~~**~~ WELCOME TO SNOWBLACK WORLD~~ **~~
Group Blog
 
All blogs
 

หาดทราย สายลม และจุดเริ่มต้นของความรัก (ภาคพิเศษ)

ตลอดเวลามีเธอเพียงคนเดียวอยู่ในใจ

“ทะเลาะอะไรกับเจ้ามาฆะมาอีกหละแก้ว”

กานต์เอ่ยทักขึ้นเมื่อเห็นน้องสาวทำหน้าหงิกหน้างอ เหมือนกับก๊อตซิล่าเตรียมพ่นไฟฆ่าคน

“ก็ตาบ้ามาฆะนะซิคะพี่กานต์ กับแค่แก้วถามเรื่องรักครั้งแรกของเขา เจ้าตัวก็ทำเป็นนิ่ง ๆ อุบ ๆ ไม่ยอมบอกให้แก้วรู้สักที ถึงบอกมาแก้วก็ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร เพราะถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนรักคนแรกแต่ก็ขอเป็นแค่คนสุดท้ายในใจของเขาก็พอ”

หญิงสาวเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงระคนน้อยใจ จนพี่ชายอดที่จะเอามือลูบหัวน้องสาวจอมขี้งอนของเขาไม่ได้

แก้วนึกย้อนไปเมื่อ 3 วันก่อน เมื่อทางสถานีได้ขอให้ทางรายการสัมภาษณ์ ซากุระงิ มาฆะ นักร้องฝาแฝดชื่อดัง ที่มีผลงานโด่งดังไปทั่วเอเชีย แถมตอนนี้เริ่มเป็นที่รู้จักในอเมริกาอีกต่างหาก นับวันทั้งคู่จะเริ่มมีเวลาให้กันน้อยลง นี่ก็ผ่านมาเกือบ 2 ปีกว่าแล้ว ที่ทั้งสองคนตกลงคบหาดูใจกัน แต่ความสัมพันธ์กับไม่คืบหน้าเท่าที่ควร ส่วนใหญ่ทั้งคู่จะคุยกันผ่าน MSN ไม่ก็คุยกันทางโทรศัพท์มากกว่า ปกติแล้วทั้งคู่มักถกเถียงกันเป็นประจำอยู่แล้ว แต่ก็ไม่เคยมีครั้งไหนที่จะทะเลาะกันรุนแรง ด้วยเรื่องที่ไม่เป็นเรื่องแบบนี้

“นี่แปลว่าไม่ได้ดูรายการสัมภาษณ์สดเมื่อวานนี้หละซิ ‘

กานต์เอ่ยถามด้วยความแปลกใจ แก้วพยักหน้าช้า ๆ พร้อมกับสารภาพเสียงอ่อย

“ก็แก้วโมโหนี่คะ ถามก็ไม่ยอมตอบ เอาแต่บ่ายเบี่ยงไปมาอยู่ได้”

กานต์เดินไปหยิบแผ่น VCD ที่บันทึกภาพรายการ ส่งให้กับน้องสาวพร้อมกับกำชับให้เธอเปิดดู แล้วค่อยคิดอีกทีว่าจะโกรธมาฆะดีหรือเปล่า แก้วนั่งมองแผ่น VCD ตรงหน้าด้วยความสงสัย แต่เพราะทิฐิที่มีอยู่ในใจทำให้หญิงสาวตัดสินใจวางมันไว้บนโต๊ะ ก่อนที่จะไปนั่งทำงาน พร้อมกับ Sign in เข้าไปใน MSN เธอต้องแปลกใจเมื่อเห็นใคร ๆ ต่างพากันมาทักทายเธอ และพูดถึงบทสัมภาษณ์เรื่อง My first love ของมาฆะ แถมเธอยังมีความรู้สึกว่าทุกคนล้วนอิจฉาผู้หญิงที่เป็นรักครั้งแรกของเขา เป็นอย่างมาก

หนอย ตาบ้า ทีกะเราไม่ยอมบอก แปลว่าผู้หญิงคนนั้นคงจะต้องสวย น่ารัก เลิศเลอ เฟอร์เฟค อย่างแน่นอน แบบนี้คงจะต้องดูสักหน่อย ว่าแล้วหญิงสาวก็เอาแผ่นใส่เครื่องพร้อมกับเปิดทีวี ด้วยความรู้สึกตื่นเต้น ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันนะ บทสัมภาษณ์เริ่มต้นขึ้น เมื่อมาฆะที่อยู่ในชุดเสื้อแจ๊คเก็ตสีน้ำตาล กางเกงยีนส์สีขาว (ไม่เจอกัน 3 เดือนดูผอมไปตั้งเยอะ แก้วคิดอย่างสงสาร) และแล้วนาทีที่แก้วรอคอยก็มาถึง เมื่อผู้ดำเนินรายการ (ก็พี่ชายแกนั่นหละ) ถามเกี่ยวกับเรื่อง ความรักครั้งแรกของเขา ชายหนุ่มหัวเราะขึ้นเบา ๆ ก่อนที่จะเล่าด้วยน้ำเสียงที่ร่าเริง

“ความรักครั้งแรกของผมเกิดขึ้นตอนที่ผมอายุได้ 11 ขวบ แค่ตอนนั้นผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเธอ คือ รักครั้งแรกของผม ถ้าถามว่าเธอเป็นคนยังไงนะเหรอครับ ผมต้องบอกว่า เธอเป็นเด็กผุ้หญิงที่ดูห้าวและแก่นมากที่สุด ตั้งแต่ผมเคยเจอมา ทุก ๆ เช้า เธอมักจะเดินมาโรงเรียนกับพี่ชาย ส่วนผมก็ได้แต่แอบมองดูเธออยู่ในรถ เธอเป็นคนขี้โมโห แต่ก็ชอบช่วยเหลือคนอื่น เธอเป็นคนปากร้าย แต่ที่เธอว่าก็เพราะว่าเธอรักและหวังดี เพราะเธอเป็นเด็กผู้หญิงที่ตัวสูง ทำให้ไม่มีใครกล้าแหยม แถมเธอยังชอบปกป้องคนที่อ่อนแอกว่า เมื่อก่อนผมก็เคยเป็นเด็กขี้แยและอ่อนแอ และเธอก็เคยบอกว่าเกลียดคนแบบผม แต่เธอกลับเข้ามาช่วยตอนผมโดนรังแก หลังจากนั้นผมจึงได้ให้สัญญากับตัวเองว่าผมจะต้องเป็นผู้ชายที่เข้มแข้ง และเมื่อโตขึ้นผมจะเป็นคนปกป้องดูแลเธอเองครับ ที่สำคัญที่สุด มาฆะหยุดพักไปชั่วขณะ ก่อนที่จะพูดขึ้นอีกครั้ง ผมอยากบอกกับเธอว่า เธอเป็นคนรักคนแรกและคนเดียวที่อยู่ในใจผมตลอดมา แต่ผมอายเกินกว่าที่จะพูดคำ ๆ นี้ต่อหน้าเธอครับ

แก้วซึ่งกำลังจินตนาการคำพูดของมาฆะอยู่นั้นถึงกับต้องทำหน้าฉงน ทำไมลักษณะนิสัย และรูปร่างของผุ้หญิงที่นายมาฆะพูดถึง ทำไมมันถึงได้คุ้น ๆ พิกลเนี่ย

“อ้าวยายแก้วจะไปไหนหละนั่น ไม่อยู่ทานข้าวด้วยกันเหรอ วันนี้ฟ้าเค้าอุตส่าห์ลงทุนเข้าครัวด้วยตัวเองเลยนะ’

กานต์ตะโกนเรียกการะบุหนิง แต่ไม่ทันเสียแล้วเพราะน้องสาวตัวดีกับวิ่งถือกุญแจรถออกไปนอกบ้านซะแล้ว

“เฮ้อ ยายเด็กบ๊อง รู้ตัวช้าชะมัด น่าสงสารเจ้ามาฆะจริง ๆ “

“นึกว่าจะไม่มาซะอีก อุตส่าห์รอข้ามวันเลยนะ”

ร่างสูงเพรียว เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำตาลเข้ม กล่าวด้วยน้ำเสียงยียวน เมื่อเห็นแก้วยืนทำหน้าง้ำอยู่หน้าประตู

“ไหน ช่วยบอกฉันอีกทีซิ ว่าใครคือรักครั้งแรกของนาย”

ชายหนุ่มถึงกับหน้าแดงเมื่อได้ยินคำถาม ก่อนที่จะเอามือชี้ไปที่แก้ว

“ก็เธอนั่นหละ ยายบ๊อง เอาแต่ถามอยู่ได้ ฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ ไม่เจอหน้าตั้งนานคิดถึงมากรู้มั๊ย”

ชายหนุ่มพูดขึ้นเบา ๆ ก็จะเอื้อมมือไปจับปลายจมูกแก้วบีบอย่างเอ็นดู

ตลอดเวลา มีเธอเพียงคนเดียวอยู่ในใจ
จะอยู่ที่ไหน รู้ไหมฉันนั้นห่วงหา
ขาดเธอไปฉันเหงาและเดียวดายตลอดมา ได้แต่หวังซักวันหนึ่ง
เราจะกลับมาเหมือนเดิม

ตลอดเวลา ถึงแม้เวลานอนยังหลับฝัน
ภาพในวันนั้น ยังจำไม่เคยจางหาย
และหนึ่งคำ ที่ย้ำและฉันบอกกับเธอไว้
ฉันรักเธอ ไม่มีวันลืมเลือน

เพราะเธอคือคนแรก ที่ฉันให้ความรัก และยังปักใจไม่คิดมีคนอื่น
คนแรกที่ฉันไม่อาจลืม และเพียงคนเดียวคือเธอเท่านั้น
เพราะเธอคือคนแรก ที่ฉันให้ความรัก และยังปักใจไม่คิดมีคนอื่น
คนแรกที่ฉันไม่อาจลืม และเพียงคนเดียวที่ฉันคิดถึง


เพลงคนแรก โดย เจมส์ เรืองศักดิ์





 

Create Date : 11 เมษายน 2551    
Last Update : 11 เมษายน 2551 18:32:54 น.
Counter : 618 Pageviews.  

หาดทราย สายลม และจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนจบ)

โฮ่ง โฮ่ง โฮ่ง เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังขึ้นติดต่อกัน ทำให้กานต์ต้องลืมตาตื่นขึ้นมา วันนี้แล้วซินะ ผู้หญิงที่เขารักมากที่สุด จะต้องไปเป็นคู่หมั้นของคนอื่น ชายหนุ่มสะบัดหัวไปมา ก่อนที่จะสัญญากับตัวเองว่าจะไม่เศร้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นอีกแล้ว ตัวเขาจะต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้นให้ได้ ชายหนุ่มยิ้มให้กับตัวเอง ก่อนที่จะอาบน้ำแต่งตัวขับรถไปหาเด็ก ๆ ที่มูลนิธิ เพื่อเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์และจะได้ไม่ฟุ้งซ่านอีกด้วย

เสียงหัวเราะ และเสียงพูดคุย ของคนแขกเหรื่อมากกว่า 600 คน ที่มาร่วมเป็นสักขีพยานในงานหมั้น ทำเอาการะบุหนิงอดที่จะตื่นเต้นไม่ได้

“เอาหละพร้อมแล้วใช่มั๊ยนายมาฆะ ถ้าอย่างนั้นเราสองคนมาสู้ ๆ ยิ้มไว้ ๆ ต้องทำหน้าที่แทนพี่กานต์ให้ดีที่สุด ว่าแต่พวกนักข่าวจะว่ายังไงกันบ้างนี่”

การะบุหนิงหันไปจับมือมาฆะ เพื่อระงับความตื่นเต้น ก่อนที่จะก้าวเดินไปพร้อมชายหนุ่มอย่างมั่นใจ เมื่อเห็นเจ้าบ่าวและเจ้าสาวเดินเคียงคู่กันมาในงาน ในขณะที่นักข่าวต่างพากันกรูเข้าไปถ่ายรูปกันอย่างมากมาย จนแสงแฟลชสะท้อนไปทั่วห้องที่ใช้จัดงาน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เสียงสายลมและเกลียวคลื่นในยามนี้ ฟังดูแล้วช่างไพเราะจับใจ ราวกับจะช่วยแสดงความยินดีให้กับเธอ ฟ้าหัวเราะขึ้นเบา ๆ ก่อนที่จะขับรถเก๋งสีขาวคันเล็กเข้ามาจอดที่บ้านไม้หลังใหญ่ที่เธอแสนจะคุ้นเคย

“คุณกานต์ต้องเป็นผู้ชายที่มีความสุขที่สุดในโลกแน่นอนเลยคะ”

