ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

พิพิธภัณฑ์ผ้า สืบสานผ้าไทยตามรอยแม่หลวง

หากจะกล่าวว่า คุณค่าของผ้าไทยได้รับการยกย่องจากนานาประเทศนั้น ก็เพราะพระราชปณิธานของแม่หลวงที่จะอนุรักษ์การทอผ้าของไทยให้เป็นสมบัติทาง วัฒนธรรมของชาติผ่านการทำงานของมูลนิธิส่งเสริมศิลปาชีพฯ ล่าสุดมีการเปิด "พิพิธภัณฑ์ผ้า ในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ" ให้เป็นแหล่งศึกษาค้นคว้าเกี่ยวกับผ้าไทยและประวัติศาสตร์เครื่องแต่งกายของคนไทยด้วย


ตัวอาคารพิพิธภัณฑ์ได้บูรณะปรับปรุงจากหอรัษฎากรพิพัฒน์ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งอยู่ภายในพระบรมมหาราชวัง อดีตเป็นที่ทำการกรมพระคลังมหาสมบัติที่คอยจัดเก็บระเบียบภาษีอากร เป็นอาคารสถาปัตยกรรมตะวันตกมี 2 ชั้น ชั้นล่างจะพบกับส่วนต้อนรับ ห้องสมุด ห้องกิจกรรม ร้านจำหน่ายสินค้าของพิพิธภัณฑ์ เช่น หนังสือเกี่ยวกับผ้าและเครื่องแต่งกาย ผลิตภัณฑ์ผ้าจากศูนย์ศิลปาชีพทั่วประเทศ ตลอดจนร้านเครื่องดื่มให้บริการกาแฟสดจากโครงการฟาร์มตัวอย่างตามพระราชดำริ รวมถึงน้ำมัลเบอร์รี่เปรี้ยวหวานชื่นใจ อันเป็นผลพลอยได้จากการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม

การผสมผสานชุดไทยกับสมัยปัจจุบันเมื่อขึ้นสู่ชั้นสองจึงเข้าสู่พื้นที่ นิทรรศการแบ่งเป็นห้องต่างๆ เริ่มจากห้องแรกว่าด้วย "ราชพัสตราจากผ้าไทย" ชมฉลองพระองค์ชุดสากลในสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ที่ใช้ผ้าไหมไทยในการตัดเย็บโดยนักออกแบบไทยและต่างชาติรวมทั้งหมด 16 องค์ในวาระต่างๆ ด้วยลวดลายผ้าละเอียดอ่อนและสีสันสวยงามน่าประทับใจ แต่น่าตื่นตาตื่นใจยิ่งกว่าเมื่อเข้าสู่ห้องที่ 2 ในหัวข้อ "ไทยพระราชนิยม" ชมฉลองพระองค์ชุดไทยพระราชนิยมกว่า 30 องค์ เป็นฉลองพระองค์ในการเสด็จพระราชดำเนินไปทรงเจริญสัมพันธไมตรีกับสหรัฐ อเมริกาและยุโรปตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 ตลอดจนผ้าและเครื่องแต่งกายในราชสำนักอายุกว่า 100 ปี แต่ละแบบแสดงถึงการผสมผสานธรรมเนียมการแต่งกายของสตรีไทยในราชสำนักสมัย โบราณที่ประยุกต์เข้ากับสมัยปัจจุบันได้ลงตัว ทั้งยังสะท้อนถึงพระอัจฉริยภาพในการสร้างสรรค์และทรงเป็นผู้นำการแต่งกายแบบ ไทยออกไปสู่สากล

สำหรับผ้าและเครื่องแต่งกายต่างๆ ก่อนจัดแสดงจะต้องผ่านขั้นตอนทำความสะอาด กำจัดแมลงในอุณหภูมิติดลบ 20 องศาเซลเซียส มีการให้เลขทะเบียนวัตถุ ตรวจสภาพ บันทึกภาพ และซ่อมแซมหากมีการเสื่อมสภาพ โดยเฉพาะผ้าทอโบราณจะเก็บรักษาไว้ในห้องคลังที่มีอุณหภูมิและความชื้น สัมพัทธ์ระหว่าง 50-60% โดยมีผู้เชี่ยวชาญชาวสหรัฐคอยให้คำปรึกษา

