Group Blog
 
All blogs
 

FAQS คำถามยอดฮิตเกี่ยวกับการเลี้ยงเด็กสอง (สาม สี่ ห้า....)ภาษา

ออกตัวก่อนนะคะ จขบไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญเรื่องการเลี้ยงเด็ก แต่เป็นแม่คนหนึ่งที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาและความสมารถของเด็กก่อนวัยเรียน และมุ่งมั่นว่าลูกจะต้องโตมาแล้วพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษา เป็นคนชอบอ่าน ชอบค้นข้อมูล และชอบอ่านวีวิว ชอบอ่านบล๊อกของพ่อแม่คนอื่นๆว่าเขาเลี้ยงลูกกันอย่างไร แล้วนำหลักการ และเทคนิคต่างๆมาปรับให้เข้ากับลูกชาย

ตั้งแต่ก่อนเจคอบเกิด จะหาข้อมูลเรื่องเด็กสองภาษา ซื้อหนังสือมาอ่านบ้าง ค้นจากกูเกิ้ลบ้าง พอสงสัยอะไรจะค้นหาข้อมูลเพื่อหาคำตอบทันที วันนี้รวบรวมเอาคำถามที่ถามบ่อยพร้อมคำตอบมาแปะไว้ที่เวบนี้ เผื่อจะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างนะคะ ที่มาก็มาจากเวบ raisingmultilingual.org ค่ะ

อยากเลี้ยงลูกแนวสองภาษา ต้องเริ่มต้นอย่างไรคะ

จริงๆแล้ว เริ่มต้นไม่ยากค่ะ แค่เริ่มพูดกับลูกในภาษาที่เราอยากให้ลูกพูดได้เท่านั้นเอง ยิ่งเราใช้เวลากับลูก พูดคุย เล่นกับเค้าเป็นภาษาอังฤษมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งได้ผลดีเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้ว เด็กหลายภาษาก็เรียนรู้แบบเดียวกันกับเด็กภาษาเดียวค่ะ เพียงแต่เค้าสมองเค้ารับข้อมูลมากกว่าหนึ่งภาษาเท่านั้นเอง นี่คือ 10 ขั้นตอนง่ายๆก่อนเริ่มเลี้ยงลูกในแนวทางสองภาษาค่ะ

1 พูดคุยตกลงกันกับคนในครอบครัวให้เรียบร้อยว่าเราจะเลี้ยงลูกในแนวทางนี้ การได้รับกำลังใจสนุบสนุนจากคนรอบข้าง ช่วยให้เราประสบความสำเร็จได้ง่ายขึ้นค่ะ

2 รู้ว่าเลี้ยงลูกแบบนี้จะเจอกับปัญหาอะไรบ้าง เมื่อไหร่ และจะแก้อย่างไร บางครอบครัวที่พ่อแม่พูดภาษาที่สองได้ เริ่มได้ง่ายกว่าครอบครัวที่พ่อแม่มีความรู้เรื่องภาษาที่สองแบบจำกัด เราต้องประเมิณตัวเอง และวางเเผนว่าจะแก้ใขปัญหาตรงนั้นอย่างไร และหาข้อมูลเกี่ยวกับพัฒนาการด้านภาษาของเด็กในแต่ละวัยไว้ด้วย เพราะจะช่วยให้เรารู้ว่าลูกเราไปช้า ไปเร็ว หรือมีปัญหาอะไรที่เราต้องหาทางแก้หรือเปล่า ตัวแอ๋วเองพูดภาษาฝรั่งเศษไม่ได้ แต่ต้องการให้ลูกพูดฝรั่งเศษได้ ตอนนี้ก็ปูพื้นภาษาให้ลูกและตัวเองด้วยการหาสื่อและดีวีดีภาษาฝรั่งเศษมาดูด้วยกัน เรียนพร้อมกันกับลูก วางเเผนจะส่งลูกเข้าโรงเรียนสองภาษา และตอนลูกเข้าปอหนึ่ง จะไปเข้าครอสเรียนภาษาฝรั่งเศษ จากนั้นจะเริ่ม one day, one language กับลูกค่ะ

3 ตัดสินใจให้แน่ว่าจะเอากี่ภาษาดี สอง หรือ สาม หรือ สี่ ก็เลือกเอาสักอย่างค่ะ

4 เลือกวิธีที่ใช้สอนว่าจะเอาแบบไหน เช่น OPAL - One Parent One Language, Minority Language at Home - ML@H, หรือ One Day One Language - ODOL

5 อย่ารีรอ....เริ่มวันนี้เลย

6 บอกคนรอบข้างว่า จะเลี้ยงลูกแบบสองภาษานะ ถ้ามีคนค้านก็ อือๆ ออๆ ขอบคุณที่แนะนำ เดี๋ยวจะลองเอาไปคิดดูนะคะ...อะไรประมาณนั้น คนหวังดีจะได้ไม่เสียน้ำใจ แต่เรายังคงมุ่งมั่นสอนลูกแบบที่เราอยากทำต่อไป เดี๋ยวกระทู้หน้าจะเอาเรื่องเล่า นิทานยอดฮิตเรื่องเด็กสองภาษามาลงให้อ่านกันค่ะ

7 หาพ่อแม่คนอื่นๆที่เลี้ยงลูกในแนวเดียวกัน เช่นพ่อแม่ในเวบนี้ไงคะ เวลาเราท้อเหนื่อย และได้คุยกับคนคอเดียวกัน จะทำให้เราฮึดและมีกำลังใจค่ะ

8 หาอุปกรณ์และสื่อการสอนต่างๆ เช่น ดีวีดี รายการทีวี ของเล่น หนังสือ โปรแกรมคอมพิวเตอร์ หรือเวบไซด์ต่างๆที่เราสามารถเอามาใช้กับลูกเราได้

9 ตั้งเป้าหมาย แต่ต้องเอาแบบยืดหยุ่นได้นะ ไม่เเบบเป๊ะๆเกินไป เพราะกว่าลูกจะพูดได้ในแบบที่เราต้องการ เราอาจจะต้องปรับเปลี่ยนวิธีการ และเป้าหมายอยู่หลายครั้ง เพื่อให่เหมาะกับปัญหา และลูกของเรา ณ เวลา นั้นๆ

10 อดทน และ ทำต่อไปเรื่อยๆ.............

