ททมาโน ปิโย โหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always be loved.
Group Blog
 
 
สิงหาคม 2554
 
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
24 สิงหาคม 2554
 
All Blogs
 
ความต้องการไม่มีสิ้นสุด

มุทุลักขณาชาดก
ว่าด้วยความต้องการไม่มีสิ้นสุด


พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันมหาวิหาร ทรงปรารภสภาวธรรมที่ทำให้คนเศร้าหมอง ตรัสพระธรรมเทศนานี้ ดังนี้.

ได้ยินว่า บุรุษชาวเมืองสาวัตถีผู้หนึ่ง ฟังพระธรรมเทศนาของพระศาสดาแล้ว บรรพชาถวายชีวิตในพระศาสนา เป็นพระโยคาวจรผู้ปฏิบัติเคร่งครัด ไม่ว่างเว้นพระกรรมฐาน วันหนึ่งเที่ยวไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี เห็นหญิงคนหนึ่งตกแต่งตัวสวยงาม ก็ไม่สำรวมจักษุ จ้องดูนาง ด้วยอำนาจของความงาม กิเลสภายในของเธอหวั่นไหว เป็นเหมือนต้นไม้มียางอันถูกกรีดด้วยมีดฉะนั้น นับแต่นั้น เธอก็ตกอยู่ในอำนาจของกิเลส ไม่ได้ความสบายกาย และความเบาใจเลยทีเดียว ดูวุ่นวายคล้ายกับชะมด ไม่มีความยินดีในพระศาสนา ปล่อยผมและขนรุงรังเล็บยาว จีวรก็เศร้าหมอง
ครั้งนั้น ภิกษุทั้งหลายผู้เป็นสหาย เห็นความเปลี่ยนแปลงแห่งอินทรีย์ของเธอ พากันถามว่า ดูก่อนผู้มีอายุ เป็นอย่างไรเล่า อินทรีย์ของเธอจึงไม่เหมือนก่อน ๆ เธอตอบว่า ผู้มีอายุ ผมกระสัน (หมดความ ยินดีในพระศาสนา) ภิกษุเหล่านั้นก็นำเธอไปยังสำนักของพระศาสดา
พระศาสดาตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอ พาภิกษุผู้ไม่ปรารถนามาหรือ ? ภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า ภิกษุรูปนี้ไม่ยินดีเสียแล้วพระเจ้าข้า ตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุ จริงหรือที่ว่า เธอไม่ยินดีเสียแล้ว ? ภิกษุนั้นกราบทูลว่า ข้าแต่พระผู้มีพระภาคเจ้า เป็นความจริงพระเจ้าข้า ตรัสถามว่า ใครทำให้เธอกระสันเล่า ? ภิกษุกราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อข้าพระองค์กำลังเที่ยวบิณฑบาต ได้เห็นหญิงคนหนึ่ง ข้าพระองค์ไม่สำรวมจักษุ มองดูนาง กิเลสของข้าพระองค์ก็กำเริบ เหตุนั้นข้าพระองค์จึงกระสัน พระเจ้าข้า
พระศาสดาตรัสกะเธอว่าดูก่อนภิกษุ การที่เธอทำลายอินทรีย์ มองดูวิสภาคารมณ ์ด้วยอำนาจแห่งความงาม กิเลสกำเริบนี้ไม่อัศจรรย์ ในครั้งก่อน แม้พระโพธิสัตว์ทั้งหลาย ได้อภิญญา ๕ สมาบัติ ๘ ข่มกิเลสได้ แล้วด้วยกำลังฌาน มีจิตบริสุทธิ์ เที่ยวไปในอากาศได้ เมื่อทำลายอินทรีย์มองดูวิสภาคารมณ์ ก็เสื่อมจากฌาน กิเลสกำเริบ เสวยทุกข์อย่างใหญ่หลวง ลมที่มีกำลังแรงขนาดถอนภูเขาสิเนรุได้ ที่ไหนเลยจะไม่พัดภูเขาโล้น เพียงเท้าช้างให้ปลิวไปได้ ลมที่แรงขนาดโค่นต้นหว้าใหญ่ได้ ที่ไหนเล่าจะไม่พัดกอไม้อันงอกขึ้นที่ตลิ่งนั้นให้ลอยไปได้ อนึ่งเล่า ลมที่พัดมหาสมุทรให้แห้งได้ ไฉนเล่าจึงจะไม่พัดน้ำในบ่อน้อยให้เหือดแห้งไป กิเลสอันกระทำความไม่รู้แก่พระโพธิสัตว์ ผู้มีความรู้สูงส่ง ผู้มีจิตผ่องแผ้วได้ปานนี้ จักยำเกรงอะไรในเธอเล่า สัตว์แม้นบริสุทธิ์ต้องเศร้าหมอง แม้เพียบพร้อมด้วยยศอันสูงส่ง ก็ยังถึงความสิ้นยศได้ ทรงนำเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้ :