คุณป้าแม่บ้านคนเก่งพูดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้ม

หญิงสาวขอยืมจักรยานคันเล็ก ๆ จากคุณป้าแม่บ้าน ก่อนที่จะขี่ไปที่มูลนิธิชลาธิป พลางนึกถึงคำพูดของ อลิส ที่มาหาเธอที่บ้านเมื่อคืนนี้ ฝาแฝดชายหญิง ฟ้าพูดทบทวนประโยคนี้ไปมาหลายรอบ ก่อนที่จะอมยิ้มออกมาอีกครั้ง พี่กานต์นะพี่กานต์ มัวแต่อมพะนำปิดบังเรื่องที่ไม่ควรจะปิดกันมาตั้งนาน แถมยังมีเรื่องราวความบังเอิญระหว่าง อลิส กับกรระวี เข้ามาเกี่ยวข้อง เลยทำให้เรื่องยุ่งเหยิงไปกันใหญ่ ภาพชายหนุ่มร่างสูงที่กำลังสอนเด็ก ๆ ร้องเพลงอยู่ตอนนี้ทำเอาหญิงสาวอดที่จะน้ำตาคลอเบ้าออกมาไม่ได้ การที่เรารู้สึกรักใครคนหนึ่ง ย่อมปรารถนาที่จะอยู่กับคนคนนั้นตลอดไป เดิมทีเธอเองก็คิดว่ามันคงจะเป็นได้แค่เพียงความฝัน เพราะเธอจะต้องใช้ชีวิตร่วมกับใครอีกคนที่เธอคงจะไม่สามารถรักเขาได้อย่างแน่นอน

“ทำไมพี่กานต์ร้องเพลง ไม่เหมือนกับที่พี่ฟ้าสอนพวกเราร้องเลยหละครับ/คะ”

เด็ก ๆ ต่างพากันถามขึ้นด้วยความสงสัย เมื่อเห็นกานต์เริ่มต้นร้องเพลงเดิม ๆ ซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบไม่จบสักที ซึ่งชายหนุ่มก็ได้แต่ยิ้ม ๆ ไม่พูดไม่จาอะไร

“คงเป็นเพราะพี่ฟ้าสอนลูกศิษย์ไม่เก่งมั้งคะ พี่เขาถึงร้องเพลงแบบที่พี่ฟ้าร้องให้ทุกคนฟังไม่ได้”

เสียงอันไพเราะ และสดใสราวกับระฆังของฟ้า ทำเอาใครบางคนถึงกับเผลอยิ้มกว้างอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่จะหันหลังกับมามองร่างเล็กที่ขณะนี้ถูกรายล้อมไปด้วยบรรดาเด็ก ๆ ที่พากันกระโดดเข้ากอดหญิงสาวอย่างดีใจ ฟ้าจ้องมองไปที่ดวงตาของชายหนุ่มตรงหน้า ก่อนที่จะบอกทุกคนว่าวันนี้เธอมีเพลง ๆ หนึ่งมาร้องให้คนสำคัญของเธอฟัง

You know I can't smile without you
เธอรู้ไหม ว่าฉันยิ้มไม่ออกเลย ถ้าฉันไม่มีเธอ

I can't smile without you
ฉันยิ้มไม่ออกเลย ถ้าฉันไม่มีเธอ

I can't laugh and I can't sing
ฉันหัวเราะไม่ได้ และฉันก็ร้องเพลงไม่ได้

I'm finding it hard to do anything
ฉันจะพบว่าอะไรมันก็ยากไปหมดไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

You see I feel sad when you're sad
เธอเห็นไหม ว่าฉันรู้สึกไม่ดี เมื่อใดที่เธอเศร้า

I feel glad when you're glad
ฉันรู้สึกดี เมื่อใดที่เธอมีความสุข

If you only knew what I'm going through
แค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันได้ฝ่าฟันอะไรบ้าง

I just can't smile without you
ฉันก็แค่ยิ้มไม่ออกเลย ถ้าฉันไม่มีเธอ

You came along just like a song
เธอผ่านเข้ามาเหมือนบทเพลง

And brighten my day
และทำให้ทุกวันของฉันนั้นสดใส

Who would of believed that you were part of a dream
ใครจะเชื่อล่ะว่าเธอคือส่วนหนึ่งของความฝัน

Now it all seems light years away
ตอนนี้ทุกอย่างดูเหมือนจะเนิ่นนาน

And now you know I can't smile without you
และตอนนี้เธอก็รู้แล้วว่าฉันยิ้มไม่ออกเลย ถ้าฉันไม่มีเธอ

I can't smile without you
ฉันจะยิ้มไม่ออกเลย ถ้าฉันไม่มีเธอ

I can't laugh and I can't sing
ฉันหัวเราะไม่ได้ และฉันก็ร้องเพลงไม่ได้

I'm finding it hard to do anything
ฉันจะพบว่าอะไรมันก็ยากไปหมดไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม

You see I feel sad when you're sad
เธอเห็นไหม ว่าฉันรู้สึกไม่ดี เมื่อใดที่เธอเศร้า

I feel glad when you're glad
ฉันรู้สึกดี เมื่อใดที่เธอมีความสุข

If you only knew what I'm going through
แค่อยากให้เธอรู้ว่าฉันได้ฝ่าฟันอะไรบ้าง

I just can't smile
ฉันก็แค่ยิ้มไม่ออกเลย

Now some people say happiness takes so very long to find
ใครบางคนบอกไว้ว่าเราอาจต้องใช้เวลามากมายกว่าจะพบกับความสุข

Well, I'm finding it hard leaving your love behind me
และฉันกำลังเรียนรู้ว่ามันยากเย็นแค่ไหนที่จะทิ้งความรักของเธอไว้เบื้องหลัง

And you see I can't smile without you
และเธอได้เห็นว่าฉันยิ้มไม่ออกเลย ถ้าฉันไม่มีเธอ

I can't smile without you
ฉันยิ้มไม่ออกเลย ถ้าฉันไม่มีเธอ

I can't laugh and I can't sing
ฉันหัวเราะก็ไม่ได้ ร้องเพลงก็ไม่ได้

I'm finding it hard to do anything
ฉันพบว่าจะทำอะไรมันก็ยากไปซะหมด

You see I feel glad when you're glad
เธอเห็นแล้วใช่ไหม ว่าฉันรู้สึกยินดีแค่ไหน เมื่อยามเธอมีความสุข

I feel sad when you're sad
ฉันเศร้าแค่ไหน เมื่อยามเธอเศร้า

If you only knew what I'm going through
ถ้าเธอจะรับรู้สักนิด ว่าฉันต้องผ่านอะไรบ้าง

I just can't smile without you
ฉันไม่สามารถจะยิ้มได้เลยนะ ถ้าฉันไม่มีเธอ


Song: Can't Smile Without You
Artist: Barry Manilow

คงไม่มีคำพูดใด ๆ ที่จะต้องเอ่ยออกมาอีกแล้ว ในเมื่อตอนนี้กานต์และฟ้าต่างก็กำลังหัวเราะและร้องไห้ ให้กับความสมหวังที่รอคอยคนทั้งคู่อยู่ตรงหน้า ภาพที่กานต์อุ้มฟ้าหมุนไปรอบ ๆ ห้อง พร้อมกับเสียงปรบมือแสดงความยินดีของเด็ก ๆ คงทำให้ใครหลายคนที่ได้เห็นอดที่จะน้ำตาคลอไปตาม ๆ กันไม่ได้

ใครว่าเจ้าหญิงจะต้องรอคอยให้เจ้าชายมายืนอยู่ตรงหน้า บางครั้งเจ้าหญิงอาจจะต้องเป้นฝ่ายตามหาเจ้าชายเสียเอง อุปสรรคย่อมมีมาให้ผู้ที่มีรักได้ก้าวผ่านพ้นไป พร้อมกับการเรียนรู้บทเรียนบทใหม่ ๆ ที่ทำให้หัวใจแข็งแรงขึ้น

ภาพหาดทราย สายลม และท้องฟ้าอันแสนงดงาม ทำให้คน 8 คน ยิ้มให้กันอย่างมีความสุข โดยที่ อลิส กรระวี การะบุหนิง มาฆะ มีนา และฮินะ ตามมาสมทบทีหลัง เสียงของ กานต์ และ อลิส ดังแข่งกัน เพื่อเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ทุกคนฟัง

“สรุปว่า เรื่องทั้งหมดเกิดจากความบังเอิญ เกิดจากความเข้าใจผิด โดยที่เริ่มจาก นายกรระวี เอารูปของฟ้า ไปแอบอ้างว่าเป็นคู่หมั้น จนทำให้ยาย อลิส เข้าใจผิด จนเกลียดน้องฟ้าตั้งแต่เห็นหน้าครั้งแรก แถมพี่เองก็ผิดที่ไม่ได้เล่าให้อีกหลาย ๆ คนฟังว่า พี่กับอลิส เป็นฝาแฝดกัน แต่เรื่องนี้คุณลุงกับคุณป้าขอร้องไว้ เพราะเดิมทีก็กะว่าจะไม่ให้พี่ กับ แก้ว รู้ว่า จริง ๆ พวกเรามีพี่น้องอีกคน”

กานต์พูดขึ้นพร้อมกับตักไข่ดาวคำใหญ่ใส่ปาก

“ก็แหมพี่กานต์ ใครจะไปเชื่อหละคะ ในเมื่ออลิส ดูเด็กกว่าพี่ตั้งเยอะ แถมกว่าจะรุ้ว่าเราเป็นพี่น้องกัน ก็หลังจากที่ได้ออกรายการของพี่นั่นหละ อลิส เองก็รู้สึกสับสน แล้วพาลโมโห คิดว่าพ่อกับแม่รังเกียจเลยยกให้เป็นลูกพี่สาว แต่ที่ไหนได้เป็นเพราะว่า ม่ามี้ มีลูกไม่ได้ พ่อกับแม่เลยตัดใจยกให้”

‘เอาหละขอผมมีบทบาทนิดนึงนะ” กรระวีรีบชิงพูดขึ้นบ้าง

“เดิมทีผมกับอลิส ตั้งใจว่าจะแต่งงานกัน แต่บังเอิญนักธุรกิจที่ผมทำธุรกิจกับเค้าไปมีข่าวพัวพันกับพวกค้ายา เลยทำให้ผมพลอยโดนหางเลขไปด้วย คุณป๋าของ อลิส ก็เลยมาขอร้องให้ผมเลิกกับเธอวะ ประกอบกับบังเอิญว่าที่บ้านเอารูปน้องฟ้า ซึ่งเป็นว่าที่คู่หมั้นมาให้ดูพอดี ก็เลยใช้รูปนั้นให้เป็นประโยชน์ แต่กลับกลายเป็นโทษมหันต์ซะนี่”

“คุณแม่ ไม่ทราบว่าจริง ๆ ฟ้า กับ พี่ระวี เรารู้จักกันมาหลายปีแล้วคะ ฟ้าเองก็รุ้เรื่องที่พี่ระวีมีแฟนแล้ว ก็เลยกะว่าจะบอกเลิกสัญญาหมั้น แต่พอดีเกิดเรื่องให้ฟ้าเข้าใจผิดว่า พี่กานต์ กับ อลิส เคยเป็นแฟนกันมาก่อน”

“ก็เลยตัดสินใจหมั้นกับนายระวี ที่บังเอิญโดนขอให้เลิกกับอลิสเช่นเดียวกัน”

กานต์พูดขึ้น พร้อมกับหัวเราะ สรุปว่าพวกเราทำกันไปเอง คิดกันไปเอง โดยไม่สืบเรื่องราวต่าง ๆ ให้แน่ชัดซะก่อน แย่จริง ๆ เลย

หลังจากทานอาหารข้าว ทุกคนก็แยกย้ายกันไปทำธุระต่อ ปล่อยให้กานต์และฟ้า เดินเล่นที่ริมหาดตามลำพัง

“น้องฟ้าเชื่อในพรหมลิขิตมั๊ยครับ เมื่อก่อนพี่ไม่เคยคิดจะเชื่อ จนกระทั่งวันที่เจอกับน้องฟ้าครั้งแรก แปลกดีนะเราอยู่ไกลกับเกือบครึ่งโลก แต่กับมาเจอกันที่นี่”

“นั่นซิคะ ตอนแรกฟ้าเองก็ไม่คิดเหมือนกันคะ ว่าจะตกหลุมรักผู้ชายที่เจอกันโดยบังเอิญ แต่ก็คงเป็นเพราะพรหมลิขิตจริง ๆ นะคะที่ทำให้เราไปเจอกันอีกครั้งที่บ้านของปู่ทอง ตอนนั้นฟ้ากลัวมากเลยคะ กลัวว่าจะเผลอใจรักพี่กานต์

“ แต่ก็เผลอใจไปจนได้ ใช่มั๊ยครับ ไม่เหมือนกับพี่ที่หลงรักน้องฟ้าตั้งแต่แรกที่ได้เห็นเจ้าหญิงสโนไว้ท์ที่ไม่ต้องให้เจ้าชายกับเด็กแคระทั้งเจ็ดมาคอยปกป้อง”

แต่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน พี่จะจดจำไว้เสมอว่า หาดทราย และสายลมของที่นี่ เป็นจุดเริ่มต้นของความรักที่เรามีต่อกัน กานต์พูดขึ้นก่อนที่จะหยิบแหวนวงเล็ก ๆ ขึ้นมาสวมที่นิ้วนางข้างซ้ายของหญิงสาว

“Will you marry me?