อยากเลี้ยงลูกแบบสองภาษา ใช้วิธีไหนดีที่สุดคะ

แนวทางการเลี้ยงเด็กสองภาษามีหลายวิธีคืะ แต่ไม่ว่าเราจะเลือกวิธีไหรก็ตาม ก็ไม่สำคัญเท่ากับความเสมอต้นเสมอปลาย ยิ่งเราทำทุกอย่างแบบสม่ำเสมอเท่าไหร่ ลูกเราก็จะยิ่งเรียนภาษาที่สองได้ง่ายขึ้น วิธีที่นิยมใช้ก็มีดังนี้ค่ะ

OPOL - One Parent One Language

ML@ Home - Minority Language at Home

OPOL Plus เช่น พ่อพูดอังกฤษ แม่พูดไทย อาม่าพูดจีน

แต่ถ้าเราเลี้ยงลูกแบบสองภาษา ลูกจะสับสนหรือเปล่าคะ

นี่เป็นความเข้าใจผิด และเป็นแนวคิดที่โบราณมากค่ะ เด็กๆไม่สับสนค่ะ เพราะเด็กไม่ได้เรียนภาษาแต่เด็กซึมซับภาษาจากสิ่งเเวดล้อม ยังมีแนวคิดและความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเยอะ เดี๋ยววันหลังจะมารวบรวมลงกระทู้ให้ค่ะ นอกจากนั้น งานวิจัยหลายๆชิ้น ได้ผลสรุปว่า เด็กสองสามสี่ภาษา เรียนเก่งกว่าเด็กภาษาเดียว เพราะสมองได้รับการพัฒนาและ "ออกกำลัง" มากกว่าเด็กภาษาเดียว

แล้วผลดีของการเลี้ยงลูกแนวนี้มีอะไรบ้าง

นอกจากจะพูดได้มากกว่าหนึ่งภาษาแล้ว ยังช่วยเสริมความมั่นใจให้ลูกเรา เพิ่มโอากาศในการทำงาน เที่ยว เรียน และทำงานต่างประเทศ และอย่างที่บอก งานวิจัยหลายๆอันก็ยืนยันว่า เด็กสองภาษามีความคิด การวิเคราะห์ และทักษะทางด้านการเข้าสังคม การอ่าน เขียนดีกว่าเด็กภาษาเดียว

ควรจะเริ่มตอนไหนดีคะ
ตอนนี้เลยค่ะ วันนี้ เวลานี้เลยค่ะ ยิ่งเริ่มไว ยิ่งเห็นผลไว ยิ่งเริ่มตอนที่ลูกยังอยู่ในท้องก็ยิ่งดีค่ะ เด็กยิ่งโตยิ่งโตยิ่งสอนยากค่พ ไม่เชิงว่าทำไม่ได้ แต่ก็ยากกว่าเด็กอ่อนล่ะค่ะ
ลูกพูดภาษาไทยได้แล้ว ถ้ามาเริ่มสองภาษาตอนนี้จะสายเกินไปไหมคะ

ไม่สายค่ะ ไม่มีคำว่าสายเกินไป เด็ก ไม่ว่าจะอายุเท่าไหร่ก็ตาม เป็นฟองน้ำซึมซับภาษาชั้นเลิศค่ะ แต่พ่อแม่ต้องฮึด ส่วนเด็กนี้ต้องหาแรงจูงใจมาเร้าค่ะ วิธีที่มีคนทำแล้วได้ผลก็ประมาณนี่ค่ะ
ตกลงพูดคุยกับลูกให้เข้าใจ บอกลูกว่าเราจะเริ่มสองภาษาเพราะอะไร และบอกผลดีของการพูดได้มากกว่าภาษาเดียวให้ลูกรู้ด้วย
เริ่มพูดภาษาอังกฤษกับลูก ถ้าลูกตอบกลับมาเป็นภาษาไทยก็ Yes แล้วก็แปลคำพูดลูกเป็นภาษาอังกฤษ แล้วให้ลูกพูดตาม

แอ๋วทำประจำกับเจคอบค่ะ ถ้าหลุดภาษาอังกฤษมา แอ๋วจะพูดภาษาไทย แล้วให้เจคอบพูดกลับมาใหม่เป็นภาษาไทยค่ะ

ถ้าลูกพูดแล้วมีตะกุกตะกัดคิดคำไม่ออก เราก็ช่วยด้วยการเริ่มพยางค์แรกให้แล้วให้เค้าพูดต่อเอง
ระวังอย่าไปทำลายความตื่นเต้นของลูก เช่นถ้าลูกขอกินนม เราก็บอกให้ลูกพูดเป็นภาษาอังกฤษได้ แต่ถ้าลูกตื่นเต้นอยากเล่าเรื่องไปเที่ยวสวนสัตว์มา ก็ปล่อยให้แกเล่าเป็นภาษาไทยไป เราก็รับฟัง แล้วพูดกลับเป็นภาษาอังกฤษ แปลให้ ลูกก็จะได้เรียนศัพย์ใหม่ไปในตัวด้วย

