~~**~~ WELCOME TO SNOWBLACK WORLD~~ **~~
Group Blog
 
All blogs
 

หาดทราย สายลมและจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่13)

หาดทราย สายลมและจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่13)

“ขับรถดี ๆ นะเจ้ากานต์ เดี๋ยวลูกสาวเค้าเป็นอะไรไป เจ้าโดนเผ่นกระบาลตาย”

ปู่ทองเอกพูดขึ้นหลังจากที่เดินมาส่ง กานต์ ฟ้า และ อลิส ที่บริเวณลานหินอ่อนหน้าบ้านด้วยตัวเอง

เมื่อรถของกานต์แล่นจากไป ทั้งปู่ทองเอกและศิวา ต่างก็พากันถอนหายใจด้วยความโล่งอก

“ปู่ครับ งานนี้จะเกิดสงครามนางฟ้าขึ้นมั๊ยเนี่ย”

ศิวาถามขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวลนิด ๆ ก่อนที่เขาจะทันได้พูดอะไรต่อปู่ทองก็เอาไม้เท้าเคาะหัวหลานชายตนเอง 1 ที

“เจ้ามาถามปู่ แล้วปู่จะถามใครได้หละในเมื่อก็ยืนอยู่ด้วยกันที่นี่ อีกอย่างใครเรียนผูกก็ต้องเรียนแก้กันเอาเอง”

ว่าแล้วชายชราก็ให้ศิวาประคองขึ้นไปบนเรือน ทั้ง ๆ ที่ภายในใจนั้นรู้สึกห่วงหลานรักอีกคนไม่ใช่น้อย

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กานต์ลอบถอนหายใจด้วยอารมณ์ที่เบื่อหน่ายอย่างสุดขีด สิ่งที่เกิดขึ้นอย่างไม่คาดคิดนี้ทำให้เขารู้สึกแย่อย่างบอกไม่ถูก ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเค้าตั้งตัวไม่ติด

ภาพหญิงสาวสวยสองคนที่นั่งหน้าบึ้งตึง ทำให้เขารู้สึกว่าแย่ยิ่งกว่าอยู่ท่ามกลางสงครามระหว่างอิรักกับคูเวต อันตรายยิ่งกว่าตึกเวิร์ลเทรดถล่ม และดูน่ากลัวมากกว่าคนเมายาบ้าจับเด็กเป็นตัวประกัน (คนแต่งพูดเว่อเกินไปหละมั้ง) ถ้าเป็นไปได้เค้าอยากจะให้ตัวเองหายไปจากที่นี่ซะ ทำไมนะฟ้าดินช่างใจร้ายปล่อยให้ยายอลิสให้มาอาละวาดในนิยายรักอันแสนโรแมนติกของเขาที่มันกำลังจะจบแบบ Happy Ending ให้กลายเป็นชีวิตที่รุ่งริ่งหว่า ชายหนุ่มคิดพลางทำหน้าเซ็งอีกครั้ง

เดิมทีเขาตั้งใจจะแนะนำให้ อลิส ได้รู้จักกับ ฟ้า ผู้หญิงคนแรกที่เขาเรียกว่าคนรัก ตอนแรกก็ดูอลิสจะยินดีด้วยอย่างจริงใจ แต่เมื่ออลิสได้เห็นหน้าฟ้าอย่างชัดเจน กลับมีท่าทีที่เปลี่ยนไป อยุ่ ๆ ก็ทำหน้าบึ้งตึงใส่ฟ้า แถมยังพูดขึ้นลอย ๆ ราวกับจงใจจะกระทบกระเทียบว่า ฟ้า เป็นผู้หญิงหลายใจ ชอบแย่งแฟนชาวบ้าน ปกติแล้วอลิส ไม่เคยแสดงท่าทีรังเกียจรังงอนใครมากขนาดนี้ เดิมทีเขากับอลิสรู้จักกันครั้งแรกเนื่องจากหญิงสาวให้เกียรติมาเป็นแขกรับเชิญในรายการ แต่ต่อมาก็เกิดเหตุการณ์บางอย่างที่ทำให้อลิสเข้ามาเกี่ยวพันกับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

กานต์เหลือบมองดูฟ้าด้วยความเป็นห่วง ไม่ต้องบอกเค้าก็รู้ดีว่า ภายในใจของเธอนั้นคงจะเต็มไปด้วยคำถามมากมาย ยิ่งบวกกับการกระทำและคำพูดของ อลิส ที่พร่ำบอกว่า รักเขา รักเขา ซ้ำไปซ้ำมาหลายสิบรอบนั้น คงยิ่งทำให้เธอรู้สึกตะขิดตะขวงใจมิใช่น้อย แต่ที่แย่กว่าก็ คือ ทำไม อลิส จึงได้ดูจงเกลียดจงชังฟ้านัก ทั้ง ๆ ที่ทั้งคู่เพิ่งพบกันเป็นครั้งแรก หรือสาเหตุจะเกิดจากตัวเขาเองกันนะ ชายหนุ่มครุ่นคิดอย่างงุนงง

เดิมทีเขากับฟ้าตั้งใจว่าจะค้างที่นี่สัก 1 แต่เพราะการปรากฏตัวของอลิส กับฤทธิ์เดชของหญิงสาว ทำให้เขาจึงตัดสินใจรีบเดินทางกลับกรุงเทพในทันที แถมยายอลิสตัวดีก็ยื่นคำขาดไม่ยอมขับรถกลับเองจนปู่ทองเอกต้องให้คนงานช่วยขับกลับมาให้ ไอ้กานต์ เอ๋ย ไอ้กานต์ ทำไมไม่มีสัญญาณอะไรบอกเลยนะว่าวันนี้จะเป็นวันซวย และปัญหาต่อมาที่เขาต้องเจอก็คือ ครั้นจะให้ฟ้ามานั่งข้างหน้า อลิส ก็ทำท่าจะแผลงฤทธิ์ออกมาเป็นรอบที่สอง ดังนั้นชายหนุ่มจึงตัดสินใจเอาข้าวของในรถเขาทั้งหมดมากองไว้ที่เบาะด้านหน้า และให้หญิงสาวทั้งสองคนนั่งคู่กัน (โห กล้าเสี่ยงเนอะ) ฟ้าเหลือบตามองอลิสที่นั่งอยู่ด้านข้างด้วยความรู้สึกอึดอัด การที่อลิสวางท่าทางปั้นปึ่งและอาละวาดเกรี้ยวกราดใส่เธอนั้น ทำให้เธอรู้สึกงุนงงเป็นอย่างมาก เพราะเธอแน่ใจว่าเธอและอลิสนั้นไม่เคยรู้จักกันมาก่อน หรือสาเหตุทั้งหมดจะมาจากคนข้างหน้ากันแน่นะ ฟ้าครุ่นคิดด้วยความสับสน แต่เธอก็เคารพในตัวกานต์มากพอที่จะไม่ถามอะไรให้วุ่นวาย มากเรื่องนอกจากว่ากานต์จะเล่าให้เธอฟังเท่านั้น

เสียงนาฬิกาบอกเวลา 4 ทุ่มตรง กานต์และฟ้าต่างพากันนั่งนิ่งอยู่ในห้องรับแขก เพราะทั้งวันพวกเขาเผชิญแต่เรื่องราวที่ทำให้รู้สึกเหนื่อยล้าอย่างบอกไม่ถูก กานต์เองก็รู้สึกว่าทำผิดกับหญิงสาวตรงหน้าเป็นอย่างมาก เขาค่อย ๆ กุมมือของหญิงสาวขึ้น พร้อมถอนหายใจออกมาเบา ๆ

“น้องฟ้าครับพี่ขอโทษที่วันนี้ทำให้น้องฟ้าไม่สบายใจ พี่ไม่อยากให้เราเข้าใจผิดในเรื่องของอลิส ดังนั้น”

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะเอ่ยอะไรออกมาอีก ฟ้าก็จับมือเขาขึ้นมาบีบเบา ๆ และยิ้มให้อย่างอ่อนโยน คงเพราะเห็นว่าเขาดูอ่อนล้าเต็มที

“ช่างเถอะคะ ฟ้าเชื่อใจพี่กานต์ เอาไว้วันหลังพี่ค่อยเล่าให้ฟ้าฟังดีกว่าคะ”

คำพูดของฟ้าทำให้กานต์รู้สึกตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก เขาค่อย ๆ คุกเข่าลงตรงหน้าของหญิงสาว พร้อมกับจ้องดวงตาคู่สวยด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความรัก

“ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นน้องฟ้าจะต้องเชื่อมั่นในความรักของพี่นะครับ”

นั่นคือคำพูดสุดท้ายที่กานต์พูดไว้ก่อนที่จะลากลับบ้าน ซึ่งกานต์เองก็คาดไม่ถึงว่าการที่ตัวเองไม่อธิบายอะไรให้ชัดเจนจะมีผลเสียตามมาในภายหลังอย่างร้ายแรง

การกลับมาของ อลิส ทำให้อะไรหลายอย่างในชีวิตกานต์ แย่ลงอย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับกองทัพนักข่าว และความจุ้นจ้านวุ่นวายของอลิส ที่มักจะเกาะติดเขาแจ ยิ่งกว่าตุ๊กแกเกาะเสาบ้าน แต่ทุกครั้งที่กานต์ทำท่าจะดุ หญิงสาวก็ทำหน้าตาน่าสงสารจนทำให้เขาใจอ่อนขึ้นมาทุกที แถม กิริยาที่แสนจะอ่อนหวาน น่ารัก ทำให้ทุกคนในบริษัทต่างพากันตามใจหญิงสาวกันเป็นแถว จนทำให้ชายหนุ่มไม่สามารถที่จะปลีกตัวไปไหนมาไหนได้ จนทำให้ต้องเลื่อนนัดฟ้าหลายครั้งหลายหน โดยที่ฟ้าได้แต่พูดตอบมาว่า

“ไม่เป็นไรคะ ฟ้าเข้าใจดี”

ฟ้านั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้นวมตัวโปรด ก่อนที่จะหลับตานิ่งเพื่อสะกดกลั้นคำว่า ความน้อยใจ ที่มันเริ่มปริ่มล้นในหัวใจมากขึ้น ๆ ทุกวัน แม้แต่ตัวเธอเองนั้นก็ไม่สามารถที่จะระงับความรู้สึกนี้ได้ แถมข่าวคาวที่ออกมาทางหน้าหนังสือพิมพ์หลาย ๆ ฉบับใน 2-3 วันนี้ ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่ใช่พระอิฐพระปูนสักหน่อยที่จะได้ไม่รู้สึกอะไรเลย สิ่งที่เธอรู้จากคนที่อยู่รอบข้างกานต์ก็คือ อลิส กับกานต์ไม่ได้เป็นแฟนกัน เป็นแค่คนที่สนิทกันมากเป็นพิเศาเท่านั้น หญิงสาวอดนึกถึงคำพูดของกานต์ที่แอบแวบหนีนักข่าวมาหาเธอที่บ้านเมื่อวันก่อน สีหน้า แววตา คำพูด และสีหน้าของเขาในวันนั้น มันดูจริงจังและหนักแน่น จนทำให้เธอไม่กล้าถามอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

“อย่าสนใจกับข่าวลือ เพราะความรักที่เขานั้นมีให้เธอ เป็นความจริงใจที่ไม่มีใครมาเปลี่ยนแปลงได้”

แน่นอนว่าฟ้านั้นยังเชื่อใจกานต์อยู่เสมอ แต่ภาพของอลิสที่เดินเคียงข้างเขาอย่างมีความสุขในหน้าหนังสือพิมพ์นั้น กลับทำให้เธอรู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งระยะหลังที่กานต์มารับเธอออกไปข้างนอกมักจะมีอลิสติดสอยห้อยตามมาด้วยเกือบทุกครั้ง แถมผู้หญิงคนนั้นยังทำท่ารังเกียจราวกับเธอเคยไปทำอะไรให้หญิงสาวเจ็บช้ำใจ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เช้าวันรุ่งขึ้น หลังจากที่ฟ้ากลับมาจากการออกกำลังกายตอนเช้าก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นหญิงสาวคนหนึ่งกำลังยืนเมียง ๆ มอง ๆ อยู่หน้าบ้าน

“โทษนะคะคุณมาหาใครคะ”

หญิงสาวตะโกนถามด้วยความสงสัย ก่อนที่จะอุทานออกมาอย่างแปลกใจว่า “คุณอลิส”

นาฬิกาตีบอกเวลา 11 นาฬิกา มะพร้าวเด็กรับใช้ภายในบ้านฟ้าก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นเจ้านายสาวสวยกำลังนั่งง่วนอยู่กับกองหนังสือพิมพ์และนิตยสารมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะ

“คุณฟ้าคะ ทำอะไรอยู่คะ ทำไมเอานิตยสาร กับ หนังสือพิมพ์ มาอ่านเยอะแยะเลยหละคะ เอ่อ คุณฟ้าขา มะพร้าวขอถามอะไรนิดนึงซิคะ ผู้หญิงที่มาบ้านเราเมื่อเช้านี้ใช่คุณอลิสรา นางแบบชื่อดัง ที่เคย เอ่อ มีข่าวกับคุณกานต์ใช่หรือเปล่านะ ตัวจริง ส๊วย สวย แต่แหมคุณฟ้าอย่าคิดมากนะคะ ยังไงคุณกานต์ก็รักคุณฟ้าคนเดียวนั่นหละคะ”