กานต์มองจ้องไปยังดวงตาของหญิงสาว ก่อนที่จะยิ้มเมื่อเธอพยักหน้าด้วยความเขินอาย

นี่เป็นเพียงก้าวที่สองของทางเดินแห่งความรัก ที่ทั้งคู่อาจจะต้องพบกับอะไรอีกหลายอย่างในวันข้างหน้า คงไม่มีอุปสรรคใดที่จะทำลายความสัมพันธ์ของทั้งคู่ได้

“พี่กานต์แย่แล้ว มีนักข่าวมารอสัมภาษณ์พี่กับฟ้าเต็มเลย”

เสียงการะบุหนิงดังขึ้น หลังจากที่มองเห็นรถกองทัพนักข่าวที่กำลังขับเข้ามาจอดบริเวณถนนหน้าบ้าน

ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ก่อนที่จะกระชับมือของฟ้าให้แน่นขึ้น เพื่อเตรียมตัวให้สัมภาษณ์นักข่าวถึงเรื่องราวความรัก และหญิงเดียวที่อยู่ในดวงใจเขา








 

Create Date : 11 เมษายน 2551    
Last Update : 11 เมษายน 2551 16:59:08 น.
Counter : 334 Pageviews.  

หาดทราย สายลมและจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่16)

1 ปีต่อมา ....

“เรียบร้อยหรือยังครับน้องฟ้า เดี๋ยวเราเราจะต้องรีบไปที่โรงแรมกันแล้ว”

“พร้อมแล้วคะ พี่กรระวี ขอโทษนะคะที่ฟ้าแต่งตัวนานไปหน่อย”

หญิงสาวตอบขึ้นด้วยเสียงอันแผ่วเบา วันนี้เธอสวมชุดราตรีสีขาว ดูสง่างามราวกับเจ้าหญิง ก่อนที่จะเดินตามชายหนุ่มร่างสูง หน้าตาดี ท่าทางภูมิฐาน ที่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ก็จะกลายเป็นคู่หมั้นเธอโดยสมบรูณ์แบบ

ภาพ 1 หนุ่ม 1 สาว ที่สมกันทั้งฐานะ ชาติตระกูลและหน้าตาทางสังคม ทำให้นักข่าวสายบันเทิงที่ถูกเชิญมาร่วมในงานแถลงข่าวงานหมั้นระหว่าง กรระวี การ์ดเนอร์ นักธุรกิจรุ่นใหม่ อนาคตไกล กับ ฟาริดา อัศรานนท์ ลูกสาวคุณหญิงเฟื่องฝน เจ้าของร้านเพชรชื่อดังในเมืองไทย ทุกอย่างจัดขึ้นเพราะคำว่าหน้าตาทางสังคม แต่งานในวันนี้กลับทำให้ฟ้าต้องทรมานใจอย่างบอกไม่ถูก

“เป็นอะไรไปครับน้องฟ้า ทำไมถึงได้ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขนาดนั้น’

หญิงสาวหันไปยิ้มให้คนที่นั่งข้าง ๆ ก่อนที่จะถอนหายใจออกมาช้า ๆ

“พี่ระวีแน่ใจแล้วหรือคะ เกี่ยวกับเรื่องงานหมั้น เรื่องของหัวใจเราสองคน”

ฟ้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่กังวลจนปิดบังไม่อยู่

‘แน่ใจซิครับ พี่ตัดสินใจแล้ว เพื่อความสุขของเราทั้งสองคน พี่จะทำให้น้องฟ้ามีความสุขมากที่สุดเท่าที่พี่จะสามารถทำได้ครับ พี่สัญญา”

ว่าแล้วอุ้งมือใหญ่ก็บีบมือเล็ก ๆ ที่แสนบอบบาง ราวกับจะให้กำลังใจคนตรงหน้า

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“แน่ใจเหรอพี่กานต์ว่างานนี้จะไม่เปลี่ยนใจ ให้แก้วเป็นคนดำเนินรายการแทนก็ได้นะคะ แก้วทำได้คะ”

การะบุหนิงถามพี่ชายของตนด้วยความเป็นห่วง แต่กับได้รับรอยยิ้มของเขาแทนคำตอบ

“ไม่เป็นไรนะแก้ว พี่เป็นมืออาชีพนะ ทำงานแบบนี้มาตั้งหลายครั้งแล้ว เราจะมาห่วงอะไรพี่หละ”

กานต์ให้ความมั่นใจกับน้องสาว พร้อมกับเอามือตบบ่าเธอเบา ๆ ก่อนที่จะสวมสูทตัวโปรดเตรียมตัวทำหน้าที่ของตนเอง

แก้วมองตามร่างสูงของพี่ชายที่เดินอย่างสง่าผ่าเผยออกไปทางด้านหน้าเวที ใช่ เธอ รู้ดีว่าพี่ชายเธอนั้น เคยเจอกับงานแบบนี้มาหลายครั้งแล้ว แต่ทุกครั้งชื่อว่าที่เจ้าสาวของงานไม่ใช่ คุณฟาริดา อัศรานันท์ หรือ ฟ้า อดีต คนรักเก่าของเขาสักหน่อย ทำไมนะพรหมลิขิตถึงได้เล่นตลกกับพี่ชายเธอขนาดนี้

ภาพชายหนุ่มร่างคุ้นตาที่ยืนยิ้ม แถมพูดแซวเธอกับคู่หมั้นอย่างสนุกสนาน ราวกับว่าไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นมาก่อนนั้น ทำให้ฟ้ายิ่งรู้สึกเจ็บแปลบในใจอย่างบอกไม่ถูก แถมนางแบบที่เป็นคนนำกล่องแหวนหมั้นมาให้เธอกับกรระวีนั้น ก็คือ อลิศรา ที่ในขณะนี้มีข่าวว่าคงจะเป็นว่าที่เจ้าสาวตัวจริงของกานต์อย่างแน่นอน หญิงสาวอดนึกถึง ภาพและข่าวที่ได้เห็นทางหน้าหนังสือพิมพ์เมื่อเช้านี้ไม่ได้ กานต์ยิ้มอย่างมีความสุขในขณะที่จับมือของอลิสไว้แน่น เขาคงจะลืมเลือนเธอไปจากหัวใจซะแล้ว ใช่ซิก็เธอเป็นแค่คนที่มีค่าเวลาที่เขาเหงาเท่านั้น ความปรารถนาของเธอในตอนนี้คือ อยากให้งานในวันนี้จบไปเร็ว ๆ สักที เธออยากจะหนีให้ไกลจากคนที่ชื่อ กานต์ ธรรมธารัย เหลือเกิน แต่ก็เหมือนว่าฟ้ายิ่งกลั่นแกล้ง เมื่อทางสถานีโทรทัศน์ได้ขอให้รายการ ‘Life Style By Kan’ ได้สิทธิในการสัมภาษณ์ฟ้า และติดตามฟ้าไปทำกิจกรรมที่ ‘มูลนิธิชลาธิป’ ตลอดทั้ง 7 วัน และแน่นอนผู้ดำเนินรายการจะเป็นใครได้ถ้าไม่ใช่คนที่เธอเคยเสียน้ำตาและความรักให้กับเขา

“อึ๋ย ทำไมทางผู้ใหญ่ต้องมาเลือกรายการเราสัมภาษณ์คุณฟ้า แถมยังให้พี่กานต์เป็นผู้ดำเนินรายการในงานหมั้นอีกต่างหาก แถมตอกย้ำกันอยุ่ได้ว่าสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก น่าสงสารพี่กานต์จริง ๆ เลย”

การะบุหนิงบ่นให้ทีมงานฟัง หลังจากที่เห็นตารางงานที่ทางสถานีส่งมาให้ หญิงสาวเล่าเรื่องทั้งหมดให้ มีนา มาฆะ และฮินะ ฟังอย่างละเอียด ทุกคนต่างก็พากันนิ่งเงียบเพื่อไว้อาลัยให้กับกานต์ เอ๊ย ไม่ใช่ ต่างพากันครุ่นคิดว่าจะสามารถช่วยกานต์ได้อย่างไรบ้าง

“ก็ในเมื่อพี่กานต์เป็นพี่ชายที่พวกเราเคารพรัก ดังนั้นพวกเราต้องหาทางให้ทั้งคู่คืนดีกันให้ได้ มีเวลาอีกตั้ง 7 วัน ในระหว่างการถ่ายทำ เราต้องทำให้ 2 คนนั่นกลับมารักกันเหมือนเดิมให้ได้”

มาฆะพูดขึ้นด้วยความมั่นใจ

“ว่าแต่นายว่างขนาดนั้นเลยเหรอ”

เสียงอีก 3 คนที่เหลือดังขึ้นพร้อมกัน

“แหะ ๆ ไม่ได้ว่างทุกวัน ก็ต้องช่วย ๆ กันหละ แต่ตัวแปรสำคัญก็ คือ อลิส พวกเราควรจะพูดความจริงให้คุณฟ้าได้รู้เข้าใจมั๊ย อีกอย่างพวกเราลืมผู้ช่วยคนสำคัญกันไปหรือเปล่า ก็พวกเด็ก ๆ ไง”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“พี่กานต์ / พี่ฟ้า คิดถึงจังเลย ครับ/คะ”

เสียงอึกกะทึกครึกโครม และความโกลาหลที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ทำเอามูลนิธิปั่นป่วนไปครู่ใหญ่เลยทีเดียว เมื่อบรรดาเด็กแคระทั้ง 7 ต่างพากันวิ่งเข้ามากอดคนทั้งคู่ด้วยความคิดถึง

“พี่ฟ้าหายไปตั้งนาน พวกเราคิดถึงมากเลย ครับ/คะ มีแต่พี่กานต์ พี่แก้ว พี่มาฆะ ที่มาเยี่ยมพวกเราบ่อย ๆ ต่อไปพี่ฟ้าต้องมาบ่อย ๆ น๊า ให้พี่กานต์พามาก็ได้ ครับ/คะ“

ฟ้าถึงกับน้ำตาคลอด้วยความตื้นตันใจ เมื่อได้ยินคำพูดของเด็ก ๆ นอกจากนี้ ทุกคนต่างก็ขนเอาอัลบั๊มรูปเก่า ๆ มาให้พี่ ๆ ทุกคนได้ดู ทำให้ฟ้าอดที่จะหวนรำลึกถึงวันแรกที่เธอพาเด็ก ๆ ไปเดินเล่นจนได้พบกันกานต์ และการพบกันหลังจากนั้น รวมถึงสิ่งต่าง ๆ ที่ทั้งคู่เคยทำร่วมกัน รวมทั้งภาพสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้ถ่ายร่วมกันท่ามกลาง หาดทรายและสายลม ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม เดิมที ทั้งกานต์และฟ้า ต่างก็ตั้งใจว่าจะเผชิญหน้ากันให้น้อยที่สุด จะคุยกันเฉพาะเรื่องงานเท่านั้น แต่พอมาถึงที่นี่ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ ทำให้ทั้งคู่อดที่จะมองหน้ากันพร้อมกับหัวเราะตามไม่ได้

“ช่วงเวลาที่คุณฟ้ารู้สึกว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในชีวิต คือ ตอนไหนครับ” กานต์ถามคำถามนี้ขึ้น ในระหว่างการถ่ายทำ ฟ้าค่อย ๆ มองหน้าเขาและเด็ก ๆ ก่อนที่จะยิ้ม

“ช่วงเวลาที่ฟ้ามีความสุขที่สุด คือ การที่ครั้งหนึ่ง ฟ้าได้อยู่กับคนที่ฟ้ารักท่ามกลางสีสันที่สวยงามของท้องทะเล และรอยยิ้มอันสดใสของพวกเด็ก ๆ คะ ถึงแม้ว่าช่วงเวลานั้นจะเป็นแค่เพียงเวลาสั้น ๆ ก็ตามคะ”