ในอดีตกาล ครั้งพระเจ้าพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยู่ในกรุงพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ มีสมบัติมากตระกูลหนึ่ง ในแคว้นกาสี บรรลุความเป็นผู้รู้เดียงสาแล้ว เรียนจบศิลปะทุกประเภท ละกามเสียแล้วไปบวชเป็นฤๅษี กระทำกสิณบริกรรม ให้อภิญญาสมาบัติเกิดขึ้น แล้วยับยั้งอยู่ด้วยความสุขในฌาน พำนักอาศัยอยู่ในหิมวันตประเทศ
กาลครั้งหนึ่งท่านเข้ามาจากป่าหิมพานต์ เพื่อบริโภคโภชนะมีรสเค็ม รสเปรี้ยวบ้าง บรรลุถึงกรุงพาราณสีพำนักอยู่ในพระราชอุทยาน รุ่งขึ้นกระทำสรีรกิจเสร็จแล้ว ครองผ้าเปลือกไม้ ห่มหนังเสือเฉวียงบ่า เกล้าผมเรียบร้อยแล้ว ทรงบริขาร เที่ยวภิกษาจารอยู่ในกรุงพาราณสี ถึงประตูพระราชนิเวศน์ พระราชาทรงเลื่อมใสใน อิริยาบถของท่าน รับสั่งให้นิมนต์มาให้นั่งเหนืออาสนะอันมีค่ามาก ทรงอังคาสด้วยขาทนียโภชานียาหารอันประณีต ท่านกระทำอนุโมทนาแล้ว ทรงอาราธนาให้พำนักในพระราชอุทยาน พระดาบสก็พำนักอยู่ในพระราชอุทยาน ๑๖ ปี อยู่มาวันหนึ่ง พระราชาเสด็จไปปราบปรามปัจจันตชนบทอันกำเริบ ตรัสสั่งพระมเหสีพระนามว่า มุทุลักขณา ว่า เธอจงอย่าประมาท จงปรนนิบัติพระผู้เป็นเจ้า ดังนี้ แล้วเสด็จไป.
พระโพธิสัตว์ ตั้งแต่เวลาที่พระราชาเสด็จไปแล้ว ก็ไปสู่พระราชวังตามเวลาที่ตนพอใจ อยู่มาวันหนึ่ง พระนางมุทุลักขณา ทรงเตรียมอาหารสำหรับพระโพธิสัตว์เสร็จ ทรงดำริว่า วันนี้ พระคุณเจ้า คงช้า ก็ทรงสรงสนานด้วยพระสุคันโธทก ตกแต่งพระองค์ด้วยเครื่องอลังการทั้งปวง ให้ลาดพระยี่ภู่น้อย ณ พื้นท้องพระโรง ประทับเอนพระกายรอพระโพธิสัตว์จะมา ฝ่ายพระโพธิสัตว์ กำหนดเวลาของตนแล้ว ออกจากฌานเหาะไปสู่พระราชนิเวศน์ทันที พระนางมุทุลักขณา ทรงสดับเสียงผ้าเปลือกไม้ รับสั่งว่า พระผู้เป็นเจ้ามาแล้ว รีบเสด็จลุกขึ้น
เมื่อพระนางรีบเสด็จลุกขึ้น ผ้าที่ทรงเป็นผ้าเนื้อเกลี้ยงก็หลุดลง พอดีพระดาบสเข้าทางช่องพระแกล แลเห็นรูปารมณ์อันเป็น วิสภาคของพระเทวี ก็ทำลายอินทรีย์เสีย ตลึงดูด้วยอำนาจความงาม เมื่อนั้นกิเลสที่อยู่ภายในของท่านก็กำเริบเป็นเหมือนต้นไม้มียางที่ถูกมีดกรีด ทันใดนั้นเอง ฌานของท่านก็เสื่อม เป็นเหมือนกาปีกหักเสียแล้ว พระโพธิสัตว์ยืนตลึงรับอาหารแล้ว ก็หาบริโภคไม่ เสียวสะท้านไปเพราะกิเลสทั้งหลาย ลงจากปราสาท เดินไปพระราชอุทยาน เข้าบรรณศาลา วางอาหารไว้ใต้ที่นอน อันเป็นกระดาน วิสภาคารมณ์ติดตาตรึงใจ ไฟกิเลสแผดเผา ซูบเซียวเพราะขาดอาหาร นอนซมบนกระดานถึง ๗ วัน.