ฟ้ายิ้มขอบคุณสาวใช้ผิวดำ ร่างเล็ก ก่อนที่เดินไปหยิบกุญแจรถเพื่อออกไปข้างนอกอย่างรีบเร่ง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ท่ามกลางท้องฟ้าที่แสนมืดมิดในยามค่ำคืน ฟ้ากลับนั่งนิ่ง ๆ อยู่ที่ขอบสระน้ำหลังบ้านอย่างโดดเดี่ยวเดียวดายสายตาของหญิงสาวจ้องมองไปที่ก้นสระ ราวกับว่ากำลังค้นหาอะไรสักอย่าง ก่อนที่จะนึกย้อนถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนี้ การโต้เถียงกันระหว่างแก้วและกานต์ในเรื่องเกี่ยวกับเธอและผู้หญิงที่ชื่อว่า อลิส นั้นทำให้เธอเข้าใจอะไรได้ชัดเจนขึ้น เมื่อเช้านี้ อลิส อุตส่าห์มาหาเธอที่บ้าน เพื่อขอร้องให้เธอเลิกยุ่งเกี่ยวกับกานต์ซะ แถมยังร้องไห้ฟูมฟายอย่างน่าสงสาร ก่อนที่จะลากลับไปอย่างเงียบ ๆ จึงเป็นสาเหตุทำให้ฟ้าไปหากานต์ที่ออฟฟิศเพื่อที่จะคลี่คลายเรื่องราวทั้งหมด แต่ยังไม่ทันที่เธอจะเดินเข้าไปถึงห้องทำงานชั้นบน ก็ได้ยินเสียงกานต์และการะบุหนิง ทะเลาะกันซะก่อน

“ทำไมพี่กานต์ไม่พูดกับ พี่อลิส ให้ชัดเจนไปเลยคะ เกี่ยวกับเรื่องของพี่กับฟ้า” เสียงของการะบุหนิงดังขึ้นราวกับจะยื่นคำขาดกับพี่ชายเลยทีเดียว

“แก้วก็รู้ว่าพี่ทำอย่างนั้นไม่ได้ ยังไงพี่ก็รัก อลิส มากจนไม่สามารถที่จะทิ้งให้เค้าอยู่ตามลำพังได้ เธอก็รู้นี่แก้ว ทั้งพี่และอลิส ต่างมีชีวิตเป็นของกันและกัน ยังไงชาตินี้พี่ก็ไม่สามารถที่จะตัดอลิสออกไปจากชีวิตพี่ได้ ถ้าอลิส ไม่มีความสุข พี่ก็คงไม่มีความสุขไปด้วย แล้วเราจะให้พี่ทอดทิ้ง อลิส ไปหาฟ้าโดยไม่รับผิดชอบอะไรเลยได้ยังไง พี่ทำไม่ได้”

กานต์ตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นไม่แพ้กัน

“ถ้าอย่างนั้น พี่ก็ต้องเลือกคนใดคนหนึ่งซิ แต่แก้วรู้นะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพี่ก็ต้องเลือกความสุขของ อลิส เป็นอันดับแรกใช่มั๊ย ถ้าอย่างนั้นก็ไปบอกคุณฟ้าซิ ว่าพี่ขอเลิกกับเธอ เพราะว่าพี่ต้องรับผิดชอบชีวิตของอลิส“

เสียงของการะบุหนิงดังขึ้นอีกครั้งก่อนที่จะต้องชะงักกึกอย่าแรง เมื่อเปิดประตูออกมาเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างนอกอย่างเต็มตา

“คุณฟ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”

ก่อนที่จะทันได้ฟังคำอธิบายของใครคนใดคนหนึ่งฟ้าก็หมุนตัววิ่งออกมาจากที่นั่น และขับรถออกมาอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งขอร้องการะบุหนิงที่โทรศัพท์มาหาเธอว่า อยากอยู่เงียบ ๆ สักพัก เอาไว้ให้เธอรู้สึกดีกว่านี้แล้วเธอจะเป็นฝ่ายไปคุยกับกานต์เอง น้ำตาหยดแล้วหยดเล่าไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยอย่างไม่ขาดสาย คำพูดทุกคำที่เธอได้ยินได้ฟังนั้น ทำเอาหัวใจเธอแทบจะแหลกสลาย นี่หละที่เค้าบอกกันว่า

อันความรักนั้นเป็นเช่นยาพิษ
ทำชีวิตและหัวใจให้หม่นหมอง
ที่ใดมีรักย่อมมีทุกข์ตามครรลอง
ในเมื่อเป็นเพียงที่สองของใจเธอ


ถึงแม้เธอจะเป็นเพียงคนที่บังเอิญก้าวผ่านเข้ามาในชีวิตในยามที่คนคนหนึ่งกำลังเหงาและไม่มีใคร แต่ กาที่เรารรักใครสักคนหนึ่งไม่จำเป็นต้องหวังผลตอบแทนใด ๆ ขอให้เพียงคนที่เรารักมีความสุขก็พอ

หลังจากที่ใคร่ครวญอยู่นานฟ้าจึงตัดสินใจกดโทรศัพท์หามารดาของตน ทันที

“ฟ้าตัดสินใจดีแล้วหรือลูก”

ปลายสายถามด้วยน้ำเสียงที่ห่วงใย

“คะแม่ ฟ้าตัดสินใจดีแล้ว แม่ช่วยเลื่อนเที่ยวบินให้ด้วยนะคะ”

หญิงสาวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

กานต์นั่งหน้าเสียอยู่ที่ห้องรับแขกในบ้านของฟ้า ก่อนที่จะพับเก็บจดหมายที่อยู่ในมือลงอย่างหงอยเหงา โดยมีคุณหญิงเฟื่องฝนมารดาของฟ้า นั่นอยู่ข้างๆ

“ยายฟ้า เป็นคนที่ตัดสินใจอะไรไปแล้วเปลี่ยนแปลงยากนะจ๊ะ แม่เองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ยายฟ้าไม่เคยเชื่ออะไรที่ไม่มีเหตุผลนะกานต์ แม่เลี้ยงเค้ามาแต่เล็กแม่รู้ดี อีกอย่างแม่อยากจะให้เรากลับไปเคลียร์เรื่องของนางแบบที่ชื่อ อลิส ก่อนดีกว่า แต่ว่าบางทีทุกอย่างอาจจะสายไปแล้วนะลูกกานต์”

ชายหนุ่มคงจะมีความหวังมากกว่านี้ ถ้าหากไม่ทราบจากคุณหญิงเฟื่องฝนเพิ่มเติมว่าฟ้าตัดสินใจหมั้นกับคนที่ทางบ้านจัดหาไว้ให้ หลังจากวันนั้นเขาก็พยายามหาทางติดต่อกับฟ้าทุกวิถีทาง ทั้งส่งจดหมาย ทั้งส่งอีเมล และทาง Cyber World อย่าง MSN แต่ก็ไม่เคยมีคำตอบกลับมาจากต้นทางแม้แต่ครั้งเดียว

ฟ้าเก็บจดหมายทุกฉบับของกานต์กานต์ไว้ในกล่อง ส่วนอีเมลนั้นเธอตัดสินใจลบทิ้งตั้งแต่ยังไม่ได้เปิดอ่าน ตามภาษาคนที่พยายามตัดใจ ทั้ง ๆ ที่ทุกครั้งมันทำให้เธอต้องเสียน้ำตาก็ตาม

เวลาเริ่มผ่านไปจากวันกลายเป็นเดือน กานต์เริ่มกลับมาเป็นคนบ้างาน แถมยังอารมณ์ร้ายจนไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ในระยะ 1 เมตร (หมายเหตุ : เพราะกลัวว่าเชื้อบ้าจะติด) ส่วนอลิสนั้นก็เพียรพยายามเอาใจกานต์ทุกวิถีทาง แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความเฉยชาและว่างเปล่า จน อลิส ทนไม่ได้ต้องกลับไปอยู่ที่อเมริกาอีกครั้ง ส่วนแก้วได้แต่แอบมองพี่ชายก่อนที่จะถอนหายใจดังเฮือก เพราะไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เขาจะทรมานตัวเองไปอีกนานเท่าไหร่

เพราะคำพูดที่เป็นดั่งยาพิษ ทำให้สโนว์ไว้ท์ตัดสินใจหนีไปจากเจ้าชาย ทั้งที่ต้องปวดร้าวราวกับมีมีดกรีดกลางใจ




 

Create Date : 25 มีนาคม 2551    
Last Update : 11 เมษายน 2551 16:29:19 น.
Counter : 270 Pageviews.  

หาดทราย สายลมและจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่12)

หาดทราย สายลมและจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่12)

“พี่กานต์ครับ/คะ กรุณาเซ็นเอกสารให้พวกเราด่วนมาก ๆ ด่วนที่สุดเลย เฮ้ย ของข้าก่อนเฟ้ย ใครบอกหละของฉันก่อน”

ภาพน้อง ๆ ทีมงาน 6-7 คนที่ยืนชุนมุนอยู่หน้าห้องขณะนี้ ทำให้กานต์รู้สึกปวดเศียรเวียนกล้าอย่างบอกไม่ถูก

“เอ๊า มาเลย ไหนใครมีอะไรจะให้เซ็นบ้าง เอามาวางกองไว้ให้หมดนี่หละ”

ยังไม่ทันสิ้นเสียง เอกสารกองพะเนินก็ถูกเอามาวางไว้ตรงหน้าอย่างมากมาย

“เฮ้ย ที่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมมันมากมายเป็นภูเขาขนาดนี้ เฮ้ย กลับมานี่กันก่อน”

“ไม่มีทางคะ/ครับ พี่กานต์ “

ทุกคนหันมาส่ายก้นก่อนที่จะพากันวิ่งหนีไปคนละทิศละทาง

“เพื่อเป็นการไม่ให้พี่กานต์หนีไปไหน พวกเราขอล๊อคกุญแจห้องพี่ไว้สักพักนะ”

“เฮ้ย ไอ้พวกบ้ากลับมาเดี๋ยวนี้ โอ้ พระเจ้าช่วยกล้วยทอดดดดด”

และแล้วความวุ่นวายก็กลับเข้ามาหากานต์อีกครั้ง เมื่อเขากลับมาทำงานตามปกติแล้วต้องพบกับเอกสารกองสูงเท่าคอนโด แถมยังถูกลูกน้องตัวดีเอากุญแจขังไว้ในห้องอีก ถึงแม้ว่ากานต์จะเป็นคนที่รับผิดชอบต่อหน้าที่การงานมากมายสักเพียงไหนก็ตามแต่บางทีเสียงเรียกร้องของหัวใจก็ทำให้เขาอยากจะละทิ้งงานตรงหน้า ไปหาผู้หญิงที่เขาคิดถึงมากที่สุดในตอนนี้ กานต์ลุกขึ้นพรวด โอ๊ย ทนไม่ไหวแล้ววววโว้ยยยย!!

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“น้องกระแตจ๋า หนูปล่อยให้พี่กานต์หนีออกไปได้ยังไง”

เสียงแก้วตะโกนขึ้นดังลั่นออฟฟิศ เมื่อพบว่าตาพี่ชายตัวดีหนีออกไปจากห้องที่ทุก ๆ คน ช่วยกันล๊อคกุญแจไว้ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แถมเขียนใบลาสุดแสนประหลาดทิ้งไว้อีกต่างหาก ก็จะไม่ให้เรียกว่าประหลาดได้ยังไง ในโลกนี้มีใครเค้าลางานกัน 2 ชั่วโมง กับอีก 300 นาทีบ้าง แล้วแบบนี้เธอควรจะหัวเราะอย่างขบขัน หรือร้องไห้อย่างบ้าคลั่งดี เฮ้อ คอยดูนะจะรวมหัวกับทีมงานหักโบนัสเจ้าของบริษัทคืนซะบ้าง

“พี่เรานะ ทำไมหมู่นี้ลูกเล่นแพรวพราวเหลือเกิน นี่ขนาดช่วยกันเฝ้าไว้ก็ยังอุตส่าห์หาทางหนีไปจนได้ เกิดมาไม่เคยเสียรู้ใครมากเท่านี้เลย”

ว่าแล้วแก้วก็ซบหน้าลงกับโต๊ะอีกครั้ง ไหนใครบอกว่าความรักทำให้คนตาบอด นี่มันความรักทำให้คนอู้งานต่างหาก


ทันใดนั้นเสียงกรี๊ดของสาว ๆ ในออฟฟิศก็ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวต้องเงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่จะฟุบหน้าลงบนโต๊ะอย่างเซ็ง ๆ เมื่อเห็นผู้ที่มาเยือน

“ทำไมหน้างอเป็นหมามุ่ยซะอย่างนั้นหละยายแก้วแตก” เ

สียงมาฆะคู่ปรับเจ้าประจำดังขึ้น ไม่รู้เป็นเพราะอะไรหมู่นี้เขามักจะมาเป็นแขก(ที่)ไม่ได้รับเชิญในบริษัทอยู่บ่อย ๆ สงสัยกลัวเหงาปากแหง ๆ

“วันนี้มาทำไมไม่ทราบ รู้มั๊ยมันทำให้เปลืองกาแฟของบริษัทโดยใช่เหตุ งานการก็ไม่เคยช่วยทำ แถมยังมากินฟรีอีก”

