ภาพยนต์ เรื่อง open water ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงของ ทอม และ ไอลีน
การดำน้ำชมความสวยงามของปะการังเป็นกีฬาที่ได้รับความนิยมมากที่สุดชนิด หนึ่ง แต่มันอาจกลับกลายเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิตเมื่อบริษัทนำเที่ยวพาลูกทัวร์ไป ปล่อยทิ้งตามลำพังกลางทะเลลึกห่างจากชายฝั่งกว่าร้อยกิโลเมตร
เกรตแบร์ริเออร์รีฟ (The Great Barrier Reef) ประเทศ ออสเตรเลีย เป็นแหล่งที่มีปะการังสมบูรณ์ที่สุดและใหญ่ที่สุดในโลก จึงไม่แปลกที่นักดำน้ำทุกคนใฝ่ฝันที่จะได้ลงทะเลไปชมความ งามอย่างน้อยครั้ง หนึ่งในชีวิต
ทอม (Tom) และไอลีน โลเนอร์แกน (Eileen Lonergan) พบรักกันในมหาวิทยาลัยลุยเซียนา ประเทศอเมริกา ซึ่งขณะนั้นไอลี นใช้เวลาว่างไปเรียนดำน้ำ เธอจึงชักชวนให้ทอมไปเรียนด้วย หลัง จากจบจากมหาวิทยาลัยทอมและไอลีนสมัครเป็นสมาชิกองค์การ สันติภาพ และลงชื่อขอเป็นครูสอนหนังสือให้กับเด็กยากไร้ใน ประเทศทาวาลู (Tavalu) กลางมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนที่จะขอย้าย ไปประจำที่เกาะฟิจิในอีก 2 ปีถัดมา
ทั้งคู่วางแผนเดินทางรอบโลกก่อนกลับคืนถิ่นกำเนิด แต่ก่อนอื่นพวกเขาต้องไม่พลาดโอกาสชมแหล่งปะการังที่งดงามที่สุดในโลก ซึ่งอยู่ใกล้ ๆ กับเกาะฟิจินี่เอง
เดือนมกราคม 1988 ทอมและไอลีนเดินทางมายังเมืองควีนส์แลนด์ ประเทศออสเตรเลีย วันที่ 25 มกราคม สองสามีภรรยาซื้อทัวร์ดำน้ำของบริษัทเอาเตอร์เอดจ์ (Outer Edge) ในราคา 160 ดอลลาร์ออสเตรเลีย ซึ่งการเดินทางครั้งนี้มีเพื่อนร่วมทริปทั้งสิ้น 21 คน และพนักงานบริษัทเอาเตอร์เอดจ์ 5 คน
ตารางการนำเที่ยวเริ่มต้นด้วยการพาไปชมหมู่ปะการังริบบิ้น (Ribbon Reefs) จากนั้นเรือจะพาหลบเลี่ยงหินโสโครกออกห่างจากชายฝั่งไปราว 60 กิโลเมตรเพื่อชมแบร์ริเออร์รีฟ และจุดสุดท้ายเรือจะพาไปดำน้ำกลางทะเลลึกในเวลา 15.00 น.
การเดินทางเป็นไปตามกำหนดการจนกระทั่งถึงเวลา 15.00 น. หัวหน้าทัวร์ก็นำนักท่องเที่ยวลงดำน้ำในจุดสุดท้าย ทอมและไอลีนเพลิดเพลินไปกับการชมฝูงปลาและหมู่ปะการังจนกระทั่งหลุดออก จากกลุ่ม แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเพราะทั้งคู่เป็นนักดำน้ำที่มีประสบการณ์
เมื่อเห็นว่าสมควรแก่เวลากลับเรือ ทอมและไอลีนก็ลอยตัวขึ้นสู่ผิวน้ำ เหลียวซ้ายแลขวามองไปทางไหนก็เห็นแต่ผืนน้ำและขอบฟ้า ไม่มีวี่แววของเรือเอาเตอร์เอดจ์แต่อย่างใด พวกเขาถูกทอดทิ้งตามลำพังในถิ่นฉลามร้ายห่างจากชายฝั่งเกือบร้อยกิโลเมตร
เผชิญหน้าฉลาม เดือน กันยายน 2005 กอร์ดอน แพรตเลย์ (Gordon Pratley) วัย 31 ปี และลูอิส วูดเจอร์ (Louise Woodger) วัย 29 ปี สองสามีภรรยาชาวอังกฤษ ซื้อบริการนำเที่ยวดำน้ำชมปะการังแถบเกรตแบร์ริเออร์รีฟจากบริษัทซีเอสต้า (Sea Esta)
กอร์ดอน แพรตเลย์ (Gordon Pratley)และลูอิส วูดเจอร์ (Louise Woodger
คลื่นใต้น้ำที่รุนแรงพัดพาเอาร่างของกอร์ดอนและลูอิสออกห่างจากจุดที่ลงน้ำ โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว เมื่อทั้งคู่โผล่ขึ้นผิวน้ำก็เห็นเรือลอยลำอยู่ไกลลิบ หากแต่กระแสน้ำเชี่ยวมากทำให้พวกเขาไม่สามารถว่ายน้ำกลับไปยังเรือได้
ลูอิสก้มลงมองในน้ำ เธอตกใจสุดชีวิตเมื่อเห็นปลาฉลามตัวใหญ่ว่ายวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เธอสวดภาวนาขออย่าให้ฉลามทำร้าย ไม่นานนักฉลามก็ว่ายน้ำจากไป กอร์ดอนและลูอิสถอดแท่งตะกั่วถ่วงน้ำหนักทิ้งเพื่อให้สามารถลอยคอได้อย่าง สะดวก จากนั้นก็นำเข็มขัดใส่แท่งตะกั่วมามัดให้ตัวติดกันเพื่อให้ร่าง กายอบอุ่น
เวลาผ่านไป 45 นาที ลูกเรือซีเอสต้าเพิ่งรู้ว่ามีนักท่องเที่ยวหายไป 2 คน พวกเขาจึงวิทยุแจ้งไปยังหน่วยกู้ภัยให้นำเฮลิคอปเตอร์ออกค้นหา กระแสน้ำพัดพากอร์ดอนและลูอิสออกห่างจากที่พวกเขาลงจากเรือไกลถึง 10 กิโลเมตร หน่วยกู้ภัยต้องใช้เวลานานถึง 6 ชั่วโมงในการค้นหา แต่ก็ยังนับว่าโชคดีที่ทั้ง 2 คนปลอดภัย มีแต่เพียงอาการอ่อนเพลียและอาการร่างกายสูญเสียความอบอุ่นเล็กน้อยเท่านั้น
นักปราชญ์ยังรู้พลั้ง
เดือนพฤษภาคม 2008 ริชาร์ด นีลีย์(Richard Neely) ครูสอนดำน้ำชาวอังกฤษวัย 38 ปีพร้อมกับแฟนสาว อัลลีสัน ดัลตัน (Allyson Dalton) ชาวอเมริกันวัย 40 ปี ชวนกันไปเที่ยวดำน้ำชมปะการังแถบแบร์ริเออร์รีฟกับบริษัทแปซิฟิกสตาร์ (Pacific Star) พร้อมกับนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ อีก 4 คน
กฎการดำน้ำลึกระบุให้นักดำน้ำทุกคนต้องมีพาร์ตเนอร์อย่างน้อย 1 คนเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของริชาร์ดที่เป็นครูสอนดำน้ำซึ่งมีประสบการณ์การดำ น้ำลึกไม่ต่ำกว่า 2,000 ครั้ง บริษัทนำเที่ยวจึงปล่อยให้ริชาร์ดและอัลลิสันดำน้ำชมปะการังตามลำพังได้
ริชาร์ด นีลีย์ (Richard Neely)และอัลลีสัน ดัลตัน (Allyson Dalton)
ความเพลิดเพลินกับสิ่งสวยงามใต้ทะเลบริเวณเบย์รีฟ (Bay Reef) ใกล้กับเกาะเฮย์แมน (Hayman) ประกอบกับกระแสน้ำเชี่ยวทำให้ริชาร์ดและอัลลิสันถูกพัดพาไปห่างจากจุดที่ เรือจอดราว 200 เมตร
เมื่อริชาร์ดและอัลลิสันโผล่ขึ้นเหนือน้ำ พวกเขาเห็นเจ้าหน้าที่บริษัทแปซิฟิกสตาร์กำลังเก็บข้าวของเตรียมออกเรือ ริชาร์ดพยายามตะโกนเรียกพร้อมกับโบกมือให้สัญญาณ แต่ไม่มีใครได้ยินหรือมองมาตรงที่เขาอยู่ ริชาร์ดและอัลลิสันพยายามว่ายทวนกระแสน้ำไปที่เรือ แต่ไม่สามารถต้านทานกระแสน้ำที่เชี่ยวกรากได้ ในที่สุดเรือแปซิฟิกสตาร์ก็ถอนสมอแล่นจากไป
ริชาร์ดรู้ดีว่าแถบนี้เป็นถิ่นหากินของปลาฉลามและพวกเขาคงไม่แคล้วกลายเป็น อาหารเย็นของพวกมันแน่ๆ อย่างไรก็ตาม เขาจะต้องประคองตัวรอจนกว่าหน่วยกู้ภัยจะออกค้นหา แต่ขั้นแรกเขาจะต้องถอดเข็มขัดถ่วงน้ำหนักและถังออกซิเจนออกเสียก่อน ริชาร์ดเป่าลมเข้าเสื้อชูชีพแล้วใช้เชือกผูกตัวเขากับแฟนสาวเอาไว้ด้วยกัน
หลายชั่วโมงผ่านไปโดยไม่มีวี่แววของหน่วยกู้ภัยปรากฏให้เห็น พวกเขาอ่อนล้า อัลลิสันเริ่มมีอาการเห็นภาพลวงตาและพร่ำคำพูดที่ไม่เป็นภาษามนุษย์ออกมา ริชาร์ดต้องคอยปลอบประโลมด้วยคำพูด "ผมรักคุณ" เพื่อให้อัลลิสันมีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับเวลาที่ริชาร์ดอ่อนล้าทำท่าจะหลับอัลลิสันก็จะกล่าวคำ ฉันรักคุณ ปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่เรือแปซิฟิกสตาร์เพิ่งจะแจ้งเหตุร้ายให้กับหน่วยกู้ภัยได้ทราบ เฮลิคอปเตอร์ออกตระเวนค้นหาแทบจะทุกตารางนิ้วบริเวณที่ริชาร์ดและอัลลิสัน กระโดดลงจากเรือครั้งสุดท้าย หากแต่มันเป็นเวลาค่ำแล้วทำให้ยากแก่การตรวจหาผู้เคราะห์ร้าย
หลายชั่วโมงผ่านไปโดยไม่มีวี่แววของหน่วยกู้ภัยปรากฏให้เห็น พวกเขาอ่อนล้า อัลลิสันเริ่มมีอาการเห็นภาพลวงตาและพร่ำคำพูดที่ไม่เป็นภาษามนุษย์ออกมา ริชาร์ดต้องคอยปลอบประโลมด้วยคำพูด "ผมรักคุณ" เพื่อให้อัลลิสันมีกำลังใจฮึดสู้ขึ้นมาอีกครั้ง เช่นเดียวกับเวลาที่ริชาร์ดอ่อนล้าทำท่าจะหลับอัลลิสันก็จะกล่าวคำ ฉันรักคุณ ปลุกให้เขาตื่นจากภวังค์
เวลาผ่านไป 3 ชั่วโมง เจ้าหน้าที่เรือแปซิฟิกสตาร์เพิ่งจะแจ้งเหตุร้ายให้กับหน่วยกู้ภัยได้ทราบ เฮลิคอปเตอร์ออกตระเวนค้นหาแทบจะทุกตารางนิ้วบริเวณที่ริชาร์ดและอัลลิสัน กระโดดลงจากเรือครั้งสุดท้าย หากแต่มันเป็นเวลาค่ำแล้วทำให้ยากแก่การตรวจหาผู้เคราะห์ร้าย
เวลา 21.30 น. ริชาร์ดและอัลลิสันเห็นแสงไฟจากเฮลิคอปเตอร์ แต่หน่วยกู้ภัยมองไม่เห็นพวกเขาและบินจากไป ทั้งคู่ได้แต่ปลอบประโลมกันและกันว่าอีกไม่นานพวกกู้ภัยจะหาพวกเขาเจอ เวลาผ่านเลยไปอีกหลายชั่วโมงโดยที่หน่วยกู้ภัยไม่ได้ย้อนกลับมาในบริเวณนั้น อีกเลย
เวลา 02.30 น. ริชาร์ดและอัลลิสันหมดกำลังกายและกำลังใจ ริชาร์ดล้วงกระเป๋าหยิบกล้องวิดีโอขึ้นมาเพื่อบันทึกภาพพวกเขาสั่งลาครั้ง สุดท้าย แต่เขาก็อ่อนล้าเกินกว่าที่จะทำได้ ทั้งคู่กัดฟันลอยคออยู่ในทะเลจนถึงรุ่งเช้า พวกเขาถูกกระแสน้ำพัดออกห่างจากจุดที่ลงเรือไปไกลถึง 15 กิโลเมตร ที่แย่ไปกว่านั้นคืองูพิษตัวหนึ่งว่ายน้ำพุ่งตรงเข้ามาหาอัลลิสัน แต่โชคดีที่มันเพียงว่ายเฉียดแล้วก็จากไปโดยไม่ทำอะไร
หน่วยกู้ภัยย้อนกลับมาพบริชาร์ดและอัลลิสันในตอนสาย ๆ หลังจากที่พวกเขาถูกทอดทิ้งอยู่กลางทะเลนานกว่า 19 ชั่วโมง นับเป็นการรอดตายครั้งที่ 3 ของริชาร์ด หลังจากที่เขารอดมาอย่างหวุดหวิดระหว่างสอนดำน้ำบริเวณเกาะภูเก็ตขณะที่เกิด คลื่นสึนามิในปี 2004 และรอดตายครั้งที่สองจากเหตุการณ์เรือล่มกลางทะเลขณะนำนักท่องเที่ยวไปดำ น้ำ
เหตุการณ์ครั้งนี้เจ้าหน้าที่แปซิฟิกสตาร์อ้างว่าทันทีที่พบว่าริชาร์ดและ อัลลิสันหายไป พวกเขาพยายามออกค้นหา แต่ไม่พบร่องรอย จึงลงความเห็นว่าทั้งคู่จมน้ำและนำความมาแจ้งต่อหน่วยกู้ภัย เจ้าหน้าที่สะเพร่า
กรณีของทอมและไอลีนนั้นแตกต่างออกไป เจ้าหน้าที่เรือเอาเตอร์เอดจ์ไม่รู้สักนิดเดียวว่าลูกค้าหายไป 2 คน โดยอ้างว่านักท่องเที่ยวบางคนได้กระโดดกลับลงไปในทะเลขณะที่กำลังนับจำนวน นักท่องเที่ยวครั้งสุดท้าย จึงทำให้เกิดความสับสนนับคนเดิมซ้ำอีกครั้งตอนที่นักท่องเที่ยวพวกนั้น ปีนกลับขึ้นเรือ
เมื่อเรือเอาเตอร์เอดจ์กลับเทียบท่า พวกเขาก็ยังไม่รู้เรื่องและนำนักท่องเที่ยวชุดใหม่ออกไปดำน้ำในวันรุ่งขึ้น หลังจากให้บริการนักท่องเที่ยวชุดหลังเรียบร้อยแล้วพวกเขาจึงเก็บกวาดเรือ ถึงได้พบกระเป๋าเสื้อผ้า 2 ใบบนเรือ เมื่อเปิดกระเป๋าดูก็พบว่าเป็นของทอมและไอลีน ลูกค้าที่มาใช้บริการเมื่อ 2 วันก่อน
หน่วยกู้ภัยนำเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ และเรือยนต์ ออกค้นหา แต่ก็ไม่มีวี่แววของทอมและไอลีนนอกจากพบก้อนตะกั่วถ่วงน้ำหนักบริเวณจุดที่ เรือเอาเตอร์เอจทอดสมอครั้งสุดท้าย ซึ่งหมายถึงว่าทอมและไอลีนยังมีชีวิตขณะที่โผล่มาบนผิวน้ำ พวกเขาทิ้งก้อนตะกั่วเพื่อให้สามารถลอยตัวได้สะดวก
ต้นเดือนกุมภาพันธ์มีคนพบชุดดำน้ำของไอลีนลอยมาติดชายฝั่งตอนเหนือของ ควีนส์แลนด์ นักวิทยาศาสตร์วิเคราะห์เพรียงที่เกาะอยู่บนชุดดำน้ำแล้วสรุปว่ามันน่าจะ เริ่มเกาะชุดดำน้ำมาตั้งแต่วันที่ 26 มกราคม
หลายเดือนต่อมา ชาวประมงพบแผ่นกระดานที่นักดำน้ำใช้จดเขียนสื่อสารกันใต้น้ำ ห่างจากจุดที่ทอมและไอลีนหายตัวไปราว 160 กิโลเมตร บนแผ่นกระดานเขียนข้อความว่า "วันจันทร์ 26 มกราคม 1988 08.00 น. ถึงใครก็ได้ที่สามารถช่วยเราได้ เราถูกทอดทิ้งบริเวณอกินคอร์ตรีฟ (Agincourt Reef) โดยเรือเอาเตอร์เอดจ์ เมื่อวันที่ 25 มกรา 98 เวลาบ่าย 3 โมง ช่วยเราด้วยก่อนที่พวกเราจะตาย ช่วยด้วย!" ญาติ ๆ ยืนยันว่าลายมือบนกระดานที่พบเป็นลายมือของทอม
หลังจากนั้นอีกไม่นานก็มีคนพบเสื้อชูชีพของทอมและไอลีน ถังบรรจุออกซิเจนที่ยังคงมีอากาศอยู่เล็กน้อยและตีนกบข้างหนึ่งของไอลีนลอย มาติดชายฝั่งด้านเหนือของเมืองพอร์ตดักกลาส ข้าวของทุกชิ้นยังอยู่ในสภาพดี ซึ่งบ่งบอกว่าพวกเขาไม่ได้ถูกฉลามทำร้าย แต่การที่พวกเขาไม่มีชุดดำน้ำและเสื้อชูชีพติดตัว ทำให้เชื่อได้ว่าพวกเขาน่าจะเสียชีวิตหลังจากหายไปเพียงไม่กี่วัน แจ๊ค ไนร์น (Jack Nairn) กัปตันเรือเอาเตอร์เอดจ์ถูกฟ้องร้องข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาท หากแต่ทนายจำเลยนำหลักฐานที่ชี้เบาะแสว่าทอมและไอลีนอาจวางแผนฆ่าตัวตาย โดยทั้งคู่มีสมุดบันทึกเขียนข้อความก่อนเสียชีวิตเพียงไม่กี่วันโดยทอมเขียน บันทึกในทำนองเบื่อหน่ายชีวิต ในขณะที่ไอลีนเขียนบันทึกว่าทอมมีอาการเครียดและอาจคิดสั้น
แจ๊ค ไนร์น (Jack Nairn)
บันทึกของทอมและไอลีนกลายเป็นหลักฐานสำคัญทำให้ผู้พิพากษาสงสัยว่าทั้งคู่ อาจจงใจฆ่าตัวตายตามที่ทนายจำเลยระบุ จึงตัดสินให้แจ๊คพ้นความผิดข้อหาฆ่าคนตายโดยประมาท แต่นั่นก็ไม่ได้ตอบคำถามความ สะเพร่าของเจ้าหน้าที่เรือเอาเตอร์เอดจ์ว่าทำไม ถึงไม่รู้ว่าลูกค้าหายตัวไป
ภาพจากภาพยนต์ เรื่อง open water ที่สร้างจากเหตุการณ์จริงของ ทอม และ ไอลีน
บริษัทเอาเตอร์เอดจ์สูญเสียชื่อเสียง ไม่มีนักท่องเที่ยวมาติดต่อใช้บริการอีกต่อไป แจ๊ค ไนร์น หมดเนื้อหมดตัวไปกับค่าทนาย แต่มันเทียบไม่ได้กับชีวิตของคน2 คนที่ต้องสูญเสียไปเพราะความสะเพร่าเพียงเล็กน้อยของเจ้าหลตัน ก่อนเกิดเหตุ 3 วัน
ขอขอบคุณที่มาจาก @cloud นะคะ
Create Date : 19 กันยายน 2553 |
|
6 comments |
Last Update : 19 กันยายน 2553 18:47:15 น. |
Counter : 18012 Pageviews. |
|
|
|
ผกก.เรื่องนี้เก่งในการสร้างอารมณ์ร่วมมากจริงๆ
เข้าใจความรู้สึกของซูซานนะ ถ้าเป็นเราคงตัดสินใจเร็วกว่าเธออีก
ยิ่งนานไปมันทรมานน่ะแล้วก็ไม่อยากพกความรู้สึกสิ้นหวังสุดขีดขนาดนี้ไปโลกหน้าด้วย