ห้องนิทรรศการที่ 3 -4 ว่าด้วย "พระหัตถ์ที่ทรงงานเพื่อแผ่นดิน" ร้อยเรียงความเป็นมาของศูนย์ศิลปาชีพนับแต่ปี พ.ศ.2513 หลังจากทั้งสองพระองค์ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเยี่ยมราษฎรที่ประสบอุทกภัย ในอำเภอนาหว้า จังหวัดนครพนม จึงทรงพระราชดำริถึงการสร้างอาชีพแก่ราษฎร โดยทรงกำชับกับราชเลขานุการในพระองค์ที่ลงพื้นที่สำรวจขณะนั้นว่า "แม้ผ้าถูเรือนก็อย่าละเลย" เพราะอาจได้พบลายผ้าโบราณที่จะสืบไปถึงช่างทอและเรื่องราวต่างๆ ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นในการฟื้นชีวิตผ้าไทยที่สามารถเลี้ยงปากท้องคนไทย มายาวนานกว่า 40 ปี

พิพิธภัณฑ์ผ้าฯ เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 09.00-16.30 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 150 บาท ผู้สูงอายุ (65 ปีขึ้นไป) 80 บาท นักเรียน/นักศึกษา 50 บาท เด็กอายุ 12-18 ปี 50 บาท เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี เข้าชมฟรี โปรดแต่งกายสุภาพในการเข้าชม สอบถามโทร. 0-2225-9420, 0-2225-9430

 

  • สนับสนุนเนื้อหา Lisa



  •  

    Create Date : 16 กรกฎาคม 2555   
    Last Update : 16 กรกฎาคม 2555 13:22:35 น.   
    Counter : 2346 Pageviews.  

    รวมมิตรร้านอร่อยปากซอยสุขุมวิท 38

    แม้ย่านเอกมัย-ทองหล่อจะเป็นที่รวมของ ร้านอาหารมากมายหลายสัญชาติ และแหล่งแฮงก์เอาต์หลายสไตล์ แต่สำหรับหนุ่มสาวออฟฟิศที่ไม่ติดหรูเพราะเลือกที่จะใส่ใจรสชาติความอร่อย มากกว่า ย่อมรู้กันดีกว่า ปากซอยสุขุมวิท 38 หรือซอยแสนสบายนั้นสามารถทำให้ท้องอิ่มกลับบ้านได้อย่างสบายกระเป๋า เพราะที่นี่เป็นแหล่งรวมร้านอาหารอร่อยเรียงรายนับตั้งแต่ปากซอยต่อเนื่อง เข้าไปในซอยเป็นระยะทางร้อยกว่าเมตร นับนิ้วคร่าวๆ แล้วน่าจะมีประมาณ 20-30 ร้าน แค่นี้ก็ไม่ไหวจะกินแล้วล่ะ...


    ใครอยากกินหอยทอด-ผัดไทยหรืออาหารจานเดียวประเภทผัดๆ อย่างข้าวผัดปู ก๋วยเตี๋ยวผัดต้มยำ ผัดขี้เมา สุกี้ผัดแห้ง ฯลฯ ไม่ต้องเดินไกลแวะร้านเฮียดำผัดไทไฟลุกตรงปากซอย เรียกลูกค้าด้วยลีลาผัดจนไฟท่วมกระทะ เรื่องรสชาติไม่ผิดหวัง แต่อาจต้องคอยหน่อยเพราะลูกค้าเยอะ ใกล้กันก็มีข้าวเหนียว-มะม่วงและร้านน้ำปั่นยอดฮิต ต่อด้วยโจ๊กหมูเจ้าดังคับซอย

    ถ้ามาเป็นหมู่คณะ แนะนำศูนย์อาหาร 38 มีให้เลือกสั่งหลายอย่างจากหลายร้าน สุดยอดต้องข้าวหมูแดง-หมูกรอบเจ้าเก่าเปิดมานานปี ส้มตำปูม้า ของร้านยำแซบก็สะใจ ราดหน้ายอดผักกับก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ก็ถูกปาก ถัดไปอีกนิดมีหมูสะเต๊ะเลิศรสน้องพร มาจิ้มกับน้ำจิ้มสะเต๊ะข้นๆ แสนอร่อย แล้วยังมีก๊วยจั๊บ ตือฮวน ก๋วยเตี๋ยวเนื้อ และอีกเพียบ อิ่มแล้วจะต่อด้วยขนมหวานก็มีทั้งขนมไทยและน้ำแข็งใสใส่ถ้วยเบ้อเร่ออีก ด้วย...