ว่าแล้วหญิงสาวก็ยกเอาเอกสารกองใหญ่มากองไว้ตรงหน้าชายหนุ่ม

“อะนายมาก็ดีแล้ว หัดช่วยเหลือคนอื่นเค้าทำงานบ้าง พอดีพนักงานในออฟฟิศชั้นเกเร ไป 1 คน ไงก็ช่วยเลือกรูปของนายกับมีนาให้ทีซิ ชั้นจะเอาไปลงนิตยสารรายเดือนที่ทางสถานีมีหุ้นอยู่”

มาฆะเอามือหยิบรูปแต่ละใบขึ้นมาก่อนที่จะหยิบเอารูป4-5 ใบส่งให้กับแก้ว

“เอานี่ จริง ๆ แล้วไม่ต้องเลือกก็ได้ ยังไงก็หล่อทุกรูปอยู่แล้ว ว่าแต่พี่กานต์ไปไหนหละ จะเอาคลิปวิดิโอที่พี่เขาขอไว้มาให้ซะหน่อย“

ชายหนุ่มถึงกับหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อแก้วเล่าให้ฟังถึงการหนีงานและใบลากิจที่แปลกประหลาดที่สุดในโลก ซึ่งเป็นสาเหตุให้หญิงสาวหน้าหงิกหน้างอคล้ายจะใกล้บ้านั่นเอง

“คอยดูนะ คราวหน้าจะปล่อยให้ทำงานคนเดียว หัวเดียวกระเทียมลีบไปเลย”

เสียงแก้วตะโกนขึ้นอีกครั้งอย่างเหลืออด

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว ฮัดชิ้ว” เสียงจามดังติด ๆ กันโดยไม่ทราบสาเหตุ

“โอ๊ย มีใครนินทาพี่หรือเปล่าเนี่ยครับน้องฟ้า” กานต์บ่นด้วยเสียงตะกุกตะกัก เพราะว่าจามไม่หยุดสักที

“สงสัยโดนทุกคนในออฟฟิศแช่งชักหักกระดูดเอาหรือเปล่าคะ ในฐานะที่เจ้าของบริษัทแอบหนีงาน” ฟ้าพูดขึ้นเมื่อเห็นกานต์จามเป็นรอบที่ 4 แล้ว

“ แหมจะอะไรนักหนาแค่ลางานนิด ๆ หน่อย ๆ เอง เอกสารพวกนั้นจริง ๆ ยายแก้วเซ็นแทนก็ได้ น้อง ๆ คงจะไม่บ่นว่าอะไรหรอกครับ”

กานต์หัวเราะขึ้นเบา ๆ เค้ารู้ดีว่าจริง ๆ แล้วถูกเจ้าพวกนั้นแกล้งต่างหาก ไม่มีทางที่แก้วและลูกน้องของเขาจะปล่อยให้งานกองสุมทั่วหัวได้เยอะขนาดนั้นแน่ ๆ เพราะถึงไม่มีเขาทุกคนต่างก็ช่วยกันทำงานได้สบายมาก เพราะเขาและทุก ๆ คนต่างก็เริ่มงานและฝ่าฟันอุปสรรคกันมาตั้งแต่เริ่มเปิดบริษัทใหม่ ๆ

“ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวแวะไปเอาของที่บ้านน้องฟ้าก่อนนะครับ แล้วค่อยออกเดินทางกัน รีบไปกันเถอะเดี๋ยวแดดร้อนซะก่อน”

นับว่าเป็นโชคดีของกานต์อย่างไม่น่าเชื่อที่บังเอิญมารดาของฟ้าและมารดาของเขาเคยเป็นเพื่อนที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันมา จึงทำให้เขาสามารถเข้านอกออกในบ้านของหญิงสาวได้ง่ายขึ้น และความที่เขาเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตนจึงทำให้เป็นที่รักและเอ็นดูของผู้ใหญ่ ชายหนุ่มมักใช้เวลาช่วงเย็นหลังเลิกงานพาฟ้าออกไปทานข้าว หรือไม่ก็ไปดูหนังฟังเพลง โดยทุก ๆ ครั้งเขามักจะชวนแก้วหรือไม่ก็คนอื่น ๆ ไปเป็นเพื่อนเสมอเพื่อไม่ให้ฟ้าต้องตกเป็นข่าวกับเขา

วันนี้อากาศแจ่มใส และปลอดภัยจากนักข่าว เขาจึงตั้งใจจะพาฟ้าไปเยี่ยมปู่ทองเอกเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะกลับไปเรียนต่อในอีก 10 วันข้างหน้า ใครจะไปกล้าบอกคนอื่นหละว่า ตัว เขาอยากใช้เวลาที่เหลืออีก 240 ชั่วโมง อยู่กับหญิงสาวที่ตนเองรักให้นานที่สุด

เมื่อไปถึงบ้านของปู่ทองเอก หลังจากที่ทักทายคนในบ้านเรียบร้อยแล้ว เขาก็ตั้งใจขับรถพาฟ้าไปซื้อของสดที่ตลาดบ้านเพ เพื่อนำมาทำอาหารเลี้ยงทุก ๆ คนภายในบ้าน

“พี่กานต์ยิ้มอะไรคะ”

“ก็เพราะน้องฟ้าทำให้พี่มีความสุขไงครับ พี่ถึงยิ้มได้ พี่ไม่เคยคิดเลยว่าการได้อยู่กับคนที่เรารักจะทำให้สุขใจได้ขนาดนี้”

“พี่กานต์ก็พูดอะไรก็ไม่รู้ ฟ้าเขินนะคะ”ว่าแล้วหญิงสาวก็เอามือทุบคนข้างตัวเบา ๆ ก่อนที่จะยิ้มออกมาอย่างเขิน ๆ อีกคน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“ศิวา อยู่ไหนเนี่ย นายมาช่วยฉันกับน้องฟ้าขนของหน่อย อ้าวเรียกตั้งนานเดินมาพอดีเลย แล้วนั่นเป็นอะไรทำไมทำหน้าแปลก ๆ ชอบกล”

กานต์ร้องทักขึ้นอย่างประหลาดใจ เมื่อเห็นเพื่อนรักทำหน้าราวกับกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ราวกับว่าได้ไปเจออะไรมาสักอย่าง

“กานต์มีคนมาขอพบนาย นั่งคุยกับปู่อยู่ข้างในนู่น นายไปดูเองนะ เดี๋ยวชั้นเรียกคนงานมาช่วยขนของให้เอง ไปฟ้า ไปช่วยพี่ขนของดีกว่า ท่าทางธุระของไอ้กานต์มันคงจะยาว”

ว่าแล้วเขาก็คว้ามือฟ้ากึ่งลากกึ่งจูงหนีหายไปในครัวอย่างรวดเร็ว

กานต์มองตามเพื่อนรักแล้วก็อมยิ้มออกมา เฮ้อ นายศิวา ก็อีแค่มีแขกมาขอพบเขาทำไมต้องทำหน้าเหมือนท้องเสียมาสัก 10 วันฟะ ชายหนุ่มนึกแปลกใจเล็กน้อย ก่อนที่จะรีบเดินเข้าไปในห้องรับแขก แต่แล้วเขาก็แทบผงะ ยืนนิ่งอยู่กับที่ เมื่อเห็นหน้าผู้ที่มาเยือนได้ถนัดตา

“อะ อะลิสสสสส มาที่นี่ได้ยังงะงายย” กานต์เปล่าเสียงออกมาจากลำคออย่างแผ่วเบาราวกับมีก้อนอะไรมาจุกที่คอ

ยังไม่ทันที่เสียงสุดท้ายจะทันลอดออกจากปากของเขา หญิงสาวร่างสูงที่ดูโฉบเฉี่ยว เปรี้ยว เก๋ ตามสไตล์นางแบบอินเตอร์นั้น ก็โผเข้าหากานต์พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น และพร่ำพรรณนาขอโทษขอโพยชายหนุ่ม อย่างไม่มีจบไม่มีสิ้น จนเขาต้องเอามือปิดปากหญิงสาวเอาไว้

“เอาน่า อลิส มันจบแล้ว พี่ก็ไม่เป็นไรด้วย อะไรที่ผ่านไปแล้วก็ให้แล้ว ๆ ไปเถอะ”

กานต์ค่อย ๆ ปลอบหญิงสาว ก่อนที่ค่อย ๆ หาทางแกะมือของ อลิส ที่ขณะนี้เกาะเค้าไว้อย่างกะลูกลิง อย่างนุ่มนวลและแนบเนียนพร้อมกับคิดหาทางแก้สถานการณ์ยุ่ง ๆ นี้ไปด้วย แน่นอนว่าอลิสคนนี้ คือ คนเดียวกับที่เคยมีข่าวว่าทิ้งเค้าไปคบกับนักธุรกิจหนุ่มทายาทมรดกพันล้านนั่นเอง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++






 

Create Date : 01 กุมภาพันธ์ 2551    
Last Update : 11 เมษายน 2551 16:24:38 น.
Counter : 338 Pageviews.  

หาดทราย สายลม และจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่ 11)

หาดทราย สายลม และจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่ 11)
“กล้องพร้อม ไฟพร้อม 5...4...3...2”

“สวัสดีครับท่านผู้ชมผู้มีเกียรติทุกท่าน ขอต้อนรับเข้าสู่รายการ ‘Life Style by Kan’ ในวันนี้ ผมขอพาทุกท่านมาสัมผัสบรรยากาศอันแสนสวยงามท่ามกลางเสียงคลื่นและกลิ่นไอทะเลกับงานประจำปีของมูลนิธิ..........”

กานต์กล่าวต้อนรับผู้ชมทางบ้านด้วยน้ำเสียงอันแสนสดใส และเป็นกันเอง วันนี้เขาสวมเสื้อคอฮาวายลายสีฟ้าน้ำทะเล กับกางเกงขาสั้นสีครีม โดยมีมาฆะกับการะบุหนิง ยืนอยู่ข้าง ๆ รับหน้าที่เป็นผู้ช่วยพิธีกรในวันนี้ วันที่กานต์กลับเข้ามาทำงานหน้าจอโทรทัศน์อีกครั้ง

ตึกสีขาวหลังใหญ่ของมูลนิธิกับดูแปลกตาไป เมื่อได้รับการตกแต่งประดับประดาด้วยลูกโป่งสีสันสดใส ซึ่งทางเจ้าของบริษัททำลูกโป่งเจ้าใหญ่ที่เคยเป็นแขกรับเชิญในรายการได้ให้ความอนุเคราะห์อุปกรณ์ต่าง ๆ พร้อมกับส่งทีมงานเข้ามาช่วยตกแต่งบริเวณต่าง ๆ ภายในมูลนิธิ โดยเริ่มจากซุ้มลูกโป่งตรงทางเข้าหน้างาน เสาลูกโป่ง ถุงลมเต้นระบำ ลูกโป่งสวรรค์ แถมปิดท้ายด้วยการแสดงโชว์บิดลูกโป่งจากตัวตลก (bozo) ซึ่งช่วยเพิ่มความสนุกสนาน และความมีชีวิตชีวา ให้กับงานเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังมีแฟนประจำรายการอีกท่านหนึ่งรับอาสามานำวงดนตรีมาช่วยบรรเลงบทเพลงเพราะ ๆ ภายในงานให้อีกด้วย

สำหรับกิจกรรมอื่น ๆ ภายในงาน ก็ได้ปู่ทองเอกและศิวาต่างช่วยกันสร้างสรรค์เกมส์สนุก ๆ มาเรียกเสียงหัวเราะพร้อมกับเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมงานร่วมเข้าแข่งขันกับสมาชิกตัวน้อย ๆ ของมูลนิธิ ทั้งการแข่งขันประกอบบ้านเรือนไทยขนาดจิ๋ว รวมถึงการแข่งขันทำขนมไทย 4 ภาค มีผู้สนใจเข้ามาร่วมชมงานกันอย่างไม่ขาดสาย บางคนถึงกับหอบเอาของใช้ต่าง ๆ มาให้เด็ก ๆ อีกด้วย ซึ่งงานนี้ต้องยกความดีให้กับการประชาสัมพันธ์ล่วงหน้าที่ทางรายการได้จัดเตรียมไว้

และเมื่อการแสดงบนเวทีเริ่มขึ้น ทุกคนก็พากันเดินเข้าไปดูด้วยความสนใจ โดยเริ่มจากการแสดงโชว์ของเด็ก ๆ ซึ่งได้เสียงอันไพเราะและสดใสของฟ้าที่เป็นผู้ร้องเพลงและเล่นเปียโน ประกอบการแสดงให้กับพวกเด็ก ๆ ที่ทำท่าประกอบเพลงกันอย่างพร้อมเพรียง ในเพลง 'Sing' และ เพลง 'จับมือไว้แล้วไปด้วยกัน'และ เมื่อการแสดงจบลงก็สามารถเรียกเสียงปรบมือจากผู้ชมงานได้อย่างกึกก้อง