ท้ายเสียงของหญิงสาวฟังแล้วดูเศร้าพิกล จนทำให้การะบุหนิงซึ่งเป็นผู้ดำเนินรายการร่วมต้องรีบเปิดประเด็นเรื่องกิจกรรมของเด็ก ๆ แทน เพื่อทำให้ความเศร้าหมองจางหายไป

ในระหว่างที่การถ่ายทำดำเนินไปเป็นวันที่ 3 พร้อมกับความสัมพันธ์ระหว่างกานต์และฟ้า ที่ดูเหมือนว่ากำลังจะดีขึ้นตามลำดับ ก็กลับต้องชะงักลง เมื่อ อลิส และ กรระวี ต่างเดินทางมาเยี่ยมชมการถ่ายทำ โดยที่ อลิส นั้นวางตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกานต์อย่างเปิดเผย พร้อมกับมองไปทางฟ้าและว่าที่คุ่หมั้นของเธออย่างไม่แยแส บรรยากาศภายในร้านอาหารเต็มไปด้วยความอึดอัด เมื่อ อลิส เอาแต่คุยอวดเรื่องราวระหว่างเธอและกานต์ ราวกับจงใจจะให้ฟ้านั้นได้รับฟัง โดยที่การะบุหนิง มีนา และมาฆะ เท้าแขนนั่งฟังด้วยอาการเซ็ง ๆ โดยที่ กานต์ และ ฟ้า ได้แต่ฝืนยิ้มออกมาอย่างเฝื่อน ๆ

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอตัวไปเดินเล่นทางนู้นกันก่อนนะคะ ไปจ๊ะเด็ก ๆ “ ว่าแล้วการะบุหนิง มีนาและมาฆะ ก็ทำท่าจะลุกออกไป แต่ปรากฏว่าบรรดาเด็ก ๆ กลับไม่นั่งอยู่ในที่ที่ควรจะนั่งแต่กลับไปยืนออกันอยู่ตรงบริเวณตู้เพลงที่ทางร้านจัดไว้ให้บริการ

“พี่ ๆ ครับ/คะ มาร้องเพลงนี้ให้ฟังหน่อยซิคะ คนเมื่อกี๊นี้เค้าเลือกไว้แต่ว่าเค้ายังไม่ทันได้ร้องก็เดินออกไปซะก่อนคะ”

แก้ว มีนาและมาฆะ ชะโงกหน้าไปมองชื่อเพลง ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างเจื่อน ๆ

“แหะ ๆ ตรงกับชีวิตจริงใครบางคนแถว ๆ นี้เลย”

ว่าแล้วมีนาและมาฆะ ต่างก็ถือไมล์คนละตัว ก่อนที่จะหันหน้ากลับไปยังโต๊ะที่อีก 4 คน ที่กำลังนั่งทานอาหารกันอย่างแกน ๆ

เจ็บสักเท่าไหร่ก็ต้องรับมา เจ็บสักเท่าไหร่ก็ต้องรับมา

จากคนคนที่เคยมีใจกันอยู่ เปลี่ยนไปเป็นไม่มีเยื่อใยต่อกัน
อยากลืมลืมทุกสิ่ง ลบล้างเรื่องวันวาน หากเราไม่เห็นกันคงลืมกันได้
หนักใจตรงที่ความจำเป็นบางอย่าง กดดันทำให้เราเจอกันต่อไป
ยิ่งเจอใจยิ่งเจ็บ มันทรมานเกินไป ห่างกันไปให้ไกลมันยังดีกว่า

คนที่รักร้างไกลนั้นเจ็บไม่นาน คนไม่รักใกล้กันช้ำใจยิ่งกว่า
แต่ว่าหนทาง ทางของคน ไม่มีให้เลือกเท่าไหร่เจ็บสักเท่าไร ก็ต้องรับมา

อีกนาน นานเท่าไร มันจึงจะจบ จบไป ไปให้ไกลไกลกันสุดตา
อยากมีชีวิตใหม่ ไม่ต้องมีเธอมา ต้องเจอกับสายตา เย็นชากันอยู่
เจ็บปวดเสมอที่ต้องเจอกัน เอ่ยปากต่อกัน เหมือนคนใหม่
จำใจแสดง แกล้งทำกันไป อย่างไม่ค่อยเต็มใจ อย่างกับคนไม่เคยรักกัน


ตั้งแต่ที่ทำนองเพลงขึ้น จนกระทั่งเพลงจบลง กานต์และฟ้าต่างก็นั่งจ้องหน้ากันไปมา ราวกับว่าจะถ่ายทอดความรู้สึกเจ็บปวดที่อยุ่ลึก ๆ ในใจ ให้อีกฝ่ายได้รับรู้ อลิส เอง ก็คงสังเกตเห็นปฏิกิริยาของคนทั้งคู่ดังนั้นจึงลุกพรวดขึ้น พร้อมกับขอตัวออกไปเดินเล่นข้างนอกเสียเอง

หลังจากที่รับประทานอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็ถึงเวลาที่ อลิส และ กรระวี จะต้องเดินทางกลับ ก็ปรากฏว่ารถของอลิสเกิดเสียขึ้นมา หญิงสาวจึงทำท่าอิดออดอยากจะอยู่ค้างคืนที่บ้านพักตากอากาศของกานต์ แต่ด้วยความที่มีงานเดินแบบแฟชั่นโชว์ชุดสำคัญรออยู่ กรระวี จึงอาสาที่จะไปส่ง อลิส ให้ถึงจุดหมายด้วยตัวเอง

“ถ้าอย่างนั้นพี่กลับก่อนนะครับฟ้า ฝากคุณกานต์กับทุกคนช่วยดูแลคู่หมั้นผมด้วยนะครับ ส่วนคุณ อลิส ผมจะช่วยดูแลแทนให้นะครับ”

กรระวีโปกมืออำลาทุกคนก่อนที่จะรีบขับรถกลับกรุงเทพเพราะมีงานที่จะต้องกลับไปสะสางต่อ

การะบุหนิง ทรุดตัวลงบนผืนทราย ก่อนที่จะทำหน้าเศร้า ด้วยความสงสารและเห็นใจพี่ชายของตัวเองยิ่งนัก ยิ่งเมื่อนึกถึงสายตาที่คนทั้งสองมองกันด้วยความอาลัยอาวรณ์ หญิงสาวนึกเจ็บใจที่ตัวเองไม่สามารถทำอะไรไปได้มากกว่านี้ เพราะเรื่องราวต่าง ๆ ไปไกลกว่าที่เธอคิดนัก การที่จะให้ฟ้าถอนหมั้นกับคุณกรระวี ก็คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ไหนจะ อลิส ที่เกาะติดพี่ชายเธอแจ แถมยังเจ็บใจที่พี่ชายตัวเองเอาแต่เงียบเฉยไม่ยอมพูดในสิ่งที่ควรจะพูดออกมาสักที หญิงสาวนั่งนิ่งอยู่สักพัก ก่อนที่จะตัดสินใจช่วยให้พี่ชายของเธอได้มีความสุข แม้จะเป็นความสุขในระยะเวลาสั้น ๆ ก็ตาม ว่าแล้วเธอก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อเรียกบรรดาที่ปรึกษามาทำให้แผนของเธอบรรลุวัตถุประสงค์

วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการถ่ายทำ ฟ้า อยู่ในชุดลำลองสีสดใส กำลังสอนเด็ก ๆ ร้องเพลงอย่างมีความสุข ในช่วงเช้า ก่อนที่ทางทีมงานจะช่วยกันไปเตรียมสถานที่ถ่ายทำฉากสุดท้ายกันในงานประจำปีของวัดแห่งหนึ่งที่ไม่ไกลจากมูลนิธินัก โดยมี กานต์ ฟ้าและเด็กแคระทั้ง 7 ที่ตอนนี้กลายเป็นดาราจำเป็น พาทุกคนเข้าไปสัมผัสบรรยากาศงานวัด ที่มีทั้งร้านอาหารอร่อย ๆ มากมาย เด็ก ๆ พากันยืนเรียงแถวพร้อมกับรับประทานขนมสายไหมสีสวยกันอย่างเอร็ดอร่อย พร้อมกับสั่งน้ำสมุนไพรอย่าง น้ำมะขาม น้ำลำไย น้ำมะพร้าว มาดื่มแก้กระหาย หลังจากนั้น ต่างก็พากันจูงมือ ฟ้าและกานต์ ไปเล่นเกมส์ปาเป้า สอยดาว ยิงปืน กันอย่างไม่รู้จักเหน็ดไม่รู้จักเหนื่อย

‘”ท่านผู้ชมครับงานนี้ ผมกับคุณฟ้า เพิ่งรู้ว่าพวกเราเริ่มแก่ตัวลงไปกันมาก เพราะแรงดีสู้พวกเด็ก ๆ ไม่ได้จริง ๆ ครับ”

กานต์หันมายิ้มให้กับกล้อง ก่อนที่จะทิ้งตัวลงบนพื้นพร้อมกับหอบแฮ่ก ๆ จนฟ้าที่ยืนอยู่ข้าง ๆ อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้ แถมยังคว้ากล้องขึ้นมาถ่ายภาพชายหนุ่มนับสิบภาพ และหยิบมาชูขึ้นที่หน้ากล้องเพื่อให้ผู้ที่ติดตามรายการได้รับชมกัน เดินไปได้อีกสักพักหนึ่ง เด็ก ๆ ต่างก็พากันชี้ไม้ชี้มืออย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นเครื่องเล่นที่ชื่อว่าชิงช้าสวรรค์อย่างเต็มตา ท่ามกลางความชุนมุลวุ่นวายระหว่างเด็ก ๆ กานต์ ฟ้า และทีมงานคนอื่น ๆ การะบุหนิงและมาฆะก็อาศัยจังหวะ จับกานต์และฟ้า เข้าไปในกระเช้าของชิงช้าสวรรค์ กว่าที่คนทั้ง 2 จะรู้ตัวก็พบว่า มีเพียงแต่เขาทั้งคู่ที่ยืนอยู่ด้วยกันนั้น กระเช้าที่ทั้งคู่ยืนอยู่ก็เริ่มเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ก่อนที่จะเริ่มขยับสูงขึ้นเรื่อย ๆ โดยมีเด็ก ๆ และคนอื่น ๆ อยู่ถัดไปอีก 3 – 4 กระเช้า

“เฮ้อ เจ้าพวกนี้เล่นอะไรกันแผลง ๆ เนี่ย น้องฟ้าตกใจหรือเปล่าครับพี่จะได้ตะโกนให้เจ้าหน้าที่เค้าหยุดก่อน”

“ไม่เป็นไรคะ เด็ก ๆ และคนอื่น ๆ เค้ากำลังสนุกกันอยู่ รออีกสักพัก เราก็คงจะได้ลงไปข้างล่างแล้วหละคะ หรือพี่กานต์ไม่อยากจะอยู่กับฟ้าตามลำพังคะ กลัวคุณ อลิส รู้เข้าจะเข้าใจผิดหรือคะ”

ฟ้าถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เศร้าสร้อย ระคนกับความน้อยใจ ที่ไม่สามารถปกปิดไว้ได้นัก จนกานต์ไม่สามารถหักห้ามใจได้อีกต่อไป ชายหนุ่มเอามือจับไหล่บอบบางคู่นั้น ก่อนที่จะเผยความรู้สึกที่อยู่ภายในใจออกมา

“พี่ไม่ได้กลัว อลิส หรือกลัวใครเข้าใจผิดทั้งนั้น แต่พี่กลัวว่าจะห้ามใจตัวเองให้หยุดรักฟ้า ให้หยุดคิดถึงฟ้า และยังต้องบังคับไม่ให้ตัวเองเข้าไปกอดฟ้าด้วย รู้มั๊ยว่าพี่เจ็บปวดแค่ไหน เวลาที่เห็นน้องฟ้ายิ้มให้กับคุณกรระวี และคงจะเจ็บปวดยิ่งกว่า ในวันที่เห็นแหวนหมั้นอยู่บนนิ้วนางข้างซ้ายของน้องฟ้า ”

ฟ้าถึงกับน้ำตาคลอ เมื่อได้ยินคำพูดที่ออกมาจากหัวใจของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า ก่อนที่หญิงสาวจะพูดอะไรออกมา กานต์ก็คว้าร่างเล็ก ๆ เข้าไปกอดอย่างแน่นหนาราวกับว่ากลัวว่าถ้าปล่อยมือเมื่อไหร่ เธอจะจางหายไปจากตรงนี้

“ขอให้อ้อมกอดนี้ได้ถ่ายทอดความรู้สึกรัก ที่พี่มีต่อน้องฟ้าเป็นครั้งสุดท้ายด้วยเถอะนะครับ”

