โครงการสัตว์เลี้ยงสุขภาพดี
โครงการสัตว์เลี้ยงสุขภาพดี ทางเลือกใหม่สำหรับคนรักหมา และเหมียว TBG ได้มีโอกาสไปอบรมเรื่องการฝึกสุนัขให้เชื่อฟังคำสั่งที่คณะเทคนิคการสัตวแพทย์ ม.เกษตร ปลายก.พ. ที่ผ่านมา แล้วรู้มาว่ามีโครงการดีๆ สำหรับคนรักน้องหมา น้องเหมียว เลยอยากแนะนำไว้เป็นทางเลือกค่ะ ส่วนไทเกอร์ ก็สมัครเป็นสมาชิกโครงการนี้เรียบร้อยแล้ว สำหรับเจ้าตูบตัวน้อยของท่านที่อายุน้อยกว่า 8 เดือน ทางโครงการคิดค่าสมัครเพียงตัวละ 1000 บ./ปี และสำหรับเจ้าตูบตัวโตที่อายุ 8 เดือนขึ้นไป ทางโครงการคิดค่าสมัครเพียงตัวละ 600 บ./ปี เท่านั้นสุนัข ที่เป็นสมาชิกโครงการ จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังต่อไปนี้ ฟรี 1. ฉีดวัคซีนรวม 5 โรค ได้แก่ โรคไข้หัดสุนัข, โรคตับอักเสบติดต่อในสุนัข, โรคฉี่หนู, โรคหลอดลมอักเสบในสุนัข และโรคลำไส้อักเสบติดต่อในสุนัข 2. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 3. ตรวจพยาธิในเม็ดเลือดปีละ 2 ครั้ง 4. ฉีดยาป้องกันโรคพยาธิหนอนหัวใจและกำจัดเห็บ หมัดในสุนัข ปีละ 6 ครั้ง (ทุกๆ 2 เดือน) 5. ถ่ายพยาธิในระบบทางเดินอาหารทุก 6 เดือน 6. ตรวจเลือดเพื่อเช็คสุขภาพ ปีละ 2 ครั้ง 7. ขูดหินปูนที่ฟัน ปีละ 1 ครั้ง 8. ให้คำแนะนำในการกำจัดและป้องกันเห็บ หมัด เหา และไรในสัตว์เลี้ง และประหยัดค่าใช้จ่ายในการตรวจรักษากรณีที่สุนัขป่วย หรือทำหมัน ทางโครงการจะลดค่ารักษาและค่าบริการให้ทันที 10-20 % สำหรับน้องเหมียว แสนน่ารักของท่านที่อายุน้อยกว่า 8 เดือน ทางโครงการคิดค่าสมัครสมาชิกตัวละ 800 บ./ปี และสำหรับน้องเหมียวที่อายุ 8 เดือนขึ้นไป ทางโครงการคิดค่าสมัครสมาชิกเพียงตัวละ 500 บ./ปี เท่านั้น น้องเหมียวที่เป็นสมาชิกโครงการ จะได้รับสิทธิประโยชน์ดังต่อไปนี้ ฟรี 1. ฉีดวัคซีนรวม 4 โรค ได้แก่ โรคไข้หัดแมว, โรคระบบทางเดินหายใจติดต่อในแมว, โรคช่องปากและลิ้นอักเสบ และโรคลิวคีเมีย 2. ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า 3. ตรวจพยาธิในเม็ดเลือดปีละ 2 ครั้ง 4. ถ่ายพยาธิในระบบทางเดินอาหารทุก 6 เดือน 5. ตรวจเลือดเพื่อเช็คสุขภาพ ปีละ 2 ครั้ง 6. ขูดหินปูนที่ฟัน ปีละ 1 ครั้ง 7. ให้คำแนะนำในการกำจัดและป้องกันเห็บ หมัด เหา และไรในสัตว์เลี้ยง 8. ประหยัดค่าใช้จ่ายในการตรวจรักษากรณีที่แมวป่วย หรือทำหมัน ทางโครงการจะลดค่ารักษาและค่าบริการให้ทันที 10-20 % คณะเทคนิคการสัตวแพทย์ที่อยู่ในบริเวณเดียวกับโรงพยาบาลสัตว์เกษตรค่ะ บริเวณด้านหลังโรงพยาบาล ขับรถหรือไม่ก็เดินเข้าไปก็ได้ ใกล้นิดเดียว สนใจสอบถามได้ตามนี้นะคะโครงการสัตว์เลี้ยงสุขภาพดี วิทยาลัยเทคนิคการสัตว์แพทย์ ม. เกษตรศาสตร์ โทร . 02-579-8574-5 ต่อ 8111 แฟกซ์ . 02-579-8571 มือถือ . 089-676-9295เวลาทำการ วันจันทร์ ศุกร์ เวลา 8.30-16.00 น. วันเสาร์ที่หนึ่งและสองของเดือน เวลา 9.00 - 16.00 น. วันอาทิตย์ที่หนึ่งและสองของเดือน เวลา 9.00-12.00 น.เพื่อสุขภาพที่ดีของน้องหมา น้องเหมียวที่รักของทุกท่านค่ะ
Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2550 18:23:55 น.