การถ่ายทำรายการดำเนินไปเรื่อย ๆ โดยทางมาฆะกับการะบุหนิงก็พาผู้ชมทางบ้าน ไปเยี่ยมเยียนซุ้มสำหรับจัดจำหน่ายสินค้าต่าง ๆ ที่บรรดาเจ้าตัวเล็กต่างพากันประดิษฐ์ขึ้นอย่างสุดความสามารถ (งานนี้ทั้งคู่แอบโชว์ฝีมือการแต่งซุ้มของตัวเองกันยกใหญ่) แล้วทั้งคู่ก็ทำตาโตและยิ้มอย่างดีใจ เมื่อทางทีมงานแจ้งว่ามีผู้ประสงค์จะบริจาคเงินให้กับทางมูลนิธิเป็นจำนวนถึง 3 ล้านบาท ไม่เพียงแค่นั้น ยังมีผู้ชมรายการอีกหลายท่านมีความประสงค์จะมอบทุนและอุปกรณ์การศึกษาให้กับเด็ก ๆ อีกด้วย

จนกระทั่งถึงเวลางานต่าง ๆ ก็เสร็จสิ้นลงด้วยดี ทุกคนต่างช่วยกันเก็บของ โดยที่งานนี้มาฆะกับการะบุหนิง กับเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยถือโอกาสชวนเด็ก ๆ บางคนโดดงานหนีไปเที่ยวข้างนอก โดยไม่สนใจเสียงสวดมนต์ภาวนาของพี่ชายตัวดี ที่ตอนนี้นั่งหน้าซีดอยู่ในห้องธุรการ จนร้อนถึงฟ้าต้องตามเข้ามาดูแลด้วยความห่วงใย

“ทานอะไรก่อนมั๊ยคะทำไมหน้าพี่กานต์ดูซีด ๆ พิกล”ฟ้าพูดอย่างเป็นห่วงเมื่อเห็นชายหนุ่มร่างสูงนอนหลับตาพิงเสากลางห้องอย่างเหนื่อยอ่อน

“อุ๊ย พี่กานต์ ตัวร้อนจี๋เลย ไม่สบายหรือเปล่าคะ”

ฟ้าอุทานขึ้นอย่างตกใจ เมื่อเอามือแตะที่หน้าผากของชายหนุ่ม ซึ่งชายหนุ่มเอาแต่ส่ายหน้า

"พี่ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องฟ้าไปทำอย่างอื่นดีกว่า"

กานต์พูดขึ้นก่อนที่จะหลับตาลงอย่างไม่สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว

ฟ้านั่งลงข้าง ๆ พลางมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างทึ่ง ๆ ระคนสงสาร แทบไม่น่าเชื่อเลยว่าชายหนุ่มที่นั่งหน้าซีดอยู่ข้างเธอขณะนี้จะเป็นคนเดียวกับพิธีกร ที่แสนจะร่าเริง ขี้เล่น ยิ้มแย้มแจ่มใส เมื่อชั่วโมบงที่ผ่าน เขาช่างอดทนเหลือเกินที่สามารถเก็บอาการเหน็ดเหนื่อยและอ่อนล้าไว้โดยที่ไม่ยอมแสดงความอ่อนแอให้ใครเห็น คนอะไรนะไม่รู้จักห่วงตัวเองซะบ้างเลย

ก่อนที่หญิงสาวจะทันได้คิดอะไรต่อ ร่างสูง ๆ ที่ขณะนี้หลับใหลไม่ได้สติ กับพลิกศีรษะกลับมายังฝั่งที่เธอนั่งอยู่ ด้วยความที่เธอกลัวว่าชายหนุ่มจะนอนหลับได้ไม่สะดวกดังนั้นเธอจึงตัดสินใจประคองศีรษะของเขาให้วางลงบนตักของเธอ ก่อนที่จะค่อย ๆ เอามือลูบผมที่ปรกหน้าของชายหนุ่มออก ภาพชายหนุ่มที่นอนขมวดคิ้วหลับสนิทอยู่ในตอนนี้ ทำให้ฟ้าอดนึกไม่ได้ว่าเขาเป็นเด็กชายจอมดื้อที่ต้องการให้คนมาดูแลมากกว่าผู้ชายขึงขังบ้างาน ที่ไม่เคยยอมท้อกับอุปสรรคใด ๆ

“หลับซะนะคะ พี่กานต์จอมดื้อ”

หญิงสาวกระซิบข้างหูชายหนุ่มเบา ๆ ก่อนที่จะเอาพัดมาพัดให้อุณหภูมิของคนที่นอนกระสับกระส่ายเหงื่อเต็มตัวคลายร้อนลงบ้าง แถมตอนนี้ยังเอามือใหญ่ ๆ ของตัวเองจับมือฟ้าไว้ ข้างหนึ่ง ดู ๆ แล้วเหมือนเด็กที่เรียกร้องความอบอุ่นจากมารดาในยามที่ป่วยไข้ แล้วแบบนี้จะไม่ให้หญิงสาวสงสาร เห็นใจ และหวั่นไหวได้ยังไง ฟ้ามองชายหนุ่มอีกครั้งด้วยสายตาอ่อนโยน ค่อยๆลูบผมหยิกเป็นลอนไปมาพลางคิด ผมเป็นลอนกลมๆ น่ารักจัง แล้วจึงมองต่อไปยังหน้าของชายหนุ่ม คนอะไร หน้าตาดีจังเลย ตาคมเข้ม ขนตายาวกว่าผู้หญิงซะอีก จมูกโด่งเป็นสัน ปากก็ได้รูป ยิ่งมองก็ยิ่งเหมือนกับรูปปั้นกรีกเลย ฟ้าถือโอกาสจ้องมองหน้าชายหนุ่มใกล้ๆอยู่นาน ก่อนที่จะยิ้ม และบรรจงก้มลงหอมแก้มเขาเบาๆ

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เจ้าข้าเอ๊ย แบบนี้เอาแบบไม้สักทั้งหลังหรือว่าเอาแบบติดแอร์ดีหนอ”

เสียงแจ้ว ๆ ที่ดังแสบแก้วหูอยู่ข้าง ๆ ถึงกับทำให้กานต์เด้งตัวขึ้นมาอย่างอัตโนมัติ ก่อนที่จะหันไปมองต้นเสียงและคนอื่น ๆ อย่างงุนงง โดยเฉพาะฟ้าที่ดูหน้าแดงชอบกล

“น้องฟ้าไม่สบายหรือเปล่าครับ ทำไมหน้าแดงขนาดนี้”

กานต์ถามขึ้น และมองกลุ่มคนที่ยืนอมยิ้มมองมาที่เขาอยู่ในขณะนี้

“ก็ทำไมจะไม่แดงหละเจ้าคะ คุณพี่เล่นนอนหลับบนตักของฟ้ามาเกือบ 3 ชั่วโมงกว่า ๆ แถมใครมาปลุกก็ส่งเสียงคำรามใส่”

แก้วทำหน้าทะเล้นใส่พี่ชายก่อนที่จะเริ่มต้นเล่าเรื่องเป็นฉาก ๆ อย่างโอเว่อร์แอ๊กติ้ง

“ใครก็ไม่รู้ ไม่สบายแต่ก็ยังฝืนทำงาน อย่างกับอยากตายในหน้าที่ แล้วพอสุดท้าย เจ็บเกินที่ร่างกายจะรับไหวก็อาศัยฟ้าเป็นกำแพงพิงหลับไป จนเจ้าตัวทนไม่ไหวต้องให้น้อง ๆ เอาหมอนกับยามาให้แต่ใครก็ไม่รู้ไม่ยอมนอนหมอนเอาแต่นอนหนุนตักฟ้า ไม่ยอมปล่อยเลย รู้มั๊ยว่าฟ้าเค้าเมื่อยและเหนื่อยขนาดไหน”

ว่าแล้วแก้วและทีมงานอีก 2 คน ก็ช่วยประคองพี่ชายจอมอึดให้ลุกขึ้นยืนอย่างช้า ๆ

“ ว่าแต่ไม่สบายแล้วทำไมไม่บอก เกิดเป็นอะไรมากไปกว่านี้ พ่อกับแม่แล้วคนอื่น ๆ จะเป็นห่วงมากแค่ไหน”

หลังจากต่อว่าต่อขานพี่ชายสุดที่รักเสร็จสรรพแล้ว ก็สั่งให้ทีมงาน”ขนย้าย”กานต์ไปที่บ้านพัก ก่อนที่จะปล่อยให้ชายหนุ่มนอนหลับไปอีกพักใหญ่ และเมื่อเขาตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นบ้านดูเงียบเหงา ไร้แม้แต่เงาของนกและแมลง

“คุณกานต์อยู่ที่เองหรือคะ ไปอาบน้ำอาบท่า ลงมาทานข้าวซะนะคะ”

กานต์พยักหน้ารับคำคุณป้าแม่บ้านด้วยความน้อยใจนิด ๆ เมื่อทราบว่าทุกคนต่างพากันออกไปเที่ยวทิ้งให้เขาอยู่บ้านอยู่คนเดียว แต่ก็ยังดีที่วันนี้คุณป้าแม่บ้านชวนไปทานอาหารที่บ้านกับหลาน ๆ ของเธอ

“วันนี้ป้าเห็นคุณกานต์เหนื่อยมาทั้งวันก็เลยทำอาหารมื้อพิเศษไว้ให้นะคะ เดี๋ยวคุณกานต์เห็นต้องชอบใจแน่ ๆ เลย”

ชอบใจ ใช่เค้าชอบใจและชื่นชมในความมีน้ำใจของคุณป้าแม่บ้านเป็นอย่างมาก แต่ว่าคนอื่น ๆ เนี่ยนะซิกับทิ้งเค้าไปหมดเลย แม้แต่น้องฟ้าก็เป็นไปกับเค้าด้วย กานต์เผลอกัดปากตัวเองอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะเดินตามคุณป้าแม่บ้านเดินลัดเลาะไปตามชายหาดอย่างเหงาหงอย

‘เอา มัวเดินเซื่องเป็นหมาเอ๊ยแมวหงอยอยู่นั่นหละพี่กานต์ ปล่อยให้พวกเรารอกันอยู่ตั้งนาน”

เสียงอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลัง พร้อมกับแสงไฟที่ค่อย ๆ ส่องสว่างขึ้นอย่างช้า ๆ ทีละดวง ๆ จนกระทั่งความสว่างทำให้สามารถเห็นคนกลุ่มคนที่ยืนอยู่ได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะ ภาพของฟ้าที่ตอนนี้อยู่ในชุดเสื้อแขนกุดสีขาว ใส่กระโปรงผ้าฝ้ายสีฟ้า สวมกำไลที่ร้อยจากเปลือกหอยสีสะอาดตา สวมช่อดอกไม้ไว้บนศีรษะ กับสว่างไสวในใจเขามากเป็นพิเศษ

“ตะลึง ตะลึง ตะลึง เอาพี่กานต์มัวแต่ตะลึงอยู่ได้มานี่ดีกว่า งานนี้พวกเราจัดเพื่อพี่โดยเฉพาะกิจเลย”

สิ้นเสียงของน้อง ๆ ในทีม ชายหนุ่มผู้ที่เคยน้อยใจในโชคชะตาก็ยิ้มแก้มปริเมื่อเห็น ทุกคนช่วยกันตกแต่งสถานที่บริเวณชายหาดให้กลายเป็นที่จัดงานเลี้ยงขนาดย่อม ประดับประดาไปด้วยดอกกล้วยไม้และดอกลีลาวดี

“พี่กานต์ครับพวกเราเองก็ไม่ค่อยมีหัวคิดสร้างสรรค์เท่ากับพี่สักเท่าไหร่แต่งานนี้พวกเราพยายามจัดสถานที่กันอย่างสุดความสามารถนะครับ” หนึ่งในทีมงานของเขากล่าวขึ้น

กานต์สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อไม่ให้เผลอมีน้ำตาออกมา

“พี่ไม่ได้อยากที่จะเห็นของที่สวยงามมากที่สุด แต่ว่าน้ำใจของทุก ๆ คนที่ทำให้พี่เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่าสิ่งใด ๆ ที่พี่เคยได้พบนะ”

ก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดอะไรมากไปกว่านี้น้อง ๆ ทีมงานทุกคนก็วิ่งเข้าไปล้อมกลุ่มจับมือกานต์อย่างดีใจเป็นที่สุด

“แต่โบนัส คิดตามความขยันเหมือนเดิมนะ ใครมาสายก็หักตามปกติ” กานต์มองลูกน้องด้วยหางตา ยิ้มมุมปากแสดงความเจ้าเล่ห์

“โห พี่กานต์ขี้งกที่สุดในโลก เหมือนเดิม”

“ถ้าไม่งก ก็ไม่ใช่พี่ชายแก้วนะซิ” ว่าแล้วทุกคนก็พาหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน

“นี่ขนาดคุณป้าแม่บ้านก็ยอมร่วมมือด้วย พวกแกนี่ร้ายจริง ๆ หลอกกระทั่งผู้ใหญ่”

“ใครบอกหละต้นคิดเรื่องนี้มาจากคุณป้านั่นหละ”ทุกคนตอบพลางหัวเราะที่เห็นกานต์หันไปมองแม่บ้านคนเก่าแก่ประจำตระกูล พร้อมกับทำหน้าเหวอ ๆ

“เฮ้ย เป็นไปได้”