ต้อง ชม ชม ชม ชมเยอะๆ ลูกจะได้มีกำลังใจ อย่าไปดุ ไปแก้ ไปติ เดี๋ยวจะเสียกำลังใจ รอให้เกินสามขวบไปก่อน ถ้าพูดผิดก็ทำเป็นเรื่องตลกไป แก้คำให้แต่ทำแบบสนุกสนานหัวเราะกันไป

อย่างไรก็ดี ถึงแม้ว่าเราจะไม่อยากไปว่าอะไรมาก แต่บางทีมันก็จำเป็น เด็กที่เกินสามขวบไปแล้วนี่ สามารถใช้วิธีนี้ได้คือ เช่นอยากดูการ์ตูน เราก็ดูได้ แต่ต้องดูภาคภาษาอังกฤษเท่านั้น อยากกินขนม กินได้ แต่ต้องขอแม่เป็นภาษาอังกฤษถึงจะให้กิน...อะไรประมาณนั้นค่ะ

ลูกสองขวบแล้ว ยังไม่พูดเลย ผิดปกติไหมคะ

ปกติค่ะ ขนาดเด็กภาษาเดียวหลายๆคน สองขวบแล้วยังไม่พูดก็มี ลองไปค้นกระทู้เก่าชานเรือนสิคะ มีพ่อแม่ภาษาเดียวมาตั้งกระทู้ถามเรื่องนี้กันตรึมค่ะ

จะรู้ได้อย่างไรคะว่าพัฒนาการด้านการพูดของลูกเป็นไปตามวัยหรือเปล่า

พัฒนาการทางด้านการพูดนั้นไม่เหมือนกับพัฒนาการด้านร่างกายและกล้ามเนื้อมัดต่างๆ เพราะพัฒนาการด้านนี้ออกแนวสังเกตุแวะวัดยาก ไม่ว่าเด็กจะได้รับการเลี้ยงดูในสิ่งแวดล้อมแบบภาษาเดียวหรือหลายภาษา นอกจากนี้ เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน การจะเอาลูกเราไปเทียบกับลูกคนอื่นนั้น มันทำไม่ได้ค่ะ แต่หลักๆแล้วพัฒนาการด้านภาษาของเด็กโดยทั่วไปจะเป็นประมาณนี้ค่ะ

0-12 เดือน ปีแรกของชีวิต ยังพูดไม่ได้ แต่ทำเสียงต่าง อ้อแอ้เป็น ถ้ามองดูแล้วเด็กไม่ว่าจะภาษาเดียวหรือหลายภาษา พัฒนาการในช่วงนี้จะเหมือนๆกัน

12-24 ช่วงปีที่สอง เริ่มพูดเป็นคำ และเริ่มโยงคำกับวัตถุสิ่งของ เด็กภาษาเดียวก็เริ่มตรงจุดนี้เหมือนกัน แต่อย่างที่บอก เด็กแต่ละคนไม่เหมือนกัน คำๆแรกของลูกเราอาจจะเป็นคำว่า กล้วย a banana, une banane คำเดียวกัน แต่มาในแบบฉบับเด็กหลายภาษา

24-36 ลูกเราเริ่มแยกแยะไวยากรณ์ คำศัพย์เพิ่มมากขึ้น เริ่มพูดเป็นประโยค ช่วงแรกๆอาจจะพูดได้น้อยกว่าเด็กภาษาเดียว แต่พอช่วงปลายก็จะตามกันทัน...อันนี้เห็นจริงๆกับเจคอบ พูดไม่รู้เรื่องมาจนสองขวบกว่า พอใกล้สามขวบ ภาษาไทยกระฉูดมาก สามารถสวิตซ์ภาษาได้ในเวลาเดียวกัน ซึ่งนี่เป็นลักษณะทางธรรมชาติของเด็กสองภาษาร้อยเปอร์เซ็นต์

ทำไมเด็กถึงเรียนภาษาได้ง่ายกว่าผู้ใหญ่

เพราะสมองเด็กในช่วงปีแรกของชีวิต เป็นช่วงที่เหมาะกับการซึมซับภาษาเป็นที่สุด

ลูกไม่ยอมพูดภาษาที่สอง ทำอย่างไรดีคะ

ถ้าจะเอากันจริงๆ ที่เด็กไม่ยอมพูดเพราะมองไม่เห็นความจำเป็นว่า ภาษาที่สองเป็นสิ่งจำเป็นและคำคัญ แต่ถ้าเราตั้งใจจริง มีวินัย และสม่ำเสมอ และสรรหาสื่อเสริมภาษาที่สองมาให้ลูกได้ดูอยู่เสมอ ลูกก็จะเริ่มเข้าใจว่าภาษานี้เป็นสิ่งจำเป็น

ต้องทำงานเต็มเวลา ไม่มีเวลาอยู่กับลูก จะทำอย่างไรดีคะ

พ่อแม่หลายๆคนคงกังวลเรื่องนี้ แต่เราไม่เน้นปริมาณค่ะ เราเน้นคุณภาพ ใช้เวลาที่เรามีอยู่ให้ลูกให้เต็มที่

ส่งลูกเข้าเรียนโรงเรียนสองภาษาดีไหมคะ

ดีมากๆค่ะ ถ้ามีกำลังพอส่งได้ก็ส่งเลยค่ะ เจคอบเองก็จะเข้าโรงเรียนสองภาษาของรัฐ ที่บ้านมีกำลังส่งเอกชน แต่เราเลือกสองภาษาแทนเพราะเล็งเห็นความสำคัญของภาษาฝรั่งเศษ ถ้าไปเข้าเอกชนก็ได้ภาษาอังกฤษภาษาเดียว ขาดทุนค่ะ โรงเรียนสองภาษาหรือนานาชาติจะช่วยเสริมทักษะทางด้านภาษาที่สองให้ลูกเราได้แน่นอน