    เลิกงานแล้ว อยากหาอะไรใส่ท้องก่อนกลับบ้าน ที่นี่เค้าเปิดร้านกันตั้งแต่ตอนเย็นจนถึงประมาณตี 1 เลย

     

     

  • สนับสนุนเนื้อหา Lisa



  •  

    Create Date : 15 กรกฎาคม 2555   
    Last Update : 15 กรกฎาคม 2555 10:52:27 น.   
    Counter : 5216 Pageviews.  

    เทอมินัล 21 สถานีปลายทางชอปปิ้งหมายเลข 21

    ในเดือนแห่งฤดูท่องเที่ยวแบบนี้ หากมีคนใกล้ๆ ตัวที่ไหนก็ตามมาบอกว่าเขากำลังจะเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ จะไปกิน นอน ช็อป หรืออะไรก็แล้วแต่ คุณอย่าได้อิจฉาเขาไปซะล่ะ เพราะคุณก็สามารถเดินทางเที่ยวรอบโลกได้เช่นกันกับสถานีปลายทางที่ชื่อว่า Terminal 21 สถานีปลายทางเกิดใหม่ต่อจากท่าอากาศยานดอนเมืองหรือท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่ไม่ได้ออกแบบมาเพื่อให้คนเดินทางออกนอกประเทศ แต่เขาเปิดมาเพื่อเป็นท่าอากาศยานสำหรับนักช็อปตัวยงต่างหากล่ะ Terminal 21 ถูกออกแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกแห่งใหม่สำหรับการช็อปปิ้งที่เขามีแนวคิดรวบ รวม Market Street ทั่วทุกมุมโลกมาไว้ที่สถานีปลายทางหมายเลข 21 แห่งนี้


    ด้วยดีไซน์ที่แปลกตาและเรียกได้ว่าแทบจะมีทุกสิ่งที่เราต้องการภายใน Terminal 21 จึงไม่ยากเลยที่มันจะครองใจนักท่องเที่ยวหลายๆ คนให้มาสัมผัสสถานที่อยู่บ่อยครั้ง ที่สำคัญคือการเดินทางแสนสะดวกสบายเพราะสามารถเดินทางมาได้หลายทางด้วยกัน ไม่ว่าจะบนถนน ลอยมาบนฟ้าด้วย BTS หรือรถไฟฟ้าใต้ดินอย่าง MRT ก็ยังได้ ทีนี้อยากจะรู้แล้วล่ะสิว่าสถานีปลายทางแห่งนี้จะเด็ดดวงสมคำร่ำลือจริงหรือ เปล่า ตามผมมาเลยครับว่าแต่ละชั้นมีอะไรบ้าง!

    LG Floor - Caribbean: เริ่มต้นจากชั้นล่างสุดเลยกับการเดินช็อปไปในบรรยากาศสไตล์แคริบเบียนด้วย โทนสีอุ่น มองไปยังโถงกลางด้านใน เราจะเห็นประภาคารตั้งสูงเด่นเป็นสง่าราวกับจะส่องแสงนำทางการจับจ่ายใช้สอย ของเราให้มีอารมณ์สดใส สินค้าภายในชั้นนี้ส่วนใหญ่จะเป็นร้านสะดวกซื้อและซุปเปอร์มาร์เก็ตที่รวบ รวมสินค้าอุปโภคบริโภคจากทั่วทุกมุมโลก และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ นาๆ ที่จะทำให้ก้าวต่อไปในแต่ละชั้นไม่สะดุดแต่อย่างใด

    G Floor - Rome: ว่ากันว่าการทานอาหารให้อร่อยหน้าตามันต้องน่าทานด้วย และสำหรับชั้นนี้ก็เช่นกัน การเดินช็อปของเราจะมีความสุขมันก็ต้องกระตุ้นต่อมความอยากเดินกันหน่อยด้วย สถาปัตยกรรมอันวิจิตรตระการตาสไตล์โรมัน ที่ทุกย่างก้าวของเรารายล้อมไปด้วยรูปปั้นหินอ่อน ภาพเขียนสวยงามประดับประดาร้านต่างๆ อย่างไม่ขาดสาย และในชั้นนี้ผมว่าทางสถานที่เขาวางประเภทสินค้าเข้ากับธีมของชั้นได้เหมาะที เดียวด้วยการนำร้านสินค้าแบรนด์เนมจากทั่วโลกมาไว้ในชั้นนี้

