สิ่งใดเกิดขึ้นแล้ว สิ่งนั้นดีเสมอ
Group Blog
 
All Blogs
 
หัวใจและร่างกาย

หัวใจและร่างกาย

ก่อนเริ่มต้นวิ่ง เราต้องต่อสู้กับหัวใจตัวเอง กว่าจะก้าวข้ามความขี้เกียจ
และเหตุผลสารพัดที่ฉุดรั้งให้การลุกขึ้นจากเตียงแต่เช้าตรู่เพื่อเดินทางไปวิ่งก่อนมาทำงานตอนเช้าต้องทอดยาวออกไปนานหลายเดือน
ไม่สนุก ไม่มีเวลา ไม่อยากตื่นเช้า และอีกสารพัดข้ออ้างฉุดรั้งให้การเริ่มต้นไม่ง่าย

แต่เมื่อก้าวผ่านไปได้เราจะรู้ว่าแท้ที่จริงแล้ว อุปสรรคสำคัญคือ "ใจ"เราล้วนๆ

จากวันแรก วันที่ 2 3 4 ครบหนึ่งอาทิตย์เข้าสู่อาทิตย์ที่ 2 3 4 จนครบเดือน 2 3 4 เดือน เมื่อหัวใจเปิดรับการ"วิ่ง"ให้เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรยามเช้าได้แล้ว

วันไหนไม่ได้"วิ่ง"รู้สึกคล้ายกับพ่ายแพ้อะไรบางอย่าง

เมื่อวิ่งมานานพอ เราจะเริ่มต้นต่อสู้กับร่างกายและหัวใจอีกครั้ง
ความรู้สึกอยากวิ่งให้ไกลขึ้น เร็วขึ้น

สำหรับฉันบางครั้งความต้องการทำให้ไม่คิดถึงข้อจำกัดของตนเองจนอาจเรียกได้ว่าเป็นการฝืนสังขารโดยไม่จำเป็น

2-3 เดือนก่อน ตื่นเช้าและเตรียมตัวไปวิ่งเหมือนเคย ระหว่างวิ่งลงบันได
อารามรีบร้อนพลัดตกบันไดไม่กี่ขั้นทำให้ขาพลิกรู้สึกเจ็บน่าดู

แต่เมื่อลุกขึ้นได้ แผนการวิ่งยังเหมือนเดิม รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อเท้าซ้ายตลอดเวลาที่วิ่ง แต่ไม่ยอมหยุด

บางจังหวะเจ็บมากก็เปลี่ยนจากวิ่งเป็นเดินเร็ว คิดว่าทนไหว
คิดว่าแค่นี้ไม่เป็นอะไรเดี๋ยวก็หาย

ตกบ่ายเริ่มเห็นผลของความดันทุรัง เพราะข้อเท้าบวมเป่ง
เปลี่ยนจากสีแดงในตอนเช้าเป็นเริ่มม่วงช้ำเป็นหย่อมๆ เลิกงานตอนเย็นจึงรีบบึ่งไปโรงพยาบาล เพราะกลัวว่าจะไม่ได้วิ่งไปอีกหลายวัน

เพิ่งรู้สึกว่าอานุภาพของการเสพติดอะไรบางอย่างช่างรุนแรงนัก

"ไปโดนอะไรมาครับ"คุณหมอถามหลังจากเห็นข้อเท้าบวมแดงปนม่วงที่บวมเป่ง

"เมื่อเช้าตกบันไดคะ"ฉันตอบ
"ตั้งแต่เช้าทำไมเพิ่งมา คุณนี่มีความอดทนจริงๆ"ไม่รู้คุณหมอชมหรือตำหนิ

แต่หลังสอบถามสาเหตุอาการบาดเจ็บสักพักก็ส่งตัวไปเอ็กซเรย์
เพราะไม่แน่ใจว่ากระดูกแตกหรือร้าวไหม "กระดูกไม่หัก ไม่ร้าว แต่กล้ามเนื้อคงฉีกขาด ถึงมีเลือดออกบริเวณนี้"คุณหมอชี้ให้ดูรอยช้ำแดงที่ข้อเท้า และพูดต่อว่า

"แต่ต้องใส่เฝือกอ่อน และพยายามอย่าเดินมากนะครับ คงต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์"คุณหมออธิบายในขณะที่ฉันนั่งฟังตาปริบๆ ในใจก็คิดว่าเอาไงดีล่ะพรุ่งนี้มีสัมมนาสำคัญที่ต่างจังหวัดด้วย

"พรุ่งนี้ต้องไปต่างจังหวัดน่ะคะ ไปได้ไม๊คะ"
"ไม่ไปไม่ได้เหรอครับ ไม่อยากให้เดินมาก ถ้าไปสัมมนานั่งในห้องไม่ต้องเดินได้ไหม"คุณหมอบอก