นอกจากพูดกับลูกแล้ว เราจะทำกิจกรรมอื่นอะไรดีคะ

ร้องเพลง เล่านิทาน อ่านหนังสือ ฟังเพลง หรือทำอะไรก็ได้ที่สนุกค่ะ

พูดภาษาอังกฤษไม่เก่งเลยค่ะ ทำอย่างไรดีคะ

ไม่เห็นต้องกังวลเลยค่ะ เราก็เรียนไปพร้อมลูกไงคะ กว่าลูกเราจะโต แบบคุยกันแบบสนทนาอะไรแบบนี้ได้ ภาษาเราก็พัฒนาไปไกลแล้วค่ะ พอถึงตอนนั้นก็คุยกันรู้เรื่องแล้ว ไม่ต้องกังวลเรื่องแกรมม่า หรือคิดคำไม่ออก เพราะสิ่งที่เราทำอยู่คือการให้ของขวัญที่เรียกว่าพื้นฐานทางด้านภาษากับลูกเรา เป็นของขวัญที่ประเมินค่าไม่ได้ พอเด็กโตขึ้นเด็ก เรื่องสำเนียงและโครงสร้างไวย์กร์สามารถกล่อมเกลาได้ถ้ามีครูดี โรงเรียนดี

อยากรู้จังว่า ความผิดพลาดอันดับหนึ่งที่พ่อแม่สองภาษาได้ทำลงไป มีอะไรกันบ้างค่ะ

มันคือความท้อถอยค่ะ จริงๆนะ พ่อแม่บางคนคิดว่า ที่เค้าไม่ประสบความสำเร็จเพราะลูกเข้าใจภาษาที่สองแต่ไม่ยอมพูด จริงๆแล้วความเข้าใจภาษาที่สองนั้นได้รับการมองข้ามไปมาก คนมัวแต่เพ่งเล็งไปที่การพูดอย่างเดียว เพราะจริงๆแล้วถ้าเด็กเข้าใจภาษานั้นๆ พอต่อๆไปมีโอากาศได้เรียนเพิ่ม หรือได้ใช้มากขึ้น เด็กก็จะพูดภาษานั้นๆได้เอง

ขอจบ ณ ที่นี้ค่ะ เริ่มตาลายค่ะ ไม่เคยพิมพ์อะไรยาวขนาดนี้มาก่อน เวียนหัว ต้องถอนด้วยนิยายสักเล่ม

บายค่า

แอ๋ว




 

Create Date : 25 กันยายน 2554    
Last Update : 25 กันยายน 2554 10:27:05 น.
Counter : 523 Pageviews.  

โปรแกรม Little Reader คืออะไร

หลายๆคน ถามแอ๋วมาทั้งหลังบ้านหน้าบ้านเรื่องโปรแกรม Litttle Reader ว่ามันคืออะไร....ทั้งสองโปรเเกรม เป็นโปรแกรมของบริษัท Brillkids เจ้าของเป็นคุณพ่อคุณแม่ที่การเก่งทั้งคู่ โปรแกรมตัวแรกที่ขอพูดถึงคือ Little Reader

Little Reader คืออะไร โปรแกรมนี้เป็นโปรแกรมสอนอ่านหนังสือ โดยพัฒนามาจากหลักการสอนอ่านหนังสือแบบเเฟรชคาร์ด whole word ของ Glenn Doman แต่ Little Reader ไม่ได้เหมือนกับโดแมนนะคะ มีต่างกันตรงที่โดแมนดูคำอย่างเดียว แต่ Little Reader จะมีดูคำ ดูรูป วิดิโอในบางบทเรียนและมีเสริมโฟนิคส์ให้ด้วยค่ะ ในแต่ละบทของ Little Reader ประกอบไปด้วย

A Word Flash - เป็นบทย่อยที่เป็นคำศัพย์อย่างเดียว
B Multisensory - เป็นบทย่อยที่มีคำศัพย์และรูปด้วย พร้อมคำอธิบาย ส่วนตัวแล้วชอบบทนี้มาก เพราะว่าออกแนว Encyclopedic knowledge ของ โดแมน สอนความรู้ทั่วไปด้วย
C Picture Flash เป็นบทย่อยที่มีรูปภาพอย่างเดียว
D Pattern Phonics สอนผสมคำโฟนิคส์ ซึ่งบทเเรกรู้สึกจะหลังจากเด็กดูบทเรียนไปแล้วสามสิบบท
E Story time เริ่มปลายเทอมแรก เด็กๆเริ่มอ่านหนังสือได้ และคำที่อยู่ในบทเรียนก็เป็นคำที่เด็กๆได้เจอมาแล้วจากบทเรียนที่ผ่านมา

หลักสูตรของ Little Reader แบ่งออกเป็นสองเทอม เทอมละ 130 วัน เจคอบจบหลักสูตรเรียบร้อยแล้วค่ะ อายุ 2.7 ขวบ อ่านหนังสือออกแล้ว ถ้าอามรมณ์ดีๆ จะอ่านให้ฟังจนจบเล่ม ถ้าอารมณ์ไม่ดีก็จะบอกให้แม่อ่านให้แทน