    M Floor - Paris: ยังคงวนเวียนอยู่ในวังวนของความสวยงามทางศิลปะไปกับถนนฌอง-เซลิเซ่ส์ ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่จำลองได้ใกล้เคียงสถานที่จริงเหลือเกิน ขึ้นชื่อว่าเป็นเมืองปารีสที่โดดเด่นเกี่ยวกับวงการแฟชั่นคงเดาสินค้าได้ไม่ ยากแล้วเนอะว่าร้านในชั้นนี้ขายแนวไหนถ้าไม่ใช่เกี่ยวกับการแต่งตัว สินค้าภายในชั้นนี้ได้แก่บรรดาเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้าและเครื่องประดับต่างๆ ที่จะเสกให้เราเป็นแฟชั่นนิสต้าได้ในพริบตา

    1 Floor - Tokyo: เดินทางอยู่ฝั่งยุโรปมานานแล้ว มาเปลี่ยนบรรยากาศทางฝั่งเอเชียกันบ้าง เดินทางไม่นานเลยครับเพียงแค่บันไดเลื่อนชั้นเดียวเท่านั้น เราก็มาพบกับกลิ่นอายแดนอาทิตย์อุทัยอย่างจังหวัดโตเกียว ประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ในชั้นนี้ผมชอบอะไรหลายๆ อย่างเพราะเขามีการจัดวางยุคสมัยของประเทศญี่ปุ่นต่างกันเป็นโซนๆ ไม่ว่าจะเป็นการประดับโคมไฟโบราณแบบยุคเอโดะหรือกระชากอารมณ์แหวกแนวแบบฮารา จูกุก็มี ทำให้เรารับรู้ได้ถึงสีสันตลอดการเดินช็อป สินค้าภายในชั้นนี้เอาใจคุณสุภาพสตรีโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้าหน้าผมและเครื่องสำอางที่รวมๆ แล้วมีมากกว่า 100 ร้าน

    2 Floor - London: มี สินค้าของคุณสุภาพสตรีแล้วทำไมจะไม่มีสินค้าของสุภาพบุรุษล่ะ ผ่านชั้น 1 แบบสวยหวานสไตล์โตเกียวมาแล้วก็มาเจอแนวร้านสุดฮิปภายใต้การจำลองบรรยากาศ ถนนชื่อดังจากเกาะอังกฤษอย่าง Oxford Street กันบ้างกับสถาปัตยกรรมที่เคยผ่านตาเป็นอย่างดี ทั้งรถบัสสองชั้นสไตล์อังกฤษที่เรียกกันว่า London Bus ตู้โทรศัพท์สีแดง หรือกำแพงอิฐสีจัดจ้าน ที่สำคัญคือร้านค้าที่ขายเครื่องแต่งกายคลาสสิคตลอดกาลอย่างผลิตภัณฑ์ที่ เกี่ยวกับยีนส์นั่นเอง และยังมีสินค้าสำหรับสุภาพบุรุษอีกมากมาย

    3 Floor - Istanbul: นอก จากวัฒนธรรมสไตล์เอเชียและยุโรปจะมีความน่าสนใจอยู่แล้ว สไตล์อาหรับเองก็มีความโดดเด่นไม่แพ้เช่นกัน ชั้น 3 นี้เป็นการจำลองแบบเมืองอิสตันบูล ประเทศตุรกี โดยมีโคมไฟระย้าคริสตัลหลากสีถูกประดับประดาตามจุดต่างๆ ภายในชั้น กระจกแก้วหลากสีและผืนผ้าใบขนาดใหญ่ ทั้งหมดนี้สื่อให้เห็นได้ชัดเจนว่าสินค้าภายในชั้นคงหนีไม่พ้นเครื่องประดับ เพชรพลอยอัญมณี และอุปกรณ์ตกแต่งบ้าน เป็นแน่แท้ ถือว่าเป็นอีกชั้นที่มีความโดดเด่นน่าหลงใหลไม่เหมือนใคร

    4-5 Floor - San Francisco: เดินมาหลายประเทศแล้ว ท้องก็เริ่มร้องแล้วต้องหาของกินซะหน่อย ว่าแล้วก็ขึ้นบันไดเลื่อนอีกชั้นนึง เราจะเห็นสะพานโกลเด้นเกท ยิ่งใหญ่อลังการ เหมาะกับการถ่ายภาพและเจริญอาหารยิ่งนัก เพราะถูกทาด้วยสีแดงสด หนึ่งในสีที่ทำให้เกิดความอยากอาหาร เมื่อขึ้นมาแล้วเราจะพบกับร้านอาหารนานาชาติชื่อดังหลายสิบร้านให้เลือกกัน ไม่หวาดไม่ไหว แต่ขอบอกเลยว่าทุกร้านนั้นแม้จะมีสาขาเหมือนที่อื่น แต่ที่นี่ดีไซน์เลิศหรูอลังการไม่เหมือนที่อื่นๆ แน่นอน หรืออยากจะเลือกทานอาหารในราคาย่อมเยา ที่นี่ก็ยังมี Pier 21 ฟู้ดเทอร์มินอลที่ออกแบบจำลองท่าเรือชื่อดังของซานฟรานซิสโกให้ได้เลือกใช้ บริการกันอีกด้วย