Counter : 2222 Pageviews.
โรคสำคัญที่พบบ่อยในสุนัข
โรคสำคัญที่พบสุนัข โรคติดเชื้อไวรัสสำคัญๆ ที่เป็นปัญหาต่อสุขภาพของสุนัขในประเทศไทย มี 5 ชนิด ดังนี้1. โรคไข้หัดสุนัข สาเหตุ - เกิดจากเชื้อ Canine Distemper Virus - ถูกทำลายได้ง่ายด้วยความร้อน 50-60 องศาเซลเซียส, ความแห้ง, ผงซักฟอก, น้ำยาที่ละลายไขมันต่างๆ, น้ำยาฆ่าเชื้อทั่วๆ ไป, น้ำยาที่ใช้ทำความสะอาดการติดต่อ - เชื้อนี้ สามารถติดต่อระหว่างสัตว์ในกลุ่ม Canivore หลายชนิด เช่น สุนัขป่า สุนัขจิ้งจอก - ในแมวสามารถติดเชื้อได้ แต่ไม่แสดงอาการ - ติดต่อได้ทางอุจจาระ น้ำลาย ปัสสาวะ น้ำมูก น้ำตา - การติดต่อที่สำคัญจะผ่านทางอากาศ และการหายใจอาการของโรค - ในช่วง 4-7 วันแรก มีไข้สูง - 7-14 วันต่อมา อุณหภูมิลดลง - เยื่อตาอักเสบ - ทอนซิลอักเสบ - ในรายที่ไม่รุนแรง อาจมีอาการกระวนกระวาย ร่างกายขาดน้ำ กินอาหารลดลง น้ำหนักตัวลด มีไข้ - ในรายที่มีอาการรุนแรงขึ้น จะแสดงอาการที่ชัดเจนมากขึ้น เช่น มีน้ำมูกและขี้ตา ไอ หายใจลำบาก ท้องเสีย อาเจียน - ในรายที่เป็นมากขึ้น จะมีอาการเด่นชัดที่พบบ่อยในโรคนี้ เช่น มีน้ำมูกใสในช่วงแรกที่เป็นโรค ในช่วงหลังน้ำมูกจะข้น เป็นหนอง, มีขี้ตาขุ่น อาจพบการอักเสบของกระจกตา เกิดแผลหลุมที่กระจกตา, หายใจลำบากและไอ หากมีการติดเชื้อแบคทีเรียร่วมด้วยจะมีอาการปอดบวมแทรก, มีตุ่มหนองใต้ท้อง, บริเวณจมูกและฝ่าเท้าจะหนาตัวขึ้น หรือที่เรียกว่า hard pad, อาเจียน ท้องเสีย, มีอาการทางประสาท เช่นชัก อัมพาต2. โรคตับอักเสบติดต่อในสุนัข สาเหตุ - เกิดจากเชื้อ Canine Adenovirus-1 หรือ CAV-1 - มีชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมได้นานหลายวัน หรือเป็นเดือนขึ้นกับอุณหภูมิและความชื้น - ถูกทำลายได้ด้วยความร้อน 56 องศาเซลเชียส, สารประกอบไอโอดีน, ฟินอล, NaOH (โซเดียมไฮดรอกไซด์), กลุ่มควอเทอร์นารี่แอมโมเนียมการติดต่อ - เชื้อ CAV-1 จะออกมากับปัสสาวะของสัตว์ป่วย และแพร่กระจายได้ - ลูกสัตว์ติดจากแม่ขณะคลอด - ติดต่อทางรกส่งผลให้ลูกแรกเกิดอ่อนแอ และตายภายในไม่กี่วันหลังจากคลอด - แม่สุนัขที่เป็นโรคนี้จะเป็นพาหะของโรคได้อาการของโรค - ในลูกสุนัขจะแสดงอาการอ่อนแอ หมดแรง และตายอย่างรวดเร็ว - ต่อมทอนซิลขยายใหญ่ - ไอ และปอดอาจมีเสียงผิดปรกติ เหมือนกับในรายของภาวะปอดบวม - อาเจียน และอาจมีท้องเสีย - ช่องท้องส่วนหน้ามีอาการเจ็บ - คลำช่องท้อง