หลงกาแฟ
"กาแฟ"เป็นผลผลิตทางการเกษตรที่มีการซื้อขายกันมากที่สุดในโลก และเป็นสินค้าส่งออกที่สร้างรายได้สำคัญให้กับหลายประเทศทั่วโลก ในบ้านเราเองตลอดช่วงหลายปีมานี้ ความนิยมดื่มกาแฟเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ร้านกาแฟกลายเป็นธุรกิจในฝันยอดนิยมของคนรุ่นใหม่ "บราซิล"เคยเป็นประเทศที่มีการส่งออกกาแฟมากที่สุดในโลก แต่ในช่วงไม่กี่ปีมานี้เองที่ "เวียดนาม"ได้กลายเป็นผู้ผลิตเมล็ดกาแฟโดยเฉพาะ "โรบัสตา"รายใหญ่ติดอันดับโลก ประเทศบ้านใกล้เรือนเคียงกับเราอีกประเทศที่อยู่ในกลุ่มผู้ส่งออกกาแฟรายสำคัญ (อันดับ 3 ของโลก) คือ อินโดนีเซีย (โคลัมเบียอันดับ 2 ) กาแฟที่ได้ชื่อว่า มีรสชาติล้ำลึก และแพงที่สุดในโลก คือกาแฟขี้ชะมด (Kopi Luwak) ก็มีถิ่นกำเนิดจากประเทศอินโดมีเซียเช่นกัน Luwak เป็นชะมดสายพันธุ์หนึ่งอาศัยอยู่ในอินโดนีเซีย ได้ยินว่า ในบ้านเราเองก็เริ่มกาแฟขี้ชะมดของเราเองเหมือนกัน ราคาแพงไม่แพ้ของต้นตำรับ ว่ากันว่า ที่กาแฟขี้ชะมดมีราคาแพงมาก เพราะมีขั้นตอนการผลิตที่ซับซ้อนกว่ากาแฟทั่วไป ด้วยว่า ชะมดเป็นสัตว์ที่กินยากจึงเลือกกินกาแฟเฉพาะผลที่สุกดีแล้วเท่านั้น เมื่อชะมดกินผลกาแฟเข้าไปจะไปทำปฏิกิริยากับเอนไซม์และสารบางอย่างที่อยู่ในกระบวนการย่อยของมันส่งผลให้กาแฟมีกลิ่นและรสเฉพาะตัว ร้านกาแฟยี่ห้อดังในบ้านเราก็มีกาแฟขี้ชะมดให้คอกาแฟได้ลิ้มลองรสชาด สนนราคาตั้งแต่แก้วละ 500 กว่าบาท-1,000 กว่าบาท ประสาคนที่ชมชอบกาแฟ เมื่อมีโอกาสไปเที่ยวบาหลี ฉันจึงไม่พลาดที่จะลองซื้อกาแฟขี้ชะมดของอินโดนีเซียมาลิ้มลองบ้าง ไม่ได้เลือกยี่ห้อแค่ดูราคาไม่ถูกไม่แพงมากไป แต่ละยี่ห้อราคาก็ต่างกัน ที่ซื้อมา 100 กรัม 500 กว่าบาท แต่ต้องสารภาพตรง ๆ ว่า ยังเข้าไม่ถึงรสชาติที่ว่าล้ำลึก (ซื้อแบบคั่วบดมาแล้วชงด้วย French Press ) อ่านเจอที่ไหนจำไม่ได้บอกว่า ตอนนี้กาแฟขี้ชะมดเสียแชมป์ให้กับ "กาแฟลิง"ไปแล้วเรียบร้อย (เมล็ดกาแฟที่ลิงพันธุ์หนึ่งในอินเดียบ้วนออกมา) แต่ถึงนักชิมชั้นยอดจะพากันให้คะแนน"กาแฟลิง"ท่วมท้น แต่ฉันเองกลับไม่นึกอยากลองชิมกาแฟลิง วันนี้ชะมดเสียแชมป์ให้ลิง แต่ลิงจะเสียแชมป์ให้ใครอีกยังไม่รู้ อนาคตไม่แน่ไม่นอน หรือเมล็ดพันธุ์กาแฟที่ว่า สุดยอดทั้งหลายจะว่าไปต้องผ่านกระบวนการปรุงแต่งโดยอะไรอื่นที่ซับซ้อนกว่าถึงจะมีรสชาติที่แตกต่างไป (เหมือนกาแฟไทยยี่ห้อหนึ่งที่บอกว่า ปลูกในดงลูกท้อเวลาดื่มจึงได้กลิ่นอ่อนๆ ของดอกท้อติดปลายจมูก) ฉันเองหลง "กาแฟ"เช่นกัน แต่มากกว่าเมล็ดพันธุ์ที่ว่ากันว่าให้รสชาติดีเยี่ยม น่าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับกาแฟทั้งเมล็ดพันธุ์ อุปกรณ์ต่างๆ และกระบวนการในการชง กว่าจะดื่มได้มีขั้นตอนไม่น้อย เริ่มตั้งแต่การทำความรู้จักกับชนิดของกาแฟ การเลือกเมล็ดกาแฟ รู้จักเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ การบด และกรรมวิธีในการชงที่มีหลากหลายมาก และอื่นๆ อีกมากมาย ตอนเริ่มต้นชงกาแฟดื่มเอง ยังก็เลือกซื้อแต่กาแฟยี่ห้อดัง ๆ เพื่อรับประกันความผิดหวังไว้ก่อน เลือกซื้อแบบที่บดมาแล้วโดยสังเกตุจากข้างห่อว่าเหมาะกับเครื่องชงแบบไหน เพราะความละเอียดของกาแฟมีผลต่อรสชาติ แต่ถ้าอยากสนุกขึ้นอีกนิดต้องบดกาแฟเอง แนะนำเครื่องบดกาแฟมือหมุน มีทั้งแบบโบราณ (รูปทรงสวยคลาสสิกกล่องทำจากไม้ ฟันบดทำจากเหล็ก) และแบบทันสมัย (ฟันบดทำจากเซรามิก) มีหลากหลายยี่ห้อ เดี๋ยวนี้เริ่มหาร้านขายเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับชงกาแฟดื่มเองที่บ้านง่ายขึ้น มีให้เลือกหลายระดับราคา ค่อย ๆ เลือกค่อยเรียนรู้ด้วยตัวเองก็สนุกดี ว่ากันว่ารสชาติกาแฟขึ้นอยู่กับองค์ประกอบหลัก ๆ คือเมล็ดกาแฟ การบด น้ำ และเครื่องชง สำหรับฉันขอเพิ่มอีกอย่าง คือ ความชอบ โดยส่วนตัวเริ่มชงกาแฟดื่มเอง ด้วย"โมกา พ็อต" (Moka Pot) หม้อต้มกาแฟทำจากอลูมิเนียม ชอบรูปร่างหน้าตาที่สวยคลาสสิก แต่ดูบึกบึนสมบุกสมบันดี ต้นตำรับก็ต้องของอิตาลียี่ห้อ Bialetti ในอิตาลีเกือบทุกบ้านจะมีเครื่องชงกาแฟแบบ MOKA ติดบ้าน หม้อต้มกาแฟ MOKA มี 3 ส่วน ส่วนบนสุดคล้ายกาไว้รองรับกาแฟ ตรงกลางเป็นฟิลเตอร์และถ้วยใส่ผงกาแฟ ส่วนล่างสุดไว้ใส่น้ำ วิธีชงก็แสนง่าย ใส่น้ำที่ส่วนล่างสุด (กาแฟต้องบดให้หยาบนิดนึง) ใส่ถ้วยกาแฟและผงกาแฟลงไปตรงกลางแล้วประกอบส่วนบน ยกขึ้นตั้งไฟอ่อน ๆ รอจนเดือด พอน้ำเริ่มเดือดจะดันตัวเองจากล่างขึ้นบนผ่านผงกาแฟที่อยู่ตรงกลางขึ้นไปกลายเป็นน้ำกาแฟข้างบน ชงเสร็จจะได้เอสเพรสโซ่รสเข้มข้นกลิ่นหอมกรุ่น (ถ้าบดกาแฟละเอียดผงกาแฟจะขึ้นไปปนในน้ำกาแฟ) นอกจาก Moka Pot แล้ว เครื่องชงที่ใช้บ่อย ๆ อีกแบบคือ "เฟรนช์ เพรส" (French Press) สะดวกกว่า Moka เพราะไม่ต้องต้ม และยังดึงรสชาติและเอกลักษณ์ของกาแฟออกมาได้ไม่แพ้เครื่องชงอื่นๆ อีกแบบที่เริ่มลองเป็นการชงแบบ Drip ก็ได้อีกรสชาติ คลีนกว่า (ผงกาแฟโดนกรองโดยกระดาษกรอง) แต่รสชาติอ่อนกว่า Moka และเฟรนช์เพรสจึงเหมาะกับการดื่มยามบ่าย เครื่องชงอันดับถัดไปที่อยากลองเป็นแบบ "ไซฟ่อน" (Siphon) ใครเคยนั่งร้านกาแฟญี่ปุ่น"UCC"คงพอเคยเห็น เป็นกระเปาะแก้วคล้ายหลอดทดลองทางวิทยาศาสตร์ คล้าย Moka ตรงที่ต้องนำมาตั้งไฟ คอกาแฟบางคนบอกว่า สิ่งที่โดดเด่นชัดเจนของการชงแบบ Siphon คือ สามารถดึงความหอมของกาแฟออกมาได้เต็มที่ กลิ่นหอมฟุ้งขจรกระจาย และได้รสชาติที่แตกต่างไปจากวิธีอื่น แต่ขั้นตอนการชงค่อนข้างยุ่งยาก และมีตัวแปรเยอะทั้งปริมาณกาแฟ, ปริมาณน้ำ, อุณหภูมิของน้ำ, ความละเอียดความหยาบของกาแฟ, การคนกาแฟ ทั้งหลายทั้งมวลล้วนมีผลกับรสชาติกาแฟ ถ้าเริ่ม"ดริป"จนอยู่ตัวแล้วคงต้องเริ่มหา Siphon มาลองบ้าง คนไม่ชอบอาจรู้สึกว่า ยุ่งยาก และเยอะไปไหมสำหรับหนึ่งถ้วยกาแฟ แต่ถ้าชอบ มากกว่ารสชาติคือความสุข
Create Date : 03 สิงหาคม 2555 | | |
Last Update : 3 สิงหาคม 2555 8:28:39 น. |
Counter : 4546 Pageviews. |
| |
|
|
|