|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ความเบื่อหน่ายร่างกาย
กายนิพพินทชาดก ว่าด้วยความเบื่อหน่ายร่างกาย พระศาสดาเมื่อประทับอยู่ ณ พระเชตวันวิหาร ทรงปรารภ บุรุษคนหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนี้ ดังนี้
ได้ยินว่า ในเมืองสาวัตถี มีบุรุษคนหนึ่งเป็นผู้เดือดร้อนด้วย โรคผอมเหลือง พวกแพทย์ไม่ยอมรักษา แม้บุตรและภรรยาของเขาก็คิดว่า ใครจะสามารถปฏิบัติพยาบาลผู้นี้ได้ บุรุษผู้นั้นได้มีความดำริดังนี้ว่า ถ้าเราหายจากโรคนี้ เราจักบวช โดยล่วงไป ๒ - ๓ วัน เท่านั้น บุรุษผู้นั้นได้ความสบายเล็กน้อยจนเป็นผู้ไม่มีโรค จึงไปยัง พระเชตวันมหาวิหาร ทูลขอบรรพชากับพระศาสดา เขาได้บรรพชา และอุปสมบทในสำนักของพระศาสดาแล้ว ไม่นานนัก ก็ได้บรรลุพระอรหัต
อยู่มาวันหนึ่ง ภิกษุทั้งหลายนั่งสนทนากันในโรงธรรมสภาว่า ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย บุรุษผู้มีโรคผอมเหลืองชื่อโน้นคิดว่า ถ้าเราหายจากโรคนี้ จักบวช ครั้นหายโรคแล้วจึงบวชและบรรลุพระอรหัต พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ พวกเธอนั่งสนทนากันด้วยเรื่องอะไร เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว จึงตรัสว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย มิใช่บุรุษผู้นี้เท่านั้น แม้ในกาลก่อน บัณฑิตทั้งหลายก็กล่าวอย่างนี้ ครั้นหายจากโรคผอมเหลืองแล้วบวช ได้ทำความเจริญแก่ตนดังนี้ แล้วทรงนำเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังต่อไปนี้
ในอดีตกาล เมื่อพระเจ้าพรหมทัตครองราชสมบัติ ในพระนครพาราณสี พระโพธิสัตว์บังเกิดในตระกูลพราหมณ์ พอเจริญวัยแล้ว ได้รวบรวมทรัพย์สมบัติอยู่ ได้เกิดเป็นโรคผอมเหลือง พระโพธิสัตว์นั้นคิดว่า เราหายจากโรคนี้แล้วจักบวช จึงกล่าวอย่างนั้นออกมา ได้ความสบายขึ้นมาบ้างจนเป็นผู้ไม่มีโรค จึงเข้าป่าหิมพานต์ บวชเป็นฤาษี ทำสมาบัติและอภิญญาให้เกิดขึ้น แล้วอยู่ด้วยความสุขในฌาน คิดว่า เราไม่ได้ความสุขเห็นปานนี้ ตลอดกาลมีประมาณเท่านี้ เมื่อจะเปล่งอุทาน จึงได้กล่าวคาถาเหล่านี้ว่า
[๔๗๘] เมื่อเราถูกโรคอย่างหนึ่งถูกต้อง ได้เสวยทุกขเวทนาอย่างสาหัส อันทุกข์เวทนาเบียดเบียนอยู่ ร่างกายนี้ก็ซูบผอมลงอย่างรวดเร็ว ดุจดอกไม้ที่ทิ้งตากแดดไว้ที่ทราย ฉะนั้น
[๔๗๙] รูปร่างอันไม่น่าพอใจถึงการนับว่า น่าพอใจ ที่ไม่สะอาดสมมติว่า เป็นของสะอาด เต็มด้วยซากศพต่างๆ ปรากฏแก่คนพาลผู้ไม่พิจารณาเห็นว่าเป็นของน่าพอใจ
[๔๘๐] น่าติเตียนกายอันเปื่อยเน่า กระสับกระส่าย น่าเกลียด ไม่สะอาด มีความป่วยไข้เป็นธรรมดา เป็นที่ๆ หมู่สัตว์ผู้ประมาทหมกมุ่นอยู่ ย่อมยังหนทางเพื่อความเข้าถึงสุคติให้เสื่อมไป
พระมหาสัตว์กำหนดพิจารณาภาวะอันไม่สะอาด และภาวะอันกระสับกระส่ายเป็นนิตย์ โดยประการต่างๆ ด้วยประการดังนี้อยู่ เบื่อหน่ายในกาย จึงเจริญพรหมวิหาร ๔ จนตลอดชีวิต ได้เป็นผู้มีพรหมโลกเป็นที่ไปในเบื้องหน้า พระศาสดาครั้นทรงนำพระธรรมเทศนานี้มาแสดงแล้ว จึงทรงประกาศสัจจะในเวลาจบสัจจะ ชนเป็นอันมากได้บรรลุโสดาปัตติผลเป็นต้น แล้วทรงประชุมชาดกว่า พระดาบสในครั้งนั้น คือเราตถาคต ฉะนี้แล
Create Date : 18 สิงหาคม 2554 |
Last Update : 15 มีนาคม 2564 13:51:30 น. |
|
0 comments
|
Counter : 544 Pageviews. |
|
|
|
|
|
|
MY VIP Friend
|
|
|
|