แวมไพร์ หรือผีดูดเลือดที่มีรูปลักษณ์สวยงามไม่มีวันเปลี่ยนแปลงตามกาลเวลา ได้กลายเป็นเทรนด์กระชับใบหน้าที่มาแรง ขนาดสาวๆ ในวงการฮอลลีวูดยังเลือกจะตามกระแส

แพทย์หญิงนันทภัทร์ สุภาพรรณชาติ ได้กล่าวว่า Vampire Face Lift เป็นเทคนิคการลดเลือนริ้วรอยล่าสุด จากการค้นคว้าและพัฒนา โดยใช้กรรมวิธีทาง Biotechnology ขั้นสูง แยกเอาเซลล์ต้นกำเนิด ที่มีอยู่ในเลือด ให้ออกมาในรูปของเกล็ดเลือด และนำมาผสมกับ สารไฮยา (HA) ที่เป็นสารธรรมชาติของร่างกาย แล้วฉีดเข้าไปเพื่อลดเลือนริ้วรอย และเติมเต็ม ผิวที่เป็นร่องลึก ทำให้เกิดการฟื้นฟูคอลลาเจนจากภายใน เกิดการสร้างคอลลาเจนใหม่จำนวนมากด้วยตัวเอง ทำให้ริ้วรอย และร่องลึก ค่อยๆ เติมเต็มจากภายใน ด้วยกลไกการสร้างเซลล์ตามธรรมชาติของร่างกาย

ในอดีตเมื่อมีปัญหาริ้วรอย และร่องลึก สิ่งที่ใช้ในการแก้ไขปัญหานี้ก็คือการฉีด ฟิลเลอร์ หรือสารเติมเต็ม ซึ่งสารเติมเต็มที่ว่านี้ก็คือสารไฮยา (HA)ที่เป็นสารธรรมชาติของร่างกาย  อยู่ในบริเวณผิวหนังชั้น dermis (ผิวชั้นล่าง) เป็นสารอมน้ำ ที่ทำหน้าที่คอยยึดจับโปรตีนคอลลาเจนเข้าไว้ด้วยกัน ถ้าหากมี HA สมบูรณ์ มันจะช่วยให้ผิวหนังสามารถเก็บกักความชุ่มชื่นได้มากกว่า ทำให้ผิวหนังดูแน่น เนียน และชุ่มชื้น เมื่ออายุมากขึ้น ผิวจะสูญเสียไฮยาไป ทำให้ผิวพรรณดูไม่สดใส มีริ้วรอย และร่องลึกปรากฏขึ้น จึงมีการคิดค้นการฉีดสารไฮยา หรือที่เรียกอีกอย่างว่าสารเติมเต็ม เพื่อเข้าไปทดแทน สารไฮยาในธรรมชาติของผิว แต่สำหรับกรรมวิธี แบบ Vampire Face Lift นั้น มีความก้าวหน้ามากไปกว่านั้น เนื่องจากมีการนำเอากรรมวิธีทาง Biotechnology ขั้นสูง เข้ามาร่วมด้วย ทำให้เกิดการสร้างเซลล์ ในแบบ Growth Factor เกิดการสร้างมวลของผิวหนัง ทั้งคอลลาเจน อีลาสติน และ ไฮยา ไปพร้อมๆ กันด้วยตัวเอง อย่างรวดเร็วตามขบวนการทางธรรมชาติจึงได้ผลที่ดูเป็นธรรมชาติ และผลการรักษาอยู่ได้ยาวนานขึ้น

Vampire Face Lift  ใช้เวลาในการทำประมาณ 20 นาทีเท่านั้น เรียกว่าชิลๆ ทำเสร็จยังไปเที่ยวต่อได้ และไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงกับผิว หลังจากทำ Vampire Face Lift 2-3 สัปดาห์ ร่างกายจะผลิตและเสริมคอลลาเจนขึ้นใหม่ ทำให้ริ้วรอยกลับตื้นขึ้นและดูเป็นธรรมชาติค่ะ ผลการรักษาอยู่ได้ยาวนานถึง 15 เดือน

ถึงตรงนี้คงพอทราบแล้วว่าทำไมนวัตกรรมความงามนี้ถึงใช้ชื่อว่า Vampire Face Lift เพราะจุดเริ่มต้นของสารเติมเต็มที่มาจากเลือดของเรานั่นเอง ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องเป็นความสยองขวัญอะไร เป็นเรื่องของเทคโนโลยีล้วนๆ ก็ว่าได้