พบลักษณะตับโต และอาจมีท้องมาน - อาจพบจุดเลือดออก - การบวมน้ำที่กระจกตา - อาจพบว่ามีอาการทางระบบประสาท ซึมมาก โซเซ ชัก หมดสติ3. โรคลำไส้อักเสบติดต่อในสุนัข สาเหตุ - เกิดจากเชื้อไวรัส Canine Parvovirus type 2 (CPV-2) ซึ่งเป็นไวรัสที่ทนทานมาก การติดต่อ - เชื้อสามารถอยู่นอกร่างกายสัตว์ได้นานเป็นเดือนหรือปี - ติดเชื้อโดยการกินเชื้อเข้าไป อาการของโรค - ทำให้เกิดอาการอาเจียนและท้องเสีย - มีไข้สูงถึง 104-105 องศาฟาเรนไฮด์ หรือไม่มีไข้ - อาเจียนเป็นฟองใสๆ หรือเป็นเมือกขาวขุ่นหรือปนเลือด, ซึม, เบื่ออาหาร - ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นน้ำหรือวุ้นเหมือนเจลลาติน สีแดงน้ำตาล (เลือด) มีกลิ่นเหม็นคาวเฉพาะของโรคนี้ - ร่างกายขาดน้ำ และน้ำหนักลดวิธีป้องกัน - โดยใช้ไฮเตอร์ (น้ำยาฟอกขาว) ล้างพื้นเป็นประจำ ป้องกันได้ เพราะไฮเตอร์มีฤทธิ์ฆ่าไวรัสตัวนี้ได้4. โรคหลอดลมอักเสบติดต่อในสุนัข สาเหตุ - เกิดจากไวรัส Canine Parainfluenza Virus (CPIV) Canine Distemper Virus (CDV) Canine Adeno Virus (CAV-1) Canine Adeno Virus (CAV-2) - เกิดจากแบคทีเรีย Burdetella Hronchiseptica Mycoplasmaอาการของโรค - ไอเรื้อรัง - พบการตีบตัวของหลอดลม และเกิดการอักเสบที่ระบบทางเดินหายใจส่วนต่างๆ - ทำให้ตายได้ - ลูกสุนัขเกิดภาวะปอดบวมตามมา5. โรคพิษสุนัขบ้า สาเหตุ - เกิดจากเชื้อ Rabies Virus - สัตว์เลือดอุ่นทุกชนิด ง่ายต่อการเป็นโรค - ระยะฟักตัว 3-8 สัปดาห์ ถึง 6 เดือน ขึ้นอยู่กับตำแหน่งของการติดเชื้อ ลักษณะ และขนาดของบาดแผล - พบว่าสัตว์ที่เป็นโรคมีจำนวนไวรัสไตเตอร์ในต่อมน้ำลาย หรือในน้ำลายสูงกว่าในสมอง การติดต่อของโรค - โอกาสติดเชื้อจากสัตว์ป่วยโดยการถูกกัด เลียโดยเชื้อที่ถูกขับผ่านทางน้ำลาย ทางแผลฉีกขาดที่ผิวหนัง หรือเยื่อเมือกของตา จมูก ปาก หรืออวัยะเพศ การติดเชื้อทางลมหายใจ หรือการสูดละอองไวรัสจากอุจจาระ ปัสสาวะในที่แออัด หรือการแพร่โรคทางรกและน้ำนมอาการของโรค - แบ่งเป็น 3 ระยะคือ5.1 ระยะเริ่มต้น ใช้เวลา 2-3 วัน - สุนัขจะมีนิสัยเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม - ม่านตาขยายกว้าง - ไล่งับอากาศ หรือ โงกหลับ - ชอบหลบตามมุมมืด5.2 ระยะตื่นเต้น ใช้เวลาประมาณ 1-7 วัน - สุนัขจะมีอาการตื่นเต้น กระวนกระวาย ดุร้าย กัดทุกอย่างที่ขวางหน้า - ขากรรไกรล่างห้อย น้ำลายไหลมาก