หลังจากที่ทุกคนนั่งลงบนเสื่อผืนใหญ่ อาหารทะเลหลากชนิด ก็ถูกลำเลียงออกมา ให้คนที่นั่งอยู่น้ำลายสอไปตาม ๆ กัน เพราะหน้าตาอาหารแต่ละจานล้วนแต่น่ารับประทาน ไม่ว่าจะเป็น ห่อหมกทะเลเผา กุ้งอบเนย ปูผัดผงกระหรี่ ต้มยำทะเล และไข่เจียวปู

“งานใดที่ไม่มีดนตรีกาล ก็ไม่ใช่สันดานของพวกเรา”

เสียงบรรดาทีมงานกล่าวขึ้น หลังจากที่รับประทานทานอาหารกันอย่างอิ่มหนำสำราญ ก่อนที่จะพากันคว้าเครื่องดนตรีประจำตัวขึ้นมาบรรเลงเพลงอย่างเมามันส์ โดยมีแก้วซึ่งอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีน้ำตาลเข้ม กางเกงขาสั้นสีขาว แถมเอาผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่สีแดงมาโพกศีรษะ ทำราวกับโจรสลัดหญิง ส่วนมาฆะเองก็ไม่รู้ว่าไปหาเสื้อกล้ามสีขาวสลับดำที่ตกแต่งด้วยลูกปัดและกระดุมดูแปลกตา กับกางเกงเลสีเหลืองแป๊ด เอาพวงมาลัยดอกกล้วยไม้ 3 พวงมาคล้องคอ เป็นหัวโจกนำทุก ๆ คน เต้นระบำชาวเกาะด้วยท่าทางประหลาด ๆ แถมท้ายด้วยการหาเกมส์มาให้ทุกคนได้เล่นกันอย่างสนุกสนาน แต่แปลกที่ทุกครั้งที่เล่นเกมส์กานต์มักจะจับสลากได้อยู่ทีมเดียวกับฟ้าเสมอ (โห ช่วยกันเชียร์จนออกนอกหน้าแบบนี้ เจ้าตัวเค้าไม่รู้กันเลยเนอะ) จนกระทั่งนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงคืน ทุกคนต่างก็พากันมานั่งล้อมวงหาเพลงเพราะ ๆ ที่เข้ากับบรรยากาศมาผลัดกันร้อง จนกระทั่งถึงคิวของการะบุหนิงและมาฆะ ทั้งคู่ต่างพากันถกเถียงถึงเพลงที่ตัวเองอยากจะร้อง จนทำให้บางคนขอตัวไปรับลมทะเลพร้อมกับกระซิบบอกคนที่เหลือว่าถ้าสองคนนี้เลือกได้เมื่อไหร่ก็ตะโกนบอกด้วยก็แล้วกัน ไม่เว้นแม้แต่กานต์กับฟ้าก็ขอลาเช่นกัน

หลังจากที่ทุกคนแยกย้ายกันไปคนละทิศละทาง เพราะต้องการหนีเสียงที่ดังปานฟ้าผ่า ของ 2 จอมโวยวาย กานต์กับฟ้าก็พากันเดินลัดเลาะไปตามผืนทราย ที่ยังคงดูสดใสแม้จะเป็นในยามค่ำคืนก็ตาม

“เฮ้ย ๆ ๆ พวกแกว่าพี่กานต์จะยอมสารภาพมั๊ยวะ”

พวกทีมลิงเอ๊ยทีมงาน แถมท้ายด้วยนักร้องชื่อมาฆะและน้องสาวอย่างการะบุหนิง ต่างพากันกลับมาสุมหัวเอ๊ยรวมกลุ่มเมื่อเห็นเป้าหมายติดกับดักที่วางแผนไว้

“นั่น ๆ พี่กานต์เดินไปหาน้องฟ้าแล้ว เฮ้ย งานนี้น่าจะมีลุ้น เดี๋ยวก็รู้คำตอบ พวกเรามาร้องเพลงกันต่อดีกว่า”

ว่าแล้วบรรดานักวางแผน(มือใหม่)ก็พากันร้องเพลงกันไปตามเรื่องตามราว แต่ตากับจับจ้องไปที่เป้าหมายอย่างลุ้นกันสุดตัว

“วันนี้พี่ก็ต้องขอโทษที่เผลอนอนหนุนตักน้องฟ้าเป็นชั่วโมง ๆ เลย ”

กานต์พูดด้วยน้ำเสียงเขิน ๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เขาลืมตาตื่นขึ้นมาแล้วพบว่าตัวเองกำลังนอนหนุนตักฟ้าอย่างมีความสุขท่ามกลางสายตาของบรรดาพวกหูตาสับปะรดสุดแสบ แต่แค่นั้นไม่พอไอ้มือเจ้ากรรมดันไปเกาะเอวเล็ก ๆ ของหญิงสาวไว้ทั้งสองข้างอีกต่างหาก เขาไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ แต่คงจะเป็นเพราะเสียงเรียกร้องจากหัวใจมากกว่า

“ไม่เป็นไรคะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ก่อนที่จะก้มลงมองพื้นทราย ด้วยความเขินอาย เมื่อเห็นสายตาระยิบระยับของเขาที่มองมายังเธอ
ก่อนที่จะต้องร้องเพลงรอไปมากกว่านี้ วินาทีนั้น กานต์ตัดสินใจเอื้อมมือไปจับมือของฟ้าไว้ทั้งสองข้าง พร้อมกับมองไปยังใบหน้าสวยหวาน ด้วยแววตาที่เปี่ยมล้นไปด้วยความรัก ก่อนที่จะรวบรวมความกล้าบอกความในใจให้ผู้หญิงที่ทำให้ใจเขาหวั่นไหว

“ขอบคุณที่ทำให้พี่รู้จักกับคำว่า ‘ความรัก’ นะครับ” กานต์ก้มลงกระซิบบอกรักที่ข้างหูหญิงสาวตรงหน้าอย่างอ่อนหวาน

คำพูดของเขาทำให้คนที่อยู่ตรงหน้า หัวใจเต้นแรง หน้าแดงแล้วแดงอีก เขาไม่ใช่คนแรกที่เข้ามาบอกรักแต่เป็นคนแรกที่เธอรู้สึกรัก แล้วแบบนี้เธอควรจะตอบเขาไปยังไงดีนะ

หญิงสาวได้แต่ยืนยิ้มเขินอาย แต่ก็จ้องตาเขากลับเหมือนกับอยากจะถ่ายทอดความรู้สึกของเธอให้เขารับรู้ เธอได้แต่ยืนมองสลับกับก้มหน้าโดยไม่กล้าเอ่ยคำพูดใดออกมา

“พี่ไม่ได้คาดคั้นเอาคำตอบจากเรานะ พี่แค่อยากจะบอกความรู้สึกดี ๆ ที่พี่มีต่อฟ้าเท่านั้นเองครับ”

“ฟ้าว่าให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่าคะ ฟ้าเองก็ยังต้องกลับไปเรียนต่ออีกสักพัก อีกอย่างคุณพ่อคุณแม่ฟ้าท่านก็ดุไม่ใช่น้อยเลยนะคะ”

“นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับพี่ พี่จริงจังและพร้อมเสมอที่จะพบคุณพ่อกับคุณแม่ของฟ้า ให้ท่านรับรู้ว่า พี่รักลูกสาวของท่านจริงๆ” กานต์พูดจบก็ยกมือสองข้างของฟ้าขึ้นมาจุมพิต จนหญิงสาวเขินอายรีบดึงมือกลับเบาๆ

“ฟ้าจะคอยดูค่ะ ว่ารักของพี่กานต์เป็นของจริงหรือเปล่า”

เมื่อพูดจบประโยคแล้วฟ้าก็กลับหลังเดินจากไป ปล่อยให้กานต์ยืนนิ่งสมองไม่สั่งการอยู่พักใหญ่ เฮ้ย แบบนี้ก็มีความหวังแล้วซิเรา ไม่ใช่รักเขาข้างเดียวนี่หว่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ว่าแล้วกานต์ก็ขยับจะเดินตามหญิงสาวไปอย่างรวดเร็ว

ราวกับรู้จังหวะเวลาเป็นอย่างดี เมื่อพวกวงดนตรีสมัครเล่นที่ซุ่มซ่อนตัวอยู่ต่างพากันร้องเพลง รักคุณเข้าอีกแล้ว - บอย โกสิยพงษ์ feat. ป๊อด โมเดิร์นด๊อก อย่างพร้อมเพียง โดยมีมาฆะรับหน้าที่เป็นวาทยกรจำเป็น (จริง ๆ แอบซ้อมกันมาหลายรอบมาก)

“เฮ้ย ไอ้พวกนี้” กานต์ตะโกนร้องพลางวิ่งเข้าหาวงดนตรีสมัครเล่น ที่ต่างแตกกระจายกันไปคนละทิศละทาง แต่ก็ยังคงประสานเสียงร้องเพลงกันอย่างพร้อมเพรียง

เก็บเพลงรักนี้ ไว้ให้เธอ เมื่อวันใดที่เจอะเจอ
ฉันก็พร้อมและยินยอมมอบความรัก และจิตใจ
ชั่วนิรันดร์ (ชั่วนิรันดร์)

มีเพลงเพลงนึงที่เคยร้องให้เธอฟัง
แต่ไม่รู้ว่ายังจำได้หรือเปล่า
วันและเวลาอาจจะหมุนและเวียนไป
แต่ใจความในเพลงนั้นของเรา

* ก็ยังคงเฝ้าย้ำพูดถึง ความรักที่ลึกซึ้ง
และยังคงตรึงในหัวใจนานแค่ใหน ก็เหมือนเก่า
เหมือนวันแรกที่เรา เจอะกัน

** เก็บเพลงรักนี้ให้เป็นของขวัญ
ให้เธอได้รับได้รู้หัวใจของฉัน
แม้คืนวันจะเปลี่ยนแปลงสักแค่ไหน
แต่ใจของฉันที่รักเธอนั้น
ต่อให้ต้องลงนรกหรือขึ้นสรวงสวรรค์
ฉันก็จะไม่มีวันมอบให้ใคร
จะมีเพียงเธอแค่เพียงคนเดียว
และจะมีแต่เธอ เธอแค่เพียงคนเดียว
และจะเป็นเพียงคนเดียวเสมอไป
ที่ฉันฝากชีวิต ทั้งหมดไว้
โดยไม่มีวันทวงกลับคืน

กาลและเวลาที่เปลี่ยนหมุนและเวียนไป
อาจจะทำให้หัวใจใครหมุนตาม
แต่ไม่ว่าเวลาจะเปลี่ยนหมุนไปยังไง
ใจความในเพลงนั้นของเรา


ฉันขอใช้ช่วงเวลาทั้งชีวิตที่ฉันมี
ฉันขอใช้ไปกับเธอ กับเธอ เธอคนนี้


ฉันขอมอบชีวิตทั้งหมดไว้
ฝากให้กับเธอเพียงผู้เดียว


ท่ามกลางหาดทราย สายลม และจุดเริ่มต้นของความรัก ยังมีอะไรให้ผู้คนได้รู้จักกับรอยยิ้มและการสูญเสียน้ำตาในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน





 

Create Date : 17 มกราคม 2551    
Last Update : 25 สิงหาคม 2552 17:14:25 น.
Counter : 290 Pageviews.  

หาดทราย สายลม และจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่ 10)

หาดทราย สายลม และจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่ 10)

นาฬิกาบอกเวลา 6.30 น. แก้วค่อย ๆ ย่องลงมาจากชั้นบน ตั้งใจจะลงมาดูสภาพนายมาฆะ ซึ่งป่านนี้คงจะโดนยุงกัดตายไปแล้ว แต่หญิงสาวกับคิดผิดเพราะว่าพ่อคู่ปรับตัวดีกำลังยิ้มร่า ช่วยคุณป้าแม่บ้านทำกับข้าวอย่างสนุกสนาน เพราะเหตุที่มาส่งแก้วถึงที่นี่ ทำให้เขากลายเป็นส่วนหนึ่งของงานนี้ไปด้วย คนอะไรน่าหมั่นไส้นัก คอยดูนะ เผลอเมื่อไหร่นายโดนเอาคืนแน่

“โธ่ ยัยแก้ว ชั้นขอโทษนะ นะ นะ อย่าทำหน้าบูดซี่ เดี๋ยวเด็ก ๆ ก็ตกใจร้องไห้กันหมดหรอก”

มาฆะทำเสียงออดอ้อนออเซาะ เอามือเกาะขาเก้าอี้ ผลุบ ๆ โผล่ ๆ ไปมาข้าง ๆ แก้ว ที่ขณะนี้กำลังนั่งทำงานอยู่ในห้องธุรการของมูลนิธิ แต่เมื่อเห็นหญิงสาวไม่สนใจ ชายหนุ่มก็เดินคอตกกลับออกมา และหลังจากสลดอยู่ได้ไม่นาน ก็เปลี่ยนไปเป็นหัวโจกในการนำเด็ก ๆ เล่นกิจกรรมมันส์ ๆ ที่เขาคิดขึ้นมาสด ๆ ร้อน ๆ ได้ในเวลาไม่ถึง 15 นาที

“นี่เต้นแบบแร๊พไทยต้องโยกแบบนี้ ถ้าเต้นแบบฝรั่งต้องท่านี้ เต้นแบบญี่ปุ่นต้องท่านี้”

