วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่
วิธีตอบแทนบุญคุณพ่อแม่ ที่ดีที่สุด ตามคำสอนพระพุทธองค์ ถ้าหากญาติธรรมทุกท่านเห็นว่ามีประโยชน์ต่อเพื่อนมนุษย์ #ร่วมเผยแพร่ธรรมทานให้เพื่อนมนุษย์ร่วมกันยามเช้า “สพฺพทานํ ธมฺมทานํ ชินาติ แปลความว่า '' การให้ธรรม ย่อมชนะการให้ทั้งปวง ” องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้เปรียบเทียบบิดามารดาไว้ว่า เปรียบเสมือนพรหมของบุตร เพราะท่านรักใคร่เมตตา มีกรุณา มุทิตาและอุเบกขาต่อบุตร อีกทั้งยังเปรียบพ่อแม่ไว้เป็นเช่น บูรพาจารย์หรือครูคนแรก คอยอบรมแนะนำสั่งสอน และเปรียบพ่อแม่ไว้ เป็นเช่นอาหุไนยบุคคล คือบุคคลผู้ควรแก่การบูชา ซึ่งการตอบแทนบุญคุณของพ่อแม่อย่างแท้จริงนั้น พระพุทธเจ้าได้ตรัสไว้ว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย เรากล่าวการกระทำตอบแทนไม่ได้ง่ายแก่ ท่านทั้ง ๒ ท่านทั้ง ๒ คือใคร คือ มารดา บิดา ดูกรภิกษุทั้งหลาย บุตร พึงประคับประคองมารดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง พึงประคับประคองบิดาด้วยบ่าข้างหนึ่ง เขามีอายุ มีชีวิตอยู่ตลอด 100 ปี และเขาพึงปฏิบัติท่านทั้ง 2 นั้นด้วยการอบกลิ่น การนวด การให้อาบน้ำ และการดัด และท่านทั้ง ๒ นั้น พึงถ่ายอุจจาระ ปัสสาวะ บนบ่าทั้งสองข้าง ของเขานั่นแหละ ดูกรภิกษุทั้งหลาย การกระทำอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอันบุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ดูกรภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง บุตรพึงสถาปนามารดาบิดาในราชสมบัติ อันเป็นอิสราธิปัตย์ ในแผ่นดิน ( เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ ) ใหญ่อันมีรตนะ ๗ ประการ มากหลายนี้ ( คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ม้าแก้ว มณีแก้ว นางแก้ว ขุนพลแก้ว ขุนคลังแก้ว ) การกระทำกิจอย่างนั้น ยังไม่ชื่อว่าอัน บุตรทำแล้วหรือทำตอบแทนแล้วแก่มารดาบิดาเลย ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะ มารดาบิดามีอุปการะมาก บำรุงเลี้ยง แสดงโลกนี้แก่บุตรทั้งหลาย ส่วนบุตรคนใดยังมารดาบิดาผู้ไม่มีศรัทธา ให้สมาทานตั้งมั่นในศรัทธาสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้ทุศีล ให้สมาทานตั้งมั่นในศีลสัมปทา ยังมารดาบิดาผู้มีความตระหนี่ ให้สมาทานตั้งมั่นในจาคสัมปทา ยังมารดาบิดาทรามปัญญา ให้สมาทานตั้งมั่นใน ปัญญาสัมปทา ดูกรภิกษุทั้งหลาย ด้วยเหตุมีประมาณเท่านี้แล การกระทำอย่างนั้นย่อมชื่อว่าอันบุตรนั้นทำแล้ว และทำตอบแทนแล้ว แก่มารดาบิดา ฯ ดังที่พระพุทธเจ้าตรัสนั้น จะเห็นว่า การปรนนิบัติดูแลบิดามารดาภายนอก การมอบทรัพย์สมบัติให้ท่านมากมายแค่ไหน แม้แต่การมอบความเป็นใหญ่ให้ท่านเพียงไรก็ตาม ก็ยังไม่ถือว่าเป็นการตอบแทนท่านอย่างแท้จริง เพราะเป็นการตอบแทนโดยการให้ทรัพย์สมบัติหรือความสุขต่างๆในทางโลกเท่านั้น แต่การตอบแทนที่แท้จริงและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อบิดามารดาที่บุตรพึงกระทำ คือ 1.หากบิดามารดาเป็นผู้ไม่มีศรัทธาในพระพุทธศาสนา ก็จงชักนำท่านให้เกิดความศรัทธา 2.หากบิดามารดา เป็นผู้ไม่มีศีล ก็จงชักนำท่านให้ตั้งมั่นอยู่ในศีล 3.หากบิดามารดาเป็นผู้ตระหนี่ถี่เหนียว ก็จงชักนำท่านให้บริจาคทานหรือการสละทรัพย์ต่างๆ 4.หากบิดามารดาเป็นผู้ขาดปัญญา ก็จงชักนำท่านให้ทำสมาธิภาวนา เพื่อให้ท่านเกิดปัญญา การตอบแทนบิดามารดาด้วยการชักนำให้ท่านถึงพร้อมด้วยศรัทธา ด้วยศีล ด้วยจาคะ ด้วยปัญญานั้น จะเป็นเหตุให้บิดามารดามีโอกาสบรรลุธรรมได้ในภายภาคหน้า การกระทำใน ๔ อย่างนี้ จึงถือได้ว่าเป็นการตอบแทนบิดามารดาอย่างแท้จริงและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวของท่านเอง แต่อย่างไรก็ดี การปฏิบัติดูแลบิดามารดาในภายนอก เช่น การดูแลท่าน การช่วยแบ่งเบาภาระต่างๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรกระทำอยู่แล้วในฐานะของบุตร แต่จะให้ดีที่สุด ก็ควรพึงกระทำใน ๔ อย่างควบคู่ไปด้วย คือ การชักนำท่านให้เข้าถึงศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา เพื่อเป็นการตอบแทนพระคุณอย่างสูงสุด เครดิต ; FB อมตะธรรม ประเทศไทย ..................................................... ยังมีสาระเรื่องราวดี ๆ ที่อยากเล่าตามมาดูเราได้ที่ ; My blogs link 👆 https://sites.google.com/site/dhammatharn/ https://abhinop.blogspot.com https://abhinop.bloggang.com ..................................................... ททมาโน ปิโยโหติ #ผู้ให้ย่อมเป็นที่รัก A giver is always beloved. .....................................................
Create Date : 14 กุมภาพันธ์ 2564 |
Last Update : 14 กุมภาพันธ์ 2564 13:23:34 น. |
|
3 comments
|
Counter : 1500 Pageviews. |
|
|
A giver is always beloved.