นกเทพย่อมมีบารมีของเทพ สายลมอ่อนๆ เบาสบาย มือพัดไปมา จิตตรองกลยุทธ์ วางแผนจัดการได้ทุกเรื่องในโลก
Group Blog
 
All Blogs
 

พุทธประวัติ สถานที่เสวยวิมุติสุข 7 แห่งหลังการตรัสรู้ 6


ขณะนั้น บาตรดินอันเป็นทิพย์ 
ซึ่งฆฏิการพรหมถวายแต่วันแรกทรงบรรพชา 
เกิดอันตรธานหายไปจากที่นั้น 
พระมหาบุรุษก็ทรงเหยียดพระหัตถ์ออกรับ 
แล้วทอดพระเนตรดูนางสุชาดา แสดงให้นางรู้ชัดว่า 
พระองค์ไม่มีบาตรจะถ่ายใส่ข้าวปายาสไว้ 
นางสุชาดาทราบชัดโดยพระอาการ ก็กราบทูลว่า 
หม่อมฉันขอถวายทั้งถาด พระองค์มีพระประสงค์ประการใด 
โปรดนำไปตามพระหฤทัยเถิด แล้วถวายอภิวาททูลอีกว่า 
ความปรารถนาของหม่อมฉันสำเร็จฉันใด 
ขอสิ่งซึ่งพระหฤทัยของพระองค์ประสงค์จงสำเร็จฉันนั้นเถิด 
แล้วนางก็ก้มลงกราบ ถวายบังคมลา 
กลับเรือนด้วยความสุขใจเป็นล้นพ้น 


ส่วนพระมหาบุรุษ เสด็จลุกจากที่ประทับ 
ทรงถือถาดข้าวปายาส เสด็จไปยังฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา 
ประทับบ่ายพระพักตรสู่บุรพาทิศแล้ว 
ทรงปั้นข้าวปายาสเป็นปั้น ๆ ได้ ๔๙ ปั้น 
เสวยจนหมด แล้วทรงถือถาดลงสู่แม่น้ำ 








ทรงอธิษฐานเสี่ยงพระบารมีว่า 
ถ้าอาตมาจะได้ตรัสแก่พระปรมาภิเสกสัมโพธิญาณแล้ว 
ขอให้ถาดนี้จงลอยทวนกระแสน้ำขึ้นไป 
แล้วทรงลอยถาดทองนั้นลงในแม่น้ำเนรัญชรา 
ขณะนั้นอานุภาพพระบารมีของพระองค์ซึ่งทรงบำเพ็ญมาบริบูรณ์ดีแล้ว 
ได้แสดงให้เห็นอัศจรรย์ 
ถาดทองนั้นได้ลอยทวนกระแสน้ำเนรัญชราขึ้นไปประมาณ ๑ เส้น 
แล้วถาดทองนั้นก็จมลงตรงนาคภพพิมาน แห่งพญากาฬนาคราช 

ครั้นพระมหาบุรุษได้ทอดพระเนตรเห็นเป็นนิมิตอันดีเช่นนั้น 
ก็เพิ่มความแน่พระทัยว่า จะได้ตรัสรู้เป็นพระสัพพัญญูสัมพุทธเจ้า 
โดยหาความสงสัยมิได้ ก็ทรงโสมนัสเสด็จมายังสาลวัน 
ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ประทับพักที่ภายใต้ร่มไม้สาลพฤกษ์ 
พอเวลาสายันห์ตะวันบ่าย ก็เสด็จออกจากหมู่ไม้สาละ ที่พักกลางวัน 
เสด็จดำเนินไปสู่ควงไม้อสัตถะโพธิพฤกษ์มณฑล 
พบโสตถิยะพราหมณ์ในระหว่างทาง 
โสถิยะพราหมณ์เลื่อมใส น้อมถวายหญ้าคา ๘ กำ 





พระมหาบุรุษรับหญ้าคาแล้ว เสด็จไปร่มไม้อสัตถะนั้น 
ณ ด้านปราจีนทิศ ทรงอธิษฐานว่า 
ถ้าอาตมาจะได้ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว 
ขอจงเกิดเป็นรัตนบัลลังก์แก้วขึ้นรองรับพระสัพพัญญุตญาณในที่นี้ 
ทันใดนั้น บัลลังก์แก้วอันวิจิตรงามตะการ 
ก็บรรดาลผุดขึ้นสมดังพระทัยประสงค์ ควรจะอัศจรรย์ยิ่งนัก 






เรื่องราวต่อไปขอให้ย้อนกลับไปอ่านกระทู้  
พุทธประวัติที่เกี่ยวกับการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ในคืนวันวิสาขมาส 1

//www.bloggang.com/mainblog.php?id=venfaa&month=26-01-2013&group=3&gblog=4




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2556 21:14:31 น.
Counter : 756 Pageviews.  

พุทธประวัติ สถานที่เสวยวิมุติสุข 7 แห่งหลังการตรัสรู้ 5

พุทธประวัติ สถานที่เสวยวิมุติสุข 7 แห่งหลังการตรัสรู้ 5





เพราะว่าต้นอชปาลนิโครธนี้
เป็นจุดที่มหาบุรุษรับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดาด้วย
จึงขอกล่าวถึงประวัติของมหาบุรุษ
โดยเท้าความตั้งแต่ที่มหาบุรุษเลิกบำเพ็ญทุกรกิริยาเป็นต้นมา


พระมหาบุรุษเมื่อทรงเลิกละทุกกรกิริยาแล้ว 
ก็ทรงเริ่มเสวยพระอาหารข้น 
บำรุงร่างกายให้กลับมีกำลังขึ้นได้เป็นปกติอย่างเดิมแล้ว 
ก็ทรงเริ่มทำความเพียรทางจิตต่อไป 
จนถึงราตรีวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ เวลาบรรทมหลับ 
ทรงพระสุบิน ๕ ประการ คือ 

๑. ทรงพระสุบินว่า พระองค์ทรงผทมหงายเหนือพื้นปฐพี 
พระเศียรหนุนเขาหิมพานต์เป็นพระเขนย 
พระหัตถ์ซ้ายหยั่งลงในมหาสมุทรทิศตะวันออก 
พระหัตถ์ขวาและพระบาททั้งคู่ก็หยั่งลงในมหาสมุทรทิศใต้ 

๒. ทรงพระสุบินว่า หญ้าแพรกเส้นหนึ่งรอกจากพระนาภี 
สูงขึ้นไปจนถึงท้องฟ้า 

๓. ทรงพระสุบินว่า หมู่หนอนทั้งหลาย 
สีขาวบ้าง ดำบ้าง เป็นอันมาก ไต่ขึ้นมาแต่พื้นพระบาททั้งคู่ 
ปกปิดลำพระชงฆ์หมด และไต่ขึ้นมาถึงพระชานุมณฑล 

๔. ทรงพระสุบินว่า ฝูงนก ๔ จำพวก มีสีต่าง ๆ กัน 
คือ สีเหลือง เขียว แดง ดำ บินมาแต่ทิศทั้ง ๔ ลงมาจับแท่นพระบาท 
แล้วกลับกลายเป็นสีขาวไปสิ้น 

๕. ทรงพระสุบินว่า เสด็จขึ้นไปเดินจงกลมบนยอดภูเขา
อันเต็มไปด้วยอาจม แต่อาจมนั้นมิได้ทรงเปื้อนพระยุคลบาท 

ในพระสุบินทั้ง ๕ ข้อนั้น มีอธิบายว่า 

ข้อ ๑. พระมหาบุรุษเจ้าจะได้ตรัสรู้ เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
เป็นผู้เลิศในโลกทั้ง ๓ 

ข้อ ๒. พระมหาบุรุษจะได้ทรงประกาศสัจธรรม 
เผยมรรค ผล นิพพาน แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งมวล 

ข้อ ๓. คฤหัสถ์ พราหมณ์ทั้งหลาย 
จะเข้ามาสู่สำนักของพระองค์เป็นอันมาก 

ข้อ ๔. ชาวโลกทั้งหลาย คือ กษัตริย์ พราหมณ์ แพศย์ ศูทย์ 
เมื่อมาสู่สำนักของพระองค์แล้ว 
จะรู้ทั่วถึงธรรมอันบริสุทธิ์หมดจดผ่องใสไปสิ้น 

ข้อ ๕. ถึงแม้พระองค์จะพร้อมมูลด้วยสักการะอามิส 
ที่ชาวโลกทุกทิศน้อมถวายด้วยความเลื่อมใส 
ก็มิได้มีพระทัยข้องอยู่ให้เป็นมลทินแม้แต่น้อย 