ในวันที่ ๗ พระราชาทรงปราบปรามปัจจันตชนบทราบคาบ แล้ว เสด็จกลับมา ทรงประทักษิณพระนครแล้ว ยังไม่เสด็จไปพระราชนิเวศน์ทีเดียว ทรงพระดำริว่า เราจักพบพระผู้เป็นเจ้าก่อน ดังนี้แล้ว เสด็จเลยไปพระราชอุทยาน ทอดพระเนตรเห็นท่านนอน ทรงดำริว่า ชะรอยจะเกิดความไม่สำราญสักอย่างหนึ่ง รับสั่งให้ทำความสะอาดบรรณศาลา พลางทรงนวดเฟ้นเท้าทั้งสอง รับสั่งถามว่า พระผู้เป็นเจ้าไม่สบายไปหรือ ? พระดาบสถวาย พระพรว่า มหาบพิตร ความไม่สำราญอย่างอื่นไม่มีแก่อาตมาภาพ แต่เพราะอำนาจกิเลส อาตมาภาพมีจิตกำหนัดเสียแล้ว รับสั่งถามว่า พระคุณเจ้าข้า จิตของพระคุณเจ้า ปฏิพัทธ์ในนางคน ไหน ? ถวายพระพรว่า จิตของอาตมาภาพปฏิพัทธ์ในพระนางมุทุลักขณา รับสั่งว่า ดีแล้วพระคุณเจ้าข้า ข้าพเจ้ายินดีถวายพระนางมุทุลักขณาแด่พระคุณเจ้า
แล้วทรงพาพระดาบสเข้าพระราชนิเวศน์ ให้พระเทวีประดับพระองค์ด้วยเครื่องต้น เครื่องทรง งามสรรพ และได้พระราชทานแก่พระดาบส แต่เมื่อจะพระราชทานนั้น ได้ทรงพระราชทานสัญญาลับแด่พระนางมุทุ ลักขณาว่า เธอต้องพยายามป้องกันพระผู้เป็นเจ้าด้วยกำลังของตน พระนางรับสนองพระราชโองการว่า เพคะ กระหม่อมฉัน จักรักษาตนให้พ้นมือพระคุณเจ้า
ดาบสก็พาพระเทวีลงจากพระราชนิเวศน์ เวลาที่จะออกพ้นประตูใหญ่ พระนางตรัสกะท่านว่า ท่านเจ้าคะ เราควรจะได้เรือน ท่านจงไปกราบทูลขอพระราชทานเรือนสักหลังหนึ่งเถิด ดาบสก็ไปกราบทูลขอพระราชทานเรือน พระราชาพระราชทานเรือนร้างหลังหนึ่ง ซึ่งมนุษย์ใช้เป็นวัจจกุฏิ ท่านก็พาพระเทวีไปที่เรือนนั้น พระนางไม่ทรงประสงค์จะเข้าไป ท่านทูลถามว่าเหตุไร จึงไม่เสด็จเข้าไป ? พระนางรับสั่งว่า เพราะเรือนสกปรก.พระดาบสทูลถามว่า บัดนี้เราควรจะทำอย่างไร ? พระนางรับสั่งว่า ต้องทำความสะอาดเรือนนั้น แล้วส่งดาบสไปสู่ราชสำนัก มีพระเสาวนีย์ว่า ท่านจงไปเอาจอบมา เอาตะกร้ามา ครั้นดาบสนำมาแล้ว ก็ให้โกยสิ่งสกปรกและขยะเอาไปทิ้ง เสร็จแล้วให้ไปขนเอาโคมัยมาฉาบไว้ ครั้นแล้วก็ตรัสว่า ท่านต้องไปขนเตียงมา ขนตั่งมา แล้วให้พระดาบสขนมาทีละอย่าง มิหนำซ้ำ ยังแกล้งใช้ให้ตักน้ำ เป็นต้นอีกด้วย พระดาบสเอาหม้อไปตักน้ำมาจนเต็มตุ่ม เตรียมน้ำสำหรับอาบ ปูที่นอน ครานั้น พระนางเทวีทรงจับพระดาบสผู้กำลังนั่งร่วมกันบนที่นอนที่สีข้าง ฉุดให้ก้มลงมาตรงหน้า พลางตรัสว่า ท่านไม่รู้ตัวว่า เป็นสมณะหรือเป็นพราหมณ์เลยหรือเจ้าคะ ?
พระดาบสกลับได้สติในเวลานั้นเอง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ท่านไม่รู้ตัวเอาเสียเลย ขึ้นชื่อว่ากิเลสทั้งหลาย กระทำความไม่รู้ตัวได้ถึงอย่างนี้ พระดาบสกลับได้สติ คิดว่า ตัณหานี้เมื่อเจริญขึ้น จักไม่ให้เรายกศีรษะขึ้นได้จากอบายทั้ง ๔ เราควรถวายคืนพระนางเทวีนี้แด่พระราชา แล้วกลับเข้าสู่ป่าหิมวันต์ในวันนี้ทีเดียว ดังนี้แล้วพาพระนางเทวี เข้าเฝ้าพระราชาถวายพระพรว่า ขอถวายพระพร อาตมาภาพไม่มีความต้องการพระเทวีของมหาบพิตร เพราะอาศัยพระนางผู้เดียว ตัณหาจึงเจริญแก่อาตมาภาพทุกอย่างเลย แล้วกล่าว คาถานี้ ความว่า :