ในขณะนี้กระเช้าที่ทั้งสองคนนั่งมาก็ลอยไปอยู่ที่จุดสูงสุด ก่อนที่จะหยุดนิ่งอย่างเนิ่นนาน ราวกับว่าจะหยุดเวลาให้ทั้งสองคนได้มีโอกาสล่ำลากันเป็นครั้งสุดท้าย ฟ้าหลับตาลงพร้อมกับนึกถึงเพลง ๆ เพลงหนึ่งที่มีเนื้อหาไม่ต่างจากความรู้สึกในใจเธอในขณะนี้ ก่อนที่จะเริ่มร้องเพลงออกมาเบา ๆ เพื่อให้กานต์ได้รับรู้ถึงเสียงของหัวใจเธอในตอนนี้

อยากจะร้องไห้
อยากให้เวลาเดินช้าช้า
ขอเวลาซักหน่อย
อยากมองหน้ากัน
อยากหยุดวันเวลานี้ไว้นานเท่านาน
ก่อนจากกันสิ่งที่ใจรู้ดี
ฉันเองไม่เคยมีใคร
รักได้อย่างนี้เช่นเธอ
รักอยู่เต็มดวงใจ

อยากจะร้องไห้
อยากให้เวลาเดินช้าช้า
ขอเวลาซักหน่อย
อยากมองหน้ากัน
อยากหยุดวันเวลานี้ไว้นานเท่านาน
ก่อนเธอต้องไป


เพลง อยากหยุดเวลา ศรันย่า ส่งเสริมสวัสดิ์

แกร้ง แกร้ง แกร้ง เสียงนาฬิกาตีบอกเวลา 24.00 น. ทำให้กานต์รู้สึกตัวและค่อย ๆ ปล่อยตัวฟ้าออกจากอ้อมแขน พร้อมกับรอยยิ้ม ก่อนที่กระเช้าจะค่อย ๆ เคลื่อนตัวลงมาจนถึงพื้นดิน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่เปิดประตูให้ทั้งสองได้ออกมาข้างนอก กานต์ค่อย ๆ ถอยห่างจากหญิงสาวทีละน้อย ทีละน้อย ก่อนที่จะเรียกทีมงานมาถ่ายทำต่อเพื่อปิดรายการสักที

“ เวทมนต์แห่งความฝันหมดแล้ว เห็นทีว่าเราคงต้องกลับไปรับรู้ความจริงกันซะทีนะครับ”

กานต์พูดขึ้นเป็นคำสุดท้าย ก่อนที่จะหันหลังเดินจากหญิงสาวไปในทันที ฟ้ามองตามชายหนุ่มอย่างเศร้าใจ มะรืนนี้แล้วซินะที่เธอกับเขาต้องกลายเป็นคนอื่นต่อกันโดยสิ้นเชิง การสวมแหวนที่นิ้วนางข้างซ้ายคงเป็นวินาทีที่เธอต้องตัดความคิดถึงทั้งหมดที่มีต่อเขาเสีย แต่เธอจะทำได้จริง ๆ หรือ

ห่างออกไปจากบริเวณที่ทุกคนกำลังยืนอยู่ด้วยกันนั้น ไม่มีใครรู้เลยว่า อลิส กำลังแอบยืนร้องไห้อยู่ตามลำพังก่อนที่จะหันหลังเดินขึ้นรถไปอย่างเงียบ ๆ ในคืนเดียวกันนั่นเอง ขณะที่กรระวีกลับมาถึงที่คอนโดหรู เขาก็ต้องแปลกใจเมื่อทางพนักงานที่ดูแลอาคารบอกว่ามีคนมาขอพบ เขามองไปยังผู้ที่มาเยือนด้วยสายตาที่งุนงง

“คุณอลิศรา”

“สรุปว่าทางผู้ใหญ่ขอให้น้องแก้ว กับมาฆะ เป็นผู้ดำเนินรายการในงานหมั้นของคุณฟ้า กับ คุณกรระวี ดังนั้นถ้าพี่กานต์อยากจะพัก พวกเราก็จะอนุญาตให้เป็นกรณีพิเศษนะครับ/คะ “

เสียงของตัวแทนทีมงานในบริษัทเขาดังขึ้น ก่อนที่จะช่วยกันเก็บเข้าเก็บของให้กับเจ้านาย และหากันไปส่งเขาขึ้นรถ

“หวังว่าคราวนี้พี่กานต์คงทำใจได้นะ” ทุกคนพากันบ่นพึมพำ พึมพำ ด้วยความเป็นห่วง

อีกด้านของผลแอ๊ปเปิ้ลที่แสนสวย กับเคลือบไว้ด้วยความขื่นขมที่สร้างความระทมให้ยิ่งกว่ายาพิษขนานไหน ๆ




 

Create Date : 11 เมษายน 2551    
Last Update : 11 เมษายน 2551 16:54:23 น.
Counter : 298 Pageviews.  

หาดทราย สายลมและจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่15)

“เย้ ดีใจจังเลยที่วันนี้ถ่ายทำกันเสร็จเร็วเกินคาด เป็นเพราะว่าเราสองคนเก่งเลยไม่ต้องถ่ายใหม่ซักฉาก”

เสียงหัวเราะอันแสนร่าเริงของสาวสวยสองคนดังขึ้น เมื่อการถ่ายทำในวันนี้จบเร็วกว่ากำหนดเกือบครึ่งวัน

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้เราว่าง แก้วก็ว่าง พาฮินะไปซื้อของหน่อยนะจ๊ะแล้วจ๋า มาเมืองไทยไปตั้งหลายจังหวัดแต่ไม่ได้ซื้อของฝากให้ที่บ้านสักที วันนี้หละที่จะได้ทำให้มันเป็นจริงขึ้นมาสักที รบกวนด้วยนะจ๊ะแก้ว”

ฮินะพูดขึ้นอย่างดีใจสุดขีด ก่อนที่จะก้มศีรษะเป็นเชิงขอร้องให้แก้วช่วยเธอที

“ยินดีเช่นกันคะ”

แก้วพูดพลางก้มศีรษะลง เลียนแบบฮินะ ก่อนที่ทั้งสองจะพากันขับรถตะเวนรอบ ๆ กรุงเทพมหานคร เวลาผ่านไปยังไม่ถึง 2 ชั่วโมงดีนัก แต่ในมือของทั้งคุ่ก็เต็มไปด้วยข้าวของเยอะแยะมากมายจนต้องหอบหิ้วกันพะรุงพะรังไปหมด ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการไปเดินดูบรรยากาศยามราตรีแถวท้องสนามหลวง ทั้งสองต่าง ๆ พูดคุยและหยอกล้อกัน อย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะปิดท้ายด้วยการแวะซื้อขนมเค้กและน้ำผลไม้ไปทานที่คอนโดของฮินะ เมื่อไปถึง เจ้าของห้องนำอัลบั้มรูปเก่า ๆ ตั้งแต่สมัยเรียน ระหว่างเธอ มีนา และ มาฆะ มาให้แก้วดู พร้อมกับเล่าถึงเรื่องราวต่าง ๆ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นของทั้งสามคน ตั้งแต่มัธยมต้น จนกระทั่งทั้งสามคนไปเรียนต่อในมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงทางด้านการแสดงแห่งหนึ่งในประเทสสหรัฐอเมริกา แก้วตั้งใจฟังเรื่องราวเกี่ยวกับมาฆะด้วยความสนอกสนใจอย่างไม่รู้ตัว หญิงสาวมักจะเผลอยิ้มในทุกครั้งที่ฮินะเล่าเรื่องราว ความเปิ่นและความโก๊ะของชายหนุ่มให้เธอได้ฟัง แต่แล้วก็ต้องรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ที่หัวใจในทุกครั้งที่ได้ฟังเรื่องราวความสนิทสนมเป็นพิเศษของฮินะกับมาฆะ รวมทั้งรูปถ่ายที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มของคนทั้งคู่

“อะไรนะ เมื่อวานเธอไปกับยายแก้วเหรอฮินะ จะไปไหนทำไมไม่บอกชั้น เดี๋ยวพาไปเองก็ได้ไม่เห็นต้องพึ่งพายายนั่นเลย”

เสียงของมาฆะดังขึ้นด้วยอารมณ์ฉุนเฉียว

“จุ๊ จุ๊ จุ๊ มาฆะพูดเบา ๆ ซิจ๊ะ เดี๋ยวแก้วได้ยินก็เสียใจกันพอดี”

ก่อนที่ทั้งคู่จะคุยอะไรกันต่อ ก็ต้องถึงกับหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงซุบซิบของทีมงานดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของมีนาและการะบุหนิง ที่เดินยิ้มแย้มแจ่มใสเดินเคียงข้างกันมา

“สองคนนี่ดูน่ารักเหมาะสมกันจังเลยนะคะ น้องมาฆะ น้องฮินะว่ามั๊ย แหมตอนแรกพวกพี่ก็นึกว่า น้องมาฆะ ปิ๊งปั้งกับน้องแก้วซะอีก เห็นหลัง ๆ ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด ที่ไหนได้ พวกพี่คิดผิด คิก คิก คิก”

ทุกคนต่างพากันหัวเราะอย่างมีความสุข ยกเว้นมาฆะที่ทำหน้าบูดหน้าบึ้ง ราวกับว่ามีหนามแหลม ๆ มาทิ่มแทงใจซะอย่างนั้น

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แล้วฉากสุดท้ายของการถ่ายทำ MV ก็มาถึง ผู้กำกับลงทุนยกกองไปถ่ายทำกันถึง อ.ปาย ในจังหวัดแม่ฮ่องสอน งานนี้คนอื่น ๆ เดินทางกันไปก่อนล่วงหน้า ยกเว้น มาฆะ การะบุหนิงและทีมงานอีก 2 คน ที่ต้องนั่งรถตู้ตามไปทีหลัง

“แก้วเดินทางดี ๆ นะครับ มีอะไรก็โทรหาเราได้ตลอดนะ”

น้ำเสียงอันอ่อนโยน บวกกับภาพสวีทหวานซึ้งของมีนากับการะบุหนิง ทำให้ใครหลายคนยืนมองด้วยสายตาร้อนผ่าว ไม่เว้นแม้แต่คนที่ชอบทำตัวเป็นอริกับหญิงสาว (แต่ใจกับรักเขาเข้าเต็มเปา)

“เชอะ เดินทางดี ๆ มีอะไรโทรหา ไม่น่าเชื่อว่านายมีนาจะพูดประโยคชวนอ้วกแบบนี้เป็นด้วย “

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

บรรยากาศภายในรถตู้ขนาด 14 ที่นั่งเต็มไปด้วยความเงียบงัน เมื่อมาฆะและการะบุหนิง ต่างพากันเฉยชา ไม่พูดไม่จากันสักคำ จนทำให้กะทิและลิซ่าสองกระเทยสุดซ่าประจำกองถ่าย ถึงกับเซื่องซึม หลังจากที่พยายามขุดมุกสารพัดมุกที่คิดว่าขำแบบสุด ๆ หยุดไม่ได้มาเล่นแล้วเล่นอีก ที่แย่กว่านั้น มาฆะกลับไปนั่งอยู่เบาะแถวท้ายสุด ส่วนการะบุหนิงก็เลือกที่จะนั่งอยู่เบาะแถวหน้าสุด

“นี่แก พวกเรากำลังเดินทางไปถ่าย MV หรือว่าอยู่บนเวทีมวยสวนลุมพินีวะ” สองกระเทยร่างยักษ์แอบซุบซิบกันด้วยความรู้สึกลำบากใจ อย่างสุดจะกลั้น

“นังกะทิ แกแน่ใจเหรอนี่ก็ผ่านมาหลายชั่วโมงจนจะถึงที่หมายอยู่แล้วนะแก ยังนั่งเงียบกันอย่างกะป่าช้า ฉันเริ่มกลัวมากขึ้นทุกที ๆ แล้วนะ เกิดอยุ่ ๆ กระโดดชกกันว่ายังวไง”

ก่อนที่ทั้งคู่จะซุบซิบเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอยู่นั้น อยู่ ๆ ก็เกิดมีต้นไม้ต้นใหญ่ล้มลงมาขวางทางข้างหน้าไว้จนทำให้ลุงมี คนขับรถต้องรีบเหยียบเบรกจนทุกคนหน้าคะมำ กันเป็นแถว และยังไม่ทันที่ใครจะทันเอ่ยอะไรออกมาก็ปรากฏร่างของชายฉกรรจ์ประมาณ 5 คนพร้อมอาวุธครบมือ ใช้ท่อนเหล็กขนาดใหญ่ทุบกระจกด้านข้างรถอย่างแรง มาฆะที่นั่งอยู่หลังสุดรีบกระโดดมาดึงตัวแก้วให้พ้นจากเศษกระจก ท่ามกลางความตื่นตะลึงของทุกคน