ครั้นพระมหาบุรุษตื่นบรรทมแล้ว 
ก็ทรงดำริถึงข้อความในพระมหาสุบินทั้ง ๕ 
แล้วทำนายด้วยพระปรีชาญาณของพระองค์เอง 
ว่าจะได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นแน่แท้ 
ครั้นได้ทรงทำสรีระกิจ สระสรงพระกายหมดจดแล้ว 
ก็เสด็จมาประทับนั่ง ณ ที่ควงไม้นิโครธพฤกษ์ 
ในยามเช้าแห่งวันเพ็ญวิสาขะปุรณมี ดิถีกลางเดือน ๖ ปีระกา 

ประจวบด้วยวันวาน เป็นวันที่นางสุชาดา 
ธิดาของคฤหบดีผู้มั่งคั่งในตำบลนั้น 
นางได้ตั้งปณิธานบูชาเทพารักษ์ไว้ว่า 
ขอให้นางได้สามีที่มีตระกูลเสมอกัน 
และขอให้ได้บุตรคนแรกเป็นชาย 
ครั้นนางได้สามีและบุตรสมนึก 
นางจึงคิดจะหุงข้าวมธุปายาสอันประณีตด้วยเครื่องปรุงทุกประการ 
ไปบวงสรวงเทพารักษ์ที่ได้ไปบนบานไว้ 
ดังนั้นในวันขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๖ 
จึงสั่งให้บ่าวไพร่ตระเตรียมการทำข้าวปายาสเป็นการใหญ่ 
และกว่าจะสำเร็จเป็นข้าวปายาสได้ ก็ตกถึงเพลาเที่ยงคืน 
แล้วนางสุชาดาจึงสั่งนางปุณณทาสี 
หญิงคนใช้ที่สนิทให้ออกไปทำความสะอาด 
แผ้วกวาดที่โคนต้นนิโครธพฤกษ์นั้น 
เพื่อจะได้จัดเป็นที่ตั้งเครื่องสังเวยเทพารักษ์ 

ดังนั้น นางปุณณทาสี จึงได้ตื่นแต่เช้า 
เดินทางไปยังต้นนิโครธพฤกษ์นั้น 
เห็นพระมหาบุรุษทรงประทับนั่งอยู่ ณ ควงไม้นั้น 
ผันพระพักตร์ทอดพระเนตรไปทางปราจีนทิศ (ตะวันออก) 
มีรัศมีพระกายแผ่ซ่านออกไปเป็นปริมณฑล งามยิ่งนัก 
นางก็นึกทึกทักตระหนักแน่ในจิตทันทีว่า 
วันนี้ เทพยดาเจ้าลงจากต้นไทรงาม 
นั่งคอยรับข้าวปายาสของสังเวยของเจ้าแม่ด้วยมือทีเดียว 
นางก็ดีใจรีบกลับมายังเรือน บอกนางสุชาดาละล่ำละลักว่า 
เทพารักษ์ที่เจ้าแม่มุ่งทำพลีกรรมสังเวยนั้น 
บัดนี้ ได้มานั่งรอเจ้าแม่อยู่ที่ควงไม้ไทรแล้ว 
ขอให้เจ้าแม่รีบไปเถอะ 

นางสุชาดามีความปลาบปลื้มกล่าวว่า 
ขอให้เจ้าเป็นลูกคนโตของแม่เถิด 
แล้วจึงมอบเครื่องประดับแก่นางปุณณทาสี 
และให้หยิบถาดทองมา ๒ ถาด 
ถาดหนึ่งใส่ข้าวปายาสจนหมด มิได้เหลือเศษไว้เลย 
ข้าวปายาสเต็มถาดพอดี แล้วให้ปิดด้วยถาดทองอีกถาดหนึ่ง 
แล้วห่อหุ้มด้วยผ้าทองอันบริสุทธิ์ 

ครั้นนางสุชาดาแต่งกายงามด้วยอาภรณ์เสร็จแล้ว 
ก็ยกถาดข้าวปายาสขึ้นทูลเหนือเศียรเกล้าของนาง 
ลงจากเรือนพร้อมด้วยหญิงคนใช้เป็นบริวารติดตามมาเป็นอันมาก 
ครั้นถึงต้นไทรเห็นพระมหาบุรุษงามด้วยรัศมีดังนั้น 
ก็มีความโสมนัสเป็นอย่างยิ่ง สำคัญว่าเป็นรุกขเทวดาโดยแท้ 
เดินยอบกายเข้าไปเฝ้าแต่ไกลด้วยคารวะ 
ครั้นเข้าไปใกล้จึงน้อมถาดข้าวปายาสถวายด้วยความเคารพยิ่ง 










 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2556 21:13:43 น.
Counter : 605 Pageviews.  

