นกเทพย่อมมีบารมีของเทพ สายลมอ่อนๆ เบาสบาย มือพัดไปมา จิตตรองกลยุทธ์ วางแผนจัดการได้ทุกเรื่องในโลก
Group Blog
 
All Blogs
 
พุทธประวัติ เกี่ยวกับอุรุเวลากัสสป 3


ในวันรุ่งขึ้น มหายัญญลาภบังเกิดขึ้นแก่อุรุเวลชฎิล 
คือชนชาวอังครัฐทั้งหลาย จะนำเอาขาทนียโภชนียาหารเป็นอันมาก 
มาถวายแก่อุรุเวลชฎิล ๆ จึงดำริแต่ในราตรีว่า 
รุ่งขึ้นพรุ่งนี้มหาชนจะนำเอาเอนกนานาหารมาสู่สำนักอาตมา 
หากพระสมณะรูปนี้สำแดงอิทธิปาฏิหาริย์ 
ลาภสักการะก็จะบังเกิดแก่เธอเป็นอันมาก 
อาตมาจักเสื่อมสูญจากสรรพสักการบูชา 
ทำไฉน ณ วันพรุ่งนี้อย่าให้เธอมาสู่ที่นี้ได้ 

สมเด็จพระบรมศาสดาทรงทราบความดำริของชฎิลด้วยเจโตปริญาณ 
ครั้นเพลารุ่งเช้าก็เสด็จไปสู่อุตตรกุรุทวีป 
ทรงบิณฑบาตรได้ภัตตาหารแล้ว 
ก็เสด็จมากระทำภัตตกิจยังฝั่งอโนดาต 
แล้วทรงยับยั้งอยู่ ณ ทิวาวิหารในที่นั้น 
ต่อเพลาสายัณหสมัยจึงเสด็จมาสู่วนสณฑ์สำนัก 
ครั้นรุ่งเช้า กัสสปชฎิลไปทูลอาราธนาเสวยภัตตาหารและทูลถามว่า 
"วานนี้พระองค์ไปแสวงหาอาหารในที่ใด 
ไฉนไม่ไปสู่สำนักข้าพเจ้า ๆ ระลึกถึงพระองค์อยู่" 
จึงมีพระพุทธฎีกาตรัสบอกวาระน้ำจิตของชฎิลที่วิตกนั้นให้แจ้งทุกประการ 
อุรุเวลกัสสปได้สดับ ตกใจ ดำริว่า พระมหาสมณะนี้มีอานุภาพมากแท้ 
เธอล่วงรู้จิตอาตมาถึงดังนั้น ก็ยังไม่เป็นพระอรหันต์ดังอาตมา 

ในกาลนั้น ผ้าบังสุกุลจีวรบังเกิดแก่พระบรมศาสดา 
พระองค์เสด็จพระพุทธดำเนินไปซักผ้าบังสุกุล 
ซึ่งห่อศพนางปุณณทาสี ที่ทอดทิ้งอยู่ในอามกสุสานะป่าช้าผีดิบ 
เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นกษัตริย์อุภโตสุชาติ 
เสด็จจากขัตติยราชสกุลอันสูงด้วยเกียรติศักดิ์ 
ทรงตรัสรู้อนุตตรสัมโพธิญาณ เป็นพระสัมพุทธเจ้า 
เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ เป็นโมลีของโลกเห็นปานนี้แล้ว 
ยังทรงลดพระองค์ลงมาซักผ้าขาวที่ห่อศพนางปุณณทาสี 
ที่ทอดทิ้งอยู่ในป่าช้า เพื่อทรงใช้เป็นผ้าจีวรทรงเช่นนี้ 
เป็นกรณียะที่สุดวิสัยของเทวดาและมนุษย์ซึ่งอยู่ในสถานะเช่นนั้นจะทำได้ 
มหาปฐพีใหญ่ก็กัมปนาทหวั่นไหวเป็นมหาอัศจรรย์ถึง ๓ ครั้ง 
ตลอด ระยะทางทรงพระดำริว่า ตถาคตจะซักผ้าบังสุกุลนี้ในที่ใด ?
ขณะนั้น ท้าวสหัสสนัยอมรินทราธิราชทรงทราบในพุทธปริวิตก 
จึงเสด็จลงมาขุดสระโบกขรณีด้วยพระหัตถ์ในพื้นศิลา 
สำเร็จด้วยเทวฤทธิ์ให้เต็มไปด้วยอุทกวารี 
แล้วกราบทูลพระชินศรี ให้ทรงซักผ้าบังสุกุลในที่นั้น 
ขณะที่ทรงซัก ก็ทรงดำริว่า จะทรงขยำในที่ใดดี 
ท้าวโกสีย์ก็นำเอาแผ่นศิลาใหญ่เข้าไปถวาย 
ทรงขยำด้วยพระหัตถ์ จนหายกลิ่น ๔ อสุภ 
แล้วก็ทรงพระดำริว่าจะห้อยตากผ้าบังสุกุลจีวรในที่ใดดี 
ลำดับนั้นรุกขเทพยดา ซึ่งสิงสถิตอยู่ ณ ไม้กุ่มบก 
ก็น้อมกิ่งไม้นั้นลงมาถวายให้ทรงห้อยตากจีวร 
ครั้นทรงห้อยตากแล้วก็ทรงพระจินตนาว่า จะแผ่พับผ้าในที่ใด 
ท้าวสหัสสนัยก็ยกแผ่นศิลาอันใหญ่มาทูลถวายให้แผ่พับผ้ามหาบังสุกุลนั้น 



