเสริมการศึกษาด้านวิศวกรเพื่อให้การเรียนรู้สมบูรณ์มากขึ้น
เด็กบางคนพูดเก่ง พูดเยอะ เด็กกลุ่มนี้จะกล้าแสดงออก มีไอคิวดี เพราะเขาจะชอบเรียกร้องความสนใจ แต่ก่อนที่เขาจะเรียกร้องอะไรเขาจะรู้ว่าแต่ละคนชอบอะไร เพื่อทำให้มาสนใจตัวเอง เด็กที่มีบุคลิกลักษณะนี้เหมาะกับอาชีพนักประชาสัมพันธ์ นักการตลาด เป็นต้น ถ้าเรารู้ว่าลูกหลานของเราฉลาดด้านไหนเราก็พัฒนาให้มีความโดดเด่นออกมา
เด็กยุคนี้ซึ่งส่วนมากจะใช้เวลาเล่นเกม คอมพิวเตอร์ มือถือ หรือแท็บเล็ตกันมาก ครูแอ๊นท์บอกว่าการที่เด็กเล่นเกมเหล่านั้น จะเห็นทักษะของเด็กเพียงด้านเดียว ซึ่งไม่ เพียงพอที่จะนำมาวิเคราะห์ความถนัดได้ ผู้ปกครองต้องจัดกิจกรรมให้เด็ก ดึงเด็กออกมาให้มีประสบการณ์ใหม่ๆ ให้เขาทดลองทำกิจกรรมที่หลากหลาย จะทำให้ค้นหาความถนัดที่เขามีและสิ่งที่เขาชอบได้
| Create Date : 18 สิงหาคม 2556 |
| Last Update : 18 สิงหาคม 2556 4:40:14 น. |
|
0 comments
|
| Counter : 1472 Pageviews. |
 |
|
|
|
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [