" การเป็นผู้ให้ ย่อมสุขใจ กว่าการเป็นผู้รับ "
Group Blog
 
<<
พฤศจิกายน 2553
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930 
 
16 พฤศจิกายน 2553
 
All Blogs
 
เจาะใจ 'ไมโกะ'เส้นทางของหญิงสาวผู้ทรงศิลป์






คำว่า 'เกอิชา' ในภาษาญี่ปุ่นประกอบขึ้นจากอักษรคันจิ 2 คำ คำแรกคือคำว่า 'ศิลปะ' คำหลังคือคำว่า 'คน' หรือ 'ผู้กระทำ' หากถอดความออกมา 'เกอิชา' จึงน่าจะใกล้เคียงกับคำว่า 'นักแสดง' หรือ 'ศิลปิน'


จุดเริ่มต้นของคำว่า 'เกอิชา' เริ่มต้นขึ้นในศตวรรษที่ 18 ในยุคเริ่มแรกนั้นเกอิชานั้นเป็นงานของผู้ชาย ทำหน้าที่ให้ความบันเทิงแก่ลูกค้าที่มารอรับบริการจาก 'ออยรัน' หรือหญิงบริการชั้นสูง ก่อนที่จะมีผู้หญิงเข้ามารับงานเกอิชามากขึ้นทำให้เกอิชาชายลดบทบาทลงไปจนแทบไม่เหลือ


เดิมทีสำนักเกอิชามักจะซื้อตัวเด็กหญิงจากครอบครัวยากจนแล้วนำมาฝึกฝนให้ทำงาน เริ่มจากงานรับใช้ในบ้าน รับใช้เกอิชารุ่นพี่ พร้อมๆ กับฝึกฝนศาสตร์ของเกอิชา ซึ่งต้องใช้เวลาหลายปีกว่าที่เด็กหญิงคนหนึ่งจะกลายเป็นเกอิชาเต็มตัว ในปัจจุบันอาชีพเกอิชาได้รับการยอมรับในฐานะ 'บุคคลากรทางศิลปวัฒนธรรม' มากขึ้น ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองเปิดใจยอมรับได้มากขึ้นหากลูกสาวอยากเข้าวงการเกอิชา


ในสมัยโบราณมีการกำหนดอายุของเด็กที่จะเข้ามาเป็น 'ไมโกะ' หรือ 'เกอิชาฝึกหัด' ไว้ที่ 9-12 ปี ต่อมาภายหลังได้เปลี่ยนเป็นอายุ 15 ปีขึ้นไปหรือหลังจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นเพื่อให้สอดคล้องกับกฏหมายแรงงานของญี่ปุ่น

ขายศิลปะ ไม่ขายตัว
ภาพของเกอิชา ในฐานะ 'หญิงคนชั่ว' ถูกนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะสื่อภาพยนตร์จากโลกตะวันตกที่นำเสนอภาพของเกอิชาเทียบเคียงกับหญิงขายบริการ ในความเป็นจริงตั้งแต่ยุคขุนศึกถึงยุคนายทุน เกอิชาคือผู้ให้บริการทางศิลปะอย่างการชงชา เล่นดนตรี การร่ายรำ ต่อกลอน เป็นความบันเทิงทางสุนทรียะล้วนๆ


การเสพรับบริการของเกอิชาไม่เคยเป็นกิจกรรมราคาถูก ในปัจจุบัน การซื้อบริการของเกอิชา 1 คน ระยะเวลาประมาณ 1 ชั่วโมง มีค่าใช้จ่ายในหลักหมื่นบาท และมากกว่านั้นหากเป็นเกอิชาที่มีชื่อเสียง

เกอิชาอินเตอร์เนต
ณ มุมหนึ่งของเมืองหลวงเก่าเกียวโต
"สยามพารากอน!" หญิงสาวเธออุทานเป็นคำแรกหลังรู้ว่าคู่สนทนาเป็นนักข่าวจากกรุงเทพฯ เธอเล่าว่า ยังคงจดจำห้างสรรพสินค้าแห่งนั้นได้ดี จากที่เคยเดินทางมาประเทศไทยในรายการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมเมื่อ 2-3 ปีก่อน
ไมโกะซัง (ขอสงวนนามจริง) เป็นหญิงสาวสดใสวัย 18 ปี เธอเล่าให้ฟังว่าสนใจเรื่องราวของศิลปวัฒนธรรมของญี่ปุ่นมาตั้งแต่เด็ก เมื่อเรียนจบชั้นมัธยมต้นจึงตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางของอาชีพเกอิชา โดยการส่งใบสมัครพร้อมภาพถ่ายไปยังสำนักงานเกอิชาแห่งหนึ่งด้วยช่องทางอินเตอร์เนต


ในช่วงสองปีแรกหญิงสาวจะต้องเรียนรู้ธรรมเนียมและศิลปะต่างๆ ที่จำเป็นสำหรับงานเกอิชา อาทิ การเรียนภาษาญี่ปุ่นแบบเกียวโต ซึ่งอาจต้องใช้เวลามากกว่า 1 ปี หลังจากนั้นจะเริ่มเข้าสู่ช่วงเวลาของการฝึกงานเป็น 'ไมโกะ' เริ่มออกงานรับแขกได้ ก่อนจะสั่งสมประสบการณ์เพื่อเป็น 'เกอิชา' เต็มตัวต่อไป


กิจวัตรประจำวันของไมโกะเริ่มตั้งแต่ช่วงเช้า เหล่าเธอจะต้องเรียนสรรพวิชาที่พึงมีพึงรู้สำหรับเกอิชา อาทิ การเล่นดนตรี การขับร้อง การเต้นรำ การชงชา การจัดดอกไม้ รวมถึงความรู้เรื่องบทกวีและวรรณคดี วิธีการแต่งชุดกิโมโน ทำความรู้จักกับเกมส์และการพนันบางรูปแบบไว้เล่นกับลูกค้า เรียนรู้ท่าทีที่เหมาะสมในการสนทนาโต้ตอบกับลูกค้า 'ไมโกะ' และ 'เกอิชา' ในยุคข้อมูลข่าวสารยังต้องติดตามข่าวจากหนังสือพิมพ์หรือเว็บไซต์ข่าวเพื่อให้รู้เท่าทันโลกและมีประเด็นไว้สนทนากับลูกค้าที่ส่วนใหญ่มักเป็นคนในแวดวงนักธุรกิจ ส่วนช่วงค่ำคืนเป็นเวลาของการ 'ฝึกงานในสถานที่จริง'


กระทั่งหลังจากเล่าเรียนจบหลักสูตรเกอิชาเมื่ออายุย่าง 21 ปี หญิงสาวจะ 'เทิร์นโปร' เปลี่ยนสถานะจาก 'ไมโกะ' เป็น 'เกอิชา' เต็มตัว จากจุดนี้ นอกจากเรื่องของการแต่งผมที่เกอิชาสามารถหันมาใช้ 'วิก' หรือผมปลอมแทนผมจริงได้แล้ว เธอยังมีอิสระในการเลือกทำงานให้ 'บ้าน' ต่อไป หรือจะเลือกบินเดี่ยวเป็นผู้ประกอบการอิสระ รับงานรับเงินให้กับตนเองก็ได้

เจาะใจ 'ไมโกะ'
เมื่อถูกถามว่า "เป็นไมโกะมีแฟนได้หรือเปล่า" ไมโกะซังยิ้มเอียงอาย ก่อนจะมีคำอธิบายตามมาว่า ชีวิตประจำวันของไมโกะกินเวลาไปเกือบหมด ทั้งเรื่องเรียนและเรื่องงานที่มีให้ทำแทบไม่มีวันหยุด เรื่องหัวใจจึงต้องพักไว้ก่อน
จุดเด่นเห็นถนัดในการแต่งกายของ 'ไมโกะ' และ 'เกอิชา' อยู่ที่การแต่งหน้าขาว ซึ่งมีที่มาย้อนกลับไปถึงการแสดงมโหรสพโบราณอย่างละครคาบูกิ ในยุคที่โรงละครมีเพียงแสงจากตะเกียงไขวาฬดวงเล็ก นักแสดงจึงต้องแต่งหน้าขาวจัดเพื่อให้ผู้ชมมองเห็นการแสดงได้ถนัดยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ผิวพรรณที่ขาวผ่องยังเป็นค่านิยมความงามของผู้หญิงญี่ปุ่นแต่โบราณอีกด้วย


วิธีการแต่งชุดกิโมโน ก็เป็นอีกสิ่งที่แยกแยะเกอิชาจากหญิงญี่ปุ่นทั่วไปในเครื่องแต่งกายประจำชาติ ว่าไปก็คงคล้ายกับสาวจีนยุคศักดินาที่ถูกปลูกฝังความเชื่อว่าเท้าขนาดเล็กเท่าดอกบัวคือความงามจนทำให้เกิดประเพณี 'รัดเท้า' ขณะที่แง่งามหรือจุดเร้าใจของเกอิชาถูกวางไว้ที่ต้นคอขาวผ่อง เหล่าเธอจึงแต่งกิโมโนโดยให้บริเวณคอเสื้อด้านหลังคล้อยลง เผยให้เห็นต้นคอขาวนวลงาม ขณะที่หญิงญี่ปุ่นทั่วไปหากแต่งกิโมโนจะต้องดึงเสื้อขึ้นปิดต้นคอให้เรียบร้อยมิฉะนั้นอาจถูกมองเป็นหญิงเสเพลได้


ในส่วนของทรงผมนั้น ช่วงที่เป็นไมโกะจะต้องใช้การตกแต่งผมจริง และเนื่องจากความยุ่งยากซับซ้อนของการประดิษฐ์ทรงผมจึงเป็นธรรมเนียมว่าหลังทำผมแต่ละครั้งไมโกะจะเก็บรักษาทรงผมไว้ใช้งานเป็นเวลาอย่างน้อย 5 วันจึงจะสระ สางแล้วเซ็ททรงกันใหม่ ระหว่างนั้นเหล่าเธอจึงต้องนอนหนุนหมอนไม้ยกต้นคอเพื่อไม่ให้ผมเสียทรง และแน่นอนว่าต้องนอนหงายอย่างเดียว จะพลิกซ้ายป่ายขวาหรือนอนตะแคงไม่ได้


ถามถึงรายได้ของไมโกะ ได้รับคำอธิบายว่า ในช่วงเวลาของการเป็นไมโกะนั้นรายได้ไม่สูงนัก เหตุก็เพราะการปลุกปั้นไมโกะแต่ละคนนั้นมีค่าใช้จ่ายมากมายตั้งแต่ค่ากิโมโนซึ่งนิยมใช้ผ้าไหมแท้ปักหรือวาดลวดลายด้วยมือ ค่าเครื่องประดับ ค่าเครื่องสำอางค์ ค่าแต่งหน้าทำผม ค่าเล่าเรียนหลักสูตรเกอิชา ค่ากินอยู่ ซึ่งค่าใช้จ่ายทั้งหลายเหล่านั้น 'บ้าน' หรือ 'สำนัก' เป็นผู้ทดรองจ่ายไปก่อนทั้งหมด รายได้จากการรับงานของไมโกะจึงถูกหักบางส่วนเพื่อจ่ายคืนให้แก่ 'บ้าน' จนถึงวันที่ได้เป็น 'เกอิชา' เต็มตัวจึงจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำ


อาชีพเกอิชาไม่ใช่งานที่สามารถทำได้ตลอดไป เมื่ออายุมากขึ้นจนใกล้เลข 3 ก็จะต้องเผชิญหน้ากับจุดพลิกผันสำคัญ เธอจะต้องเลือกระหว่างการแต่งงานเป็นแม่บ้านและเลิกอาชีพเกอิชาไปอย่างถาวร เพราะในสังคมญี่ปุ่นการที่สามีจะให้ภรรยาไปทำงานที่ต้องบริการคน(ชาย)อื่นนั้นเป็นเรื่องยากที่จะรับได้ อีกทางก็คือการหันหลังให้กับชีวิตคู่และเดินหน้าบนเส้นทางสายเกอิชาต่อไปสู่ตำแหน่งของครูฝึก ถ่ายทอดศาสตร์ของเกอิชาให้กับรุ่นน้องๆ ไปจนถึงขั้นตั้งตัวเป็นเจ้าของสำนักเกอิชาเสียเอง


เวลาของการสนทนาหมดลง "เป็นเกียรติของผมที่ได้พบคุณ และผมหวังให้คุณได้รับความสงบในชีวิต" นักข่าวจากกรุงเทพฯ กล่าวลาด้วยสายตา


'โอกินิ' เธอหยิบยื่นคำขอบคุณตามแบบฉบับเกียวโตมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง ก่อนออกเดินก้าวสั้นๆ มุ่งหน้าสู่การพักผ่อนซึ่งเป็นภารกิจสุดท้ายของเธอในวันนั้น


ที่มาจาก //www.bangkokbiznews.com/home/detail/life-style/culture/20101028/359494/เจาะใจ-ไมโกะเส้นทางของหญิงสาวผู้ทรงศิลป์.html


Create Date : 16 พฤศจิกายน 2553
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2553 21:27:25 น. 0 comments
Counter : 1764 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อลิซ ในดินแดนไม่มหัศจรรย์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




การเป็นผู้ให้ ย่อมสุขใจกว่าการเป็นผู้รับ : )
Friends' blogs
[Add อลิซ ในดินแดนไม่มหัศจรรย์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.