เนื่องจากอัมพาตของกล้ามเนื้อที่ใช้เคี้ยวและกลืน ลิ้นห้อย - เสียงเห่าหอนผิดปรกติ เกิดจากอัมพาตของกล้ามเนื้อกล่องเสียง - สุนัขจะลำตัวแข็ง หางตก ขาหลังเริ่มอ่อนเปลี้ย ซึ่งเป็นอาการที่เริ่มเข้าสู่ระยะอัมพาต5.3 ระยะอัมพาต - สุนัขมีอาการอ่อนเพลีย - เกิดอัมพาต โดยจะเริ่มจากส่วนท้ายของลำตัวแล้วไปยังส่วนหัวอย่างรวดเร็ว - ตายเนื่องจากระบบหายใจเป็นอัมพาต ภายใน 2-4 วันข้อควรแนะนำสำหรับผู้ที่สัมผัส หรือถูกสัตว์ที่เป็นโรคพิษสุนัขบ้ากัด - รีบล้างแผลด้วยน้ำและสบู่ หรือยาฆ่าเชื้อ - ทำความสะอาดซ้ำด้วยแอลกอฮอล์ 70 % - กักขังสัตว์เพื่อดูอาการ อย่างน้อย 10 วัน - ปรึกษาแพทย์ เพื่อฉีดยาป้องกันบาดทะยักและวัคซีนโรคสำคัญอื่นๆ ที่พบบ่อยในสุนัข โรคพยาธิหนอนหัวใจสุนัข (Heartworm Disease) เป็นโรคที่พบบ่อยในสุนัข เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดการหอบหายใจแรงในแมว สาเหตุเกิดจาก Dirofilaria Immitis โดยมียุงเป็นพาหะวงจรชีวิตพยาธิหนอนหัวใจ Microfilaria อาจผ่านจากสุนัขตัวหนึ่งไปสู่อีกตัวหนึ่ง โดยผ่านทางการให้เลือดได้ สามารถผ่านจากแม่สู่ลูกได้ โดยทางรกในระหว่างตั้งครรภ์ ลูกสุนัขอายุน้อยกว่า 6 เดือนอาจพบ Microfilaria ในกระแสเลือดได้ พยาธิหนอนหัวใจตัวแก่ สามารถมีอายุได้ 5-9 ปีอาการของโรค สุนัขที่เลี้ยงอยู่นอกบ้าน มีโอกาสเป็นโรคนี้ได้มากกว่าสุนัขที่เลี้ยงภายในบ้าน สุนัขแสดงอาการไอ หายใจลำบาก หอบ หายใจเร็ว เหงือกมีสีคล้ำ และน้ำหนักตัวลดลง กรณีที่สุนัขป่วยมานาน จะแสดงอาการของโรคหัวใจ ได้แก่ เกิดท้องมาน หมดสติเป็นครั้งคราว บางรายพบเลือดกำเดาไหลร่วมด้วย หากเป็นนานขึ้นเรื่อยๆ สุนัขจะมีม้ามโต ตับโต และโลหิตจาง ในรายที่เป็นแบบรุนแรงเฉียบพลันจะมีอาการอ่อนเพลีย เหงือกซีด หอบหายใจแรง ปัสสาวะมีสีแดง โลหิตจาง และสุนัขอาจตายได้ภายในเวลา 24-72 ชั่วโมงการตรวจวินิจฉัย สัตว์แพทย์จะทำการตรวจเบื้องต้น โดยการเจาะเก็บตัวอย่างเลือดมาตรวจหาตัวอ่อน โดยการส่องดูจากกล้องจุลทรรศน์ เรียกว่า วิธี Fresh Blood Smear หากสุนัขได้รับการฉีดยาควบคุมโรคพยาธิหนอนหัวใจมาโดยตลอด เมื่อส่องกล้องดูตัวอย่างเลือดจะไม่พบตัวอ่อน ใช้วิธีการ X-Ray ดูขนาดของหัวใจซึ่งจะเห็นขนาดของหัวใจที่ขยายใหญ่ และบางรายจะเห็นเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงปอดมีขนาดใหญ่กว่าปรกติชัดเจนระดับความรุนแรงของโรค สุนัขไม่แสดงอาการหรือความผิดปรกติใด