เพลารุ่งเช้าอรุณขึ้น อุรุเวลกัสสปไปเฝ้าพระบรมศาสดา 
เห็นสระและแผ่นศิลาทั้งสอง ซึ่งมิได้ปรากฏมีในที่นั้นมาก่อน 
และกิ่งไม้กุ่มน้อมลงมาเช่นนั้น จึงทูลถามพระบรมศาสดา 
ตรัสบอกความทั้งปวงให้ทราบ เมื่อกัสสปได้ฟังก็สดุ้งตกใจ 
ดำริว่า พระสมณะองค์นี้มีเดชานุภาพมากยิ่งนัก แม้ท้าวมัฆวาน 
ยังลงมากระทำการไวยาวัจจกิจถวาย แต่ก็ไม่เป็นพระอรหันต์เหมือนอาตมา 

สมเด็จพระบรมศาสดาเสด็จไปเสวยภัตตาหารของชฎิล 
แล้วก็กลับมาสถิตยังพนาสณฑ์ตำบลที่อาศัย 
ครั้นรุ่งขึ้นในวันเป็นลำดับ กัสสปชฎิลไปทูลนิมนต์ฉันภัตตกิจ 
จึงตรัสว่า "ท่านจงไปก่อนเถิด ตถาคตจะตามไปภายหลัง" 
เมื่อส่งชฎิลไปแล้ว จึงเสด็จเหาะไปนำเอาผลหว้าใหญ่ประจำทวีป 
ในป่าหิมพานต์มาแล้ว ก็เสด็จมาถึงโรงไฟก่อนหน้าชฎิล 




ครั้นชฎิลมาถึงจึงทูลถามว่า พระองค์มาทางใดจึงถึงก่อน 
พระศาสดาจึงตรัสบอกประพฤติเหตุแล้ว ตรัสว่า 
"ดูกรกัสสป ผลหว้าประจำทวีปนี้ มีวรรณสันฐานสุคันธรสเอมโอช 
ถ้าท่านปรารถนาจะบริโภคก็เชิญตามปรารถนา" 
อุรุเวลกัสสปก็ดำริเห็นเป็นอัศจรรย์ดุจหนหลัง 
ครั้นพระศาสดาทรงทำภัตตกิจเสร็จแล้ว ก็เสด็จกลับไปยังพนาสณฑ์ที่สำนัก 

ในวันต่อมา ได้ทรงทำอิทธิปาฏิหาริย์เช่นนั้นอีก ๔ ครั้ง 
คือ ทรงส่งอุรุเวลกัสสปมาก่อนแล้ว เสด็จเหาะไปเก็บผลมะม่วงครั้งหนึ่ง 
เก็บผลมะขามป้อมครั้งหนึ่ง เก็บผลส้มในป่าหิมพานต์ครั้งหนึ่ง 
เสด็จขึ้นไปดาวดึงส์เทวโลก นำเอาผลไม้ปาริฉัตตกครั้งหนึ่ง 
เสด็จมาถึงก่อน คอยท่าอุรุเวลกัสสปอยู่ที่โรงไฟ 
ให้ชฎิลเห็นเป็นอัศจรรย์ใจทุกครั้ง 

วันหนึ่ง ชฎิลทั้งหลายปรารถนาจะก่อไฟ ก็มิอาจผ่าฟืนออกได้ 
จึงดำริว่าที่เป็นทั้งนี้ เพราะฤทธิ์พระมหาสมณะทำโดยแท้ 
พระบรมศาสดาจึงตรัสถาม ครั้นทราบความแล้วก็ตรัสว่า 
ท่านจงผ่าฟืนตามปรารถนาเถิด ในทันใดนั้น ชฎิลก็ผ่าฟืนออกได้ตามประสงค์ 

วันหนึ่ง ชฎิลทั้ง ๕๐๐ ปรารถนาจะบูชาเพลิง 
ก่อเพลิงก็ไม่ติด จึงคิดปริวิตกเหมือนหนหลัง 
พระพุทธเจ้าตรัสถามทราบความแล้ว ก็ทรงอนุญาตให้ก่อเพลิงได้ เ
พลิงก็ติดขึ้นทั้ง ๕๐๐ กอง พร้อมกันในขณะเดียว 
ชฎิลทั้งหลายบูชาเพลิงสำเร็จแล้ว จะดับเพลิง ๆ ก็ไม่ดับ 
จึงดำริดุจหนหลัง พระพุทธเจ้าตรัสถามทราบความแล้ว
ก็ทรงอนุญาตให้ดับเพลิง ๆ ก็ดับพร้อมกันถึง ๕๐๐ กอง 




Create Date : 11 สิงหาคม 2556
Last Update : 11 สิงหาคม 2556 14:24:53 น. 0 comments
Counter : 416 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

venfaa
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




นกเทพย่อมมีบารมีของเทพ
สายลมอ่อนๆ เบาสบาย
มือพัดไปมา จิตตรองกลยุทธ์
วางแผนจัดการได้ทุกเรื่องในโลก


venfaa
Friends' blogs
[Add venfaa's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.