พุทธประวัติ สถานที่เสวยวิมุติสุข 7 แห่งหลังการตรัสรู้ 4

สำหรับจุดที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขสัปดาห์ที่ 5 นี้





มีเทวาลัยของฮินดูมาตั้งอยู่ติดกัน แต่ทางฮินดูก็ไม่ได้มายุ่งอะไร
ยังคงมีคนที่ดูแลสถานที่ไม่แน่ใจว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลหรือไม่
ซึ่งจะเข้าไปที่ต้นอชปาลนิโครธจะต้องเดินผ่านเทวาลัยไปด้านหลัง




ก็จะมีทางเข้าเล็ก ๆ หน้าทางเข้ามีโรงเรียนสำหรับเด็กเล็ก ๆ เป็นห้องไม่ใหญ่
ไม่รู้ว่าเรียนกันได้อย่างไร สงสัยหน้าหนาวคงจะมานั่งตากแดดเรียนกันข้างนอกห้อง
ห้องเรียนจึงไม่จำเป็น แต่ก็ไม่เห็นมีนักเรียนสักคน เขาบอกว่าเป็นวันหยุด
ในภาพที่เห็นมีคน 2 คนนั่งยอง ๆ อยู่นั่นแหละ
คนหนึ่งคือเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งเป็นขอทาน
เมื่อเข้าประตูเล็ก ๆ ไปก็จะมีรูปมหาบุรุษรับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดาอยู่





มีป้ายเขียนเป็นภาษาอังกฤษแปลเป็นไทยว่า
จุดนี้เรียกว่าสุชาดา temple 
เป็นสถานที่ซึ่งนางสุชาดาถวายข้าวมธุปายาสแก่มหาบุรุษ
ด้านหลังรูปนี้อีกทีก็จะเป็นต้นอชปาลนิโครธ





เมื่อพวกเราบูชากันเรียบร้อยแล้วก็ขอเข้าไปดูเทวาลัยเสียหน่อย
เข้าไปก็ต้องถอดรองเท้าด้วยนะครับไม่งั้นพราหมณ์จะว่าเอา
ในเทวาลัยมีพราหมณ์คนหนึ่งดูแลสถานที่อยู่
โดมแต่ละยอดด้านล่างลงมาก็จะเป็นห้อง 1 ห้องมีเทวรูปตั้งอยู่ต่าง ๆ กันไป






ห้องนี้เป็นของพระนารายณ์






ห้องนี้เป็นของหนุมาณ

เช้าวันนั้นเขากำลังทำพิธีร้องเพลงสรรเสริญเทวดาอยู่
แปลกดีเหมือนกัน เขาเพิ่งอาบน้ำ นุ่งผ้าผืนเดียว
ยืนอยู่หน้าห้อง ๆ หนึ่ง ร้องเพลงสรรเสริญเทวดาเป็นท่วงทำนองฟังดูแล้ว
พราหมณ์คนนี้ซุ้มเสียง ลูกคอดีทีเดียว
พวกเราเข้าไปเขาก็ไม่สนใจ มีสมาธิจดจ่ออยู่กับการร้องเพลงอย่างเดียว
ดีเหมือนกัน

ออกมาก็ต้องเจอกับเด็กที่มาขอเงินตามเคย
ไม่กี่คนพวกเราก็ให้เงินให้ขนมไป
ได้ไปก็ยังไม่พอขอเพิ่มอีก พวกเราขึ้นรถขับออกมาแล้วก็ยังวิ่งตามรถมา





ทำให้คนในคณะทนไม่ไหว โยนขนมไปให้อีก ถึงได้หยุดวิ่ง
น่าสนุกดีเหมือนกัน

ดูไปดูมาเห็นชาวญี่ปุ่นกำลังเดินมาที่นี่ หลังจากที่พวกเราออกมาแล้ว
เขาเดินมาจากสถูปบ้านนางสุชาดาตามที่ได้กล่าวไปแล้ว
จุดนี้เป็นจุดที่คณะทัวร์จากประเทศไทยไม่ค่อยนิยมพากันเข้ามา
เนื่องจากเสียเวลาเดินมาก พอมาถึงบ้านนางสุชาดาแล้ว
ก็มักจะชี้ให้ลูกทัวร์มองจากตรงนั้นเลยเป็นการประหยัดเวลา
แต่การที่ได้เข้ามาดูก็เป็นบุญตาและเป็นประสบการณ์ที่มีค่ามากทีเดียว 





 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 18 พฤษภาคม 2556 21:00:14 น.
Counter : 966 Pageviews.  