ไม่รู้ว่าชาติก่อนนี้มาฆะเคยเกิดเป็นลิงมาก่อนหรือเปล่า เพราะเขาสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อยแม้แต่น้อย ก่อนที่จะวิ่งไปก่อกวนหญิงสาวคู่ปรับที่ขณะนี้กำลังช่วยทีมงานตกแต่งซุ้มต่าง ๆ ที่จะใช้จัดแสดงภายในงานอย่างคล่องแคล่วว่องไว

“อะไรกันยายแก้วแตก ทำตั้งนานเพิ่งได้แค่นี้เองเหรอ นี่ถ้าเป็นชั้นนะป่านนี้เริ่มทำซุ้มที่สองแล้ว”

“เชอะ นายมาร์ค ราคาคุยหรือเปล่า แค่พูดเนี่ย ใครก็พูดได้ แน่จริงก็ลองมาทำดูซิ”

ยังไม่ทันสิ้นเสียงของแก้ว ชายหนุ่มก็รีบวิ่งเข้ามาช่วยทีมงานตกแต่งซุ้มตามคำท้า ท่ามกลางความงุนงงของทุกคนที่เห็นทั้งคู่แข่งกันทำงานราวกับกินยาบ้ายาชูกำลังไปอย่างต่ำคนละ 10 กำมือ (ขืนกินขนาดนี้จริง ๆ คงชักตาตั้งตายไปแล้ว) เวลาผ่านไปไม่นาน ทั้งคู่ก็ทำผลงานออกมาแย่งกันอวดทีมงานได้อย่างอลังการพอๆกัน จนแม้แต่ TV Champion ก็ไม่สามารถตัดสินให้ใครเป็นผู้ชนะได้ (จริง ๆ ไม่กล้าตัดสินเพราะเดี๋ยวจะทะเลาะกันต่ออีก)

แต่ความอึด ทึก ทน ของทั้งคู่ยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะเมื่อเจ้าหน้าที่ของทางมูลนิธิประกาศหาอาสาสมัครช่วยกันทำความสะอาดพื้นไม้ที่ลงแล๊คเกอร์ไว้ใหม่ ทั้งคู่ต่างก็รีบยกมือรับอาสา พร้อมกับพาผู้ช่วยตัวน้อยช่วยกันออกแรงถูพื้นอย่างแข็งขัน ด้วยความที่เป็นคนที่ขี้เล่นและชอบคิดอะไรแผลง ๆ ทั้งคู่ จึงเอาผ้าที่ใช้ถูพื้นผูกขาเล่นสเก๊ตลากไปมาทั่วห้อง เด็ก ๆ เมื่อเห็นผู้ใหญ่ทำก็พากันทำตามเป็นแถว ด้วยความที่ทั้งคู่ไม่เคยที่จะคิดยอมแพ้กันอยู่แล้ว จึงทำให้ต่างก็พากันเร่งสปีดเต็มที่ แต่ทันใดนั้นแก้วก็เกือบลื่นล้มเมื่อมีเด็กคนหนึ่งเผลอทำไม้ถูพื้นตกลงมาขวางทางข้างหน้าไว้ ดีที่มาฆะอาศัยความไวเข้ามารับตัวหญิงสาวไว้ก่อนที่จะตกถึงพื้น จนเด็ก ๆ พากันตบมืออย่างเกรียวกราว แต่คนถูกอุ้มกับสะกดได้แต่คำว่า อาย ว่า อาย อ๋าย อาย อ๊าย อาย อ๊าย อาย จนหน้าแดงก่ำ

“ใครบ้าดี เอ๊ย กล้าดียังไงมาอุ้มยายแก้วไว้อย่างนั้น”

เสียงของกานต์ดังขึ้นจากข้างหลังเมื่อเห็นการะบุหนิงน้องสาวสุดที่รัก(ในบางคราว) อยู่ในอ้อมแขนของผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้ ความที่กานต์เป็นคนเสียงดังทำให้มาฆะและเด็ก ๆ ต่างพากันหันหน้ากลับมาอย่างพร้อมเพรียง

“เหวอ สโนว์ไว้ท์กับคนแคระทั้งเจ็ด มาพร้อมกับเจ้าชายอสูร ได้ยังไงเนี่ย”

เสียงมาฆะและการะบุหนิงอุทานออกมาพร้อม ๆ กัน หลังจากที่มองเห็นกานต์ ฟ้าและเด็กแคระทั้งเจ็ด ที่ยืนเรียงแถวกันอยู่ตรงหน้า ก่อนที่ใครพูดอะไรมากไปกว่านี้ กานต์ก็ก้าวเข้ามาตรงหน้าพร้อมกันคว้าตัวแก้วออกจากอ้อมแขนของชายหนุ่มแปลกหน้า

“ยายแก้ว นายนี่เป็นใครกัน”

หลังจากที่กานต์ซักถามทั้งคู่จนรู้แล้วว่า มาฆะ คือ เพื่อนสมัยเด็กคนนั้น อีกทั้งยังเป็นแขกรับเชิญพิเศษที่ทางรายการของเขาได้รับสิทธิพิเศษในการสัมภาษณ์ เท่านั้นไม่พอชายหนุ่มยังเป็นพระเอก MV ที่เล่นคู่กับแก้วอีกต่างหาก เมื่อรู้ที่มาที่ไปเช่นนี้ แก้วจึงตกเป็นเป้าของการกลั่นแกล้ง โดนกานต์และมาฆะ ที่ขณะนี้กลายเป็นคู่ซี้คู่ซั้วกันไปซะแล้ว ร่วมมือกันกลั่นแกล้งหญิงสาวต่าง ๆ นา ๆ

‘นั่นซิ อย่างยายแก้ว ใครจะไปกล้าอุ้มมันหละ ตัวออกหนักอย่างกับช้าง ที่ถามเนี่ยสงสัยว่าใครที่โชคร้าย ฮ่า ฮ่า อ่า”

แก้วมองพี่ชายตัวเองด้วยสายตาขุ่นเคือง โห นั่นเสียงหัวเราะพี่ชายเรานี่ ดังกว่าใครเพื่อนเลย พี่กานต์นะพี่กานต์ตกลงเป็นพี่ชายใครกันแน่

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“โอ้ย พี่กานต์ครับ ผมขาเจ็บ พี่กานต์คะหนูปวดแขน พี่กานต์ครับ ผมปวดท้อง เดินไม่ไหว พี่กานต์ช่วยมาดูผมหน่อยนะครับ”

เสียงโอดโอยจากบรรดาทีมงานดังขึ้นเป็นระยะ ๆ เมื่อเห็นลูกพี่ที่เคารพทำกำลังเอามือประคองฟ้า (สาวน้อยที่แสนน่ารัก นิสัยดี ไม่มีที่ติ ตามสไตล์ของนางเอกละครน้ำเน่า) อย่างถนุถนอม ราวกับว่าถ้าหากปล่อยมือออกเมื่อไหร่ หญิงสาวจะหายตัวไปอย่างนั้นหละ

“นี่ถ้าหากว่าเกิดอาการ เจ็บป่วย ใกล้ตาย อย่างไม่มีสาเหตุ พร้อม ๆ กันแบบนี้ดี พี่ชอบ ปีนี้จะได้พิจารณาหักโบนัสได้ง่าย ๆ หน่อย”

กานต์ทำท่าขึงขัง กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดูแล้วเป็นงานเป็นการ แต่ดูเกินความจริงไปนิด

“โห พี่กานต์ โห๊ด โหด พวกเราอุตส่าห์ตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่ คนอะไรใจร้าย น้อง ๆ ไม่สบายนิดหน่อยทำเป็นไม่เหลียวแล แถมยังจะตัดโบนัสเราอีกต่างหาก”

บรรดาทีมงานตัวแสบ ต่างพากันทำเสียงคร่ำครวญอย่างน่าหยิก น่าเตะ จนกานต์ต้องไล่ทุกคนให้กลับไปทำงานด้วยใบหน้าที่ขึงขังเอาจริงเอาจัง ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปอีกทางแล้วแอบอมยิ้มคนเดียว โดยไม่ทันสังเกตว่ายายน้องสาวตัวดีมายืนแปะอยู่ตรงหน้าตั้งแต่เมื่อไหร่

“เฮ้ย ไอ้แก้วมาไม่ให้สุ้มให้เสียง”

“โฮะ โฮะ โฮะ ถ้ามาแบบให้เสียงก็ไม่เห็นอะไรดี ๆ นะซิ ที่แท้ก็สวย แถมนิสัยดี แบบนี้นี่เอง พี่ชายเราถึงได้หาทางกลับบริษัทไม่เจอ” แก้วจ้องมองพี่ชายด้วยแววตาออกจะล้อเลียนและเจ้าเล่ห์นิด ๆ

“ใครบอกแก ชั้นแค่อยากพักร้อนนาน ๆ หน่อย ไม่เคยลาพักร้อนมาเป็นชาติแล้วเฟ้ย ไอ้แก้วนี่ มาหาเรื่องจับผิดพี่เชื้อ ไปดีกว่า” กานต์พูดแก้ตัวเขินๆ แล้วขยับตัวจะเดินหนี

“เดี๋ยวก่อนพี่กานต์ แล้วเรื่องของพี่อลิสหละ พี่จะทำยังไง” สาวสวยพูดกับพี่ชายด้วยน้ำเสียบราบเรียบ

ชายหนุ่มมีสีหน้าเคร่งขรึมขึ้นในทันทีที่น้องสาวพูดถึงเรื่องนี้ “พี่รู้ว่าพี่ควรจะทำยังไงแก้ว แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ช่างเถอะเราไปทำงานอื่น ๆ กันต่อดีกว่า” กานต์บอกปัดพลางเดินเลี่ยงไป ทิ้งให้แก้วยืนมองตามส่ายหน้าช้าๆอย่างห่วงใย

การทำงานในวันนี้เป็นไปอย่างรวดเร็ว เพราะกานต์และแก้วได้ช่วยกันทำแผนงานออกมาเสร็จสรรพเรียบร้อย จึงทำให้ทุกคนที่เกี่ยวข้องทำงานกันง่ายขึ้น

ปู่ทองเอก และ ศิวา หลังจากที่มาถึงที่มูลนิธิ ก็ขนอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่ใช้ในการทำของที่ระลึกแบบง่าย ๆ ออกมาสอนให้เด็ก ๆ ได้ช่วยกันทำ มีทั้งการใช้ริบบิ้นสีต่าง ๆ นำมาสานเป็นตะกร้อ และทำกล่องใส่ของใบเล็กจากใบลาน ส่วนฟ้าและแก้ว ต่างก็ช่วยกันสอนให้เด็ก ๆ ห่อของขวัญ จัดดอกไม้ และทำการ์ดสวย ๆ ที่ตกแต่งจากวัสดุที่หาได้ไม่ยากนัก เช่น กระดุมสีต่าง ๆ ลูกปัด เชือกหนังสีสวย กระดาษไข และอุปกรณ์อื่น ๆ อีกมากมาย

“แก้วทำไมทำเร็วจัง แบบที่ออกมาก็ดูเก๋อีกต่างหากจ๊ะ” ฟ้าถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเห็นเพื่อนคนใหม่ที่เพิ่งรู้จักกันวันนี้ สามารถประดิษฐ์การ์ดสวย ๆ แบบแปลก ๆ ออกมาได้ในเวลาที่รวดเร็ว

“ปกติของพวกนี้เราใช้ประดับฉากเวลาถ่ายทำรายการจ๊ะ แรก ๆ ก็ทำกันไม่ค่อยเป็นหรอก ได้พี่กานต์ช่วยสอนให้ ขานั้นเค้าชอบของพวกนี้ พูดไปแล้วก็ตลกนะฟ้า แต่ว่าตอนเด็ก ๆ คุณยายชอบสอนพวกเราทำกับข้าว ทำขนม ทำพวกงานฝีมือ แก้วเนี่ยชอบแอบหนีไปเล่นข้างนอกบ่อย ๆ แต่พี่กานต์ชอบมาก ตั้งใจเรียน จนตอนนั้นพ่อกับแม่เริ่มไม่แน่ใจว่ามีลูกชายหรือว่าลูกสาว” ว่าแล้วทั้งคู่ก็พากันหัวเราะเสียงสดใส

เรื่องราวต่าง ๆ ของกานต์ ทั้งเรื่องที่เขาหัดเล่นไวโอลิน เพราะว่ารักเสียงดนตรีเหมือนคุณตา รวมทั้งเรื่องที่เขาชอบวาดภาพเป็นชีวิตจิตใจ แถมจะเลือกวาดเฉพาะสิ่งที่ตัวเองชอบเท่านั้น แถมท้ายด้วยเรื่องที่เจ้าตัวทำงานจนไม่สบายสลบเหมือดคาโต๊ะ ร้อนถึงน้อง ๆ ในออฟฟิศที่ต้องตัดสินใจว่าพาไปส่งโรงพยาบาล หรือส่งไปฌาปนกิจที่วัดดี

“พี่กานต์เป็นคนที่ถูกใจใครยาก จนพวกเราคิดว่าพี่กานต์คงจะต้องนั่งอยู่บนคานตลอดไป แต่ว่าตอนนี้ แก้วว่า บางทีกลับไปคราวนี้ พวกเราคงไม่ต้องกังวลใจอะไรมากแล้วมั้งจ๊ะ”