โปรแกรมนี้เหมาะกับใครบ้าง
เหมาะกับเด็กอายุ 5 เดือน ถึง 5 ขวบ ยิ่งเด็กเล็กๆยิ่งสอนง่าย ส่วนตัวแล้วคิดว่าเหมาะกับเด็กอายุก่อนสองขวบ เพราะว่าพอโตมาจะเริ่มลีลา ต่อรอง สนใจอย่างอื่นมากกว่า สอนยากกว่าค่ะ ดูอย่างเจคอบเป็นต้น ตอนอายุเกือบสองขวบ ไม่ต้องอะไรมาก จับนั่งตัก ดูโปรแกรมจบไปสามรอบก็ไม่บ่น ตอนนี้ต้องเอาขนมล่อมั่ง อุ้มกระโดดไปมา ดูบทเรียนไปด้วย สาระพัดวิธี หลังๆมานี้ เอามานอนดูด้วยในน้องนอน เเล้วเอาบทเรียนที่ชอบมาเป็นรางวัลหลังจากดูบทเรียนบังคับจบ หลายๆคนคงเริ่มกังวลว่า เด็กยังไม่สองขวบจะดูทีวีดูคอมได้เหรอ....อันนี้แล้วแต่พ่อแม่ค่ะ ส่วนตัวไม่กังวลกับเรื่องนี้ เพราะเวลาเราดูบทเรียนกัน เรานั่งดูกับลูก มีการคุยกัน เล่นกันตลอดเวลา อีกอย่างไม่ได้ใช้เวลานานเกินไป เอาจริงๆแล้ว บทเรียนแต่ละบทไม่เกินห้านาทีด้วยซ้ำค่ะ อีกอย่างหนึ่ง เราคิดว่าทีวี คอมพิวเตอร์เป็นผลผลิตจากเทคโนโลยี แทนที่เราจะไปมัวแต่กังวลกับผลเสียของมัน เราน่าจะปรับเอาของพวกนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์สูงสุดดีกว่า อันนี้จากประสบการณ์ตรง จากที่เคยนั่งทำบัตรคำงกๆๆ ทั้งตัดทั้งแปะ พิมพ์เปลืองหมึก หมึกแพงอีก ทำแล้วลูกไม่ดูอีก...เง้อ....ตั้งแต่มี Little Reader สบายเลยค่ะ
ซื้อ Little Reader ได้ที่ไหน
มีขายที่เวบนี้คือ
www.brillkidsthailand.com

code: BKAFF35951 ลดได้ 10%
หรือสั่งซื้อโดยตรงจาก Brillkids Thailand ได้เลยในราคาพิเศษ

โปรแกรมนี้มีแบ่งออกเป็นหลายเเพคเกจดังนี้ค่ะ

Little Reader Basic - Semester 1 + 2 ราคา $199 เป็นแบบดาวน์โหลดอย่างเดียว ใช้ได้ตลอดชีพ
Litte Reader Deluxe - Semester 1+ 2 ราคา $250 อันนี้ส่งเมลย์มาให้ที่บ้าน แต่พอคอมเฟริมสั่งซื้อ ก็ได้โค๊ดมาโหลดโปรแกรมมาใช้ได้เลยค่ะ แต่เเพคเกจดีลักซ์คุณจะได้
- CD ดาวน์โหลดโปรแกรม
- หนังสือ Little Reader storybook 25 เล่ม เป็นหนังสือที่อยู่ในบทเรียนค่ะ
- Pattern Phonics Flapcard
- Starter flapcard kit
- หนังสือคู่มือการสอนเด็กอ่านหนังสือ
- สติ๊กเกอร์ลาเบล 10 แผ่น เอาไว้สำหรับเล่นเกม หรือเอามาทำลาเบล
- คู่มือการใช้โปรแกรม และการสอนอ่านหนังสือด้วย Little Reader
- แต้ม 6000 แต้ม อันนี้เอาไว้แลกบัตรส่วนลด หรือเอาไว้ดาวน์โหลดไฟล์บางไฟล์ที่เป็นที่นิยมในเวบบิลคิดส์
ทำไมถึงเลือก Little Reader
แอ๋วเป็นคนจัดเก็บของไม่เป็นระเบียบ ตอนที่ทำบัตรคำ บัตรหาย กระจัดกระจาย และไม่รู้ต้องดูคำไหนไปแล้ว รีไทร์คำไหนต่อ ต่อไปจะสอนหมวดอะไรดี เหนื่อยค่ะ เลยหาตัวช่วย และมาลงตัวที่ Little Reader เพราะนอกจากจะมีหลักสูตรมาให้แล้ว เรายังสามารถเอามาต่อยอดทำอะไรหลายๆอย่างได้อีก เช่น ทำบทเรียนเอง เลือกบทที่ลูกสนใจ
โหลดบทเรียนมาเพิ่ม ฟรีๆจากแม่ๆที่ใช้โปรแกรมด้วยกัน เอาบทเรียนมาทำวิชาความรู้ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็น คณิต วิทย์ ศิลปะ คนตรี ภาษาต่างประเทศ
ตอนนี้เราแปลหลักสูตรของ Little Reader เป็นภาษาไทย แปลเทอมที่หนึ่งเสร็จไปแล้วค่ะ ถ้าใครมีโปรแกรมก็ไปโหลดมาสอนลูกได้ เจตนาที่แปลคืออยากให้ลูกพูดภาษาไทยได้ ผลที่ได้คือ เจคอบพูดไทยคล่องขึ่น...และอ่านภาษาไทยออกด้วยค่ะ แต่ไม่รู้ว่าอ่านออกกี่คำเพราะว่าหลังๆไม่ค่อยกล้าถาม เพราะถามแล้วงอน
โปรแกรมราคาสูง ถ้าใครงบน้อยก็ลองแชร์กับเพื่อนดู เพราะว่ามันโหลดลงคอมได้สองเครื่องค่ะ หรืออาจจะจ่ายแบบผ่อนผ่านบัตรเครดิตก็ได้ หรือไม่ก็ลองไปโหลดโปรแกรมมาทดลองใช้ดูก่อนได้ ที่นี่ค่ะ
//www.brillkids.com/ra.php?35951  เลื่อนเม๊าท์ไปที่ Little Reader แล้วเลือก Take a free trial จะมีบทเรียนมาให้ลองดูฟรี 14 วันค่ะ

อ้อ ลืมไป ในหนึ่งบทเรียน จะแบ่งออกเป็นสองบทย่อย ดูวันละสองครั้ง ในหนึ่งบทเรียนมันแค่เเป๊บเดียวเอง ไม่เกินห้านาที