พุทธประวัติ สถานที่เสวยวิมุติสุข 7 แห่งหลังการตรัสรู้ 3

พุทธประวัติ สถานที่เสวยวิมุติสุข 7 แห่งหลังการตรัสรู้ 3




ณ สถานที่แห่งนี้ยังมีเรื่องราวในพุทธประวัติที่น่าสนใจอีก

ทรงขับนางมาร 

ครั้งนั้น พญาวัสวดีมาร มีความน้อยใจ 
ที่ต้องปราชัยพ่ายแพ้พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
อับอายแก่เทพเจ้าทั้งหลาย 
ที่ต้องยอมให้พระสิทธัตถะล่วงพ้นจากวิสัยของตนไปได้ 
มีใจโทมนัส จึงหนีออกจากเทวโลก ลงมานั่งในทางใหญ่แห่งหนึ่ง 

ขณะนั้น นางมารธิดาทั้ง ๓ 
คือ นางตัณหา นาราคา นางอรดี 
มิได้เห็นพญาวัสวดีมาร ผู้เป็นบิดาอยู่ในเทวโลก 
ครั้นแลลงมาด้วยทิพพจักษุ 
ก็เห็นพระบิดาไปนั่งอยู่ที่ทางใหญ่ในมนุษย์โลก 
นางทั้ง ๓ จึงพากันมาหาพญาวัสวดีมาร 
แล้วทูลถามว่า พระบิดาทรงทุกข์ด้วยเหตุประการใด 
พญามารก็แจ้งความจริงใจแก่ธิดาทั้ง ๓ นั้น 
นางมารธิดาทั้ง ๓ จึงทูลว่า 
พระบิดาอย่าทรงทุกข์ร้อนไปเลย 
ข้าพเจ้าทั้ง ๓ จะรับอาสาไปทำพระสิทธัตถะให้อยู่ในอำนาจ 
แล้วจะนำมาถวายพระองค์ให้จงได้ 

พญามารจึงตรัสว่า "ลูกเอ๋ย แต่นี้ไป 
ไม่มีผู้ใดจะสามารถทำพระสิทธัตถะให้อยู่ในอำนาจเสียแล้ว" 

นางมารธิดาก็แย้งว่า 
ข้าพเจ้าทั้ง ๓ คงจะพันธนาการพระสิทธัตถะด้วยบ่วง 
มีราคะเป็นต้น ให้อยู่ได้ เพราะข้าพเจ้าเป็นสตรี 
จะพยายามไปผูกพระสิทธัตถะมาให้จงได้ในกาลบัดนี้ 
พระองค์อย่าทรงวิตกไปเลย 
แล้วนางมารทั้ง ๓ ก็ทูลลาพระบิดามาสู่สำนักพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
ซึ่งประทับนั่งอยู่ที่ร่มไม้อชปาลนิโครธ 
แล้วกราบทูลว่า ข้าแต่พระมหาสมณะ 
หม่อมฉันจะถวายการบำเรอพระยุคลบาทของพระองค์ 

ครั้งนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
มิได้ทรงเอาพระทัยใส่ในถ้อยคำของนางมารธิดาทั้ง ๓ นั้น 
ทั้งมิได้ทรงลืมพระเนตรขึ้นทัศนาการดูทีท่าของธิดามารทั้ง ๓ 
ทรงดุษณียภาพนิ่งอยู่เป็นปกติ 









นางมารก็ดำริว่า ธรรมดาบุรุษย่อมมีอัธยาสัยเสน่หาในสตรี
ที่มีสรีระรูปผิวพรรณสัณฐานต่าง ๆ กัน 
แล้วต่างก็นิมิตเป็นนางงามต่าง ๆ 
แสดงท่าทางโดยมุ่งหมายจะให้เป็นที่ต้องพระทัยปรารถนา 
เข้าทูลเล้าโลมดุจกาลก่อน 
ครั้นเห็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามิได้ทรงตรัสประการใด 
ก็แสดงมายาหญิง โดยอาการพิลาศ ชำเลืองเนตร 
ฟ้อนรำ ขับร้องมีประการต่าง ๆ 
ทุกวิธีที่เห็นว่าจะคล้องน้ำพระทัยพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ 
แต่ก็ไม่สามารถจะทำให้น้ำพระทัยของพระองค์ผิดปกติ 