แม้จะดูเหมือนว่าแก้วเล่าเรื่องของพี่ชายตัวเองไปเรื่อยเปื่อย แต่ทุกคำพูดก็เหมือนการวางกับดักเพื่อให้หัวใจของใครคนหนึ่งต้องอ่อนไหว (เฮ้อ ร้าย จริง ๆ นะพี่น้องคู่นี้)

“พี่กานต์เป็นคนที่เวลามีอะไรไม่สบายใจ ก็ไม่เคยพูดให้ใครฟัง แถม ยังเป็นนักปลอบใจคน เป็นที่ปรึกษาที่ดีอีกต่างหาก จนน้อง ๆ ในทีมให้ความเคารพ แล้วก็เอาขึ้นหิ้งละไว้ในฐานะที่เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิไม่มีใครคิดแตะต้อง เพราะกลัวโดนหักโบนัส ฮ่า ฮ่า ฮ่า”

จริงซินะ ฟ้าเห็นด้วยกับคำพูดน้องสาวของชายหนุ่มร่างสูง ที่นับวันยิ่งทำหัวใจเธอเต้นแรงขึ้นเรื่อย ๆ เขาเป็นคนที่อบอุ่น และทำให้ใครที่ได้อยู่ใกล้ ๆ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แม้แต่แก้วเองก็ไม่ได้มีนิสัยที่แตกต่างจากพี่ชายมากนัก

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“นี่นายมาร์ค รู้จักคำว่ามารยาทบ้างมั๊ย อาหารพวกนี้คุณป้าแม่บ้านทำมาให้กินกันทุกคน ไม่ได้ให้นายนั่งกินอยู่คนเดียวนะยะ”

แก้วส่งเสียงดังเมื่อเห็นมาฆะ นั่งหยิบอาหารแต่ละจานใส่ปากตัวเอง โดยไม่สนใจว่าคนอื่น ๆ กำลังช่วยกันทำงานอยู่

“โอ้ย ยายปรอทแตก ขอเรียกแบบนี้ดีกว่า ก็ชั้นจะกินมีอะไรมั๊ย ก็หิวนี่ แล้วนั่นนั่งทำอะไรอยู่ ตายหละใครเอาแรมโบ้หญิงมานั่งทำดอกไม้เนี่ย ไม่เหมาะอย่างแรงเลย เธอรู้หรือเปล่า”

ก่อนที่จะทันได้เอื้อนเอ่ยอะไรไปมากกว่านี้เปลือกแตงโมขนาดย่อมก็ถูกปาเข้ามาที่ศีรษะเขา อย่างตรงเป้าพอดิบพอดี เธอหัวเราะดังๆอย่างพออกพอใจ

“อันนั้นแค่เบาะ ๆ ถ้าหากว่าพูดมากกว่านี้ ชิ้นที่สองจะเป็นมีดแทน เข้าใจมั๊ย” เมื่อเห็นหญิงสาวเงื้อมมือเจ้าตัวก็รีบวิ่งไปหลบข้างหลังกานต์ ที่ขณะนี้กำลังช่วยฟ้าจัดแจกันดอกไม้อยู่

“เฮ้ย วิ่งมาทำไมเจ้ามาร์ค ตอนนี้ไม่ว่าง ไปทางนู้นเลย” ว่าแล้วก็หันกลับไปสอนให้หญิงสาวจัดดอกไม้เป็นรูปหัวใจ

“น้องฟ้ามองพี่ทำไมครับ มีอะไรหรือเปล่า” กานต์ถามขึ้นอย่างสงสัยเมื่อเห็นหญิงสาวเอาแต่จ้องหน้าของเขา เอ๊ะ หรือว่าจะสารภาพรักเราฟะ กานต์ยิ้มเขินๆ ในขณะที่ฟ้าส่ายหน้าอย่างเอือมๆ

“เปล่าคะพี่กานต์ เพียงแต่ว่าฟ้าเพิ่งเคยเห็นผู้ชายทำการฝีมือเก่งก็วันนี้หละคะ” หญิงสาวกล่าวอย่างรู้สึกทึ่งด้วยใจจริง ทำเอาชายหนุ่มทำหน้าไม่ถูกเลยว่า เขากำลังถูกชมหรือเปล่า จึงได้แต่ยิ้มเก้ๆกังๆแก้เขิน

ในขณะที่ทุกคนกำลังช่วยกันทำงานอยู่ในบ้านไม้หลังใหญ่ ที่อยู่ใกล้ทะเลของสองพี่น้อง ธรรมธาลัย นั้น เสียงเปียโนที่เจ้าของบ้านซื้อมาวางไว้เท่ห์ ๆ ก็แว่วดังขึ้น พร้อมกับเสียงที่นุ่มนวลประดุจสายลมยามเย็นของมาฆะ ที่นึกครึ้มอกครึ้มใจ หยิบเพลงเก่า ๆ อย่างเพลง Take me to your heart มาร้องให้ทุกคนได้ฟัง เป็นการปิดฉากค่ำคืนอันยุ่งเหยิงอย่างสวยสดงดงาม

Hiding from The Rain and Snow
Trying to forget but I won't let go
Looking at a crowded street
Listening to my own heart beat

So many people all around the world
Tell me where do I find someone like you girl

Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true

They say nothing lasts forever
We're only here today
Love is now or never
Bring me far away

Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand and hold me
Show me what love is - be my guiding star
It's easy take me to your heart

Standing on a mountain high
Looking at the moon through a clear blue sky
I should go and see some friends
But they don't really comprehend

Don't need too much talking without saying anything
All I need is someone who makes me wanna sing


Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true


มีผู้คนเป็นร้อยเป็นพันอยู่บนโลกนี้ แต่จะมีสักกี่คนที่จะได้เจอกับคนที่ใช่ และเป็นคำตอบสุดท้ายของหัวใจเรา ถ้าหากคนเราไม่เคยผ่านความทุกข์และน้ำตาจากความผิดหวัง ก็คงจะไม่รู้ว่าคำว่าความสุขที่เกิดจากความรักนั้นมันยิ่งใหญ่สักแค่ไหน จะมีสักกี่คนนะที่จะโชคดีได้สัมผัสความรู้สึกที่เรียกว่าความรักที่แท้จริง

คงจะมีรักจริงรออยู่ในดินแดนใดสักแห่ง




 

Create Date : 10 มกราคม 2551    
Last Update : 25 สิงหาคม 2552 12:33:01 น.
Counter : 278 Pageviews.  

หาดทราย สายลม และจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่ 9)

หาดทราย สายลม และจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่ 9)

“เพราะนายแท้ ๆ ที่ซี้ซั้วเลี้ยวรถตามใจชอบ แล้วเป็นไงหละ หลง หลงแบบไม่รู้ทิศทางด้วย ดีนะว่าชั้นเคยมาแถวนี้บ่อย ๆ เลยพอที่จะคลำทางกลับมาได้” เสียงแก้วพูดขึ้นอย่างอารมณ์เสียนิด ๆ หลังจากที่มาฆะจอดรถที่บ้านพักตากอากาศของครอบครัว ที่ขณะนี้ได้กลายเป็นออฟฟิศย่อม ๆ สำหรับทีมงานไปซะแล้ว

“ดีนะที่โทรเช็คกับทางมูลนิธิก่อน จะได้ไม่ต้องขับรถไปเก้อ เฮ้อ พี่กานต์นะพี่กานต์ ลืมน้องสาวตัวเองได้” ประโยคสุดท้ายหญิงสาวบ่นกับตัวเองซะมากกว่า ก่อนที่จะหันไปเชิญให้มาฆะกลับกรุงเทพไปได้แล้ว

“นี่ยายแก้วแตก นี่มันกี่โมงกี่ยามกันแล้ว กว่าจะกลับไปถึงก็เช้ากันพอดี นี่ชั้นขับรถมาส่งเธอเนี่ย เหนื่อยไม่ใช่เล่นนะ แถมระหว่างทางเจอทั้งฝนตก รถติด ตัวดำไม่พอ ยังใจดำอีกอีกต่างหาก คนเค้าอุตส่าห์มาส่งถึงที่หมาย สะกดเป็นมั๊ยคำว่า ‘น้ำใจ’ เนี่ย ” มาฆะพูดขึ้นด้วยสีหน้าวอนโดนตี... เอ๊ย อ้อนวอน

“นี่ตาบ๊อง เสื้อผ้า ข้าวของ เครื่องใช้ อะไรก็ไม่มีติดตัวมาสักอย่างแล้วนายจะอยู่ยังไงไม่ทราบ บ้านนี้ไม่มีอะไรให้ยืมนะยะ” แก้ววางท่าราวกับเป็นผู้ชนะอย่างเต็มที่

“ใครบอกว่าชั้นไม่มีของติดมาด้วย คนที่เดินทางบ่อยแบบชั้น ย่อมมีของติดรถอยู่เสมอ’ ว่าแล้วมาฆะก็เดินไปหยิบกระเป๋าเดินทางใบเขื่องที่เขาวางไว้หลังรถโชว์ให้หญิงสาวดู พร้อมกับยิ้มด้วยชัยชนะที่เหนือกว่า แหม จะหาเรื่องไล่เรากลับอย่างนั้นเหรอ ยายแก้วแตก ไม่มีวันซะหรอก มาไกลขนาดนี้ก็ต้องเตรียมของมาเผื่อไว้บ้างหละ หุ หุ หุ

แก้วยืนมองชายหนุ่มตรงหน้าอย่างพินิจพิจารณา จริง ๆ แล้วหญิงสาวก็รู้สึกเห็นใจคนที่อยู่ตรงหน้าอยู่เหมือนกัน อุตส่าห์ขับรถฝ่าพายุฝนมาเธอมาส่งถึงที่นี่ แถมเจอพี่ชายตัวดีทำแสบ หนีไปบ้านปู่ทองเอกตั้งแต่กลางวัน โทรไป 10 ครั้งก็ยังไม่รับสาย แต่จะรับปากง่าย ๆ ก็เดี๋ยวจะได้ใจซะเปล่า ๆ

“ให้อยู่ด้วยก็ได้ แต่นอนห้องรับแขกข้างล่างไปก็แล้วกัน เพราะข้างบนเต็มหมดแล้ว นี่เห็นว่าพอมีบุญคุณอยู่บ้างหละนะ” ว่าแล้วแก้วก็เดินทิ้งชายหนุ่มตรงหน้าไปอย่างไม่เหลียวหลัง

แก้วก็หยิบ flash drive ที่เธออุตส่าห์อดตาหลับขับตานอน save file ข้อมูลงานทุกอย่างที่กานต์ต้องใช้ ด้วยความขุ่นเคืองใจ นึก ๆ แล้วอยากจะโยนข้อมูลพวกทิ้งไปซะ ถ้าไม่ติดว่าทีมงานจะต้องมาเดือดร้อนด้วยหละก็ นะพี่กานต์เสร็จแน่ ๆ


“จะรีบไปไหนยายแก้วแตก กระบือแถวบ้านหายหรือไง”

“ตาบ้า ใครบอกหละ ชั้นรีบเดินให้หมามันถาม ต่างหาก” แก้วหันมาแลบลิ้นใส่มาฆะ ก่อนที่จะวิ่งไปหาคุณป้าแม่บ้านที่ขณะนี้เดินลงมาถึงบันใดขั้นสุดท้ายแล้ว ชายหนุ่มส่ายหน้าอย่างระอาใจ ผู้หญิงอะไรปากร้ายชะมัด (นายก็เหมือนกันหละ อย่าไปว่าคนอื่นเค้าเลย)

“พาใครมาด้วยคะ คุณแก้ว’ คุณป้าแม่บ้านถามขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มหน้าแปลกเดินตามหญิงสาวเข้ามาด้วย

ก่อนที่แก้วจะทันได้พูดอะไร มาฆะก็จัดแจงแนะนำตัวเองเสร็จสรรพ แถมยังสรรหาคำพูดน่ารัก ๆ มาประจบประแจงให้คนสูงวันกว่ารู้สึกเอ็นดูได้อย่างน่ารักน่าชังอีกต่างหาก

“โธ่ ป้าก็นึกว่าใคร มาร์คเองหรือลูก ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ตัวโตขึ้นซะจนป้าจำไม่ได้เลย เมื่อก่อนป้าเคยอยู่บ้านคุณ ๆ ที่กรุงเทพ แต่พออายุมากป้าก็ขอย้ายกลับมาอยู่กับหลาน ๆ ที่นี่หละจ๊ะ”ว่าแล้วคุณป้าแม่บ้านก็เดินนำชายหนุ่มขึ้นไปดูห้องพัก โดยทิ้งให้แก้วยืนอยู่ตามลำพัง ป้าคะป้า พอได้ใหม่แล้วลืมเก่าเลยนะคะ หญิงสาวยืนทำหน้างออยู่ครู่หนึ่งก็รีบเดินตามไป เพราะรู้ว่าถึงยืนไปหน้าบูดไป ก็คงไม่มีใครเดินกลับมาง้อแน่ ๆ

“ไหนเธอบอกว่าห้องไม่ว่างไง ยายแก้วแตก เห็นว่างเกือบทุกห้อง” มาฆะพูดขึ้นขณะที่ดูแก้วยืนหน้าง้ำหน้างอทำกับข้าวอยู่ในครัว