ดูอาทิตย์ละห้าวัน หยุดเสาร์อาทิตย์ก็ได้ ส่วนแอ๋วไม่ได้หยุดค่ะ ดูมันทุกวัน แต่บางที่ยุ่ง หรือมีเหตุจำเป็นหยุดไปเป็นเดือนก็มีค่ะ...โปรแกรมยืดหยุ่นได้ เว้นได้ไม่เป็นไร แต่ก็อ่ะนะ จะให้ได้ผลดีต้องทำแบบสม่ำเสมอค่ะ


อันนี้เป็นวิดิโอที่เจคอบอ่านประโยคง่ายๆตอนสองขวบกับหนึ่งเดือน


เจคอบ 2.3 ขวบ พอจะอ่านภาษาไทยได้บ้าง แต่ช่วยเรื่องพูดได้เยอะเลย


เจคอบอ่านหนังสือที่แม่ทำให้อ่าน เป็นบทเรียนที่ทำขึ้นเอง


เจคอบสองขวบเจ็ดเดือนกับการอ่านแบบฝึกหัดโฟนิคส์ที่ทำเอง หลังจากที่จบหลักสูครของบิลคิดส์แล้ว


บทเรียนของเจคอบในเวลาห้านาที




 

Create Date : 25 กันยายน 2554    
Last Update : 19 พฤศจิกายน 2555 1:24:49 น.
Counter : 4264 Pageviews.  

สอนลูกน้อยอ่านหนังสือตามกฏของ Glenn Doman

ก่อนที่จะเริ่มสอนลูกให้อ่านหนังสือตามแบบโดแมนนั้น เราก็ต้องรู้จักหลักการสอนของโดแมนก่อน ซึ่งได้เคยเขียนไว้แล้วในบล็อกก่อนหน้านี้

การสอนเด็กอ่านหนังสือในที่นี้ ไม่ใช่สอนเด็กโต แต่เป็นเด็กแรกเกิดถึงประมาณสึ่ขวบ โดแมนเชื่อว่าเด็กยิ่งอายุน้อยเท่าไหร่จะยิ่งสอนง่ายเท่านั้น วิธีแบบนี้คงใช้ไม่ได้ผลกับเด็กโตห้าขวบขี้นไปแล้ว ช่วงอายุที่เริ่ดที่สุดคือ 0-24 เดือนนะจ้ะ

สรุปวิธีสอนอ่านหนังสือแบบโดแมนๆ
ขั้นตอนแรก คำเดี่ยว
ขั้นตอนที่สอง คำคู่ หรือ สองคำ อิอิ
ขั้นตอนที่สาม วลี
ขั้นตอนที่สี่ ประโยค
ขั้นตอนที่ห้า หนังสือ

ข้อแนะนำ
- สถานที่ เลือกที่ที่เงียบ ไม่มีเสียงรบกวย
- โดแมนบอกให้หันหน้าเข้าหาลูกถ้าทำได้ แต่เราชอบให้ลูกนั่งตักมากกว่า การหันหน้าเข้าหากันมันเหมือนกับการเผชิญหน้ากัน ทำใหลูกเหมือนโดนข่ม ไม่ชอบนะ เลยให้นั่งตักตลอดเลย
- เลือกคำที่เด็กคุ้นเคย คำศัพย์ใกล้ตัว คำที่เด็กชอบ เพราะเด็กจะได้รู้สึกสนุก
- ให้ดูบัตรคำหนึ่งใบภายในเวลาหนึ่งวินาที ถ้าทำได้เร็วกว่านี้ยิ่วดี ถ้าจำไม่ผิด Shichida เเฟรชบัตรคำภายในเวลาครึ่งวินาที
- เวลาเเสดงบัตรคำ แม่ต้องทำท่าลัลลา หนุกหนานมากมาย ลูกจะได้อยากดู
- อ่านออกเสียงคำๆนั้นไปด้วย มองหน้าลูกไปด้วย แต่ถ้านั่งตักก็มองไม่เห็นหน้านะ เราใช้จุ๊บๆลูกแทน อิอิ
- หยุดกิจกรรมก่อนที่ลูกอยากจะหยุด
- คำที่ให้ดูในแต่ละเซ็ทนั้นอาจมีตั้งแต่ 1-10 คำ แล้วแต่สมาธิและความสนใจของลูก
- ห้ามบอกให้ลูกอ่านตามเวลาที่เราเอาบัตรคำให้ดู
- สลับตำแหน่งบัตรคำเผิ่อเอาไว้ให้ดูครั้งต่อไป
- รออย่างน้อย 15 นาทีก่อนเริ่มเซ็ทต่อไป
- อาทิตย์แรก ตารางคร่าวๆจะออกมาแนวนี้
1.วันที่ 1 Set 1, ให้ดูคำ A 3 ครั้ง/วัน
2.วันที่ 2 Set 1, ให้ดูคำ A+B ครั้ง/วัน
3.วันที่ 3 Set 1, ให้ดูคำ A, B, C ครั้ง/วัน
4.วันที่ 4 Set 1, ให้ดูคำ A, B, C, D ครั้ง/วัน
5.วันที่ 5 Set 1, ให้ดูคำ A, B, C, D, E ครั้ง/วัน
6.วันที่ 6 Set 1, เอาคำ A ออกไป, ให้ดู B, C, D, E, F ครั้ง/วัน
7.วันต่อๆไปก็เพิ่มคำใหม่ๆเข้ามาเรื่อย แล้วก็เอาคำเก่าๆออกไป

ตาราง
- คำแต่ละเซ็ทนั้น ให้ดูสามครั้งต่อวัน
- ในแต่ละเซ็ทนั้น ไม่ควรใช้เวลาเกินสามสิบวินาที
- ถ้าดูคำไหนครบ 15 ครั้งแล้วก็ให้รีไทร์ออกไปซะ
- อย่าเอาคำนั้นๆให้ดูอีกในรูปแบบคำเดี่ยว (แต่ของเจคอบนี่ ดูประจำ ฮ่าๆๆ เพราะเจคอบขอดูรถประจำเลย เลยบอกถ้าดูบทเรียนครบแล้วจะให้ดูรถมั่ง ให้ดูเหมียวมั่ง เจคอบจะดูบทเรียนจนจบก่อนจะได้ดูรถดูหมาดูแมว ฮี่ๆๆ)
- ให้ดูอย่างมากสุด ห้าเซ็ทต่อวัน....