ลำดับนั้น พระสัมพุทธเจ้าจึงออกพระโอฐขับมารธิดาว่า 
"มารธิดาเอย เจ้าจงออกไปเสียให้พ้นจากที่นี้ 
เจ้าจะได้ประโยชน์อะไร ในการที่มาพยายามเล้าโลมตถาคต 
ด้วยทุกสิ่งที่เจ้ามุ่งหมายนั้น ตถาคตได้ทำลายเสียแล้ว 
เจ้าควรจะไปประเล้าประโลมบุรุษผู้มีราคะบริบูรณ์ 
เมื่อตถาคตไม่มีร่องรอยอะไรเลย 
แล้วจะนำตถาคตไปด้วยร่องรอยอะไร 
ไม่เป็นผลที่มุ่งหมายอันใดแก่เจ้าดอก จงออกไปเสีย" 

ในทันใดนั้นเอง ด้วยอานุภาพของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า 
บรรดาลให้ร่างกายอันงามของมารธิดาทั้ง ๓ นาง 
ซึ่งไม่เชื่อฟังพระโอวาท พยายามออดอ้อนอิดเอื้อนอยู่อีก 
ได้กลับกลายร่างเป็นหญิงชรา น่าสังเวช 
นางทั้ง ๓ เมื่อได้เห็นร่างกายของตนเปลี่ยนแปลงไปเช่นนั้นก็ตกใจ 
พากันหนีออกจากที่นั้นโดยเร็ว และกล่าวกันว่า 
เป็นความจริงดังพระบิดาของเราได้เตือนแล้วแต่แรกว่า 
ไม่มีใครที่จะมาทำพระสิทธัตถะให้อยู่ในอำนาจได้แล้ว 
ก็อันตรธานไปจากที่นั้น 

ต่อมามีพราหมณ์ผู้หนึ่ง มีนิสัยเป็นหุหุกชาติ 
ชอบตวาดข่มขี่ผู้อื่นด้วยวาจาว่า หึ หึ มายังที่นั้น 
ได้ทูลถามถึงพราหมณ์และธรรม อันทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์ว่า 
"บุคคล ชื่อว่า เป็นพราหมณ์ด้วยเหตุเพียงเท่าไร และธรรมอะไร 
ทำบุคคลให้เป็นพราหมณ์" 

พระองค์ตรัสตอบว่า 
"พราหมณ์ ผู้ใดมีบาปธรรมอันลอยเสียแล้ว 
ไม่มีกิเลสเป็นเครื่องขู่ผู้อื่นว่า หึ หึ เป็นคำหยาบ 
และไม่มีกิเลสอันย้อมจิตให้ติดแน่นดุจน้ำฝาด 
มีตนสำรวมแล้ว ถึงที่สุดแห่งเวทแล้ว 
มีพรหมจรรย์ได้อยู่จบแล้ว 
ผู้นั้น ไม่มีกิเลสเครื่องฟูในโลก แม้น้อยหนึ่ง 
ควรกล่าวได้ว่าตนเป็นพราหมณ์ โดยธรรม" 






ทรงพระดำริถึงพระองค์ว่า 
การดำรงพระองค์อยู่โดยความเป็นผู้ไม่มีที่เคารพ กราบไหว้ 
เป็นความลำบาก ก็แลพระองค์ควรจะเคารพกราบไหว้ผู้ใดดี 
เมื่อได้ทรงพิจารณาเลือกหาผู้ที่ทรงคุณสมบัติยิ่งกว่า 
ควรที่พระองค์จะทรงเคารพ ก็มิได้ทรงมองเห็นใครผู้ใดผู้หนึ่ง 
ซึ่งเป็นผู้สูงด้วยคุณธรรม ควรแก่การคารวะ 

ทรงพระดำริว่า พระโลกุตตรธรรม 
ที่ตถาคตได้ตรัสรู้นี้แล เป็นปูชนียธรรมอันประเสริฐสุด 
ควรแก่การเคารพบูชาอย่างยิ่ง 
แม้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลาย
ที่เสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปแล้วทุก ๆ พระองค์ 
ก็ทรงเคารพพระสัทธรรม 
ดังนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าจึงทรงเคารพพระธรรม 
ทรงเทิดทูนพระธรรมขึ้นเป็นที่เคารพบูชา 