“ไหนไอ้พวกที่มันมาก่อนบอกว่าทางสะดวก โปร่งโล่ง บรรยากาศดี แต่ดูซินี่อะไร มีกระท่อมเก่าๆ พัง ๆ แถมมีโจรเป็นยามชั้นดีนั่งเฝ้าอยู่ข้างหน้าอีกต่างหาก”

“นี่แม่กะทิสด จะบ่นไปหาวิมานอะไรยะ เกิดเสียงแกไปทำให้ไอ้พวกข้างนอกมันระคายหู ก็ได้ตายกันยกกลุ่มหรอก นังกระเทยตัวใหญ่ใจปลาซิว”

ว่าแล้วกะทิและลิซ่าสองกระเทยสุดซ่ก็ทำท่าจะเปิดศึกวันทรงชัยกันเอง ถ้าหากว่าแก้วไม่ขอร้องให้ทั้งคู่หยุดทะเลาะกัน

“ใช่ครับ จริงอย่างที่แก้วพูด แล้วขืนพวกเราร้องมาก ๆ เดี๋ยวพวกมันจะฆ่าหมกพวกเราเป็นผีเฝ้าป่ากันหมด” มาฆะที่อยู่ข้าง ๆ พูดขึ้นอีกคน

“ฉันไม่ได้ให้นายมาพูดสนับสนุนชั้นนะนายมาฆะ”

แก้วแหวกลับชายหนุ่มทันทีที่ได้ยินเขาเอ่ยถึงชื่อเธอ จนทำให้กระเทยร่างยักษ์หันมามองก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดุ ๆ

“น้องสองคนหละคะ เบา ๆ หน่อย เสียงดังกว่าพวกพี่อีกพี่ว่าพวกเราหาวิธีหนีจากพวกมันให้ได้ก่อนเถอะ ดูไอ้พวกนั้นมันจ้องน้องแก้วตาเป็นประกายเลยนะคะ ก็น่าอยู่หรอกคะสวยซะขนาดนี้”

และแล้วความเงียบและความสิ้นหวังก็กลับมาเยือนทุกคนอีกครั้ง ก่อนที่ลุงมี คนขับรถประจำกองถ่ายจะค่อย ๆ ขยับเท้าหยิบมีดพกขนาดเล็กออกมาจากปลายขากางเกง

“ขอโทษทีครับทุกคน ลุงมัวแต่ตกใจจนลืมไปว่าลุงพกมีดไว้เป็นประจำเผื่อกรณีฉุกเฉิน”

ด้วยความที่ทั้ง 5 คน ถูกมัดเอามือไพล่หลังติดกันหมด ลุงมีจึงค่อย ๆ เอามีดเลาะเชือกออกทีละนิดทีละหน่อย จนกระทั่งทุกคนสามารถแกะเชือกออกจากมือและเท้าได้สำเร็จ แต่การที่จะหนีไปจากพวกมันก็ใช่ว่าจะง่ายนัก เพราะดูเหมือนว่าพวกนี้น่าจะเป็นพวกผู้ก่อการร้ายมากกว่าโจรธรรมดาทั่วไป ว่าแล้วทุกคนก็ช่วยกันวางแผนอย่างรัดกุมและรอบคอบก่อนที่จะเริ่มแผนการณ์โดยให้กะทิทำทีเป็นไม่สบาย มีน้ำลายฟูมปาก ชักดิ้นชักงออยู่บนพื้น ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็พากันส่งเสียงร้องด้วยความตกใจ

“เฮ้ย พวกเอ็งเข้าไปดูข้างในซิว่าพวกมันส่งเสียงร้องทำไม แล้วก็เอานังคนสวย ๆ นั่นออกมาด้วย ข้าจะเอามากอดให้หายเหงาหน่อยโว้ย”

ถึงแม้ว่าพวกคนร้ายจะเป็นระดับมืออาชีพ แต่เมื่อพวกมันเดินเข้ามาในกระท่อม ทุกคนต่างก็ใช้สัญชาติญาณในการเอาตัวรอด พากันประเคนหมัดและลำแข้งเข้าใส่อย่างไม่เลี้ยง ก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งพรวดฝ่าคนร้ายอีก 3 คนที่เหลือออกไปอย่างไม่คิดชีวิต กว่าจะรู้ตัวต่างก็วิ่งกระจายกันไปคนละทิศคนละทาง ฝ่ายลิซ่า กะทิ และลุงมา วิ่งวนไปวนมาจนมาเจอกันที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งโดยบังเอิญ ทั้ง 3 ต่างพากันดีใจรีบโทรศัพท์แจ้งเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้คนในกองถ่ายได้รับทราบ

“ว่าแต่น้องมาฆะกับน้องแก้วจะ เป็นยังไงกันบ้างนะ” กะทิและลิซ่าต่างพากันรำพึงรำพันด้วยความเป็นห่วง

นับว่าเป็นความโชคร้ายของ มาฆะและการะบุหนิงเพราะยิ่งทั้งคู่วิ่งก็ยิ่งเหมือนหลงเข้าไปในป่าลึกขึ้นเรื่อย ๆ จนทั้งคู่รู้สึกเหนื่อยจึงพากันนั่งพักบริเวณใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ไกลจากลำธารนัก

“เหนื่อยมั๊ยแก้ว อดทนอีกนิดนะ ยังไงเราก็ต้องหาทางออกจากที่นี่ให้ได้”

หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปรอบ ๆ ด้วยความหวาดหวั่น

“นายมาฆะ ชั้นกลัวว่าพวกนั้นจะแกะรอยเราสองคนมาได้ง่าย ๆ เพราะว่าทางที่พวกเราวิ่งมามีแต่โคลนทั้งนั้น รอยเท้าของพวกเราคงจะติดอยู่ที่นั่น อีกอย่างพวกเราก็ไม่ชำนาญกับทางแถวนี้ด้วย ว่าแต่นายมองหน้าฉันทำไมเหรอ”

มาฆะยิ้มพร้อมกับแสดงสีหน้าดีใจที่หญิงสาวยอมพูดกับเขาอีกครั้ง ในขณะที่ทั้งคู่กำลังนั่งพักอยู่นั้น ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของคนหลายคนกำลังเดินมาในทิศทางที่พวกเขาอยู่

“ถ้าเราไม่มีทางเลือกจริง ๆ เราคงต้องสู้แล้วหละแก้ว ไหนชั้นขอชมฝีมือคาราเต้ระดับแชมป์ของเธอสักหน่อย” ว่าแล้วทั้งคู่ก็พากันแอบอยู่บริเวณโคนต้นไม้ พร้อมกับถือท่อนไม้ขนาดเหมาะมือไว้คนละอัน

“เอาหละแก้ว เตรียมลุย ระวังตัวด้วยนะ”

แก้วแอบดักตีผู้ร้ายอยู่ด้านขวา โดยที่มาฆะดักอยู่ทางด้านซ้าย การต่อสู่เต็มไปด้วยความยากลำบากเพราะอีกฝ่ายมีปืนเป็นอาวุธ แต่กระนั้นทั้งคู่ก็สามารถล้มพวกมันลงได้ถึง 3 คน ก่อนที่จะจนมุมถูก 2 คนที่เหลือไล่ต้อนไปยังผาน้ำตก ก่อนที่พวกมันจะได้ทำอะไร ทั้งคู่ก็ตัดสินใจจับมือกันโดดลงน้ำตกไปอย่างไม่กลัวอะไรใด ๆ ทั้งสิ้น

“ไอ้สองคนนี่มันกล้าดีจริง ๆ ลองโดดน้ำตกลงไปแบบนี้ท่าทางจะรอดยาก แต่ก็ไม่แน่ ถ้ายังไงพรุ่งนี้พวกเราตามลงไปดูที่ปลายน้ำอีกทีดีกว่า เอ้ย ไปดูไอ้สามคนนั่นซิเป็นยังไงบ้าง”

ความเย็นของน้ำทำให้มาฆะลืมตาตื่นขึ้นมา พร้อม ๆ กับความรู้สึกเจ็บปวดไปทั่วร่าง ก่อนที่จะมองหาร่างของหญิงสาวที่ตัดสินใจเสี่ยงตายโดดลงมาพร้อม ๆ กับเค้า แต่กับไม่ปรากฏแม้แต่เงาของการะบุหนิง ทำให้ชายหนุ่มรู้สึกใจร้อนยิ่งกว่าไฟเผา

“นี่ตาบ้ายืนเก๊กท่าอยู่ทำไมกันยะ มาช่วยฉุดชั้นขึ้นไปจากตรงนี้ที”

เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น ก่อนที่แก้วจะตะกายตัวขึ้นมาจากโขดหินก้อนใหญ่ที่อยู่ด้านหลังเขา มาฆะรีบ วิ่งไปพยุงแก้วที่ขณะนี้ดูสะบักสะบอม แถมตามเนื้อตัวก็มีรอยแดงเต็มไปหมด เมื่อเขาจับตัวแก้วก็พบว่าเธอมีไข้สูง แต่ก็ยังดื้อดึงจะฝืนตัวลุกขึ้นยืน แต่กลับต้องล้มตัวลงในอ้อมแขนเขาอีกครั้ง

“แก้ว เธออย่าเป็นอะไรไปนะ’ เสียงของเขาทำให้หญิงสาวพยุงตัวเองขึ้นอีกครั้ง

“มาฆะ นายไม่ต้องสนใจฉัน นายรีบหนี รีบไปตามตำรวจมา ทิ้งฉันไว้ที่นี่ เพราะถ้าฉันไปด้วยจะเป็นภาระให้นายเปล่า ๆ ”

“ไม่มีทางหรอกยายผู้หญิงบ้า ไม่ว่าเหตุการณ์จะแย่และเลวร้ายแค่ไหน ฉันก็ไม่มีทางทิ้งเอ่อ ทิ้งผู้หญิงที่ฉัน เอ่อ รู้จัก ให้นอนตายอยู่คนเดียวไม่ได้หรอก”

แม้จะอยู่ในสภาวะคับขัน นาทีเป็นนาทีตาย ชายหนุ่มก็อดด่าตัวเองไม่ได้ที่ยังปากแข็ง ไม่ยอมบอกความในใจให้หญิงสาวได้รับรู้ เขาได้แต่ประคองแก้วให้ลุกขึ้นอย่างระมัดระวัง

“ไม่เธอต้องไม่เป็นไร ถ้าเราจะรอดก็ต้องรอดด้วยกัน ถ้าเราจะตายก็ต้องตายด้วยกัน”

เขาตัดสินใจอุ้มหญิงสาวไว้ในอ้อมแขนก่อนที่จะเดินลัดเลาะไปตามลำน้ำ แต่แล้วความโชคร้ายมาเยือนทั้งคู่อีกครั้ง เมื่อพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับกลุ่มโจรที่กลับมาดูว่าพวกเขายังมีชีวิตรอดอยู่หรือเปล่า ด้วยความไวประดุจสายลม ทำให้มาฆะตัดสินใจรวบรวมกำลังทั้งหมดวิ่งอย่างสุดชีวิต จนทำให้เขาและแก้วตกลงไปยังหลุมดักสัตว์เก่า ๆ ที่ชาวบ้านขุดไว้ แต่ก็ทำให้พวกที่ตามมามองเห็นพวกเขาไม่ชัด จึงยกปืนขึ้นเพื่อจะสาดกระสุนลงไปในหลุม แต่มาฆะกับใช้ตัวบังร่างของการะบุหนิงไว้

“ตาบ้า นายทำอะไรเอาตัวมาบังฉันไว้ทำไม”

การะบุหนิงพูดด้วยน้ำเสียงปนสะอื้น แต่ชายหนุ่มไม่สนใจยิ่งกอดหญิงสาวให้แน่นขึ้น

“เป็นใครเค้าก็ทำกันทั้งนั้นหละ เป็นใครก็ต้องปกป้องคนที่ตัวเองรักกันทั้งนั้นหละ ถ้าไม่พูดตอนนี้บางทีฉันอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดอีก ขอโทษด้วยนะที่ฉันบอกว่าเกลียดเธอ ฉันโกหกตัวเองต่างหาก จริง ๆ แล้วฉันรัก รัก..”

ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะได้พูดสิ่งที่เขาอยากจะพูดมานานแสนนาน เสียงปืนก็ดังขึ้นอีก 1 นัด พร้อมกับร่างของมาฆะที่กระตุก ก่อนที่จะล้มลงแน่นิ่งไป

“มาฆะ”

เสียงการะบุหนิงกรีดร้องขึ้น ก่อนที่จะหลับตาลงเมื่อได้ยินเสียงกระสุนปืนดังขึ้นอีกนัดหนึ่ง

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“แก้วจ๋าอย่าเป็นอะไรไปนะ เรารักแก้วนะ ถ้าหากแก้วเป็นอะไรไปเราจะไม่ให้อภัยตัวเองตลอดชีวิต .........”