ถ้าอยากได้ข้อมูลแบบแน่นปึ๊กก็ต้องหาหนังสือ How to teach your baby to read มาอ่าน หรือไม่ก็ตามเวบนี้ก็มี

//www.childandme.com/glenn-domans-method-teaching-baby-read-brief/

โดแมนเน้นนักเน้นหนาว่า ห้ามทดสอบลูกเป็นอันขาด เพราะเขาเชื่อว่าเด็กเล็กๆอยากรู้อยากเห็นอยากเรียนรู้แต่เกลียดการทดสอบมากๆ เพราะเด็กน้อยๆก็เหมือนผู้ใหญ่อย่างเรา เพราะการทดสอบเนี่ยมันต่างกันกับการเรียนรู้โดยสิ้นเชิง มันเครียดดดดดดดดดดดด การสอนลูกน้อยหอยสังข์ก็เหมือนกับการให้ของขวัญชิ้นโบว์แดง การทดสอบก็เหมือยกับการขอให้ลูกจ่ายตังค์ค่าของขวัญชิ้นนั้นมาล่วงหน้านั่นเอง............... แต่เจคอบก็โดนทดสอบประจำ อิอิ แต่มันต้องมีทริกบ้าง อย่างเจคอบมาช่วยแม่เก็บบัตรคำหน่อย แม่หา Dog ไม่เจอ Dog อยู่ไหน เอามาให้แม่หน่อย.....ถ้าไปหยิบมาถูกเเปลว่าอ่านได้ อะไรเงี้ย ฮ่าๆๆๆ




 

Create Date : 25 กันยายน 2554    
Last Update : 25 กันยายน 2554 10:12:01 น.
Counter : 626 Pageviews.  

TweedleWink บทสรุปวิธีการสอนโดยกระตุ้นสมองซีกขวาและมอนเตสซอรี่

ความจริงมีโปรแกรมของเด็กตั้งแต่แรกเกิดถึง 6 ขวบ แต่เจคอบตอนนี้เกือบสองขวบละ วันนี้งัดเอาสรุปโปรแกรมของเด็กวัยเดียวกับเจคอบมาเเปะละกัน

TweedleWink Program Overview for infant-toddler (-/+19-27 เดือน)

ลักษณะโดยทั่วไปของเด็กวัยนี้
- เคลื่อนไหวไปมา และ สื่อสารกับเราได้
- โหยหาอยากสำรวจโน่นนี่อยู่ตลอดเวลา แล้วก็อยากเป็นตัวของตัวเองเหลือเกิ๊นนน
- ตอบรับคำสั่งได้
- จับคู่ของที่เหมือนกันได้
- สามารถจับดินสอได้
- สมาธิยังน้อยอยู่ (ประมาณไม่เกิน 15 นาที)
- ชอบเล่นบทบาทสมมติ

การสือสาร (แม่ถึงลูก)
- ป้อนคำถาม
- สนับสนุนการตอบรับที่สร้างสรรค์และเป็นเหตุเป็นผล

การสื่อสาร (ลูกถึงแม่)
- พูด
- ถาม
- วาด

เทคนิคการสอน
1) สร้างสมองซีกขวาโดย LOVE,IMAGE,FLASH,
2) เชื่อมสมองทั้งสองซีกโดย TALK,TRACK,MOVE
3) สร้างสมองซีกซ้ายโดย THINK,DRAW,DO

ความสมดุลของ right brain input(RB) & left brain output(LB); 80% RB vs 20% LB

ข้อแนะนำในการสอนแบบอ่อนโยน ; gentle learning guidelines
- ระยะเวลาที่สอนคือ 30 นาที อาจเเบ่งเป็น 2 ครั้ง ครั้งละ 15 นาที
- ดูวิดีโอเเบบมีสาระหน่อย 120 นาทีต่อวัน
- เปิดคนตรีคลอเป็นเเบล็ดการ์ว 180 นาทีต่อวัน

การจัดสิ่งแวดล้อม
- หาซื้อเสต็บมาให้ยืนเวลาไช้อ่างล้างหน้า ล้างมืออะไรก็ว่าไป จุดประสงค์เพื่อเสริมความเป็นตัวของตัวเอง
- ให้เล่นทราย เล่นน้ำ โดยที่แม่ต้องคอยดูอยู่ด้วย
- มีโต๊ะทำกิจกรรมงานฝีมือ
- มุมอ่านหนังสือ
- จัดหาโต๊ะเก้าอี้สำหรับเด็กให้นั่ง
- กระดานชอล์ค
- ชั้นวางของเล่น/ลิ้นชัที่มีป้ายบอกว่าอะไรเป็นอะไร
- เล่นนอกบ้าน/เล่นบทบาทสมมติ

อุปกรณ์พื้นฐาน
- อุปกรณ์หรือของเล่นตักๆเทๆ ต่อๆ เติมๆ ทั้งหลายแหล่ของมอนเตส
- สมุดภาพระบายสี
- ดินสอเหมาะมือเด็กเล็ก
- บทเรียนการจับคู่
- หุ่นมือ
- ตัว ABC ที่เป็นแม่เหล็ก

สรุปแล้ว เราก็ทำบ้างไม่ทำบ้าง ทำได้ไม่หมดเพราะผู้อุปการะคุณไม่อนุมัติงบบ้าง คุณครูแม่เลือดจะไปลมจะมาบ้าง นักเรียนลูกแว๊กบ้าง...แต่ก็นะ สบายๆ ทำกันไปวันๆ เล่นกันไปวันๆ




 

Create Date : 25 กันยายน 2554    
Last Update : 25 กันยายน 2554 10:10:21 น.
Counter : 587 Pageviews.  