ต่อนั้น ก็ทรงได้พิจารณาถึงพระธรรม 
ที่พระองค์ได้ทรงตรัสรู้ทั้งหมดนั้น 
เป็นคุณชาติละเอียดสุขุมคัมภีรภาพอย่างยิ่ง 
ยากที่มนุษย์ทั้งหลาย ผู้มีปัญญาน้อย มีความเพียรน้อย 
แม้จะได้สดับแล้ว จะตรัสรู้ตามได้ 
ทำให้พระองค์ทรงท้อพระทัยในอันจะแสดงธรรมโปรดประชากร 





ขณะนั้น ท้าวสหัมบดีพรหม 
ทราบในพระพุทธปริวิตกเช่นนั้น 
จึงชวนเทพยดาเป็นอันมากเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้ายังที่ประทับ 
แล้วกราบทูลอาราธนาว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้ทรงพระมหากรุณาดังทะเลหลวง 
ประชากรทั้งปวงที่มีสาวกบารมีได้สั่งสมไว้มีอยู่ สัตว์ผู้มีธุลีนัยน์ตาน้อย 
ยังมีอยู่ ถ้าพระองค์ได้ทรงพระกรุณาโปรดประทานพระธรรมเทศนา 
ประชาสัตว์ก็จะได้ดวงปัญญาหยั่งรู้ตาม จะได้ข้ามสังสารวัฏฏ์ 
สมดังมโนรถของพระองค์ที่ทรงมุ่งจะรื้อขนสัตว์ให้เข้าสู่พระนิพพาน" 

ครั้นพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงสดับคำอาราธนา
ของท้าวสหัมบดีพรหม ก็ทรงพระจินตนาการว่า 
เป็นธรรมดาของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทั้งหลายที่สืบ ๆ กันมา 
ในอันที่จะประกาศธรรมโปรดประชากร แท้จริง 
ในราตรีแห่งวันที่จะได้ตรัสรู้ ในมัชฌิมยาม





ทรงบรรลุจุตูปปาตญาณ ก็ทรงหยั่งเห็นสันดานของประชาสัตว์สิ้นแล้ว 
ว่ามีอุปนิสสัยต่าง ๆ กัน เป็น ๔ จำพวก คือ 

๑. อุคฆติตัญญู ผู้สามารถจะตรัสรู้ตามพระธรรมเทศนาได้ฉับพลัน 

๒. วิปจิตัญญู ผู้จะตรัสรู้ตามในกาลภายหลังที่สดับรับพระโอวาทแนะนำในกาลต่อไป 

๓. เนยยะ ผู้มีสันดานเพียงเล่าเรียน ศึกษา ปฏิบัติตามโอวาท ซึ่งสามารถจะรู้ได้ในกาลภายหลัง 

๔. ปทปรมะ ผู้ยากที่จะสั่งสอน แม้จะได้สดับธรรม ก็จะได้ผลเพียงเป็นอุปนิสสัยปัจจัยในภาพต่อไป ดังดอกบัว ๔ เหล่านั้น จึงได้ทรงน้อมพระทัยไปในอันที่จะแสดงธรรมโปรดประชาสัตว์ ทรงรับอาราธนาของท้าวสหัมบดีพรหม ตั้งพระทัยจะประดิษฐานพระพุทธศาสนาด้วยดี ให้เกิดแก่พุทธบริษัททั้ง ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา แผ่ไพศาลก่อนที่จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานสืบไป 




 

Create Date : 18 พฤษภาคม 2556    
Last Update : 23 พฤษภาคม 2556 20:54:00 น.
Counter : 780 Pageviews.  

พุทธประวัติ สถานที่เสวยวิมุติสุข 7 แห่งหลังการตรัสรู้ 2


ต่อนั้นก็เสด็จไปประทับนั่งยังรัตนะฆรเจดีย์ อ่านว่า คอ-ระ-เจ-ดี 
เรือนแก้ว ในทิศปัจจิม หรือทิศพายัพ แห่งไม้มหาโพธิ์ 
ซึ่งเทพยดานิมิตถวาย ทรงพิจารณาพระอภิธรรมปิฎกตลอด ๗ วัน