นี่คือส่วนหนึ่งของคำพูดที่มาฆะได้ละเมอออกมาในขณะที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องไอ ซี ยู แต่ไม่อยากจะเอามาเผยแพร่มาก เพราะอาจจะหวานเลี่ยนจนคนอ่านรับไม่ได้ เพราะขนาด กานต์ มีนา ฮินะ และทีมงานอีก4-5 คน ฟังแล้วยังพากันสำลัก เกือบกินข้าวไม่ลงไป 2-3 มื้อ

“เราอัดเสียงไว้ให้แก้วฟังซะหน่อยดีมั๊ย “ มีนาพูดขึ้นอย่างอารมณ์ดี

“ไม่ต้องหรอกพี่อัดวิดิโอไว้แล้ว เจ้ามาฆะจะได้เลิกปากแข็งสักที” กานต์ที่เข้ามาทีหลัง ตอบด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ทำให้คนที่ได้ฟังหันมามองด้วยความทึ่ง

“แอบอัดไว้ตอนไหนเนี่ย”

ขณะที่กานต์ยืดอก ยิ้มรับกับผลงานของตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ แต่ลึก ๆ ในใจแล้วเขาก็อดเจ็บใจ ที่น้องสาวไปเป็นแฟนเจ้ามาฆะอดีตเด็กอ่อนแอ ไม่ได้เรื่อง เข้าซะนี่

“นายเป็นอะไรไปมาฆะ ทำไมนั่งหันหลังให้ทุก ๆ คน”

มีนาทำน้ำเสียงล้อเลียนน้องชายเพียงคนเดียวของเขา ก่อนที่จะระเบิดหัวเราออกมาดังลั่น จนคนที่ถูกพูดถึงหันมาแยกเขี้ยว 1 ครั้ง เฮ้อ ใครไม่อายก็ตลกแล้วมีอย่างที่ไหนเล่นอัดคำพูดตอนที่เค้าละเมอไปให้ยายแก้วแตกดูหว่า

“ก็ช่วยไม่ได้นี่นายอยากปากแข็งเอง ชะแรงก็งัดไม่ออก ฉันก็เลยวางแผนแกล้งซะเลย เด็กอนุบาลมันยังดูออกเลยว่าแกรักแก้วมากแค่ไหน ฉันก็เลยถือโอกาสแหย่แกเล่น จะได้รู้ใจตัวเองซะที อีกอย่างนึงนายไม่รู้หรือไงว่าฉันกับฮินะคบกันอยู่”

ฮินะอดไม่ได้ที่จะเอามือตีแขนมีนาเบา ๆ

“พูดเบา ๆ ก็ได้ เค้าหันมามองกันหมดแล้ว จะพูดทำไมเนี่ยจ๊ะ”

มีนาหันมาทำหน้าแปลก ๆ ก่อนที่จะจับมือฮินะ เดินหนีคนอื่น ๆ ออกไปอย่างรวดเร็ว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

“ใครบอกว่าฉันรักนายไม่ทราบ นายมาฆะ หลงตัวเองไปหน่อยแล้วมั้ง”

การะบุหนิงพูดขึ้นด้วยหน้าตาที่เปี่ยมด้วยความมั่นใจในชัยชนะที่เหนือกว่า หลังจากได้ดูวิดิโอที่พี่ชายลงทุนอัดไว้

“ก็ถ้าไม่รัก แล้วใครกันนะที่นั่งร้องไห้จนตาบวมฉึ่งตอนที่ฉันถูกยิงไม่ทราบครับ แถมยังอุตส่าห์มาป้อนน้ำป้อนข้าวทุกวัน ผู้หญิงอะไรพูดจาไม่น่ารักเอาซะเลย”

“ก็เห็นว่ามีบุญคุณช่วยเหลือฉันไว้หรอกยะกลัวว่าถ้าตายไปเดี๋ยวฉันจะเฉาปากเฉาหูไปซะก่อน เชอะ คนอุตส่าห์หวังดี”

ว่าแล้วคนพูดก็ทำหน้างอน ๆ จนอีกฝ่ายอดไม่ได้ที่จะทำหน้าทะเล้นแล้วก็ชูนิ้วก้อยขึ้นตรงหน้า พร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอน (โดน...)

“แก้วจ๋า ถ้าอย่างนั้นเรามาดีกันนะ นะครับ”

“ไม่ดีด้วยหรอก ตาบ้า ใครเค้าอยากจะญาติดีกับนายยะ”

“นี่ยายแก้วแตก ได้แฟนอย่างชั้นดีแค่ไหน ผู้หญิงทั่วประเทศก็พากันอิจฉา หล่อก็หล่อ เก่ง ก็ เก่ง”

“อย่างนายเนี่ยนะ แหวะ คนหลงตัวเอง นี่ฉันรับปากไปเป็นแฟนนายตอนไหนไม่ทราบ”

“ก็ถ้าเมื่อก่อนไม่ใช่ ตอนนี้ก็ใช่สักทีซิ ก็ชั้นขอเธออยู่นี่ไง เราเป็นแฟนกันนะ”

“นายนี่ไม่โรแมนติกเอาซะเลย ขอเป็นแฟนในโรงพยาบาลนี่นะ ไปเล่าให้ใครฟังอายเค้าตายเลย เอาไว้นายหายแล้วค่อยหาวิธีที่ดีกว่านี้มาขอฉันเป็นแฟนก็แล้วกัน แล้วค่อยตอบตกลงนะ”

“หมายความว่ายังไง แล้วทำไมเธอต้องทำหน้าแดงด้วย”

“ตาบ้าหน้ามันแดงเองจะไปบังคับได้ยังไงกันเล่า”

เสียงทะเลาะ ผสมกับเสียงหัวเราะดังลั่นภายในสวนหย่อมหลังโรงพยาบาล ทำให้ทุกคนที่มาแอบดูอดที่จะอมยิ้มไม่ได้ เฮ้อ หลังจากที่อ้ำอึ้งมานานในที่สุดก็ยอมเผยความในใจกันซะที


บางเวลาอาจเบื่อกันเอง
บางเวลาอาจใช้อารมณ์
บางเวลาอาจเกิดเป็นเรื่องใหญ่
บางเวลาไม่อยากจูงมือ
บางเวลาอาจเริ่มชินชา
และไม่รู้ว่าใครผิดตรงไหน
อาจจะโกรธกันได้บ่อยๆ
ไม่ได้อยู่คนละข้างสักหน่อย
เรายังมีกันอยู่จำได้ไหม

ว่าตอนเถียงกันแทบเป็นแทบตาย
ยังคงอยู่ข้างเธอ


ไม่มีรักไหน ที่ดีทุกวัน
ยิ่งนานยิ่งผ่านเรื่องราวมากมาย
เข้ามาทดสอบ เข้ามาลองใจ
ว่าความรักของใครแกร่งจริง
หากเราเรียนรู้วิชาอดทน
หากเราผ่านพ้นย่อมได้ทุกสิ่ง
หากเรามั่นใจว่ารักเราจริง
ทุกสิ่งมันก็มั่นคง


เพลง เถียงกันทำไม ของ ธงไชย แมคอินไตย




 

Create Date : 11 เมษายน 2551    
Last Update : 11 เมษายน 2551 16:48:43 น.
Counter : 286 Pageviews.  

หาดทราย สายลมและจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่14)

หาดทราย สายลมและจุดเริ่มต้นของความรัก (ตอนที่14)

หนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งถูกวางลงบนโต๊ะทำงานของกานต์ พร้อม ๆ กับร่างสูงเพรียวของอลิสที่นั่งหน้าง้ำอยู่ฝั่งตรงข้าม

“นี่ไงคะ ยายฟ้าคนดีของพี่กานต์ ยืนยิ้มแป้นถ่ายรูปกับว่าที่คู่หมั้นอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่เห็นจะมีท่าว่าจะเสียใจหรืออาลัยอาวรณ์พี่เลยแม้แต่น้อย นี่เพื่อนอลิสอุตส่าห์ส่งมาให้จากออสเตรียเลยนะคะ อลิสว่าพี่กานต์ตัดใจแล้วกลับมารักอลิสคนเดียวดีกว่า”

ชายหนุ่มเหลือบมองภาพและเนื้อข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ที่เขียนชื่นชมความเหมาะสมของคนทั้งคู่ ด้วยหัวใจที่หดหู่ แต่ก็ยังทำเฉย ๆ ไม่ปริปากพูดอะไรออกมาสักคำ จนทำให้อลิสรู้สึกโมโหมากขึ้น ก่อนที่จะเดินปึงปังขับรถออกจากบริษัทไป

แก้วนั่งเหม่อราวกับคนไร้วิญญาณ หลังจากที่หญิงสาวหมดความพยายามที่จะให้พี่ชายคนเดียวของเธอ เลิกทำตัวบ้างานเกินเหตุสักที หญิงสาวไม่เข้าใจเลยว่าทำไมพี่ชายถึงต้องทำร้ายตัวเองด้วยวิธีนี้

“ยายแก้ว ยายแก้วแตก ยายแก้วสติแตก ถึงคิวเธอเข้าฉากแล้ว”

น้ำสียงอันแสนยียวนกวนประสาทดังขึ้นข้างหูจนหญิงสาวต้องหันไปแยกเขี้ยวใส่คนพูด 1 ที

“โอ๊ย จะตะโกนอะไรกันนักหนายะ คนกำลังทำสมาธิอยู่”

“ทำสมาธิอะไรของเธอไม่ทราบ คนอื่นเค้าเรียกตั้ง 4-5 ครั้ง ก็ไม่ขานตอบ ชั้นก็หวังดีนึกว่าหลับจะมาปลุกให้ตื่นซะหน่อย”

“หนอยแนะ ตาบ๊อง ใครใช้ให้นายมายุ่งกะชั้นยะ ชั้นรู้ตัวดีหรอกน่า”

ว่าแล้วเจ้าตัวก็หันกลับมาแลบลิ้น 1 ทีก่อนที่จะเดินดุ่ม ๆ ไปเข้าฉาก แต่ขาเจ้ากรรมก็ยังพาลไปเตะเก้าอี้อีกต่างหาก

“ผู้หญิงอะไรซุ่มซ่ามชะมัด เดี๋ยวเสร็จงานแล้วไปด้วยกันหน่อยนะ” มาฆะกระซิบข้างหูแก้ว ก่อนที่จะไปยืนรอหญิงสาวอยู่ที่หน้าสตูดิโอ

“นี่นายมาฆะ นายจะพาฉันไปไหนไม่ทราบ ไหนบอกว่าจะให้ฉันพานายมาซื้อของไง แต่ว่าตั้งแต่ขึ้นรถมาเนี่ยชั้นเห็นนายขับรถเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา วนกลับไปกลับมาอยู่ได้ สรุปนายไปของนายเองไป ฉันอยากกลับบ้านแล้วนะ”

ยังไม่ทันที่แก้วจะบ่นต่อ ชายหนุ่มก็จอดรถซะดื้อ ๆ

“โอ๊ย ยายนี่บ่นจริง เอาถึงแล้วตามมานี่มา”

แม้จะมีปากเสียงกันเป็นประปรายมาตลอดทาง แต่ เมื่อมาฆะพาเธอมายังร้านอาหารขนาดเล็ก ที่เจ้าของได้ตกแต่งออกมาในสไตล์บาหลีอย่างสวยงาม จนทำให้คนที่ได้เข้ามาสัมผัสกับบรรยากาศภายในร้านได้รู้สึกผ่อนคลาย ที่สำคัญ ทำเลที่ตั้งร้านยังสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ทั้งสองฝั่งของแม่น้ำเจ้าพระยาในยามค่ำคืนได้อย่างชัดเจน ภาพตรงหน้าทำให้แก้วถึงกับยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว จนทำให้คนที่พามาอดที่จะมีความสุขไปด้วยไม่ได้

“ในที่สุดเธอก็ยิ้มได้แล้ว ถึงจะน่ากลัวไปนิดแต่ก็ทำให้โลกดูหมองน้อยลงนิดหน่อย”

ว่าแล้วชายหนุ่มก็ยักคิ้วให้กับหญิงสาว ด้วยมาดกวน ๆ ตามฉบับนายมาฆะคู่กัดเจ้าประจำของการะบุหนิง

“นี่นายหลอกด่าชั้นเหรอ กลับมานี่เดี๋ยวนี้นะอีตาบ้า” แก้ววิ่งถือกระเป๋าไล่ตามชายหนุ่มไปอย่างสนุกสนาน