สอนลูกตามหลักของ เกล็น โดแมน (Glenn Doman)

เกล็น โดแมน...ใครกันเนี่ย...ง่ายๆเลยคือบัตรคำทั้งหลายแหล่ที่มีขายอยู่ตอนนี้ก็มาเกิดจากจากโดแมนนั่นเอง โดแมนเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการพัฒนาสมองของเด็กเล็ก โดยเฉพาะเด็กอายุตั้งแต่ 0-3 ปี ตัวเราเองรู้จักโดแมนเพราะแม่ๆจากเวบ mamycenter คุยกันเรื่องการสอนคณิตให้ลูก แล้วมีแม่ท่านหนึ่งพูดถึงการสอนคณิตให้เด็กโดยใช้วิธีของโดแมน หลังจากนั้นเราก็ได้ลองค้นข้อมูล และได้ข้อมูลเกี่ยวกับโดแมนและวิธีสอนของเค้าเยอะมากๆ จนในที่สุดได้ซื้อหนังสือมาสองเล่มคือ How to teach your baby Math และ How to teach your baby to read

พอได้อ่านแล้ว ทำให้เรารู้สึกชอบหลักการของโดแมนมาก เพราะเป็นวิธีสอนที่อ่อนโยน และเน้นลูกเป็นจุดศูนย์กลาง โดยสรุปแล้ววิธีสอนลูกเเบบโดแมนๆก็คือ

1) เริ่มสอนตั้งแต่ลูกยังอายุน้อยๆ บางคนเริ่มตั้งแต่เเรกเกิด สามเดือน สี่เดือน ห้าเดือน....ยิ่งเริ่มไวเท่าไหร่ยิ่งได้ผลดีเท่านั้น เรารู้สึกเสียดายที่รู้จักโดแมนช้าไป มาเริ่มสอนเอาก็ลูกปาเข้าไปขวบครึ่งแล้ว....
2) ทำให้สนุกสนานตลอดเวลา
3) respect ลูกเราด้วย
4) สอนเมื่อลูกอารมณ์ดีมีความสุข
5) ให้ดูอุปกรณ์ที่ใช้สอนอย่างรวดเร็ว ไม่ใช่บัตรคำอันหนึ่งให้ดูเป็นนาที อย่างนี้เด็กจะเบื่อหมดความสนใจ ไม่ต้องกลัวว่าถ้าให้ดูเร็วไปเค้าจะจำไม่ได้
6) นำเสนออุปกรณ์ใหม่บ่อยๆ
7) ไม่ว่าจะสอนอะไรก็แล้วแต่..เราต้องทำอย่างสม่ำเสมอ
8) เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อมและต้อง stay ahead ด้วย
9) จำไว้เสมอว่า ถ้าสอนอะไรก็แล้วแต่ แล้วทำให้เราเครียดไม่สนุก ลูกไม่อยากทำ ไม่สนุก...ให้หยุดซะ เพราะว่าเรากำลังทำบางอย่างผิดไป

อีกอย่างคือ....เวลาสอนต้องจำไว้ว่า

หยุดทำกิจกรรมก่อนที่ลูกอยากจะหยุด

และ

ห้ามทดสอบลูกเป็นอันขาด นอกจากจะห้ามตัวเราเองแล้วต้องห้ามคนอื่น อย่าให้เค้ามาทดสอบลูกเรา
(ข้อนี้ทำยากนะ เพราะมันอยากได้ฟีดเเบกนิ ว่าที่สอนๆไปน่ะ ลูกรู้เรื่องหรือเปล่า ถ้ามีแววว่าเก็ท จะได้มีกำลังใจฮึดต่อไง อิอิ)

อ้อ เพิ่มเติมอีกนิดส์...รูจัก shichida กันใช่ป่ะ ค่าเรียนเเพงระเบิดระเบ้อ...ความจริงอาจารย์ shichida เนี่ยก็เป็นศิษย์โดแมนนะ แต่เรียนไม่จบ ดร็อปออกไปก่อน ทีนี่รู้ยังว่าใครเป็น real master อิอิ (ข้อมูลจากแม่ๆในเวบบล็อกซักแห่งจำไม่ได้แล้ว)




 

Create Date : 25 กันยายน 2554    
Last Update : 25 กันยายน 2554 10:08:06 น.
Counter : 2012 Pageviews.  


shajos
Location :
Brampton, ON Canada

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]




เป็นแม่คนหนึ่งที่เชื่อใน early learning ไม่ได้หวังว่าจะสร้างเด็กอัจริยะหรืออะไร จุดมุ่งหมายในการสร้างบล็อกนี้ขึ้นมาคือ.....เพื่อบันทึกเรื่องราวต่างๆของเราและลูก อยากช่วยให้ลูกทำทุกอย่างได้เต็มความสามารถ อยากช่วยให้เค้าค้นพบจุดด้วยและจุดแข็งของตัวเอง อยากช่วยให้เค้าเป้นคนที่มีความสุข และค้นพบความต้องการของตัวเองได้และใช้ชีวิตอย่างมีความสุข
Photobucket

Friends' blogs
[Add shajos's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.