จุดนี้อยู่ทางด้านทิศเหนือของพระมหาเจดีย์ 
ลักษณะรูปทรงเป็นวิหารสี่เหลี่ยมไม่มีหลังคามุง 
กว้างประมาณ 11 ฟุต ยาวประมาณ 14 ฟุต 
รอบข้างเต็มไปด้วยเจดีย์โบราณ 
มีพระพุทธรูปสมัยคุปตะและสมัยปาละ 
พิจารณาแล้วเห็นน่าจะมีผู้นำมาตั้งไว้ในสมัยหลัง ๆ 
หน้าประตูเข้าด้านตะวันตกมีป้ายภาษาอังกฤษแปลเป็นไทยว่า 
รัตนฆรเจดีย์ สถานที่พระพุทธองค์เสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ 4 
ทรงเปล่งฉัพพรรณรังสี ณ สถานที่นี้อยู่ 7 วัน

ในอรรถกถาเล่าว่า เทวดาทั้งหลาย 
เนรมิตเรือนแก้วทางทิศพายัพจากตันโพธิ์
ถวายพระพุทธองค์ให้ประทับนั่งขัดสมาธิเพชรในเรือนแก้วนั้น 
และทรงพิจารณาพระอภิธรรมปิฎก และสมันตปัฏฐานอนันตนัย 
ซึ่งมีนัยไม่สิ้นสุดในพระอภิธรรมนั้น โดยพิสดาร 
ทรงปฏิบัติอยู่เช่นนี้ตลอด 7 วัน 
สถานที่นี้จึงชื่อว่า รัตนฆรเจดีย์








ต่อนั้น จึงเสด็จไปประทับยังร่มไทร 
ซึ่งเป็นที่อาศัยพักร่มของคนเลี้ยงแพะ 
อันมีนามว่า อชปาลนิโครธ 






สถานที่แห่งนี้อยู่เลยสถูปบ้านนางสุชาดาไปอีกนิดหน่อย
ประมาณไม่เกิน 500 เมตร 
สามารถมองเห็นได้เมื่อยืนอยูบนสถูปบ้านนางสุชาดา 
ปัจจุบันมีเทวาลัยของฮินดูเป็นที่สังเกตุ 
บริเวณนั้นมีต้นไทรใบใหญ่ อายุ ประมาณ 100 ปีขึ้นไป 5-6 ต้น 
ทำให้ระลึกถึงในครั้งพุทธกาลว่า 
ณ ที่แห่งนี้เป็นที่ตั้งของต้นอชปาลนิโครธ 
หรือต้นไทรที่เด็กเลี้ยงแพะชอบมาพักเพื่อหลบลมร้อน 
ฝูงแพะก็ได้เก็บกินใบที่ตกลงมา






พระพุทธองค์ทรงประทีบเสวยวิมุตติสุขในสัปดาห์ที่ 5 
ณ ควงไม้อชปาลนิโครธนี้ตลอด 7 วัน 
ทรงตรึกถึงบุคคลที่สมควรได้รับฟังคำสอน 
เกิดคำอุปมาแห่งบุคคลเปรียบเสมือนบัว 4 เหล่า 
(ในพระไตรปิฎกว่ามี 3 เหล่า) 
และท้าวสหัมบดีพรหมได้ทราบทูลอาราธนา
ให้พระพุทธองค์ทรงแสดงธรรม 

และสถานที่แห่งนี้เมื่อก่อนจะตรัสรู้ 
พระมหาบุรุษได้ทรงรับข้าวมธุปายาสจากนางสุชาดา 
ธิดากถฎุมพีแห่งอุรุเวลาเสนานิคม ณ ที่แห่งนี้เช่นกัน

การที่จะไปให้ถึงควงไม้ไทรนี้ จะต้องเดินลัดทุ่งนา 
โดยตั้งต้นจากสถูปบ้านนางสุชาดา 
ลัดเลาะผ่านหมู่บ้านชาวอินเดียไปไม่นานก็ถึง 
หรือ นั่งรถสามล้อเครื่องเข้าไปเท่านั้น 

ล่าสุดข้อมูลปี 2556  มีการทำถนนเข้าไปถึงแล้วครับ
รถใหญ่ก็สามารถเข้าไปถึงได้แต่คณะทัวร์ไทยก็ยังไม่นิยม
พาไปสักการะที่แห่งนี้ เพราะส่วนใหญ่จะไม่มีเวลาพอนั่นเอง




 

Create Date : 27 มกราคม 2556    
Last Update : 27 มกราคม 2556 22:07:36 น.
Counter : 1308 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  

venfaa
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นกเทพย่อมมีบารมีของเทพ
สายลมอ่อนๆ เบาสบาย
มือพัดไปมา จิตตรองกลยุทธ์
วางแผนจัดการได้ทุกเรื่องในโลก


venfaa
Friends' blogs
[Add venfaa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.