ระหว่างที่รับประทานอาหารมาฆะชี้ให้แก้วมองดูดาวดวงเล็ก ๆ ที่ส่องแสงระยิบระยับอยู่บนท้องฟ้า พลางบอกให้เธอเอามือสองมือขึ้นมาประคองดวงดาวเอาไว้

“เสียดายนะที่หยิบดาวบนท้องฟ้าลงมาไม่ได้ แต่ได้เห็นชัด ๆ ใกล้ ๆ แบบนี้ก็ดีใจแล้วหละ ขอบใจนะนายมาฆะ”

แก้วตั้งใจจะหันไปขอบคุณมาฆะแต่ปรากฏว่าจ้าตัวไม่ได้อยู่ที่โต๊ะซะแล้ว แต่ร่างสูงกับไปโผล่ยังเวทีเล็ก ๆ ที่ทางร้านจัดไว้ให้สำหรับนักดนตรี ชายหนุ่มยิ้มให้แขกทุกคนภายในร้าน ก่อนที่จะสบตากับแก้ว พร้อมกับร้องเพลงเพลงหนึ่งขึ้นโดยที่ไม่มีดนตรีประกอบ เสียงอันนุ่มนวลและไพเราะของเขาทำให้ทุกคนในร้านเหมือนตกอยู่ในมนต์สะกด

อยาก..เก็บดาวทั้งฟ้ามาให้เธอ
ทำให้เธอได้ลืมความเจ็บช้ำ
แต่..สิ่งเดียวที่ฉันพอจะทำ
หยิบกระดาษมาพับเป็นรูปดาว

จากสิบเป็นร้อยเป็นพัน เก็บเอาไว้ให้เธอ
ให้เป็นกำลังใจจากฉัน เก็บใส่ขวดโหลใบใหญ่
อยู่อย่างสวยงาม อาจจะพอทำให้เธอยิ้มได้

อยากทำมาให้เธอ ให้เธอได้อุ่นใจ
ว่ายังมีเพื่อนเธอคนนี้
อยากทำมาให้เธอ ให้เธอรู้สึกดี
ให้ดาวกระดาษนี้เป็นเพื่อนเธอ


เพลงดาวกระดาษ โดย ดา เอ็นโดรฟิน

เมื่อเพลงจบลง เสียงปรบมือก็ดังกึกก้องไปทั่วร้าน ชายหนุ่มก้มศีรษะแสดงความขอบคุณ ก่อนที่จะเดินตรงกลับมาหาแก้วที่โต๊ะ

“ถึงจะเก็บดวงดาวลงมาไม่ได้ แต่ก็เอาดาวกระดาษนี่ไปแทนก่อนแล้วกัน”

ว่าแล้วเขาก็หยิบโหลแก้วใบเล็กที่มีดาวกระดาษหลากหลายสีบรรจุอยู่ในนั้นส่งให้แก้ว จึงทำให้เสียงปรบมือจากลูกค้าภายในร้านที่ดังขึ้นอีกครั้ง กับรอยยิ้มอย่างมีความสุขของชายหญิงคู่หนึ่ง พร้อมกับความรู้สึกแปลก ๆ ที่เริ่มเข้ามาเยือนหัวใจของทั้งคู่อย่างไม่รู้ตัว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

แม้ว่าระยะหลังนี้แก้วจะทำหน้านิ่วคิ้วขมวดอยู่บ่อย ๆ แต่ก็ได้มาฆะคอยกระเซ้าเหย้าแหย่ ทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นและลืมเรื่องที่เกิดกับพี่ชายได้บ้าง จนทั้งคู่ติดกันเป็นตังเมอย่างไม่รู้ตัว ทำให้ทีมงานหลาย ๆ คน เริ่มพูดกันว่าที่ไหนมีมาฆะ ที่นั่นก็ต้องมีการะบุหนิงอยู่ด้วย

“พี่ว่ายังไง ยังไง อยู่นะคะ น้องมีนา น้องฮินะ ตกลงว่าคู่นั้นเค้าจะเปลี่ยนจากคู่กัดกลายเป็นคู่รักแทนหรือเปล่าคะ ดูซิคุยกันกระหนุงกระหนิงเชียว แต่ก็สมกันดีออก คิก คิก คิก “

มีนาหันไปดูภาพที่น้องชายฝาแฝดของเขา ที่ขณะนี้กำลังคุยหยอกล้อกับแก้วอย่างสนิทสนม พร้อมกับทำสายตาแปลก ๆ ออกมาแวบหนึ่ง

“หมู่นี้แกเป็นอะไรเนี่ย ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ได้ทั้งวัน เจ้ามาฆะ”

มีนาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ดูจริงจัง หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายหนึ่งกลับเข้ามาที่คอนโดเรียบร้อยแล้ว ก่อนที่จะพูดทวงสัญญาเรื่องการะบุหนิงขึ้นมาลอย ๆ เพื่อเป็นการหยั่งเชิงอีกฝ่ายหนึ่ง

“หมู่นี้ชั้นเองก็ยุ่ง ๆ กับงานก็เลยไม่มีอะไรคืบหน้าเรื่องแก้วสักที แต่ชั้นอยากถามนายให้แน่ใจก่อนว่า นายชอบแก้วหรือเปล่า เพราะหมู่นี้ดูนายสนิทสนมกับแก้วมากเป็นพิเศษ”

มีนาจ้องหน้าอีกฝ่ายหนึ่งเขม็งราวกับจะค้นหาคำตอบที่แท้จริงภายในจิตใจ แต่มาฆะกับเฉไฉด้วยการหัวเราะออกมาเสียงดังลั่น

“เชอะ พูดอะไรออกมา นายก็รู้ดีว่าไม่มีทางที่ชั้นจะชอบยายแก้วแตกได้หรอกน่า ผู้หญิงอะไรก็ไม่รู้ทั้งน่าเกลียด ทั้งไร้เสน่ห์ แถมยังพูดจาแบบมะนาวไม่มีน้ำอีกต่างหาก ใครได้ยายนั่นเป็นแฟนมีหวังต้องทุกข์ใจไปชั่วชีวิต ที่ทำดีด้วยเพราะเห็นยายนั่นเครียดเรื่องพี่ชายอยู่หรอก นี่หละคำตอบของชั้น นายพอใจหรือยัง”

“ก็ดี อย่างนั้นนายก็ต้องเป็นพ่อสื่อให้ชั้นกับแก้ว ตกลงมั๊ย”

มีนาพูดขึ้น

“ได้ พี่ชายทั้งคน ยังไงชั้นก็ต้องช่วยอยู่แล้ว”

ว่าแล้วมาฆะก็เดินสาวเท้าเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะทิ้งร่างสูงลงบนที่นอน ด้วยความรู้สึกมากมายหลายอย่างที่ทำให้เขารู้สึกสับสน เกิดอะไรขึ้นกับใจเขากันแน่นะ ทำไมถึงได้รู้สึกเจ็บปวดอย่างบอกไม่ถูก

“อ้าวทำไมต้องให้ชั้นไปกับมีนาด้วยหละ ในเมื่อนายเป็นคนชวนชั้นเองไม่ใช่เหรอ” แก้วถามขึ้นอย่างแปลกใจเมื่อมาฆะให้เธอไปดูหนังกับพี่ชายเขาแทน

“ช่างเถอะนะแก้ว สงสัยนายมาฆะมันคงรุ้สึกเบื่อ ๆ มั้ง เธอไปกับชั้นแทนก็ได้” มีนากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงสดใส พร้อมกับปรายตามองไปที่น้องชายฝาแฝดเล็กน้อย

“รู้ก็ดีแล้วนี่ เฮ้อ อุตส่าห์ไม่อยากพูด แต่นายก็ดันพูดออกมาแทนชั้นซะนี่” มาฆะกล่าวขึ้นอย่างเนือย ๆ

“ชั้นทั้งเบื่อและเหนื่อยนะแก้ว งานการก็ล้นมือไปหมดจะให้ไปเป็นเพื่อนเธอทุกวันคงไม่ไหวหรอก ที่ช่วงก่อนไปเป็นเพื่อนก็เพราะนายมีนาเห็นว่าเธอดูเศร้า ๆ เรื่องพี่กานต์ก็เลยวานชั้นหน่อยก็เท่านั้นหละ อยู่กับเธอมันน่าเบื่อจะตายสู้ไปเที่ยวกับสาว ๆ ก็ไม่ได้ วันนี้เป็นอิสระแล้วดีใจชะมัดเลย”

ก่อนที่มาฆะจะพูดอะไรออกมามากกว่านี้ หมัดรุ่น ๆ จากมือเล็ก ๆ ก็ชกเปรี้ยงลงที่ปลายคางของเขาซะแล้ว

“นี่ถ้าชั้นไม่ได้ยินเองกับหูก็คงไม่รู้หรอกว่านายรุ้สึกสมเพชชั้นแค่ไหน ตั้งแต่นี้ไปนายไม่จำเป็นต้องมายุ่งเกี่ยวกับชั้นอีก จำไว้ไอ้นายมาฆะบ้า”

ว่าแล้วแก้วก็ฉุดแขนมีนาเดินกระแทกไหล่มาฆะจากไปอย่างรวดเร็ว ปล่อยให้ตัวต้นเหตุยืนนิ่งเป็นร่างไร้วิญญาณอยู่นานสองนาน มาฆะ ค่อย ๆ ทรุดตัวลงนั่งช้า ๆ เขาเพิ่งรู้ตัวเดี๋ยวนี้เองว่าจริง ๆ แล้วคนที่เขารัก ก็คือ แก้ว ยายเพื่อนสาวจอมแก่นของเขา ที่สำคัญไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาเผลอใจให้กับแก้ว ไม่ซิจริง ๆ เค้าไม่เคยเกลียดแก้วเลยแม้แต่น้อย แต่เด็กผู้ชายมักชอบแกล้งเด็กผู้หญิงที่ตัวเองชอบต่างหาก

เพราะคำพูดเพียงประโยคเดียวที่ออกมาจากปากของมาฆะ ทำให้แก้วรู้สึกเจ็บแปลบที่ใจอย่างบอกไม่ถูก หญิงสาวเก็บตัวเงียบเมื่อไปถึงบ้าน ก่อนที่จะกอดตุ๊กตาตัวโปรดร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ ที่เธอร้องไห้เพราะเจ็บใจนายมาฆะต่างหาก หญิงสาวพยายามบอกตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า

หลังจากเหตุการณ์ในวันนั้น ก็กลายเป็นมีนาที่แวะไปหาแก้วที่ออฟฟิศแทนใครอีกคนที่นั่งเก็บตัวเงียบอยู่ที่บ้าน แถมเวลาไปที่กองถ่ายทั้งคู่ต่างก็ไม่พูดคุยเล่นหัวกันเหมือนปกติ จนคนรอบข้างพากันสงสัย แต่ก็ไม่มีใครกล้าซักถามอะไรนัก แถมเวลาเข้าฉากด้วยกันทีไรก็จะกลายเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่ไร้ชีวิตชีวา

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ น้องแก้ว น้องมาฆะ ทำไมวันนี้ถึงผิดคิวกันบ่อยจัง”

เสียงผู้กำกับดังขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าอันแสนไร้อารมณ์ที่ทั้งคู่แสดงออกมา

“ฉากนี้ทั้งคู่ต้องสบตากันแบบคนรัก ไม่ใช่หุ่นกระบอกที่ไร้ชีวิตชีวานะครับ”

“คะ/ครับ จะพยายาม” ว่าแล้วทั้งคู่ก็ทำหน้าเหนื่อยหน่ายเข้าหากันอีกครั้ง

“เอาหละพอก่อนครับ พี่ว่าวันนี้สองคนนี่พอเท่านี้ก่อน เดี๋ยวเราค่อยมาเก็บฉากนี้หลังจากที่เราไปถ่ายทำฉากจบกันที่แม่ฮ่องสอนนะครับ”

ผู้กำกับคนเก่งมองพฤติกรรมของทั้งคู่อย่างงง ๆ อะไรกันวะ เมื่อหลายวันก่อนยังเห็นดี ๆ กันอยู่เลย

“สองคนนี่เป็นโรคปากแข็ง ต้องเอาสว่านเจาะให้พรุนครับ ถึงจะยอมรับสารภาพ”

มีนาพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มอย่างมีเลศนัย จนฮินะต้องหันกลับมามองด้วยความสงสัย




 

Create Date : 27 มีนาคม 2551    
Last Update : 11 เมษายน 2551 16:32:31 น.
Counter : 275 Pageviews.  

1  2  3  4  

Designed By Me
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




...OnE GIrL STORY...
Friends' blogs
[Add Designed By Me's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.