ไม่พบการเปลี่ยนแปลงของภาพ X-Ray เมื่อมีพยาธิอยู่เพียงเล็กน้อย สุนัขมีอาการไอ ความสามารถในการออกกำลังการลดลง มีการเปลี่ยนแปลงของหัวใจจากภาพ X-Ray ไม่มาก สุนัขมีอาการไอ ความสามารถในการออกกำลังกายลดลงอย่างมาก เหนื่อยง่าย หมดสติ บางรายมีอาการท้องมาน ภาพ X-Ray พบความเปลี่ยนแปลงของหัวใจอย่างมาก สุนัขมีอาการคล้ายระดับที่ 3 แต่เกิดอาการแบบเฉียบพลัน ปัสสาวะมีสีแดง มีอาการของภาวะหัวใจล้มเหลวเนื่องจากมีพยาธิจำนวนมากอุดตันที่เส้นเลือดดำใหญ่การรักษา มี 2 ขั้น คือ ขั้นแรก การกำจัดพยาธิตัวแก่ด้วยยาหรือการผ่าตัด ขั้นที่สอง การกำจัด Microfilaria โดยการใช้ยาการป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ ใช้ยาในการกำจัดตัวอ่อนของพยาธิ ฉีดยาเข้าชั้นใต้ผิวหนัง โดยเริ่มโปรแกรมที่อายุ 3 เดือน หลังจากนั้นกระตุ้นซ้ำทุก 2 เดือน หรือควบคุมโดยใช้ยากินทุก 1 เดือน หรือตามที่สัตวแพทย์แนะนำ แมวสามารถติดพยาธิหนอนหัวใจได้ แต่ตัวพยาธิจะมีอายุอยู่ในร่างกายแมวได้ไม่นาน และไม่สามารถสร้างตัวอ่อนออกสู่กระแสเลือดได้
Create Date : 27 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2550 16:31:14 น.
Counter : 1923 Pageviews.
วิธีดูแลสุขภาพสุนัขในช่วงอายุต่างๆ
บังเอิญ TBG ได้มีโอกาสไปอบรมเกี่ยวกับการฝึกสุนัขให้เชื่อฟังคำสั่งเบื้องต้น ที่ คณะเทคนิคการสัตว์แพทย์ ม. เกษตร เมื่อเดือนก.พ. ที่ผ่านมา ก่อนการอบรมก็มีคุณหมอมาให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุนัขในช่วงอายุต่างๆ ซึ่ง TBG เห็นว่ามีประโยชน์ จึงขอนำรายละเอียดของส่วนในเอกสารอบรม มาเผยแพร่ให้ท่านที่สนใจค่ะ การดูแลสุขภาพสุนัขช่วงอายุต่างๆ 1.การดูแลสุนัขแรกคลอด ลูกสุนัขเกิดใหม่จะมีอุณหภูมิร่างการค่อนข้างต่ำ จึงควรกกไฟเพื่อเพิ่มความร้อนให้แก่ร่างกาย ให้ลูกสุนัขได้รับน้ำนมเหลืองจากแม่ภายใน 24 ชั่วโมง สังเกตอยู่เสมอว่าแม่สุนัขมีน้ำนมให้ลูก สุนัขจะเริ่มลืมตาหรือได้ยินเสียงต่างๆ เมื่ออายุประมาณ 2 สัปดาห์ หากลูกสุนัขไม่ดูดนมแม่หรือแม่มีน้ำนมไม่พอควรให้นมผงสำหรับสุนัขโดยใช้ syringe ค่อยๆหยอดเข้าปาก ไม่ควรให้นมโคลูกสุนัข เพราะจะทำให้ท้องเสีย ปริมาณแคลลอรี่ที่ลูกสุนัขต้องการคือ 22-26 Rcal/100 gm. ของน้ำหนักตัว ในช่วงอายุ 2-3 สัปดาห์ น้ำหนักควรเพิ่ม 10-15 % ต่อวัน2. การดูแลสุนัขช่วงวัยเด็ก วัยเจริญพันธุ์ การดูแลผิวหนังและขน o สุนัขที่มีสุขภาพดี