    6 Floor - Los Angeles: เห็น ตุ๊กตาทองอยู่ใกล้ๆ แบบนี้คงอยากเป็นซุปตาร์แล้วล่ะสิ แบบนี้ต้องไปชั้นที่ 6 เลยกับสไตล์ฮอลลีวูดที่รวมความบันเทิงและเทคโนโลยีไว้ครบครันทั้งโรง ภาพยนตร์จาก SF Cinema และสินค้า IT ที่มีมาอัพเดทตลอดเวลา เรียกได้ว่าเป็นสถานีสุดท้ายที่ให้คุณได้พักผ่อนอย่างแท้จริง


    เป็นไงบ้างครับ คงไม่ผิดถ้าจะบอกว่ามาที่นี่เหมือนได้เที่ยวรอบโลกแถมยังเดินทางสะดวกสบาย สุดๆ ใครที่ยังไม่เคยมา แนะนำให้มาสัมผัสเลยครับ ก่อนจะจากกันอยากจะบอกว่าห้องน้ำแต่ละชั้นของที่นี่ออกแบบมาได้สวยงามมาก แน่นอนว่าผมเองอยากจะถ่ายภาพเพื่อนำมาลงใจจะขาด แต่ก็คงจะดูแปลกๆ พิกล ถ้าต้องตั้งขาตั้งกล้องแล้วแยกแฟลชงามๆ ในห้องน้ำแบบนั้น เอาเป็นว่าใครที่กำลังคิดจะไปผมว่าไม่น่าพลาดการเข้าห้องน้ำที่นี่ รับรองว่าสวยจริงๆ

    เวลาทำการ: ทุกวัน 10.00น. - 22:00น.

    การเดินทาง:BTS สถานีอโศก ทางออก 1 MRT สถานีสุขุมวิท ทางออก 3

    รถประจำทางสาย 2, 25, 38, 40, 136, 185, 501, 508, 511, 513

    รถส่วนตัว: เดินทางจากถนนสุขุมวิท หรือ รัชดาภิเษกมายังแยกอโศก

    Website : //www.terminal21.co.th

     

  • สนับสนุนเนื้อหา สนุกท่องเที่ยว



  •  

    Create Date : 10 กรกฎาคม 2555   
    Last Update : 10 กรกฎาคม 2555 8:15:03 น.   
    Counter : 2766 Pageviews.  

    เปิดโผ 10 อันดับเมืองดีที่สุดในโลก ฮ่องกงคว้าแชมป์

    เปิดโผ 10 อันดับเมืองดีที่สุดในโลก ฮ่องกงคว้าแชมป์



    เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

              เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม เว็บไซต์ดิอีโคโนมิสต์ เปิดโผ 10 อันดับเมืองที่ดีที่สุดในโลก ซึ่งปรากฎว่า ฮ่องกง ครองแชมป์อันดับ 1 ขณะที่อัมสเตอร์ดัม โอซากา และปารีส ครองอันดับรองลงมา

              โดยการจัดอันดับดังกล่าว ดำเนินการโดย Economist Intelligence Unit หน่วยงานที่มีชื่อเสียงทางด้านการศึกษาและวิจัยข้อมูลด้านการเมือง เศรษฐกิจและสังคมของเครืออีโคโนมิสต์กรุ๊ป โดยทางหน่วยงานได้นำข้อมูลเกี่ยวกับโครงสร้างของเมือง การขยายตัวของประชากร การศึกษา สุขภาพ ความมั่นคงทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม รวมทั้งเรื่องของสิ่งแวดล้อม จากเมืองใหญ่ 70 เมืองทั่วโลก มาเปรียบเทียบและให้คะแนน ซึ่งผลปรากฎว่า เมือง ที่ได้รับการจัดอันดับว่าเป็นสุดยอดเมืองดีที่สุดในโลกประจำปี 2012 คือ ฮ่องกง ขณะที่ทั้ง 10 อันดับเมืองดีที่สุดในโลก ได้แก่เมืองต่อไปนี้