ค่ำนั้นเลยกลับบ้านพร้อมเฝือกอ่อนดามขาอันเป้ง

วันรุ่งขึ้นแผนการไปต่างจังหวัดยังเหมือนเดิม
และเป็นไปไม่ได้เลยที่จะใส่เฝือกอ่อนกระเตงไปด้วยอย่างนี้

ฉันจึงตัดสินใจถอดออกแล้วพันผ้าไว้
คิดแค่ว่าจะพยายามไม่เดินหรือลงน้ำหนักที่ขาข้างที่เจ็บและกินยาอย่างเคร่งครัดทุกมื้อน่าจะดีขึ้น

3 วันผ่านไปอาการบวมที่ข้อเท้าลดลงมาก ยังบวมและเจ็บทุกครั้งที่เดิน
แต่ไม่ได้กลับไปใส่เฝือกอ่อนอีกเลย ยอมหักห้ามใจหยุดวิ่ง 1 อาทิตย์เต็มๆ
เพราะขายังไม่ยอมหายบวม

อาทิตย์ที่ 2 เริ่มกลับไปวิ่งอีกครั้ง ทั้งๆ ที่ยังรู้สึกเจ็บอยู่ แต่ความรู้สึกอยากวิ่งมีมากกว่า



1 เดือน 2 เดือนผ่านไป อาการเจ็บแปลบที่ข้อเท้ายังไม่หายขาด
อาการบาดเจ็บที่น่าจะหายขาดได้ภายใน 2 อาทิตย์กลายเป็นเรื้อรังจนทุกวันนี้ ยังรู้สึกมีความสุขกับการวิ่งเหมือนเดิม แต่ความมั่นใจในการวิ่งนานขึ้นเร็วขึ้นลดลง

การต่อสู้กับหัวใจ และร่างกายไม่ว่าเราจะคิดว่าเราแน่และแข็งแรงแค่ไหนล้วนแล้วแต่มีข้อจำกัด

อย่าฝืนเมื่อรู้สึกว่าไม่ไหว

อย่าปล่อยให้ถึงจุดที่ต้องทน ไม่ว่ากับอะไร ไม่ดีทั้งนั้น
การรักษาบาดแผลเรื้อรังเป็นเรื่องยาก(มาก)

"ไม่อยากอยู่อย่างนี้จนเกษียณ มีอะไรที่อยากทำอีกตั้งเยอะ"เสียงบ่นประโยคเดิมๆ ของคนใกล้ตัวเปรยให้ได้ยินครั้งที่ร้อย

"อยากทำอะไรก็ไปทำซิ แล้วจะทำอะไรล่ะ"

"ยังไม่รู้ แต่แค่รู้สึกว่าอยู่ไปอย่างนี้ อีกสิบปีก็เหมือนเดิม"เจ้าของเสียงบ่นต่อ

"เหมือนเดิมไม่ดีเหรอ ถ้าคิดว่าไม่ดี ก็ไปทำอย่างที่อยากทำเถอะ"ฉันตอบโดยไม่ลังเล แม้ในใจจะรู้ดีว่าเกิดขึ้นกับตัวเองคงไม่ง่ายอย่างนั้น

อะไรฉุดรั้งคนเราไม่ให้ก้าวเดิน แม้จะรู้ความต้องการในใจตนเอง
ความกลัว ความลังเล

ความกังวลกับสิ่งที่ยังมาไม่ถึงและเหตุผลอีกสารพัดที่ประเดประดังเข้ามาทำให้ทุกครั้งของการเริ่มต้นยากเสมอ

ในคอลัมน์ "ชั้น5ประชาชาติ"
โดย เชอรี่ประชาชาติ Cheryd@gmail.com


Create Date : 14 กันยายน 2553
Last Update : 14 กันยายน 2553 12:33:07 น. 2 comments
Counter : 615 Pageviews.

 
เสียงบ่นเดิมๆ ทำไมไม่ให้หัวใจพาไป ทำอย่างเท้าที่พร้อมจะวิ่งทั้งๆที่ยังมีความเจ็บปวดที่หอมหวาน


โดย: Alex IP: 10.11.1.195, 10.11.1.195, 58.137.199.116 วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:14:59:11 น.  

 
กำลังพยายามก้าวผ่านไปเหมือนกัน
ใจเรานิมานยากจิงๆ

เริ่มต้นจากตื่นเช้าได้และ
ออกกะลังกายเบาๆได้และ
ที่เหลือคงทำได้อีกไม่นาน

อิอิ


โดย: สตอเบอรรี่ด็อก วันที่: 14 กันยายน 2553 เวลา:16:09:34 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

cherydnk
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add cherydnk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.