ขนจะเป็นเงางาม ไม่แห้งและมันจนเกินไป o ผิวหนังไม่หยาบแห้ง ไม่มีรังแคและปรสิตภายนอก o สุนัขที่มีความผิดปรกติที่ผิวหนังจะมีอาการคัน ขนร่วงบางตำแหน่ง หรือร่วงเป็นบริเวณกว้าง ผิวหนังเป็นตุ่มหนองหรือเป็นผื่นแดง o สุนัขที่มีหูปรกควรเช็ดหูอย่างสม่ำเสมอ o สุนัขที่มีขนสั้นหรือเรียบติดผิวหนัง ควรแปรงขนสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง o สุนัขที่มีขนยาว ควรแปรงขน 1-2 วัน/ครั้ง และควรเล็มขนที่เท้า นิ้วเท้า และหูออกอย่างสม่ำเสมอ o ขนที่ยาวเหนือตาควรเล็มออก หรือรวบด้วยริ้บบิ้นหรือโบว์ การอาบน้ำ o ระหว่างการอาบน้ำควรใส่ปลอกคอให้สุนัขเพื่อใช้จับและป้องกันการกระโดดของสุนัข o หลังจากแปรงขนแล้วให้ใช้ก้อนสำลีอุดหูสุนัขแล้วใช้น้ำสะอาดราดตัวสุนัข o ใช้แชมพูสำหรับสุนัขฟอกให้ทั่ว ยกเว้นบริเวณหัว o ถูนวดย้อนขนจนแชมพูเกิดฟอง o บริเวณหัวใช้แชมพูที่ไม่ระคายเคืองตาเทลงมือแล้วนวดขนสุนัข o ระวังอย่าให้ฟองแชมพูกระเด็นเข้าตาและปากสุนัข o ล้างแชมพูบริเวณหัวออกและเช็ดให้แห้งก่อน แล้วจึงล้างแชมพูบริเวณลำตัวออก วิธีนี้จะป้องกันสุนัขสะบัดน้ำกระจายไปทั่ว o บีบไล่น้ำที่ติดค้างตามขนออกให้มากที่สุด แล้วใช้ผ้าเช็ดตัวเช็ดตัวให้แห้ง o ใช้เครื่องเป่าผมเป่าขนให้แห้ง และแปรงขนไปในทิศทางออกจากตัว o ไม่ใช้เครื่องเป่าผมกับสุนัขที่มีปัญหาโรคผิวหนัง การตัดเล็บ o จับนิ้วสุนัขให้แยกออกจากกัน และตรวจผิวหนังระหว่างนิ้ว o เช็ดสิ่งสกปรกระหว่างนิ้วออกด้วยสำลีชุบน้ำ o ตัดเล็บในบริเวณที่มีสีเล็บเป็นสีขาว o บริเวณสีชมพูเป็นบริเวณที่มีเส้นประสาทและเส้นเลือดฝอยมาเลี้ยงมาก o ตะไบปลายเล็บให้เรียบ หากสุนัขมีนิ้วติ่งให้ตัดเล็บที่นิ้วติ่งออกด้วย การทำโปรแกรมวัคซีน o วัคซีนรวม 5 โรค เข็มแรก ตอนอายุ 2 เดือน เข็มที่สอง ตอนอายุ 2 เดือนครึ่ง o วัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เข็มแรก ตอนอายุ 3 เดือน เข็มที่สอง ตอนอายุ 6 เดือน o วัคซีนทุกชนิดกระตุ้นซ้ำปีละครั้ง o ฉีดยาป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ เริ่มตอนอายุ 3 เดือน และฉีดป้องกันทุกๆ 2 เดือน (ยาป้องกันพยาธิหนอนหัวใจ ไม่ใช่วัคซีน) การดูแลสุนัขตั้งท้องและก่อนคลอด oสุนัขเป็นสัด ( heat) ปีละประมาณ 2 ครั้ง o วงรอบการเป็นสัดแบ่งเป็น 4 ระยะ - Proestrus (9 วัน) อวัยวะเพศบวมขยายใหญ่ มีเลือดหยดออกมา - Estrus (9 วัน) ยอมให้ตัวผู้ผสม