“ถ้าพูดมากมื้อนี้ก็กินแต่ข้าวเปล่าไปก็แล้วกัน” หญิงสาวหันมาตอบก่อนที่จะยกไข่เจียวหมูสับ ยำปลาประป๋อง และแกงจืดเต้าหู้หมูสับ ที่ขณะนี้กลิ่นหอม ยั่วน้ำลายเขาอยู่ไม่ใช่เล่น ด้วยความที่กลัวจะได้กินแต่ข้าว ชายหนุ่มจึงยอมสงบปากสงบคำ ก้มหน้าก้มตาทานทุกอย่างบนโต๊ะซะหมดเกลี้ยง หลังจากนั้นแก้วก็ไล่ให้ชายหนุ่มเอาของไปเก็บ พร้อมกับขอตัวไปอาบน้ำอาบท่าเหมือนกัน เพราะว่าเหนื่อยและโชคร้ายมาทั้งวันแล้ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“เฮ้อ กว่าจะขนของครบก็เล่นเอาแทบหมดแรง ทำไมถึงได้เหนื่อยอย่างนี้นะ” กานต์แอบบ่นกับตัวเองเบา ๆ หลังจากที่หมดแรงไปกับการจัดข้าวของต่าง ๆ ขึ้นรถ เมื่อเสร็จเรียบร้อย เขาก็อาบน้ำและเข้านอน แต่หลังจากที่หลับตาลงไปได้ 5 นาที เขาก็ลืมตาโพลงขึ้นมาพร้อมกับตะโกนด้วยเสียงอันดังว่า “ไอ้แก้วววววว” จริงซินะ เขาลืมน้องสาวตัวเองไปสนิทเลย ตั้งแต่ตอนที่กลับมาถึงบ้านปู่ทองเขาก็เอาโทรศัพท์มือถือวางทิ้งไว้ในรถ เอาวะ

1...2...3... 4...5.... หลังจากใช้เวลาทำใจอยู่ 2 นาทีกว่า ๆ เขาก็ค่อย ๆ กดโทรศัพท์หาแก้ว ซึ่งบัดนี้ไม่รู้ว่าจะแปลงร่างเป็นนางมารร้ายไปเรียบร้อยหรือยัง

โจทย์ : มัวทำอะไรอยู่เจ้าคะพี่กานต์ ไหนบอกว่าต้องเอาข้อมูลให้ได้ในวันนี้ แล้วทำไมไปอยู่บ้านนู้นได้ (อืม ถ้ามันโผล่หน้าผ่านโทรศัพท์มาได้ คงบีบคอพี่มันตายคามือแน่เลยเนี่ย )

จำเลย : ขอโทษทีจ๊ะน้องรัก พอดีพี่มารับคุณปู่ทองเอก แล้วพอดีทำหลานคุณปู่ขาเจ็บ พี่ก็เลยโดนลงโทษให้ขนของขึ้นรถคนเดียวน่าสงสารจะตายไป

โจทย์ : ฮ่า ฮ่า ฮ่า สมน้ำหน้า กำหนดการงานทั้งหมดอยู่ไหน เดี๋ยวจะเอามาทำต่อให้ รู้หรือเปล่า ว่าเป็นเพราะต้องเอาข้อมูลงานมาส่งให้พี่ วันนี้แก้วต้องเจออะไรมาบ้าง..............................บ่น...บ่น...บ่น

จำเลย : เอาน่าอย่าโกรธนะจ๊ะ เดี๋ยวกลับไปกรุงเทพพี่เลี้ยงไอติม พิซซ่า แล้วก็เค้กทุกชนิดที่หนูแก้วอยากกิน เป็นการตอบแทนนะ นะ นะ

โจทย์ : เหอ เหอ เหอ มาทำเป็นสัญญิงสัญญา แค่พรุ่งนี้มาเจอกันภายใน 10 โมงให้ได้ก่อนเถอะ ไม่งั้นงานนี้ทำเอง เฟ้ย

หลังจากที่ได้ระบายความหงุดหงิดใส่พี่ชายตัวดีเรียบร้อยแล้ว แก้วก็ตั้งใจจะทำงานต่อ แต่ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินลงมาข้างล่าง เจ้ากรรมนายเวรที่สี่ของวันนี้ก็ตามมาซ้ำด้ามพลอย ด้วยการบันดาลให้จู่ ๆ ไฟฟ้าในบ้านก็ดับวูบลงซะอย่างนั้น วันนี้มันวันอะไรกันเนี่ย ทำไมโชคร้ายอย่างนี้ หรือเป็นเพราะเราพกพาตัวโชคร้ายอย่างนายมาฆะมาด้วยฟะ (เอาเข้าไปยายแก้ว ไปโบ้ยให้คนอื่นเค้าผิดเฉยเลย) ท่ามกลางความมืดมิด ที่ไม่มีแม้แต่เสียงของนกและแมลง แก้วถือเชิงเทียนอันใหญ่ ก่อนที่จะรวบรวมสติ ค่อย ๆ ก้าวลงบันใดอย่างช้า ๆ พลางสำรวจไปรอบ ๆ บ้านด้วยความหวาดกลัวปนหวาดระแวง

“ตาบ้านั่นหายไปไหนกันนะ” แก้วถามขึ้นอย่างเบา ๆ ก่อนที่จะถือเทียนเดินรอบ ๆ ห้องรับแขกชั้นล่างเพื่อตามหาคู่ปรับจอมแสบอย่างนายมาฆะ ที่ในตอนนี้ไม่เห็นแม้แต่เงา ขณะที่หญิงสาวตัดสินใจกลับหลังหันนั้น เธอก็ต้องตกใจเมื่อเห็นเงาทะมึนสูงใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า แก้วถึงกับร้องกรี๊ด ออกมาอย่างตกใจ ให้ตายเถอะชีวิตนี้คนอย่างการะบุหนิงไม่เคยกลัวอะไรนอกจาก 'ผี' เท่านั้น เพราะเสียงร้องของแก้วทำให้มาฆะวิ่งเข้ามาหาหญิงสาว ที่ขณะนี้รีบเอามือโอบรอบเอวของเขาไว้ ก่อนที่จะซุกหน้าลงที่อกกว้าง ๆ ด้วยความกลัวสุดฤทธิ์

“ช่วยด้วย ผีหลอก ฮือ ๆ น่ากลัวชะมัดเลย”

“ไหน ๆ ยายแก้วแตกใครบอกว่าผี นั่นมันเงาตู้โชว์ต่างหาก ยายเพี้ยนเอ๊ย’

“อะไรนะ เงาของตู้โชว์” แก้วร้องถามขึ้น ก่อนที่จะกระโดดถอยออกจากตัวของชายหนุ่มไปประมาณ 1 เมตร ตายหละเราทำอะไรไปเนี่ย อยู่ ๆ ก็กระโดดเข้าไปกอดอีตามาร์คเฉยเลย น่าอายจริง ๆ ว่าแล้วแก้วก็หน้าแดงซ่านขึ้นมาอย่างห้ามมิได้ ดีนะที่ตอนนี้มันมืด นายนั่นเลยไม่เห็น เฮ้อ ก็จะไม่ให้เธออายได้อย่างไร เพราะพอตั้งสติและมองตรงหน้าอย่างเต็มตา เธอก็พบว่ามาฆะใส่กางเกงขาสั้นแค่ตัวเดียว โดยมีผ้าเช็ดตัวพาดอยู่บนไหล่ ที่สำคัญ คือ ใบหน้าของเธอกับใบหน้าของตานั่นห่างกันเพียงไม่กี่นิ้ว แถม เธอยังกอดเขาไว้ซะแน่น หญิงสาวรู้สึกเขินอายรีบโวยวายแก้เขิน

“โธ่เอ๊ยตาบ้า อยู่ ๆ ก็โผล่มาเล่นซะชั้นตกใจหมด”

“นี่ยายแก้ว ผีที่ไหนจะเท่ห์ และดูดีแบบชั้นไม่ทราบ” มาฆะพูดด้วยน้ำเสียงหลงตัวเองนิด ๆ “ว่าแต่กลัวชั้นมากขนาดนั้นเลยเหรอยายแก้ว ถึงต้องรีบกระโดดไปไกลขนาดนั้น ปกติสาว ๆ อยากกอดชั้นจะตาย นับว่าเธอโชคดีสุด ๆ นะชั้นจะบอกให้ ถึงเธอจะถึกไปนิด แต่ยังไงก็เป็นผู้หญิง ”

“แหวะ น่ากอดตายชัดเลยนายอะ หน้าตาก็งั้น ๆ เพื่อน ๆ ชั้นที่ถ่ายแบบด้วยกันยังหน้าตาดีกว่าตั้งเยอะ’

“งั้นเหรอ ถ้าอย่างนั้นก็ลองกอดดูอีกสักทีนะ ลองอีกสักครั้ง มามะ มาเร็ว” ว่าแล้วมาฆะก็ทำท่าน่ากลัว ค่อย ๆ ก้าวเท้าเข้าหาแก้วทีละนิด ทีละนิด แต่หญิงสาวกลับมองด้วยความขำขันโดยไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเขาแม้แต่น้อย

“เข้ามาเลยนายมาร์ค โดนชั้นทุ่มลงพื้นแน่ ๆ “ แก้วพูดอย่างท้าทาย แถมหัวเราะออกมาอีกต่างหาก แต่พอชายหนุ่มเข้ามาใกล้จริง ๆ คนที่ถูกบิดมือไปข้างหลังกลับเป็นแก้วไปซะได้ แถมมาฆะยังจับร่างของเธอกดลงบนโซฟาตัวใหญ่

‘นึกว่าชั้นยังอ่อนแอเหมือนสมัยเด็ก ๆ หรือยังไง จำไว้นะแก้วอย่าประมาทผู้ชาย ชั้นก็อยากจะรู้เหมือนกันนะแก้วว่าสาวจอมแก่นอย่างเธอ ถ้าโดนจูบขึ้นมาสักทีจะเป็นยังไง” ว่าแล้วมาฆะก็แกล้งก้มหน้าทำทีว่าจะเอาริมฝีปากของเขาจรดลงที่ริมฝีปากสวยได้รูปของแก้ว ส่วนหญิงสาวได้แต่หลับตาปี๋พร้อมกับตะโกนแช่งชักหักกระดูก มาฆะหยุดชะงักนิดหนึ่ง แต่ยังไม่ยอมปล่อยตัวแก้ว จนแก้วรู้สึกผิดสังเกตค่อยๆลืมตาขึ้นมองจึงพบว่า มีสายตาหวานซึ้งมองมาที่เธออย่างแน่วแน่ แก้วรู้สึกหวั่นไหวขึ้นมาทันที แต่ก็สบตากลับอย่างไม่ยอมลดละ มาฆะค่อยๆก้มหน้าลงมาใกล้เธอมากขึ้นจนริมฝีปากของเขาแตะกับริมฝีปากของเธอเบาๆ แก้วรีบหลับตาปี๋ด้วยความตื่นเต้น ตอนนี้เธอรู้สึกใจเต้นระรัวอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน แต่แทนที่มาร์คจะทำอะไรไปมากกว่านี้ เขากลับลุกขึ้นยืนพร้อมกับหัวเราะ

“โธ่เอ๊ย ยายแก้วแตก ปากหนาอย่างกับฮิปโป ตัวสูงอย่างกับเสากระโดงเรือ แบบนี้ใครจะไปมีอารมณ์โรแมนติกกับเธอได้ลง แกล้งคนได้แล้วไปดีกว่า” มาฆะค่อย ๆ ปล่อยมือแก้ว พร้อมกับโบกมือบ๊าย บาย ปล่อยให้แก้วโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยง ก่อนที่จะเอากุญแจล๊อคห้องทุกห้องข้างบนไว้ ปล่อยให้มาฆะนอนเฝ้าบ้านอยู่ชั้นล่าง

บังอาจมากนายมาร์ค นายกล้ามากที่ทำกับชั้นแบบนี้ ต้องจัดการให้เข็ด โทษฐานอะไรนะเหรอ โทษฐานที่ทำให้ชั้นหัวใจเต้นแรง อีตาบ้า

หลังจากนั้น ฝ่ายมาฆะหลังจากที่พยายาม ออดอ้อน โอดโอย ให้แก้วเห็นใจ แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จ ต้องมานอนตบยุงพร้อมกับนับแกะเพื่อให้ข่มตาหลับลงได้ ใครจะไปนอนไหวหละร้อนก็ร้อน พัดลมก็ถูกยายตัวแสบยึดไปในห้องหมด เขานึกขำท่าทางของแก้วที่หลับตาปี๋ด้วยความกลัว นึกถึงริมฝีปากสวย ๆ ที่เกือบทำให้เขาอดใจไม่ได้ เขายืนกัดเล็บตัวเองอย่างเสียดาย ไม่ยักดิ้นแฮะ รู้งี้จูบจริงซะก็ดีหรอก มาฆะไล่ความคิดแปลก ๆ ออกไปจากหัวสมองและความทรงจำ ก่อนที่จะหลับไปหลังจากที่ได้จูบการะบุหนิงครั้งที่ 1500 เอ๊ย ไม่ใช่แกะตัวที่ 1500 กระโดดข้ามรั้วไปเรียบร้อยแล้วต่างหาก





 

Create Date : 08 มกราคม 2551    
Last Update : 25 สิงหาคม 2552 12:11:05 น.
Counter : 262 Pageviews.  

1  2  3  4  

Designed By Me
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...OnE GIrL STORY...
Friends' blogs
[Add Designed By Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.