"ครั้งก่อน เรายังไม่ได้ประสบพระนางมุทุลักขณา
ความปรารถนามีอย่างเดียว
ครั้นได้พบพระนางผู้มีพระเนตรแวววาวเข้าแล้ว
ความปรารถนาช่วยให้ความปรารถนาเกิดได้ต่าง ๆ" ดังนี้.

ทันใดนั้นเอง พระดาบสก็ทำฌานที่เสื่อมไปให้เกิดขึ้น นั่งในอากาศแสดงธรรม ถวายโอวาทแด่พระราชา แล้วไปสู่ป่าหิมพานต์ทางอากาศทันที ไม่มาสู่ประเทศ ที่ชื่อว่าเป็นถิ่นของมนุษย์อีกเลย แต่เจริญพรหมวิหาร ไม่เสื่อมจากฌาน บังเกิดในพรหมโลกแล้ว.
พระบรมศาสดา ครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแล้ว ทรงประกาศสัจธรรม เมื่อจบสัจจะ ภิกษุนั้นประดิษฐานในพระอรหัตผล พระศาสดาทรงประชุมชาดกว่า พระราชาในครั้งนั้น ได้มาเป็นพระอานนท์ในครั้งนี้ มุทุลักขณา ได้มาเป็นอุบลวัณณา ส่วนฤๅษีได้มาเป็นเราตถาคตฉะนี้แล.
จบ มุทุลักขณาชาดก

ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
https://abhinop.blogspot.com
https://abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.




Create Date : 24 สิงหาคม 2554
Last Update : 15 มีนาคม 2564 14:48:46 น. 1 comments
Counter : 415 Pageviews.

 
ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ;
My blogs link 👆
https://sites.google.com/site/dhammatharn/
//abhinop.blogspot.com
//abhinop.bloggang.com
ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.


โดย: ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก วันที่: 13 มีนาคม 2564 เวลา:15:38:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 5 คน [?]




ททมาโน ปิโยโหติ ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก
A giver is always beloved.
New Comments
Friends' blogs
[Add ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก's blog to your web]
Links
 
MY VIP Friend


 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.