ไม่มีเลือดหยดออกมาแล้ว - Diestrus (60 วัน) เป็นช่วงที่สุนัขตัวผู้ไม่สนใจอีกแล้ว หากผสมติดจะเกิดการตั้งท้องนานประมาณ 63 วัน (บวก ลบ 1 วัน) - Anestrus (ประมาณ 4.5 เดือน) อวัยวะเพศเป็นปรกติ o ในช่วงกลางของการตั้งท้องควรเพิ่มปริมาณอาหารขี้น 10 % o ก่อนครบกำหนดคลอด 2-3 วัน แม่สุนัขจะนอนพักเพื่อสงวนพลังงาน จึงไม่ควรให้ออกกำลังกาย o ควรให้แม่สุนัขคุ้นเคยกับสถานที่ที่จัดไว้ให้คลอด อย่างน้อย 1 สัปดาห์ก่อนคลอด o สถานที่คลอดควรเงียบสงบ อาจใช้กล่องไม้เรียบหรือกล่องกระดาษขนาดใหญ่ก็ได้ o แม่สุนัขจะเบื่ออาหาร 1-2 วันก่อนคลอด และจะกระวนกระวายชัดเจน การสังเกตภาวะคลอดยาก o ตั้งท้องนานผิดปรกติ พิจารณาจากตั้งท้องนานเกิน 65 วัน o ตรวจพบจำนวนลูกในครรภ์น้อยเกินไป เช่น มีเพียง 1-2 ตัว o แม่สุนัขได้รับสารอาหารไม่เพียงพอในช่วงการตั้งท้อง โดยเฉพาะแม่สุนัขที่มีลูกดก o แม่สุนัขมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง นอนร้องครวญคราง ช่องท้องการขยายใหญ่ขึ้น แสดงถึงการเกิดมดลูกบิด หรือฉีกขาด o แม่สุนัขแสดงอาการเบ่งอย่างรุนแรงติดต่อกันเกิน 30 นาที แต่ไม่พบลูกสุนัขออกมา o แม่สุนัขเบ่งคลอดเป็นระยะๆ นานถึง 4 ชั่วโมงแล้วแต่ไม่พบลูกสุนัขออกมา o ลูกสุนัขแต่ละตัวคลอดห่างกันเกิน 2 ชั่วโมง o เมื่อพบน้ำคร่ำ (สีเขียวดำ) ออกมาแล้ว ปรกติลูกตัวแรกจะออกภายใน 1-2 ชั่วโมง หากไม่มีลูกสุนัขออกมาภายใน 24 ชั่วโมง ให้รีบนำไปพบสัตวแพทย์ทันที3. การดูแลสุนัขชรา ลักษณะของสุนัขชรา o มีขนหงอกสีขาวแซมมากขึ้น ฟันหลุด ประสาทสัมผัสและการตอบสนองช้าลง o ขนหลุดร่วง และแห้งลง o กล้ามเนื้อลีบลงและไม่แข็งแรง o น้ำในข้อต่อลดลง ทำให้ข้ออักเสบและเคลื่อนไหวลำบาก o ดวงตาขุ่นมัว ควรจำกัดอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เครื่องในสัตว์ ควรจำกัดอาหารที่มีปริมาณเกลือแร่มาก เช่น กระดูกไก่ , การเพิ่มซอสปรุงรสในอาหาร เป็นต้น ให้อาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม หมูสับ เป็นต้น เลือกอาหารสำเร็จรูปสูตรสำหรับสุนัขชราโดยเฉพาะ ควรเช็ดขี้ตาและขี้หูอยู่อย่างสม่ำเสมอ หากไม่มีโอกาสพาสุนัขออกกำลังกายควรช่วยนวดกล้ามเนื้อ และขยับข้อต่อโดยการพับขางอขึ้นลง
Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2550
Last Update : 27 กุมภาพันธ์ 2550 16:34:18 น.
Counter : 413 Pageviews.
My Time in Bangkok now-->