    ฮ่องกง ประเทศจีน

     1. ฮ่องกง ประเทศจีน




    อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์

     2. อัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์




    โอซากา ประเทศญี่ปุ่น


     3. โอซากา ประเทศญี่ปุ่น




    ปารีส ประเทศฝรั่งเศส


    4. ปารีส ประเทศฝรั่งเศส




    ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย


    5. ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย




    สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน


    6. สต็อกโฮล์ม ประเทศสวีเดน




    เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี


    7. เบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี




    โตรอนโต ประเทศแคนาดา


    8. โตรอนโต ประเทศแคนาดา




    มิวนิก ประเทศเยอรมนี


    9. มิวนิก ประเทศเยอรมนี




    โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น


    10. โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น







     

    Create Date : 07 กรกฎาคม 2555   
    Last Update : 7 กรกฎาคม 2555 9:58:09 น.   
    Counter : 2621 Pageviews.  

    ชวนลิ้มรสเมนูเด็ด เมืองสิงห์บุรี

    สิงห์บุรีเมืองคนจริงแห่งนี้ขึ้นชื่อใน เรื่องอาหารการกินที่อุดมสมบูรณ์ ทั้งในไร่นาและแม่น้ำล้วนสามารถหาของกินได้ทั้งสิ้น ลำน้ำแม่ลาที่อุดมสมบูรณ์ยังเป็นแหล่งที่อยู่ของ "ปลาช่อนแม่ลา" ที่ขึ้นชื่อในเรื่องของขนาดที่ใหญ่ เนื้อแน่น นำมาทำอาหารได้หลากหลาย ตั้งแต่สเต๊กปลาช่อนไปจนถึง "ปลาช่อนเผา" ที่ได้น้ำจิ้มแซ่บๆ ช่วยชูรสให้เด็ดดวงขึ้นไปอีกหลายเท่านัก


    "กุ้งแม่น้ำ" ขนาดสามตัวโลหากินได้ไม่ยากเมื่อมาถึงสิงห์บุรี นอกจากนี้เมนูปลาน้ำจืด เช่น แกงป่าปลาคัง ปลาเนื้ออ่อนทอดกระเทียม ฉู่ฉี่ปลาเงิน ก็ยังน่าสนใจไม่แพ้ปลาช่อนเลยทีเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "หัวปลาม้าหม้อไฟ" นี่พลาดไม่ได้เด็ดขาด เพราะปลาม้าถือเป็นยอดปลาน้ำจืดเลยก็ว่าได้ ยิ่งได้กินทั้งเนื้อทั้งหัว สวรรค์รำไรเลยทีเดียว

    นอกจากนี้แล้ว ยังมีขนมหวานอื่นๆ ให้ลิ้มชมรสอีกมากมาย เช่น ซาลาเปาแม่สายใจ ที่เด็ดด้วยไส้ในแบบทะลัก หรือจะเป็นเค้กปลาช่อนที่นำเนื้อปลาช่อนมาทำเป็นเค้กได้อย่างไม่น่าเชื่อ หรือจะเป็นไอติมปลาช่อนก็มีให้ทดลองชิมเช่นกัน

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก: เที่ยวภาคกลาง (www.tiewpakklang.com)

     

  • สนับสนุนเนื้อหา สนุกท่องเที่ยว



  •  

    Create Date : 06 กรกฎาคม 2555   
    Last Update : 6 กรกฎาคม 2555 7:46:39 น.   
    Counter : 2660 Pageviews.  

    1  2  3  4  5  6  7  8  9  10  11  12  13  14  15  16  17  18  19  20  21  22  23  24  25  26  27  28  29  30  31  32  33  34  35  36  37  38  39  40  41  42  43  44  45  46  47  48  49  50  51  52  53  54  55  56  57  58  59  60  61  62  63  64  65  66  67  68  69  70  71  72  73  74  75  76  77  78  79  80  81  82  83  84  85  86  87  88  89  90  91  92  93  94  95  96  97  98  99  

    sitcomthai
    Location :
    กรุงเทพฯ Thailand

    [Profile ทั้งหมด]

    ฝากข้อความหลังไมค์
    Rss Feed
    Smember
    ผู้ติดตามบล็อก : 53 คน [?]










    ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
    ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







    Online Users


    New Comments
    [Add sitcomthai's blog to your web]